ตอนที่แล้วGE257 เรือนม่านพิรุณ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE259 มันคือซัวหมิง [ฟรี]

GE258 ลู่เป่ยขึ้นประลอง [ฟรี]


เหล่าทหารของลู่ตู้เฉินนำหน้าไม้เล็งไปยังจิงหยุน หน้าไม้เหล่านั้นชายชราเป็นผู้สร้างมันกับมือ โดยที่พวกมันทรงพลังพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นได้

แม้จิงหยุนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แต่หากมันโดนยิงหลายๆนัด มันย่อมบาดเจ็บ

จิงหยุนไม่กลัวเหล่าทหารที่เล็งหน้าไม้มา เพราะมันมั่นใจว่าชายชราไม่กล้าสั่งยิง เพราะพวกมันมาจากแดนสวรรค์อสูร และเป็นผู้ที่ปลุกโลหิตอสูรโบราณได้

ลี่ป่านเองก็เช่นกัน มันปลุกโลหิตของมังกรอัสนีได้ 1 หยดครึ่ง

หากพวกมันตาย อสูรในแดนวิญญาณอสูรไม่ยอมอยู่เฉยแน่

จิงหยุนจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาเย้ยหยัน ก่อนจะเคลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่สนมอสูร

แต่ทันใดนั้นเอง แววตาของมันก็เปลี่ยนไป มันป้องมือคารวะ

“ผู้น้อยจิงหยุนคารวะจักรพรรดินีสนมอสูร!”

“อืม” หน้าพยักหน้าเล็กน้อย

เดิมทีมันไม่รู้จักสนมอสูร แต่ผู้นำเผ่าเพลิงได้บอกไว้ว่านางเป็นใคร

แท้จริงแล้วนางไม่ใช้ผู้นำเรือนม่านหมอก แต่นางคือราชาอสูรแห่งตำหนักราชาในแดนวิญญาณอสูร

ตำหนักราชาอสูรคือหนึ่งในเผ่าอสูรโบราณ แต่มีน้อยคนที่รู้จัก

ผู้นำเผ่าเพลิงได้บอกกล่าวกับจิงหยุนว่า การที่สนมปีศาจยังรั้งอยู่ในเมือง เพราะนางมีเหตุผล 2 สิ่ง

อย่างแรกคือนางจะพาลู่ตู้เฉินขึ้นไปตำหนักราชาอสูร ชายชราเป็นผู้มีความสามารถและเก่งกาจอย่างที่ตำหนักอสูรกำลังต้องการ

เป้าหมายที่สองคือเข้าสู่แดนสาม เพื่อเก็บสิ่งที่เรียกว่า ‘ดาราจักรพรรดิ’ หากนางนำไปได้ นางจะได้รับความดีความชอบไม่น้อย

แต่เรื่องดาราจักรพรรดินั้น นางไม่ได้เร่งร้อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือช่วยให้ลู่ตู้เฉินบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง และจึงพาไปแดนสวรรค์

ทั้งหมดนั้นเกิดเป็นความโยงกันขึ้น หากชายชราใจร้อนและลงมือกับจิงหยุน ชายชราก็จะหมดสิทธิ์ได้ไปแดนวิญญาณอสูร

แต่ลู่ซาน ที่อยู่ด้านหลังชายชราเผยกลิ่นอายที่รุนแรง ราวกับอยากสังหารคนของเผ่าเพลิงทิ้ง

แต่ลู่ตู้เฉินกระแอมและยกมือห้ามไว้ เหล่าทหารจึงลดหน้าไม้ลง

“พวกเจ้าถอยไปก่อน อย่าได้เสียมารยาทกับท่านเหล่านี้!”

“ขอรับ!” เหล่าทหารถอนตัวไปเงียบๆ

ลู่ซานไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่นี่เป็นดินแดนของมัน แต่กลับต้องทนก้มหัวให้ผู้มาเยือน

มันจ้องมองลู่ตู้เฉินด้วยแววตาโกรธเคือง มันไม่อยากให้ชายชราแสดงความอ่อนแอ

“ลู่ซานนั่งลง!”

“แต่...” สุดท้ายมันก็ยอมนั่งลงด้วยความไม่พอใจ

คนอื่นๆผ่อนคลายลงมาก โชคดีแล้วที่ไม่เกิดเรื่องขึ้น เมืองลั่วหยุนจึงจะพ้นภัย

ลู่ตู้เฉิน นำหนังสัตว์แผ่นหนึ่งออกมา เมื่อได้เห็น แววตาของอสูรเผ่าเพลิงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

หนิงฝานเองก็เช่นกัน

แผ่นหนังสัตว์ที่ชายชรานำออกมานั้น มีบางสิ่งสลักอยู่ นอกจากนี้ มันยังแผ่กลิ่นอายที่ทรงพลังจนทำให้สนมอสูรที่อยู่ไม่ไกลหวาดกลัว

“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ! ลู่ตู้เฉิน ส่งมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” จิงหยุนลุกยืนแล้วเอื้อมมือคว้าจับ

แต่แววตาลู่ตู้เฉินแปรเปลี่ยนเย็นชา ตาซ้ายปรากฏดาราอสูรสีขาว

สีหน้าจิงหยุนแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันเร่งถอยห่าง เหงื่อเม็ดโตผุดออกจากหน้าผาก

“ดาราอสูร!”

ดาราอสูรที่ชายชรามีทรงพลังขนาดสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นให้ตายได้ในพริบตา

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร! คิดกล้าวางอำนาจบาดใหญ่… ข้าไม่มีวันมอบให้เจ้าหรอก!”

พลังของชายชราปะทุ จิงหยุนถูกกระแทกถอย 3 ก้าวทั้งกระอักโลหิต แววตาแปรเปลี่ยนหวาดกลัว

นี่คือพลังของหัวหน้าเผ่าลั่วหยุน

ชายชรานั้นแข็งแกร่ง แต่ด้วยที่ชายชรารักสงบ ไม่ค่อยได้แสดงฝีมือ ภาพลักของชายชราจึงเปลื่ยนไป

การปรากฏขึ้นของเนตรดาราอสูร ทำให้เผ่าเพลิงหวาดกลัว แม้พวกมันจะมาจากแดนวิญญาณอสูร แต่ก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้

จิงหยุนกลืนน้ำลาย หากไม่เพราะมันมีเผ่าอสูรเบื้องบนหนุนหลัง มันอาจถูกชายชราสังหารไปแล้ว

“ข้าเสียมารยาทแล้ว… ขอท่านใหญ่อภัยข้าด้วย!” จิงหยุนขบฟันป้องมือกล่าว

“ให้อภัย? ฮึ่ม ไปบอกลู่เจี่ยเฟินให้ส่งแขก! ข้าไม่มีทางมอบวิธีเข้าสู่แดนสามให้มันเด็ดขาด และมันจะไม่ได้ดาราจักรพรรดิอย่างที่หวัง!”

ชายชราถอนแรงกดดันพลางหันมองหนิงฝาน

ชายชรามองหนิงฝานด้วยแววตาชื่นชม

ชายชราชมที่หนิงฝานไม่ได้หวั่นไหวกับดาราจักรพรรดิ เขายังคงนั่งนิ่งราวกับขุนเขาตระหง่าน

จิตใจของหนิงฝานไม่ธรรมดา แม้จะเป็นมนุษย์แต่กลับไม่เกรงกลัวเผ่าอสูร ทั้งยังกล้าบุกเข้ามาถึงที่นี่ คนเช่นนี้เหมาะให้ร่วมมือด้วยที่สุด

หนิงฝานอยากได้วิธีเข้าสู่แดนสาม แต่หากจะให้ชิงจากมือชายชราก็เป็นไปไม่ได้ ชายชรานั้นแข็งแกร่งไม่ควรยั่วยุ...

อสูรที่อยู่ในแดนสองนี้มีหน้าที่ปกป้องคุ้มกันอสูรไร้ดัดแปลงที่หลับไป

แต่ในหมู่เผ่าทั้ง 9 ที่นี่ พวกมันเข่นฆ่ากันทุกวัน ราวกับลืมเลือนหน้าที่

นอกจากนี้ จิงหยุนที่มายังเคยเรียกอสูรไรดัดแปลงว่าอสูรชั่วร้าย และยังคิดช่วงชิงดาราจักรพรรดิ

“ลู่ตู้เฉินต้องการให้ข้าร่วมมือทำบางสิ่ง… มันมีเจตนาอะไรกันแน่… มันรู้ว่าข้าจะเข้าแดนสาม รู้ว่าข้าไม่ใช่ลู่เป่ยหรือเผ่าอสูร แต่มันยังจะคิดร่วมมือกับข้า… หรือมันต้องการสังหารอสูรไร้ดัดแปลง? แต่สมควรเป็นเรื่องอื่น”

หนิงฝานยังเดาไม่ถูก

ในขณะที่หนิงฝานขบคิดอยู่นั้น สนมอสูรก็ลุกขึ้น

นางหันมาสัมผัสใบหน้าหนิงฝานอย่างจงใจ จนกลิ่นหอมจากมือนางหลงเหลืออยู่บนใบหน้าของเขา

“ท่านพี่ ท่านทำอะไร...”

ว่านเอ๋อร์ตกใจจนลุกยืนและพยายามจะห้ามสนมอสูร แต่หนิงฝานจับแขนนางไว้

“เด็กโง่… นางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง ในที่นี่ไม่มีใครกล้าทำอะไรนางหรอก”

“ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง!” ว่านเอ๋อร์ตกตะลึง นางมองอีกฝ่ายเหมือนพี่สาว ไม่ได้คิดอะไร

สนมอสูรหันหน้ามากล่าวกับว่านเอ๋อร์และยิ้มอย่างงดงาม

“ข้าขอโทษที่ต้องปิดบังเจ้า… ข้าคืออสูรแห่งแดนสวรรค์ฝั่งโลกที่ตื่นขึ้น เป็นคนของตำหนักราชาวิญญาณ และเป็นผู้นำเรือนม่านพิรุณของที่นี่… ข้าไม่ได้ชื่อแซ่ คนอื่นๆเรียกข้าว่าวู่หยาน ส่วนเจ้าจะเรียกข้าว่าท่านพี่เหมือนเดิมก็ได้”

“ท่านพี่...” ขณะที่นางกำลังจะกล่าวถาม หนิงฝานกลับเตือนไม่ให้นางกล่าวต่อ

“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้ดูก่อนว่านางจะทำอะไร”

หนิงฝานเองก็มีคำถามมากมาย แต่เขาไม่พูด

เขาขบคิด หากนางที่สนิทสนมกับว่านเอ๋อร์และพาว่านเอ๋อร์ไปแดนสวรรค์ได้ก็ดี แบบนั้นว่านเอ๋อร์จะปลอดภัยมากกว่า

การเปิดเผยตัวตนของนางทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตกตะลึง สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ข้าเคย”

สนมอสูรนำบางสิ่งออกมา มีลักษณะเป็นเหรียญสีน้ำเงิน เมื่อทุกคนได้เห็นเหรียญ สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ป้ายคำสั่งราชาวิญญาณ”

“พวกเจ้าทุกตนคือลูกหลานของท่านลู่ แม้ท่านจะกลายเป็นอสูรชั่วร้ายแต่ไม่นับเป็นอันใด… จิงหยุน รีบไสหัวกลับไปได้แล้ว”

จิงหยุนป้องมือกล่าว

“จักรพรรดินี! ที่ท่านมาที่นี่สมควรเป็นเพราะดาราจักรพรรดิ… นายท่านของข้ากล่าวว่า หากท่านร่วมมือกับเรา ดาราจักรพรรดิเป็นของท่าน หากท่านนำกลับไป ท่านจะได้ความดีความชอบไม่น้อย”

ยามนี้ไม่ว่าผู้ใดต่างก็มีเป้าหมายคือดาราจักรพรรดิ

นางนิ่งเหตุเงียบราวกับกำลังขบคิด

ไม่ช้าก็เร็วทางเข้าสู่แดนสวรรค์จะเปิดออก อสูรที่หลับไหลไม่อาจหลับไหลได้ตลอดการ

“ท่านไม่ต้องคิดมากนักหรอก ยังไงซะสักวัน ประตูสู่แดนสามก็ต้องเปิด” ลู่ตู้ฉานหอหายใจ

“ข้าลู่ตุ้เฉินแห่งเผ่าลั่วหยุน แม้นายท่านจะแปรเปลี่ยน แต่ความภักดีข้ายังไม่เปลี่ยน… ประตูสู่แดนสามสักวันก็ต้องเปิด แต่ไม่ใช่เปิดเพราะเผ่าเพลิง ต้องเป็นเผ่าลั่วหยุนของข้า”

“จิงหยุน… ตามกฏดั้งเดิมแล้ว หากตัดสินกันด้วยตำพูดไม่ได้ ก็ต้องวัดกันด้วยความแข็งแกร่ง”

“เช่นนั้นเรามาต่อสู้เพื่อเดิมพันธ์ หากเจ้าชนะ...ข้าจะมอบสิ่งที่เจ้าต้องการให้ แต่หากข้าชนะ เจ้าต้องมอบสิ่งที่เจ้ามีให้”

“การต่อสู้ในครั้งนี้คือการต่อสู้ถึงตาย ไม่ว่าผู้ใดตายก็ห้ามเอาเรื่อง” ลู่ตู้เฉินกล่าว

จิงหยุนไม่กล้ารับปาก เพราะเรื่องนี้มันไม่อาจตัดสินใจ

อีกอย่างการต่อสู้ พวกมันไม่มีหนทางชนะหากลู่ตู้เฉินเข้าร่วมด้วย

จิงหยุนหันมองหนิงฝาน มันหวังให้หนิงฝานชิงแผ่นหนังสัตว์มาให้

ไม่นานนัก เมฆสีแดงปกคลุมท้องนภา บดบังแสงอาทิตย์

“ลู่ตู้เฉิน การเดิมนี้จิงหยุนไม่อาจตัดสินใจได้ แต่ข้าทำได้! ข้าจะต่อสู้เดิมพันธ์กับเจ้าโดยมีแผนที่เป็นรางวัล!”

แรงกดดันขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงปรากฏ

เงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏตัว… ผู้ที่มาคือผู้นำเผ่าเพลิง ‘ลู่เจี่ยเฟิน’

“ข้ายังไม่บรรลุระดับเดียวกับเจ้า จึงสู้เจ้าไม่ได้… แต่ในฐานที่เราเป็นผู้นำเผ่าทั้งคู่ สมควรให้นายกองในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นหรือต่ำกว่ามาต่อสู้เดิมพันแทน กำหนดจำนวนฝ่ายละ 3 คน… ข้ามีนายกองที่ 4… 6… และ 8… เข้าประลอง ข้าหวังว่าเจ้าจะใจกล้ารับคำท้า”

“ลู่ฉิง… ลู่ซาน… ลู่เป่ย...” ลู่เจี่ยเฟินขบคิด

สองคนแรกมันไม่กังวล แต่คนที่ 3 นั้น แม้ไม่ได้บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ แต่สามารถสังหารผุ้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้

ดูเหมือนการเดิมพันในครั้งนี้มันจะเสียเปรียบกระทั่งไม่เห็นหนทางชนะ เพราะตัวแปรอย่างลู่เป่ยเพียงคนเดียว

เมื่อขบคิดจนได้ข้อสรุปแล้ว มันก็ยิ้มพลางกล่าว

“ดี! ข้าเดิมพัน… ลี่ป่าน จินฉวน จิงหยุน ขึ้นเวที!”

ลู่เจี่ยเฟินทำมือคว้าจับ เปลวเพลิงที่รุนแรงก่อตัวเป้นเวทีประลอง

“ฮึ่ม!” จินฉวนและลี่ป่านไม่พอใจที่ต้องมาเกี่ยวข้อง แต่หากเอาชนะและได้แผนที่มา พวกมันก็ต้องยอม

พวกมันทั้ง 3 เร่งทะยานขึ้นไปบนเวที พวกมันไม่กล้าขัดคำสั่ง

ก่อนหน้านี้ที่พวกมันไม่กล้ารับเดิมพัน เพราะกลัวว่าลู่ตู้เฉินจะลงมือ แต่ยามนี้ มันมั่นใจ 9 ส่วนว่าจะเอาชนะได้

แม้อีกฝ่ายจะมีลู่เป่ย พวกมันก็ยังมั่นใจว่าจะเอาชนะได้

ยามนี้แขกเหรื่อในงานหยุดดื่มกิน และล้มวงเข้ามาดูการเดิมพัน ยามนี้จะเป็นการต่อสู้ในระดับนายกอง ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็น ยิ่งเป็นการประลองถึงชีวิต ยิ่งทำให้น่าดูมากขึ้น

ลู่ตู้เฉินลุกยืนและบอกกล่าว

“วันนี้เราต้องแสดงความแข็งแกร่งของเผ่าให้ได้ประจักษ์… พวกเจ้าทั้ง 3 ขึ้นเวที!”

“ขอรับ!” ลู่ฉิงและลู่ซานกล่าว พวกมันอยากสู้เต็มที่แล้ว

แต่หนิงฝานยังคงยืนนิ่ง “ข้าไม่สู้”

ชายชราไม่มีอะไรตอบแทน เหตุใดหนิงฝานต้องช่วยเหลือ?

“ถึงจะสู้ชนะไป แผนที่ที่ได้มาก็เป็นของท่านคนเดียวอยู่ดี”

ทุกคนเข้าใจว่า สิ่งที่ชายชราต้องการคือแผนที่ในส่วนที่เผ่าเพลิงมีอยู่ บางทีอาจเหตุผลมากว่านั้น

ชายชราต้องการอะไร?

แต่ไม่นานหนิงฝานก็พอจะเดาออก ว่าสิ่งที่มันต้องการอาจเป็นโลหิตของอสูรไร้ดัดแปลง… แต่ทั้งหมดนั้นก็คาดเดา

ชายชราหว่านล้อมหนิงฝานด้วยบางอย่าง และเขาก็ดูเหมือนจะรับได้

ลี่ป่าน เจตนาสังหารของหนิงฝานเพิ่มพูน เขากวาดตามองพวก ยามนี้ เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกมัน

“รอบแรกข้าขอก่อน… จิงหยุน เจ้ามาสู้กับข้า!”

ลู่ซานก้าวออกมากลางเวที แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะสู้

“ลู่ซาน เจ้าไม่ใช่คู่มือข้าหรอก!” จิงหยุนออกมากลางเวที

“เดี๋ยวก็รู้!” ลู่ซานกล่าว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด