เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0225
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 225 : แมงป่องเกราะเหล็ก
หลังเดินทางตลอดทั้งวัน ในที่สุดฉินหยุนจึงค่อยเห็นตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
ภายใต้แสงตะวันแผดเผา ตำหนักดวงดาวปรากฏแสงสีน้ำเงินเรืองรอง ทั่วทั้งตำหนักดวงดาวคล้ายปกคลุมไว้ด้วยม่านพลังสีน้ำเงิน
ภายในระยะหนึ่งร้อยลี้จากตำหนักดวงดาว เป็นพื้นที่แห้งแล้ง เป็นแดนทะเลทราย ภูเขาสูงหลายแห่งถูกทำลาย พื้นที่กว้างปรากฏแก่สายตา
ภายในเทือกเขาเมฆมังกร ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามจะตกเป็นเป้าต่อสัตว์อสูรได้ง่าย โชคดีที่พวกเขามีการป้องกันอันแข็งแกร่ง สัตว์อสูรไม่อาจทะลวงผ่านม่านพลังของตำหนักดวงดาว สัตว์อสูรทรงพลังใกล้เคียงก็ถูกตำหนักดวงดาวกำจัดจนสิ้นเรียบร้อย
ตอนนี้ สัตว์อสูรส่วนใหญ่ด้านนอกตำหนักดวงดาวจะอยู่ที่ระดับเจ็ดหรือแปด และก็ยังพอมีสัตว์อสูรระดับเก้าอยู่บ้าง
สัตว์อสูรจะอยู่นอกบริเวณพื้นที่แห้งแล้งไกลจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พวกมันกำลังรอคอยให้ศิษย์ที่อ่อนแอออกมาค่อยจัดการขย้ำ
ช่วงหลายวันมานี้ ศิษย์หลายคนถูกสัตว์อสูรสังหาร ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามก็เป็นเช่นสถาบันยุทธ์แห่งอื่น เพื่อให้มั่นใจว่าศิษย์มีพละกำลังมากเพียงพอก่อนออกจากสถานที่ พวกเขาจะต้องผ่านการทดสอบเข้มงวดและรับตั๋วเข้าออกเสียก่อน
บริเวณภูเขาเวิ้งว้างล้อมรอบตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม สัตว์อสูรจำนวนมากเพ่นพ่านไปมา ผลลัพธ์ที่ได้ พวกมันถูกเลือกเป็นบททดสอบแรกของสถาบันเทียนเจียว
ผู้ฝึกตนหลายสิบคนนำทัพศิษย์สองร้อยคนเข้าสู่ตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
ด้านนอกประตูตำหนักดวงดาว ออร่าของศพเหม็นเน่าฟุ้งกระจาย ที่พื้น มีเศษซากชิ้นเนื้อของสัตว์อสูรกระเด็นไปทั่ว กระทั่งมีหลุมซึ่งเกิดจากการต่อสู้หลงเหลือไว้
“ในการทดสอบนี้ มีโอกาสสูงที่อาจถึงขั้นเสียชีวิต จงเตรียมตัวและเตรียมใจเอาไว้ให้ดี! อันดับแรก รางวัลใดล้วนไม่มี ดังนั้นแล้วจงพยายามให้ดี หลบหนีจากปัญหาได้หากเห็นว่าควรทำ” ผู้อำนวยการไป่กล่าว “หากไม่อาจจัดการพวกมัน ตราบเท่าที่วิ่งหนีจนถึงทางเข้าตำหนักดวงดาว พวกมันจะไม่กล้าเข้ามาใกล้”
“หากไม่มีรางวัล เช่นนั้นก็ไม่มีแรงจูงใจให้ฝึกฝนเอาชีวิตรอดเช่นนี้สิขอรับ” ศิษย์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างผิดหวัง
การทดสอบครั้งนี้เพื่อได้รับแก่นอสูรสดใหม่ จากนั้นจึงใช้ไข่มุกเสวียนดูดกลืนพลังงานสดใหม่จากแก่นอสูร หน่วยที่ดูดกลืนพลังงานสดใหม่ได้มากที่สุดจะได้รับอันดับหนึ่ง
“ไม่มีรางวัลใด แต่มีแต้มเสวียน หน่วยที่ได้รับอันดับหนึ่ง จะได้รับคนละหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน” ผู้อำนวยการไป่ตอบคำ
หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน ถือเป็นจำนวนมหาศาลต่อศิษย์หลายคน
ทุกคนเบื้องต้นไม่ค่อยพอใจนัก แต่เมื่อได้ยินหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน ค่อยมีแรงใจให้ต่อสู้ขึ้นมา!
“ผู้อำนวยการ หากมีความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่ม เรื่องนี้อนุญาตให้ต่อสู้กันได้หรือไม่?”
“ความขัดแย้งเป็นสิ่งไม่อาจหลีกเลี่ยง สามารถทำได้ หากมีอาการบาดเจ็บหรือล้มตาย ก็ถือเป็นข้อขัดแย้งระหว่างสองคน พวกเราไม่รับผิดชอบ” กัวเจิ้งกล่าวคำ เขาเป็นรองอธิการบดีของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน และยังเข้าร่วมการจัดตั้งกฎครั้งนี้ขึ้นด้วย
พอได้ยินคำนี้ ใจของฉินหยุนพลันเต้นรัวหันมองทางเชี่ยวหยางหลง รอยยิ้มเย็นชาและชั่วร้ายปรากฏที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เขาสามารถฝากฝังซุนจินเฮ่าและคณะ ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดให้โจมตีพวกเขาได้
“ตอนนี้ยังเช้า ค่อยกลับมาที่นี่ก่อนฟ้ามืด” ผู้อำนวยการไป่กล่าว “ก็ถึงเวลาแล้ว ให้พวกเจ้าออกเดินทางเสียแต่ตอนนี้ รักษาเวลาด้วย และจงสังหารสัตว์อสูรให้ได้มากที่สุด”
ห้าสิบหน่วย โดยทันทีกระจายตัวออกไปทั่วทิศมุ่งหน้าสู่แนวหุบเขาเวิ้งว้าง
ถึงตอนนี้เอง ประตูของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเปิดออก คณะอาจารย์จึงเข้าไปด้านใน
เมื่อเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงพบกับลานกว้างขนาดใหญ่ รอบด้านของลานกว้าง สี่ด้านประกอบด้วยเสาหินผลึกแก้วสูงกว่าสิบเมตร
สัตว์อสูรหลายตัว ตอนนี้สามารถพบได้ในรอยแยกของช่องเขาแห้งแล้ง บ้างก็เป็นรอยแยกด้านล่างของพื้นดิน พวกมันกำลังรอคอยเหยื่อ
ตอนนี้ศิษย์หลายคนในชุดสีน้ำเงินกำลังโดนจับตามองผ่านทางผนังหินผลึกแก้ว ถัดจากนั้น อาจารย์ของพวกเขาจึงได้เป็นสักขีพยานในการศึกระหว่างหน่วยใต้สังกัดของตนในสถาบันเทียนเจียวกับสัตว์อสูรด้วยตัวเอง
หลันเฟิงจินและอาจารย์อีกหลายท่านไม่ทราบเรื่องนี้ ดังนั้นจึงแปลกใจทันทีเมื่อก้าวเข้ามา โดยเฉพาะกับเชี่ยวหยางหลง สีหน้าของเขากลับกลายเป็นน่าเกลียด นี่ก็เพราะหากซุนจินเฮ่าและคณะลงมือต่อหน่วยของฉินหยุน มันจะกลายเป็นถูกเปิดโปงชัดเจนโดยมีผู้คนจำนวนมากที่นี่เป็นพยานพบเห็นเหตุการณ์
“นี่คือวัตถุซึ่งสร้างขึ้นจากผังจารึกมิติอย่างนั้นหรือ? พวกมันจับตามองหลายสถานที่ผ่านทางผังจารึกมิติในทุกบริเวณของภูเขาเวิ้งว้างภายนอก พวกมันจะส่งภาพทุกสิ่งอย่างที่เห็นเข้ามาที่นี่” หลันเฟิงจินเดินไปข้างกายหยางฉีเย่ว์ ขณะมองผังจารึกบนผนังผลึกแก้วอย่างสนอกสนใจ
“ศิษย์พี่ สถาบันเทียนเจียวมีพละกำลังโดยรวมเป็นอย่างไรบ้าง?” เชี่ยวเย่ว์หลานเดินเข้ามา นางตอนนี้สวมใส่ชุดสีน้ำเงิน ทั้งร่างกายประดับด้วยเม็ดเหงื่อ ราวกับนางเพิ่งผ่านการต่อสู้ตึงเครียดมา
“ข้าเป็นอาจารย์ สามีเจ้าเป็นศิษย์ข้า” หลันเฟิงจินหัวเราะคิกคัก
เชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะสำรวจมองที่ผนังหินผลึกแก้ว คาดหวังว่าจะได้เห็นฉินหยุน พวกนางไม่ทราบว่าฉินหยุนและหลันเฟิงจินรู้จักกันมาก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องพวกนางจะต้องถามสถานการณ์ของฉินหยุนตอนนี้อย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสตำหนักตะวันออกฉ่วยอี้ฮวย และโฮ่วฉิงเฟิงต่างเดินเข้ามา เซี่ยอู๋เฟิงตามติดด้านข้าง ไม่ทราบว่าพวกเขาพบกันในที่นี้ได้อย่างไร
ยิ่งมาผู้คนในลานกว้างยิ่งมากขึ้น พวกเขาทราบเรื่องสถาบันเทียนเจียวแล้ว และตอนนี้พวกเขาอยากเห็นกับตาถึงศักยภาพของศิษย์สถาบันเทียนเจียว
ศิษย์ใหม่หลายคนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเองก็มาจากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม พวกเขาล้วนอยากเห็นกับตาถึงศิษย์ยอดเยี่ยมในสถาบันยุทธ์ที่พวกเขาเคยอยู่
ฉินหยุนและคณะไม่ทราบว่าตอนนี้มีผู้คนกำลังจับตามองการต่อสู้ระหว่างพวกเขาและสัตว์อสูร กระทั่งได้ยินเสียง
ฉินหยุนมีความสามารถในการสะกดรอยและค้นหาร่องรอยสัตว์ปีศาจมาเนิ่นนาน ดังนั้นหน่วยของเขาจึงพบเจอพวกมันได้รวดเร็ว
แดนแห้งแล้งค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ค่อยมีแม้กระทั่งหินใหญ่ให้หลบซ่อน ไม่ว่าจะมองอย่างไร พวกเขาก็ไม่คิดว่าจะมีสัตว์อสูรซ่อนตัวอยู่ที่นี่
ทว่า ฉินหยุนกลับสามารถสัมผัสถึงออร่าของสัตว์อสูร!
“น้องหยุน สัตว์อสูรนี่เป็นอย่างไรกัน?” ฮั่วจงเอ่ยถามเสียงเบา เขานำเอาไม้คทายาวออกมาสำรวจมองโดยรอบ
“น้องหยุน นี่ไม่คล้ายจะมีสัตว์อสูร มั่นใจหรือ?” มู่หรงต้าเหรินเอ่ยถาม ทว่าในมือก็ถืออาวุธพร้อมรบ
ฉินหยุนกล่าวตอบหนักแน่น “ไม่ผิดพลาดแน่ มีออร่าของสัตว์อสูรอยู่ที่นี่ พวกเราต้องระวังตัวให้ดี!”
เสวี้ยซือเยี่ยนำเอาเคียวคู่สีดำออกมา ท่าทีระแวดระวังตัวอยู่ตลอด แม้นางไม่อาจสัมผัสถึงสัตว์อสูร แต่นางเชื่อใจหัวหน้าหน่วยของนางไม่ใช่น้อย
ที่ลานกว้างตำหนักดวงดาว บนผนังหินผลึกแก้ว ฉินหยุนและคณะปรากฏภาพ ผู้คนในลานกว้างกำลังสงสัยว่าสัตว์อสูรอยู่ที่ใด นี่เป็นเพราะดวงตาแห่งมิติไม่ได้เผยสัตว์อสูรให้เห็นเลยสักตัว
แต่ขณะที่ทุกคนงงงวยกันอยู่ ฉินหยุนพลันเคลื่อนไหว เร่งรีบผลักเข้าใส่มู่หรงต้าเหริน
มู่หรงต้าเหรินโดนผลักกระเด็น พร้อมกันนี้ ร่างเงาบางพลันปรากฏออกคล้ายดาบ
“กระจายตัว!” ฉินหยุนตะโกน “สัตว์อสูรตัวนี้ซ่อนในพื้น และมีถึงสองตัว!”
เมื่อฮั่วจงและเสวี้ยซือเยี่ยได้ยินดังนี้ ทั้งสองเร่งรีบกระจายตัว พวกเขาเองก็เห็นสิ่งที่ทะยานเข้าหา มันเป็นตะขอขนาดราวกำปั้น!
นี่สมควรเป็นเหล็กในพิษแมงป่อง!
เมื่อเหล็กในใหญ่เพียงนี้ ผู้คนล้วนจินตนาการได้ว่าแมงป่องตัวนี้ขนาดใหญ่โตเพียงใด
พร้อมเสียง “ชัวะ” ดังนั้น อะไรสักอย่างขนาดใหญ่มากพลันปรากฏตัวจากพื้นดิน มันเป็นแมงป่องจริง ร่างนั้นยาวราวสามเมตร หางของมันยาวเกือบสี่เมตรเห็นจะได้
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ตะขอที่ปลายหางนั้นสามารถกวัดแกว่งได้ระยะไกลยิ่ง ราวกับมันมีโซ่เชื่อมต่อเอาไว้ มันสามารถหลุดออกมาจากตัวหางบินห่างออกมาได้นับสิบเมตร
เคียวของเสวี้ยซือเยี่ยเองก็บินออกไปได้ ดังนั้นนี่จึงค่อนข้างคล้ายกัน
แมงป่องสีดำทั้งสองขุดพื้นขึ้นมาพร้อมโจมตีเข้าใส่ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหริน
“น้องหยุน พวกเราควรรับมืออย่างไร?” ขณะโบกพัดในมือปลดปล่อยวัชระกำลังภายใน มันปะทะเข้ากับร่างแมงป่องแต่ไม่คล้ายได้ผลนัก
ร่างแมงป่องพิษปกคลุมด้วยเกราะหนาสีดำ พลังป้องกันของมันถือว่าแข็งแกร่ง จึงสามารถป้องกันกำลังภายในที่แข็งแกร่ง!
ฉินหยุนตอบ “เหมือนว่ามีแต่จะต้องเข้าประชิดจัดการมันแล้ว แต่ระยะประชิดอันตรายมาก พิษแมงป่องสมควรร้ายแรง หางของมันยังแปลกมากจนยากรับมือ”
ความเร็วของแมงป่องทั้งสองตัวถือว่ารวดเร็ว พวกมันตอนนี้ไล่ตามฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินอยู่
“หัวหน้า ข้าสามารถสู้ในระยะประชิดได้ ให้ลองดีหรือไม่?” ฮั่วจงเอ่ยถาม
“ไม่ดี เหล็กในของแมงป่องรวดเร็วมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายหลบเพราะร่างกายท่านใหญ่” ฉินหยุนควบคุมกระบี่แก่นจิตสับฟันเข้าใส่ตะขอที่หางของแมงป่อง
“ซือเยี่ย มู่หรง โจมตีเหล็กในแมงป่อง อย่าให้เหล็กในมันออกมาได้ ข้าจะดึงความสนใจมันเอง!”
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนส่งกระบี่บินได้ออกไปจัดการตะขอที่หางแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่อาจเคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นก็มีแต่จะเปิดโอกาสให้มันปล่อยหางตะขอออกมาเล่นงาน
“พี่ฮัว เตรียมโจมตีแมงป่องพิษที่ไล่ตามท่าน!” ฉินหยุนตะโกน
ถึงตอนนี้เอง มู่หรงต้าเหรินที่อยู่ระยะไกล พลันโจมตีเข้าใส่แมงป่องโดยเล็งที่หาง
“ได้!” เมื่อฮั่วจงพร้อม เขาจึงพบว่าฉินหยุนทะยานกายเข้าไปแล้ว กระบี่บินได้เคียงข้าง มันถูกใช้งานออกผ่านวิชาวายุสังหารทั้งหกกระบวนท่าเข้าใส่หางแมงป่อง
เมื่อกระบวนท่าทั้งหกของวายุสังหารถูกใช้งาน เงากระบี่จึงพาดผ่านไปทั่วพื้นที่ พลังภายในกระบี่ไหลทะลักหนาแน่น ปกคลุมร่างแมงป่องขนาดใหญ่เอาไว้
ฉัวะ ฉัวะ! ฉัวะ ฉัวะ!
กระบี่แก่นจิตสับฟันออก แสงของกระบี่เย็นเยือก เมื่อมันโจมตีเข้าใส่หางแมงป่อง ประกายไฟถึงกับปรากฏแปลบปลาบ!
เกราะสีดำที่ร่างของแมงป่องแข็งราวเหล็กกล้า กระนั้นมันก็ยังได้รับบาดเจ็บเพราะวิชาวายุสังหารทั้งหกกระบวนท่าของฉินหยุน
ฮั่วจงเร่งรีบเข้าไป ไม้คทายาวในมือยกขึ้น ออร่าวัวกระทิงปลดปล่อยออกจากร่าง
ตึง ตึง ตึง ตึง!
ไม้คทาในมือของฮั่วจงปลดปล่อยการโจมตีออกกว่าสิบกระบวนท่า แต่ละครั้งล้วนทรงพลัง เป็นผลให้ร่างแมงป่องพิษจมลงกับพื้นก่อนสิ้นใจ
เสวี้ยซือเยี่ยและมู่หรงต้าเหรินกำลังรับมือกับแมงป่องอีกตัวอยู่
แมงป่องเดิมคิดปลดปล่อยตะขอออก แต่มันไม่คิดว่าเสวี้ยซือเยี่ยจะสามารถปล่อยเคียวของนางออกในทันทีเพื่อสกัดตะขอของมันเอาไว้ ตะขอพิษไม่อาจทำร้าย เสวี้ยซือเยี่ยโจมตีดุดัน
เคียวคู่ของนางโหดเหี้ยมทั้งยังคมกริบ หลังกวัดแกว่งไม่กี่ครั้ง นางสามารถตัดขาแมงป่องทั้งหมดออก ราวกับหั่นเนื้อสัตว์อ่อนนุ่มชิ้นหนึ่ง
แมงป่องเมื่อเสียขา มันจึงได้แต่นอนนิ่งกับพื้น ทำการโจมตีโดยกวัดแกว่งหางมั่วไปหมด
ฉินหยุนและฮั่วจงทะยานกายเข้ามาพร้อมสร้างความเจ็บปวดแก่แมงป่องร้าย พวกเขากะเทาะเปลือกมันออกก่อนจะวุ่นวายหาแก่นอสูรอยู่นาน
“เรียบร้อย ได้แก่นอสูรเสียที” ฉินหยุนหัวเราะขณะลอบถอนใจโล่งอก เมื่อครู่นี้สถานการณ์ออกจะอันตรายเกินไปบ้างจริง ๆ
ผู้คนที่ลานกว้างตำหนักดวงดาวส่งเสียงฮือฮากันด้วยความตื่นตะลึง
“นี่เป็นแมงป่องเกราะเหล็ก เป็นสัตว์อสูรระดับแปด แท้จริงแล้วมันสังหารขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด และขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเจ็ดสามคนได้ง่ายเพียงเวลาอันสั้นด้วยซ้ำ”
“พละกำลังของฉินหยุนเป็นดังชื่อเสียงเล่าลือ”
“แมงป่องเกราะเหล็กไม่ง่ายรับมือ แต่พวกเขาร่วมมือกัน ทั้งฝีมือยังเกินกว่าที่คาดคิด มีเพียงเหตุนี้จึงสามารถสังหารสัตว์อสูรระดับแปดทั้งสองตัวได้โดยง่าย”