ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0220 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0222 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0221 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 221 : อาจารย์จารึกหญิง

ด้วยจำนวนศิษย์ร่วมสองร้อยคน อาจารย์แต่ละท่านจะต้องรับศิษย์สี่คน อาจารย์ผู้ฝึกสอนจะคอยชี้แนะศิษย์ทั้งสี่คน กระทั่งนำออกไปล่าสัตว์อสูร เรื่องนี้ทำให้ศิษย์หลายคนที่นี้ต่างแอบตื่นเต้นอยู่ภายใน

ต้องทราบว่า ศิษย์หลายคนของสถาบันยุทธ์นั้น อาจารย์ผู้หนึ่งรับผิดชอบศิษย์หนึ่งร้อยถึงสองร้อยคน อย่างน้อยก็จำนวนหลายสิบ นอกจากนี้ ตัวอาจารย์หลายท่านก็จำเป็นต้องเก็บตัวฝึกฝน เพราะฉะนั้นแล้วในเวลาส่วนใหญ่ ศิษย์พวกนั้นจึงไม่ค่อยได้รับการชี้แนะจากอาจารย์เท่าใดนัก

สำหรับฉินหยุน สถานการณ์ระหว่างศิษย์และอาจารย์เช่นที่เขาได้ประสบพบเจอ ถือว่าหาได้ยากยิ่ง

“ข้าคืออธิการบดีของสถาบันเทียนเจียว!” คนผู้หนึ่งซึ่งกล่าวขึ้น คือผู้อำนวยการไป่ของสถาบันซานเสวียน เขายืนอยู่ตรงกลางลานฝึกฝนพร้อมตะโกนกล่าวคำ “อันดับแรก ขอพูดถึงกฎเกณฑ์ของสถาบันเทียนเจียว รวมถึงสาเหตุที่พวกเราจัดตั้งที่นี่ขึ้น”

ผู้อำนวยการไป่อธิบายสรุปย่อต่อศิษย์และอาจารย์ถึงกฎเกณฑ์การเข้าร่วมสถาบันเทียนเจียว

โดยหลักแล้ว สถาบันเทียนเจียว แน่นอนว่าก็เพื่อบำรุงหล่อเลี้ยงบรรดาศิษย์ที่เหนือล้ำ นอกจากนี้ พวกเขายังจะแบ่งเคล็ดการฝึกฝนระหว่างสถาบันยุทธ์ทั้งสามและตำหนักดวงดาว

นอกจากนี้ ศิษย์ของสถาบันเทียนเจียวยังสามารถใช้บัตรผลึกของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเม็ดยาหรือทรัพยากรอื่น ของสถาบันยุทธ์แห่งอื่นและตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามได้

ยกตัวอย่าง ศิษย์ของสถาบันยุทธ์แห่งอื่นสามารถแลกเปลี่ยนวัชระไขกระดูกวิญญาณของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนที่ร้านค้าแต้มเสวียนได้

เรื่องนี้ไม่ถือว่าแย่ เพราะสถาบันยุทธ์แห่งอื่นและตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ต่างก็มียาที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนกับสถาบันยุทธ์แห่งอื่นเป็นยาหายากและสิ่งอื่นได้

ที่ชวนตื่นตาตื่นใจที่สุดก็คือ ศิษย์ของสถาบันมีโอกาสได้รับวิชายุทธ์ระดับโลกา!

“เอาละ พวกเจ้าให้ตั้งแถวเรียงหนึ่งขึ้นมาที่ลานฝึกตรงกลางแห่งนี้ เพื่อแสดงความสามารถ หากอาจารย์ต้องตาศิษย์คนใด พวกเขาสามารถเลือกศิษย์ที่ต้องการได้ และตัวศิษย์เองก็มีสิทธิ์ในการเลือกอาจารย์ผู้สอนเช่นเดียวกัน หากศิษย์ที่เหนือล้ำสามารถได้รับผลการทดสอบที่ดีในอนาคต อาจารย์ผู้สอนก็จะได้รับรางวัลที่ดีตามไปด้วย”

ผู้อำนวยการไป่กล่าวเสียงดัง “อาจารย์ผู้สอน โปรดเลือกศิษย์ของตนเอง และบำรุงหล่อเลี้ยงพวกเขาให้เติบโตด้วย”

ผู้อำนวยการไป่ไม่ได้กล่าวว่ารางวัลคืออะไร แต่อาจารย์เหล่านั้นดวงตาลุกวาว ราวกับทราบว่าพวกเขาจะได้รับอะไรในภายหน้า

เรื่องหนึ่งที่ชวนให้คิดคือ มันเป็นสิ่งที่กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋ายังต้องมองเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง

บุคคลแรกที่ขึ้นไปคือชายอายุยี่สิบสองปีคนหนึ่ง นามคือโม่หยง เป็นผู้มาจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ครอบครองสี่ชีพจรวิญญาณ อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด มีความสามารถต่อสู้ในน้ำได้ดี และยังใช้พลังธาตุน้ำได้อีกด้วย เคล็ดวิชาการฝึกฝนของเขาทำให้สามารถต่อสู้กับจระเข้เกราะเหล็กกล้าที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งด้วยตัวเองได้

พรสวรรค์เช่นนี้นับว่าไม่เลว

“โม่หยง ข้าเองก็มีวิญญาณยุทธ์สัตว์ และยังเชี่ยวชาญการฝึกฝนธาตุน้ำ สนใจเป็นศิษย์ข้าหรือไม่?” ชายชราคนหนึ่งกล่าวคำ เขาคือผู้มาจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน

ชายวัยกลางคนในชุดสีน้ำเงินยิ้มกล่าว “น้องโม่หยง แม้ข้าไม่มีวิญญาณยุทธ์สัตว์ แต่ข้ามีวิญญาณยุทธ์น้ำระดับแพลทินัมและครอบครองห้าชีพจรวิญญาณ ทั้งยังรู้จักอาจารย์จารึกที่สามารถช่วยปรับแต่งอุปกรณ์วิญญาณที่เหมาะสมแก่เจ้าได้”

พิจารณาจากชุดสีน้ำเงิน เขาสมควรมาจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม

โดยทันที โม่หยงตัดสินใจเดินเข้าหาชายวัยกลางคนในชุดสีน้ำเงิน เรื่องนี้ทำเอาผู้อาวุโสจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนกระดากใจ

เมื่อถึงคราวศิษย์คนถัดไป การต่อสู้อีกครั้งจึงเริ่มขึ้น ท้ายที่สุดจึงเป็นศิษย์ของอาจารย์จากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน

ศิษย์ที่เหลืออีกว่าสามสิบคน ต่างก็ต้องผ่านการแย่งชิงของบรรดาอาจารย์หลายท่าน พวกเขาล้วนได้รับผู้ชี้แนะที่ดีกันทั้งสิ้น

อีกหนึ่งคนก้าวออกไป ใบหน้าของเขาเหลี่ยมคล้ายก้อนหยก คิ้วค่อนข้างหนาและเปี่ยมด้วยความอหังการ ขณะเชิดหน้าขึ้น เขาอกผายไหล่ผึ่งกล่าวคำเสียงดังหยาบกร้าน “ข้านามซุนจินเฮ่า อายุยี่สิบปี”

ลานฝึกพลันเงียบไปครู่หนึ่ง ทุกผู้คนล้วนตระหนักได้ว่าบุคคลนี้คือผู้มีพรสวรรค์ ไม่ช้า อาจารย์ผู้อื่นเริ่มต่อสู้แย่งชิงกันอย่างดุเดือด

“ซุนจินเฮ่า ข้าให้หนึ่งล้านเหรียญผลึก!”

“ข้าให้หนึ่งล้านสองแสน!”

“ข้าให้สองล้าน!”

ราคาจากปากของอาจารย์ผู้สอนเริ่มเพิ่มขึ้น

“ข้าให้สิบล้านเหรียญผลึก!” เชี่ยวหยางหลงพลันตะโกนขึ้นเสียงดังแทบสะเทือนพื้นดิน เป็นผลให้อาจารย์ผู้อื่นสงบลง

อาจารย์เหล่านี้ล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พวกเขาส่วนใหญ่เป็นชายวัยกลางคน เชี่ยวหยางหลงถือกำเนิดขึ้นพร้อมพลังอำนาจและความอหังการ เรื่องนี้เป็นผลให้พวกเขาไม่สะดวกใจแต่ก็ไม่กล้ากล่าวอื่นใดอีก

เชี่ยวหยางหลงคือผู้สามารถก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ที่อายุสามสิบ

“ขอรับ นับแต่นี้ท่านคืออาจารย์ชี้แนะแก่ข้า” ซุนจินเฮ่ายิ้มออกขณะเดินเข้าหาเชี่ยวหยางหลง

เชี่ยวหยางหลงหัวเราะ เขานำเอาบัตรเหรียญผลึกสิบล้านเหรียญออกมาและส่งมอบให้กับซุนจินเฮ่า

หากศิษย์ทั้งหมดของเขาเหนือล้ำ พวกเขาย่อมต้องนำพามาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีในภายหน้า จากนั้น รางวัลชิ้นงามจะตกแก่อาจารย์ผู้สอนของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ เหรียญผลึกที่มอบให้นี้ก็เพื่อกำไรในภายหน้า

ถัดจากนั้น ศิษย์ศักยภาพสูงคนแล้วคนเล่าจึงก้าวเดินออกไป ตอนนี้อาจารย์หลายท่านเลือกมอบเหรียญผลึกเพื่อซื้อตัวกันแล้ว ศิษย์หลายคนก็หิวกระหาย ใครให้มากกว่าก็เลือกคนนั้น

ศิษย์ระดับที่แปดส่วนใหญ่ถูกฉกชิงกันจนสิ้น จากหญิงสาวทั้งหมดสองคน ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่ง

ที่ตรงกลางลานกว้าง หญิงสาวสวมใส่ชุดสีม่วง ผมสั้นประบ่า ดวงตาประดับด้วยสีม่วงลึกล้ำ นับเป็นสีตาที่หาได้ยากพบเห็น นางยังค่อนข้างงดงาม ใบหน้ารูปไข่เย้ายวน ทว่าก็เผยร่องรอยของความอหังการออกมา ชัดเจนว่านางอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

“ข้านามเสวี้ยซือเยี่ย อายุสิบแปด อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด เส้นวิญญาณและวิญญาณยุทธ์ไม่ขอพูดถึง!” นางงดงาม ด้วยความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร พร้อมน้ำเสียงกระจ่างใสนั้น มันเสนาะหูชวนฟังเป็นอย่างยิ่ง

แม้อาจารย์หลายท่านไม่ทราบวิญญาณยุทธ์และเส้นวิญญาณของเสวี้ยซือเยี่ย แต่ด้วยอายุสิบแปดปีที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด คว้าไว้ก่อนได้เป็นดี

อาจารย์หลายท่านเริ่มเสนอราคาแก่นาง เชี่ยวหยางหลงเองก็เข้าร่วม กระทั่งเสนอราคาสูงล้ำถึงสิบห้าล้านเหรียญผลึก

หลันเฟิงจินเผยน้ำเสียงเกียจคร้านดังจากอีกด้านหนึ่ง

นางกล่าว “เสวี้ยซือเยี่ย ติดตามข้า ข้าก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าตั้งแต่อายุยี่สิบ เหรียญผลึกล้วนเป็นสิ่งลวง ดังนั้นข้าจึงไม่คิดใช้เหรียญผลึกหลอกลวงต่อเจ้า โอ้ใช่ ข้าเองก็เป็นอาจารย์จารึกระดับสูงด้วยนะ”

“อาจารย์ โปรดชี้แนะแก่ข้า” เสวี้ยซือเยี่ยเผยดวงตาสีม่วงเป็นประกายขณะเร่งร้อนเอ่ยคำ จากนั้น นางจึงเดินไปอยู่ข้างกายหลันเฟิงจิน

ฝูงชนมึนงง ไม่ใช่เพราะการเลือกของเสวี้ยซือเยี่ย แต่เป็นเพราะหลันเฟิงจิน

หญิงสาวขอบเขตวรยุทธ์เต๋าอายุยี่สิบกว่าปี ทั้งยังเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง!

เรื่องนี้เป็นพรสวรรค์ระดับท้าทายสวรรค์เพียงใด เป็นผลให้ศิษย์หลายคนจับตามอง พวกเขาแทบลืมเลือนเหรียญผลึก กระทั่งแทบเสนอเหรียญผลึกหลายล้านแก่นาง พวกเขาก็คิดอยากนับถือนางเป็นอาจารย์!

ก่อนหน้านี้ นางไม่กล่าวคำใดในการฉกชิงศิษย์ ยิ่งไปกว่านั้น นางมาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ตัวตนของนางลึกลับ ตอนนี้นางกลับออกปากคัดเลือกศิษย์ เป็นผลให้ผู้คนตระหนักได้ถึงความสามารถของนาง!

ฉินหยุนพอทราบเรื่องหลันเฟิงจินมาบ้าง แต่เขาไม่ทราบว่านางเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง เขาลอบสบถในใจ หลันเฟิงจินก่อนหน้านี้เก็บเป็นความลับแก่เขา แต่ตอนนี้นางกลับพูดมันออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

ถัดจากนั้น จึงเป็นคราวของฮั่วจง ได้เห็นร่างกายกำยำสูงใหญ่ อาจารย์หลายท่านไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก นี่เป็นเพราะมีศิษย์อีกหลายร้อยคนรออยู่ ไม่ว่าจะมองอย่างไร พวกเขาเหล่านั้นน่าจะดีกว่าฮั่วจงกันทั้งสิ้น

ทว่า ก็ยังมีผู้อาวุโสหลายท่านสนใจในตัวเขา แต่ขณะที่ฮั่วจงกำลังจะตัดสินใจนั้นอง หลันเฟิงจินพลันตะโกนขึ้น “ฮั่วจง มาทางนี้!”

แม้ฮั่วจงดูมึนงงไปบ้าง แต่เขาไม่ได้โง่ แม้เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลันเฟิงจินเลือกตนเอง แต่ก็ยังรีบเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังถูไถศีรษะล้านเลี่ยนตนเองยิ้มขอบคุณแก่หลันเฟิงจิน

ศิษย์ผู้อื่นมึนงง พวกเขาไม่ทราบว่าเหตุใดหลันเฟิงจินจึงเลือก ก่อนหน้านี้ ตอนนางเห็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับแปดทั้งหมด นางไม่กล่าวคำใดด้วยซ้ำ ตอนนี้นางกลับเลือกฮั่วจงที่ดูไม่มีอะไร เป็นเพียงชายร่างใหญ่สัตย์ซื่อที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเจ็ด

ไม่ช้าก็ถึงคราวมู่หรงต้าเหริน ทันทีเมื่อก้าวออกไป หลายผู้คนเริ่มพูดคุย พวกเขากระทั่งพูดว่านี่เป็นผู้ใช้ปากมากกว่ามือ

“ข้ามู่หรงต้าเหริน วิญญาณยุทธ์เป็นความลับ อายุเป็นความลับ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด เป็นศิษย์ตำหนักศักดิ์สิทธิ์สังกัดย่อยตำหนักสัตว์ยุทธ์”

ได้เห็นเขาสวมใส่ชุดสีน้ำเงินประดับด้วยผังจารึกสัตว์ร้าย ผู้คนล้วนทราบว่าเขากล่าวความจริง กระทั่งชายชราจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามยังต้องให้ความสนใจ

“มู่หรงต้าเหริน เจ้าและฮั่วจงเป็นสหายที่ดีต่อกัน มาเข้าร่วมกับข้าหรือไม่?” หลันเฟิงจินตะโกนขึ้น

“ขอรับอาจารย์ ท่านช่างเป็นบุคคลสายตากว้างไกล! กล่าวตามตรง ฮั่วจงเองก็มาจากตำหนักสัตว์ยุทธ์ หากคิดอยากใช้เหรียญผลึกซื้อตัวพวกเรา อย่างน้อยก็ต้องสิบหรือยี่สิบล้านเหรียญผลึกกระมัง?” มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าวคำขณะวิ่งไป

ผู้คนจึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดหลันเฟิงจินจึงเลือกฮั่วจงและมู่หรงต้าเหริน พวกเขาล้วนเป็นศิษย์ตำหนักสัตว์ยุทธ์ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงต้องมีความพิเศษจึงสามารถเข้าร่วม

ฉินหยุนยืนอยู่ด้านหลังมู่หรงต้าเหริน เมื่อเขาก้าวเดินออกไป อาจารย์หลายท่านมองอย่างเดียดฉันท์ นี่เป็นเพราะพวกเขาทราบเกี่ยวกับเขาเป็นอย่างดี แม้เขามีกำลัง แต่ปัญหาใหญ่คือแขนราชสีห์สวรรค์

ตามที่ผู้อาวุโสตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามซึ่งรู้เรื่องโทเทมกล่าวไว้ ฉินหยุนจะตกอยู่ในอาการบ้าคลั่งสักวันเพราะแขนราชสีห์สวรรค์ กระทั่งอาจถึงขั้นออกอาละวาดสังหารผู้อื่น

“ข้านามฉินหยุน ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง วิญญาณยุทธ์ของข้า... เกิดความผิดปกติขึ้นจึงไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว แต่ข้าแข็งแกร่งยิ่ง สามารถโค่นล้มฉินเจิ้งเฟิงและชี่อวี้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดได้” ฉินหยุนกล่าว

เชี่ยวหยางหลงเย้ยหยัน “ฉินหยุน เจ้าเพียงจัดการพวกเขาได้เพราะเล่ห์กล เจ้าคิดจริงหรือว่าด้วยกำลังระดับเจ้าสามารถจัดการขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดได้? ไม่ใช่เพราะเจ้าเสี่ยงหยิบยืมพลังของแขนราชสีห์สวรรค์หรอกหรือ?”

อาจารย์ผู้อื่นเริ่มหารือกันและเห็นด้วยกับคำกล่าวของเชี่ยวหยางหลง

“ผู้อำนวยการไป่ หากไม่มีผู้ใดยอมรับฉินหยุน เช่นนั้นจะเป็นอย่างไร” ซุนจินเฮ่าเอ่ยถามขึ้น

ผู้อำนวยการไป่คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยตอบ “หากไม่มีผู้ใดต้องการตัวเขา เช่นนั้นเขาสามารถไปจากสถาบันเทียนเจียว”

อาจารย์หลายท่านต่างมองหน้ากัน จากท่าทาง พวกเขาไม่คล้ายต้องการฉินหยุน

ฉินหยุนลอบสบถต่อนางปีศาจหลันเฟิงจินในใจ เหตุใดนางไม่ออกหน้ารับเขา? ชัดเจนว่านางตั้งใจถ่วงเวลาเพื่อสร้างความลำบากแก่เขา

“ฉินหยุน เจ้าตอนนี้สามารถหลอมอุปกรณ์ได้หรือไม่?” หลันเฟิงจินเอ่ยถามขึ้น

“ตอนนี้... เพราะวิญญาณยุทธ์ของข้าเกิดความผิดปกติ คำถามนี้จึงไม่อาจตอบได้เป็นการชั่วคราว” ฉินหยุนกล่าว

หลันเฟิงจินรู้ดียิ่งกว่าผู้ใด ว่าฉินหยุนหลอมอุปกรณ์ได้หรือไม่ นางเป็นประจักษ์พยานด้วยซ้ำว่าฉินหยุนสามารถขัดเกลายันต์กระดูกจำนวนมากที่เป็นถึงยันต์ระดับสูงได้ด้วยซ้ำ

“ตอนข้าอยู่ตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ข้าได้เห็นว่าเจ้ามอบสร้อยข้อมือมิติเก็บของแก่เชี่ยวเย่ว์หลาน มันงดงามไม่ใช่น้อย! เจ้ามีมันเหลือติดตัวบ้างหรือไม่?” หลันเฟิงจินเผยใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มซุกซนขณะเอ่ยถามต่อฉินหยุน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด