ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0226 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0228 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0227 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 227 : สังหาร

ผู้อาวุโสจากตำหนักตะวันตกแค่นเสียง “การต่อสู้เช่นนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง การเอาตัวรอดและการแข่งขัน ทั้งสองเป็นประสบการณ์โหดร้ายที่พวกเขาต้องฝ่าฟัน! ฉินหยุนและคณะกระทั่งสังหารสัตว์อสูรระดับเก้า ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องรับมือศิษย์สี่คนระดับแปดได้ ด้วยเหตุนี้ เปิดประตูหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใด พวกเขาสามารถรับมือได้”

ตำหนักตะวันตกเป็นปรปักษ์ต่อฉินหยุน กระทั่งว่ามีความแค้นใหญ่หลวง ชัดเจนว่าพวกเขาไม่คิดช่วยเหลือฉินหยุนอย่างแน่นอน

หลันเฟิงจินแทบบันดาลโทสะออกโดยการพุ่งเข้าหาเชี่ยวหยางหลง โชคดีที่ผู้อาวุโสหลายท่านรั้งนางเอาไว้

เมื่อซุนจินเฮ่าและคณะตระหนักว่าเป็นพวกฉินหยุน พวกเขาจึงเริ่มปิดล้อมโดยทันที

เสียงของฉินหยุนเปี่ยมด้วยความโกรธขณะน้ำเสียงเผยความเย็นชา “ซุนจินเฮ่า พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

เสวี้ยซือเยี่ยเมื่อครู่ใช้พลังไปมาก ตอนนี้นางยังไม่อาจฟื้นฟูได้โดยเร็ว พละกำลังของหน่วยเขาเท่ากับขาดไปหนึ่งคน แทบไม่มีโอกาสชนะซุนจินเฮ่าที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด

“อะไรงั้นหรือ? แน่นอนว่าย่อมต้องมาเพื่อให้พวกเจ้าได้รู้ถึงความโหดเหี้ยมของการแข่งกัน เจ้าเพิ่งสังหารสัตว์อสูรระดับที่เก้าไปนี่? พวกมันทรงพลังนัก แต่ต่อหน้าพวกเรา ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก” ซุนจินเฮ่าเผยดวงตาเหี้ยมโหด ทุกคนล้วนเห็นถึงจิตสังหารที่แฝงอยู่

ซุนจินเฮ่าโดนฉินหยุนทำร้ายต่อหน้าฝูงชนถึงสองครั้งครา ถือเป็นการหยามเกียรติอย่างรุนแรง

ไม่ว่าจะคิดถึงเรื่องนี้เมื่อใด ความโกรธภายในจะแทบทะลักออก

“ฉินหยุน วันนี้ ข้าจะทำให้ชีวิตของเจ้าเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย! อย่าได้คิดว่าจะมีผู้อื่นมาช่วยเหลือเจ้า ในสถานที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ต่อให้เจ้าตาย ก็ต้องโดนคิดว่าเป็นสัตว์อสูรสังหาร” ซุนจินเฮ่าระเบิดเสียงหัวเราะออก

เด็กหนุ่มผมสีแดงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดพลันเข้าโจมตี ด้วยกระบี่ยาวในมือ มันกำลังสับฟันที่ฮั่วจง

ฮั่วจงเดือดดาล ไม้คทายาวในมือเขาตวัดออกต้านรับเด็กหนุ่ม

ไม้คทายาวเปี่ยมด้วยพละกำลังมหาศาล เมื่อหวดฟาดออก เกิดขึ้นเป็นลมพายุทำลายกระบี่ยาวของเด็กหนุ่ม

พละกำลังชวนสะพรึงนี้ทำเอาหลายผู้คนตื่นตะลึง เขาถึงขั้นรับมือกำลังภายในของขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดได้โดยไม่ยากเย็น!

มู่หรงต้าเหรินตกอยู่ภายใต้การโจมตีเช่นกัน พัดในมือโบกสะบัด ยิงออกซึ่งบอลแสงสีแดงแปลกประหลาดเข้าใส่ร่างเด็กหนุ่ม ไม่ช้า มันจุดขึ้นเป็นอัคคีเพลิง

ซุนจินเฮ่ามึนงงไปวูบ เขาไม่คิดว่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดจะทรงพลังได้เพียงนี้ ทว่า เขาก็หาได้กังวลไม่ เพราะผู้คนของเขามีกำลังมากพอให้บดขยี้ศัตรู

ฉินหยุนเพียงเพิ่งคว้ายันต์ออก หมัดของซุนจินเฮ่าก็ทะยานมาพร้อมบอลเปลวเพลิงสีทองขาวลุกโชนทั้งสอง แปรเปลี่ยนเป็นหัวพยัคฆ์ซึ่งประกอบขึ้นจากวัชระวิญญาณยุทธ์และกำลังภายใน

หมัดของซุนจินเฮ่าแปรเปลี่ยนเป็นพยัคฆ์ทองขาว ปลดปล่อยเสียงคำรามร้องชวนสะพรึง ออร่าสะกดข่มแปรเปลี่ยนเป็นสายลมพัดคิดฉีกกระชาก!

“อย่าได้ทำร้ายเสวี้ยซือเยี่ย ไม่เช่นนี้คืนนี้พวกเราจะไม่มีอะไรสนุกให้ได้ทำ! ฮ่าฮ่าฮ่า!” ซุนจินเฮ่าหัวเราะชั่วช้า

ฉินหยุนโกรธแค้นทันทีเมื่อได้ยินคำของซุนจินเฮ่า เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดสกปรกต่ำช้าเพียงนี้ เสวี้ยซือเยี่ยยังพักผ่อนอยู่ที่พื้น กระนั้นนางยังโกรธแค้นจนใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาสีม่วงของนางราวกับจะพ่นเปลวเพลิงสีม่วงออกมาได้

ตึก ตึก ตึก!

เสียงฝีเท้าซุนจินเฮ่าทะยานเข้ามาจากระยะไกล ราวพยัคฆ์คิดขย้ำเหยื่อ หมัดหัวพยัคฆ์คือสิ่งชวนให้สะพรึง ขณะมันคำรามร้องกราดเกรี้ยว ออร่ารุนแรงจึงไหลทะลักเข้าปกคลุมคู่ต่อสู้

ฉินหยุนขว้างปายันต์สะกดกายในมือ พลังโปร่งแสงระเบิดออกปกคลุมร่างซุนจินเฮ่าเอาไว้

ซุนจินเฮ่าขณะกำลังทะยานกาย ร่างกายแข็งทื่อ ราวกับพื้นแผ่นดินดูดกลืนร่าง ไม่อาจขยับได้

ถัดจากนั้น ฉินหยุนโยนยันต์อัคคีออกอีกแผ่น เปลวเพลิงลุกท่วมซุนจินเฮ่า

“เป็นยันต์สะกดกาย!” ฉ่วยอี้ฮวยเผยความตื่นตะลึง “นี่เขารู้จักผังจารึกเช่นนี้ด้วยหรือ? มันเป็นผังจารึกที่พิเศษยิ่ง! เช่นนี้ซุนจินเฮ่ามีเพียงความตายรอคอยแล้ว”

ยันต์สะกดกายถือว่าหาได้ยากยิ่ง เป็นผลให้ความโกลาหลเกิดขึ้นในลานกว้าง สีหน้าเชี่ยวหยางหลงยิ่งน่าเกลียด

พร้อมกันนี้ ฮั่วจง มู่หรงต้าเหริน ทั้งสองจึงโยนยันต์สะกดกายตอนตนออกเข้าหาศัตรู

ทุกคนล้วนจับจ้องเคร่งเครียดที่ผนังหินผลึกแก้ว รับชมการต่อสู้ดุเดือดที่ถ่ายทอดเข้ามา พวกเขาแทบคาดเดาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้!

หลังขว้างปายันต์อัคคีออก ฉินหยุนจุดเปลวเพลิงขึ้น ด้วยแรงระเบิดพลัง เขาปล่อยหมัดเข้าปะทะศีรษะซุนจินเฮ่า เมื่ออีกฝ่ายไร้ซึ่งสติ เขาจึงแยกเอาวิญญาณยุทธ์พยัคฆ์อัคคีระดับแพลทินัมออก

“อ๊าก!” ซุนจินเฮ่ากรีดร้องน่าสังเวช ขณะที่ทุกคนเห็นเพียงแต่เปลวเพลิง พวกเขาไม่ทราบว่าภายในเกิดเรื่องราวใดขึ้น

หลังจากเปลวเพลิงเลือนหาย ฉินหยุนก็เสร็จงานไปแล้ว กระบี่ของเขาตอนนี้ใช้งานผ่านวิชาวายุสังหารหกกระบวน ปลดปล่อยเปลวเพลิงสีทองม่วงแรงกล้าสับฟันออก

ด้วยเสียง “ฉัวะ ฉัวะ” ดังขึ้นขณะสับฟันออกไป คมดาบประจุด้วยเปลวเพลิงสีทองม่วงภายใน พร้อมกันนี้ ร่างซุนจินเฮ่าถูกสับออกเป็นแปดท่อน ก่อนจะถูกเปลวเพลิงเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน!

ฉินหยุนหลังจัดการซุนจินเฮ่าเสร็จ จึงขว้างยันต์สะกดกายเข้าหาชายในชุดดำที่กำลังพุ่งเข้าหาเสวี้ยซือเยี่ย

เมื่อชายคนนั้นร่างแข็งทื่อ เสวี้ยซือเยี่ยจึงปลดปล่อยคมเคียวของนางออก ด้วยคมเคียวไหววูบราวเงาพาดผ่าน บาดแผลนับไม่ถ้วนปรากฏบนร่างของชายคนนั้น

ฉินหยุนจุดยันต์อัคคีขึ้น เผาร่างเด็กหนุ่มชุดดำเป็นเถ้าถ่าน

การต่อสู้ฟากฝั่งมู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงจบแล้วเช่นกัน เด็กหนุ่มทั้งสองขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับแปด ตายด้วยสภาพน่าสังเวช

เด็กหนุ่มทั้งสี่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ไม่อาจแม้กระทั่งยืนหยัดรับการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง ด้วยการโจมตีของขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดสามคน พวกเขาเสียชีวิตรวดเร็วยิ่งกว่ายามปะทะสัตว์อสูรระดับแปดด้วยซ้ำ

ศิษย์หลายร้อยคน และอาจารย์หลายท่านในล้านกว้าง ล้วนอดไม่ได้ สูดลมหายใจเข้าลึกกันถ้วนหน้า

ความโกรธของหลันเฟิงจินค่อยสงบลง สายตาจับจ้องเปลวเพลิงที่ลุกโชนบนผนังผนึกแก้ว นางกล่าวโทษตนเองที่ไม่อาจสงบ จนลืมเลือนถึงยันต์สะกดกายที่ทรงอำนาจของฉินหยุนไป

หยางฉีเย่ว์จับจ้องเชี่ยวเย่ว์หลาน นางเผยรอยยิ้ม หันไปยิ้มกล่าวคำ “คนของข้ายอดเยี่ยมเสมอมา”

“เด็กหนุ่มขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดทั้งสี่ตายเช่นนี้ น่าเสียดายนัก ฉินหยุนและคณะช่างโหดเหี้ยมจริง” ผู้อาวุโสจากตำหนักตะวันตกกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเสียดาย

หลันเฟิงจินแค่นเสียง “หากฉินหยุนและคณะไม่สังหารพวกมัน ก็เป็นพวกเขาตายตก หากเจ้าเปิดประตูให้ข้าออกไป พวกมันคงไม่ต้องตายเช่นนี้ ถือว่าดีที่รั้งข้าเอาไว้!”

ผู้อาวุโสตำหนักตะวันตกพลันเงียบปาก

หลังจากฉินหยุนและคณะลงมือสังหารพวกของซุนจินเฮ่า พวกเขาพักผ่อนอยู่กับที่ชั่วระยะหนึ่ง หลันเฟิงจินไม่กังวลอื่นใดอีก นี่เป็นเพราะฉินหยุนและคณะยังมียันต์สะกดกายจำนวนมากพกติดตัวเอาไว้

แต่แล้ว ชั่วขณะนี้ คนหนึ่งตะโกนขึ้น “ดูนั่น! มีคนมาอีกแล้ว พวกเขาคิดคล้ายจะปล้นฉินหยุนและคณะเหมือนกัน!”

เมื่อฉ่วยอี้ฮวยเห็นกลุ่มคน เขากล่าวโกรธเคือง “คนพวกนั้นมาจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามของพวกเรา และยังเป็นผู้ฝึกตนมีอายุพอสมควรแล้ว พิจารณาจากชุดที่ใส่ สมควรเป็นคนของตำหนักตะวันตก!”

โฮ่วฉิงเฟิงกล่าวเย็นชา “ข้าเคยเห็นพวกนั้นมาก่อน เป็นผู้มาจากตำหนักตะวันตก ล้วนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า รับผิดชอบหน้าที่ลาดตระเวนภายนอก พวกเขาไปทำอะไรที่นั่น?”

ไปทำอะไร?

แม้ไม่มีใครตอบคำถาม ทุกคนล้วนทราบว่าต้องเป็นผู้อาวุโสตำหนักตะวันตกสั่งการให้ไปจัดการกับฉินหยุนและคณะ พวกเขาคงรับชมเรื่องราวอยู่ใกล้เคียงมาก่อนแล้ว

ข้อพิพาทระหว่างเชี่ยวหยางหลงและฉินหยุนลึกล้ำ เขายังเป็นหัวหน้าศิษย์ตำหนักตะวันตก และเป็นผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์วรยุทธ์เต๋า เขาย่อมต้องมีอิทธิพลระดับหนึ่งในตำหนักตะวันตก

มีโอกาสสูงที่ผู้ฝึกตนมีอายุเหล่านั้นซึ่งอยู่ระดับเก้า จะถูกส่งไปโดยเชี่ยวหยางหลง เหตุผลหนึ่งก็เพื่อช่วยเหลือซุนจินเฮ่าและคณะสังหารสัตว์อสูร อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อจัดการกับฉินหยุนและคณะ

เชี่ยวหยางหลงเผยใบหน้าดำมืด เขาได้แต่เงียบ ทว่าภายในใจ สบถก่นด่าคนที่วางแผนจัดการทดสอบครั้งนี้ พวกเขาไม่บอกใครเลยว่าศิษย์ที่ออกสู่ภายนอกจะถูกจับตามองและส่งภาพมาที่นี่!

ฉินหยุนและคณะไม่ทราบว่ามีหลายคนจับจ้องการต่อสู้ระหว่างพวกเขาอยู่ ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขาโจมตีอีกฝ่าย จึงไม่คิดหลงเหลือผู้รอดชีวิตไว้ กระทั่งกลบเกลื่อนร่องรอยทั้งหมดก็ด้วย

พวกเขาไม่คิด ว่าไม่เพียงแต่ศิษย์ร่วมสถาบันคิดจัดการพวกเขา ยังมีกระทั่งผู้ฝึกตนจากตำหนักตะวันตก

“นี่สมควรเป็นผู้มาจากตำหนักตะวันตกใช่หรือไม่? พบเห็นการต่อสู้ของพวกเราเมื่อครู่นี้?” ฉินหยุนหันมองผู้อาวุโสชุดน้ำเงินและกล่าวถาม

“เป็นเช่นนั้น พวกเราติดตามซุนจินเฮ่าและคณะ เพราะพวกเราต้องช่วยพวกเขาลงมือสังหารสัตว์อสูร เดิมพวกเราคิดว่าพวกเขาสามารถสังหารพวกเจ้าได้โดยง่าย ใครกันจะคิดว่าพวกเจ้ากลับมียันต์สะกดกายและพละกำลังเพียงนี้” ผู้อาวุโสชุดน้ำเงินแค่นเสียง นำเอากระบี่ยาวออกมาขณะพูดกล่าว

“เป็นเชี่ยวหยางหลงส่งพวกเจ้ามาหรือ? ช่างขี้โกงนัก!” มู่หรงต้าเหริ่นสบถคำออก

ชายชราหัวเราะออกและกล่าว “ถามมากเกินไปแล้ว รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตเหลือได้อีกนานเพียงใด?”

ฉินหยุนพลันโยนยันต์สะกดกายออก ทว่า ผู้อาวุโสทั้งสี่คนไม่คล้ายโดนตรึงเอาไว้

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยันต์สะกดกายของเจ้าไร้ประโยชน์ต่อพวกเรา พวกเราคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ใกล้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้ว นอกจากนี้ ชุดสีน้ำเงินที่พวกเราสวมใส่ยังสามารถยับยั้งพลังได้มาก” ชายชราหัวเราะกล่าวคำ “เอาละ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปตามทางที่ควรเป็น ไว้กลับไปค่อยอ้างอะไรสักอย่างก็แล้วกัน”

“หัวหน้า หนีไป อย่าได้ห่วงข้า” เสวี้ยซือเยี่ยลุกพรวดจากพื้นเร่งรีบมาทางนี้

มู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงเริ่มการโจมตีคิดเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว

“น้องหยุน ไป!” ฮั่วจงคำราม

“แม้เจ้าเป็นหัวหน้า แต่อายุน้อยที่สุด จงรีบไป!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มอ่อน ราวกับเขาไม่คิดเสียดายชีวิตตนเองแล้ว

ฉินหยุนอึ้ง เขาถือค้อนราชันยักษ์วิญญาณและกระบี่เอาไว้ในมือ ดวงตาพร่ามัว เขาพลันเกลียดชังตนเอง เหตุใดเขาจึงอ่อนแอเพียงนี้? หากเขาแข็งแกร่งพอ สถานการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น!

ชั่วขณะนี้ ที่เขายังไม่อาจตัดสินใจ หากเขาวิ่งหนี เสวี้ยซือเยี่ย มู่หรงต้าเหริน และฮั่วจง พวกเขาต้องตายแน่นอน

หากพวกเขายืนหยัด ก็ต้องตายกันที่นี่ทั้งสี่คน!

“หลบไป!” ฉินหยุนคำรามร้องจากใจ ร่างกายระเบิดคลื่นพลังออกพุ่งเข้าหา

“พวกเจ้าสองคน รับมือกับฉินหยุน พวกเราจะรับมือกับอีกสามคนที่เหลือเอง ระวังเอาไว้ด้วย ไว้ชีวิตพวกมัน พวกเราสามารถใช้สามคนนี้บังคับให้ฉินหยุนส่งผังจารึกมาได้” ชายชราที่นำหน่วยลาดตระเวนหัวเราะชั่วช้า

แม้ฉินหยุนมียันต์สะกดกายระดับสูง เขาก็สามารถใช้มันจัดการกับผู้ฝึกตนกายวรยุทธ์ระดับเก้าได้เพียงสอง นอกจากนี้ เขายังไม่มั่นใจด้วยว่าจะสำเร็จ

ตอนนี้ เขาได้แต่ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเพื่อต่อสู้แล้ว!

ตึง! ตู้ม! โครม!

ฉินหยุนกราดเกรี้ยว ทะยานกายเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างสุดแรง ปลดปล่อยบอลพลังน่าสะพรึงลูกแล้วลูกเล่า ผลลัพธ์ที่ได้ เสียงดังสนั่นถูกส่งผ่านมายังลานกว้างของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม

“ตำหนักตะวันตก เหตุใดยังไม่เปิดประตูอีก!” พอหลันเฟิงจินเห็นดังนี้ ดวงตานางแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำคำรามร้อง

ฉ่วยอี้ฮวยและผู้อาวุโสตำหนักตะวันออกอีกหลายคนเริ่มกดดันพวกเขา ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามท้ายที่สุดจึงยอม เปิดประตูด้วยผู้อาวุโสจากสามตำหนัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด