ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0218 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0220 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0219 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 219 : ตำนานมังกรวัวกระทิง

หลันเฟิงจินหยิบแผ่นยันต์ขึ้น พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

นางนำเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมาและยิ้ม “นี่คือรางวัลของเจ้า เช่นกัน อย่าได้บอกผู้อื่นเรื่องยันต์นี้ และอย่าได้แพร่งพรายเรื่องชุดผังวิญญาณ ไม่อย่างนั้น ข้าจะแฉเจ้าว่าแท้จริงแล้วลอบคาดหวังต่อหยางฉีเย่ว์”

ฉินหยุนยิ้มขื่นขม “ขอรับ ขอรับ ข้าไม่พูดแน่ ว่าไปท่านคิดกลับเมื่อใด?”

“หลังเจ้าฟื้นฟูแล้ว ข้าค่อยกลับตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!” หลันเฟิงจินกล่าว “เหตุผลที่ข้ามายังเมืองอี้ ก็เพื่อมาหาอาจารย์จารึกช่วยข้าทำยันต์แผ่นนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้พบเจ้าที่นี่”

ฉินหยุนมองไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรข้างกาย เขายินดี รวมทั้งสิ้นแล้วเขามีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเจ็ดฟอง ทั้งยังมีแก่นอสูรระดับแปดและเก้าอีกจำนวนไม่น้อย

พอคิดคำนวณ ทั้งหมดรวมแล้วสมควรแลกเปลี่ยนได้ราวหกร้อยล้านแต้มเสวียน

สี่ชั่วโมงให้หลัง เขาค่อยฟื้นฟูกำลัง หลันเฟิงจินก็เปลี่ยนสวมใส่ชุดสีน้ำเงินประณีต นี่คือเครื่องแบบของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ทว่าสายคาดเอวชุดสีน้ำเงินของนางเป็นสีทอง

“ไม่ได้เห็นต้นขาท่านแล้ว ข้าผิดหวังยิ่งนัก” แม้ตอนนี้หลันเฟิงจินสวมใส่ชุดรัดกุม แต่นางก็ยังคงมีความขี้เล่นหยอกเย้าอยู่

“เจ้าหนู เจ้าควรรู้ว่าจะมองต้นขาข้าอย่างไร!” หลันเฟิงจินหัวเราะและเตะเขาทีหนึ่ง

“แยกกันตรงนี้ ข้าคงร่วมทางกับท่านต่อไม่ได้ พี่หลัน ข้าจะคิดถึงท่าน ข้าหมายถึงต้นขาของท่าน” ฉินหยุนยิ้มชั่วช้ากล่าวคำ

หลันเฟิงจินมองค้อนทีหนึ่งก่อนจะกลอกตาให้และเดินออกจากถ้ำไป

ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลากลางวัน ฉินหยุนไม่กล้าเดินทางโดยลำพัง ดังนั้นเขาจึงรอจนฟ้ามืดค่อยออกเดินทาง

กลางคืน เขาใช้พลังเงาหลบซ่อนตัวตนในความมืด เดินทางกลับสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

ระหว่างทาง ฉินหยุนได้ผ่านเมืองหลายแห่ง เหล่านั้นล้วนกลายเป็นเศษซาก ออร่าของสัตว์ระดับวิญญาณยังคงกระจายตัว เขาคิดว่าเมืองเหล่านี้โดนสัตว์อสูรฝูงใหญ่เข้าเล่นงาน

สัตว์อสูรคิดกินมนุษย์เพิ่มพละกำลังตนเอง พวกมันทำลายทั้งเมืองเพื่อหาอาหาร

“หากมนุษย์ร่วมมือกัน ก็ไม่น่าจะต้องหวาดเกรงพลังของฝูงสัตว์อสูร” ฉินหยุนนึกย้อนถึงประสบการณ์ในเมืองอี้ เป็นเขาที่ร่วมมือกับผู้อื่นสังหารฝูงสัตว์อสูรไปไม่น้อย

ที่ริมฝั่งของทะเลสาบหมื่นดารา ศิษย์ของสถาบันหลายคนรวมตัวกัน รอขึ้นพาหนะเพื่อเดินทางกลับสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน โดยปกติแล้ว สองชั่วโมงจะมีรอบหนึ่งตลอดทั้งวันและคืน

เมื่อฉินหยุนมาถึง ศิษย์หลายคนจดจำเขาได้จึงเริ่มสนทนากัน

“ฉินหยุนทำผิดพลาดครั้งใหญ่ จากที่เห็น เหมือนจะยังไม่รู้ด้วยมั้งนั่น?”

“จักรวรรดิเทียนหลิงเพิ่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรวรรดิ แต่แล้วเขากลับลงมือสังหารองค์ชายรัชทายาท ช่างหาที่ตายโดยแท้”

“เรื่องราวยุ่งเหยิงเกินไปแล้ว! ทำไมเขาต้องฆ่าองค์ชายรัชทายาทนั่นด้วย?”

“สงสัยนักว่าเรื่องนี้จะลามมาถึงสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนหรือไม่!”

พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขาตระหนก เขาไม่ทราบว่าจักวรรดิเทียนหลิงทราบได้อย่างไรว่าเขาคือคนร้าย

หลังรับรู้ข่าวคราวนี้ เขาไม่คิดรอพาหนะข้ามฟากอีก กลับกัน เขาเลือกใช้ก้าวอัคคีเมฆาข้ามทะเลสาบด้วยตนเองสู่เกาะตรงกลาง

“คนกลุ่มนั้นที่ปรากฏตัว หลังองค์ชายรัชทายาทและหยินเชิ่งตาย พวกมันน่าจะเริ่มสืบสาว หากพวกมันสืบสวน ย่อมต้องพบว่าพี่เฟยหลิงและคณะกลับถึงสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนก่อน มีแต่เราที่ยังอยู่ในเมืองอี้”

หลังจากวิเคราะห์ถี่ถ้วน ฉินหยุนจึงเดาได้ ว่าเพราะสาเหตุนั้นจักรวรรดิเทียนหลิงจึงปักใจเชื่อว่าเขาเป็นผู้ลงมือ

ทันทีเมื่อกลับถึงสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เขาจึงกลับต้นไม้สมบัติตะวันดารา

ตู้ก่วยอยู่ด้านนอกต้นไม้สมบัติ เขากำลังจัดการใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่

“อาจารย์!” ฉินหยุนเร่งรีบตะโกนขึ้น

พอตู้ก่วยเห็นฉินหยุนกลับมา เขาจึงยิ้ม “ฉินหยุน บอกข้าตามตรง เจ้าคือผู้ที่สังหารองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนหลิงใช่หรือไม่?”

“ขอรับ! เป็นข้าสังหารหยินเชิ่งโดยเจตนา แต่องค์ชายรัชทายาทผู้นั้น มันจับตัวข้าและบอกว่าจะสังหารข้าเพื่อยกชื่อเสียงตนเอง ดังนั้นข้าจึงต้องสังหารมัน” ฉินหยุนเม้มริมฝีปากกล่าวตามจริง

ตู้ก่วยพยักหน้ารับกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นี่ก็ถือเป็นข้อพิพาทส่วนบุคคล ผู้อำนวยการยังถามต่อเมิ่งเฟยหลิงและผู้อื่นถึงเรื่องนี้ พวกเขาได้บอกเล่าเรื่องราวจนพวกเราเข้าใจแล้ว และนี่ถือเป็นจักรวรรดิเทียนหลิงผิดพลาดหาเรื่องต่อศิษย์ของสถาบันเราก่อน ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนของเราจะไม่ส่งเจ้าในฐานะผู้ร้าย แต่ยามออกสู่ภายนอกเจ้าก็ต้องระวังให้ดี”

ยามนี้สัตว์อสูรออกอาละวาดไปทั่ว เรื่องราวทางโลกต้องให้ความสนใจมากกว่า ดังนั้นจักรวรรดิเทียนหลิงจึงยังไม่อาจหาโอกาสแสวงการแก้แค้นได้โดยง่าย ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่คิดเก็บมาใส่ใจ

“อาจารย์ ข้าได้รับของดีมาไม่น้อย น่าจะแลกได้ราวหกร้อยล้านแต้มเสวียน!” ฉินหยุนหัวเราะ

ได้ยินดังนี้ ตู้ก่วยตื่นตะลึงขณะวางใบไม้ใหญ่ในมือและกล่าวถาม “จริงหรือนี่?”

ฉินหยุนตามตู้ก่วยกลับเข้าถ้ำต้นไม้และนำเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรพร้อมแก่นอสูรจำนวนมากออกมา เรื่องนี้แทบทำเอาตู้ก่วยยิ้มกว้างจนถึงหู

ตู้ก่วยสูดลมหายใจเข้าลึกเอ่ยถามตื่นตะลึง “เจ้าหนู นี่เจ้าได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมาอย่างไร? ทั้งยังมีถึงเจ็ดฟอง!”

“เป็นข้าโชคดีได้เข้าร่วมกับหน่วยที่แข็งแกร่งขอรับ หน่วยนี้ร่วมมือกับหน่วยอื่น ข้าจึงมีโอกาสได้รับพวกมันมา” ฉินหยุนเล่าไปพลางหัวเราะ “อาจารย์ รบกวนท่านช่วยหาผู้อื่นที่รู้จักในร้านค้าแต้มเสวียน เป็นข้าคิดอยากแลกเปลี่ยนแต้มเสวียนเป็นการลับ ข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นทราบว่าข้าได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเจ็ดฟอง!”

ตู้ก่วยยิ้มพยักหน้ารับ “ไม่มีปัญหา แต่เรื่องที่เจ้าถือครองหกร้อยล้านแต้มเสวียน ไม่ใช่เรื่องง่ายปิดบัง ดังนั้นเจ้าคิดข้อแก้ตัวที่ดีได้หรือยัง?”

“คิดดีแล้วขอรับ เพียงบอกว่าข้าแลกเปลี่ยนอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของเป็นแก่นอสูรจำนวนมากหรืออะไรทำนองนั้น เรื่องนี้สมควรสมเหตุสมผลใช่หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนสามารถให้ผู้อื่นทราบว่าตนมีแก่นอสูรจำนวนมาก มันดีกว่าการปล่อยให้ผู้อื่นทราบว่าเขามีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจำนวนมาก หากไม่แล้ว จะยิ่งมีแต่ปัญหา

“ไปกัน!” ตู้ก่วยรู้สึกยินดียิ่งที่ได้เห็นศิษย์ของตนได้รับแต้มเสวียนจำนวนมาก เขาพาฉินหยุนบินตรงไปยังเขตศูนย์กลางของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

ที่ศูนย์กลางสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน โถงของร้านค้าแต้มเสวียน หลายผู้คนกำลังต่อแถวเพื่อแลกเปลี่ยนแก่นอสูรจำนวนเล็กน้อยในมือเป็นแต้มเสวียน

ตู้ก่วยรู้จักคนอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงเข้าในห้องรับรองแขกพิเศษ ไม่นาน ชายชราร่างอ้วนสวมใส่ชุดหรูหราสีแดงจึงมาในห้อง

“เหล่าผางสื่อ ข้านำธุรกรรมครั้งใหญ่มาให้เจ้า คิดตอบแทนข้าหรือไม่?” ตู้ก่วยยิ้มภูมิใจกล่าวนำเสนอ

“ฉินหยุนหรือ? ข้าได้ยินเรื่องเจ้ามาเยอะเชียว!” ผู้อาวุโสผางสื่อหัวเราะขณะปรบมือให้ฉินหยุน

“สวัสดีขอรับผู้อาวุโสผางสื่อ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

เหล่าผางสื่อผู้นี้เป็นรองอธิการบดีที่มีชื่อเสียงของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ชื่อแท้จริงของเขาคือพานต้าเหว่ย เป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่ทำธุรกรรมในร้านค้า ทั้งยังเป็นผู้กว้างขวางรู้จักบุคคลทรงพลังหลายท่าน

พานต้าเหว่ยเชิญฉินหยุนให้นั่งด้วยรอยยิ้มและเอ่ยถาม “ธุรกรรมใหญ่อันใด? บอกมาได้เลย!”

หลังจากนั้น ฉินหยุนจึงนำกองวัตถุปริมาณมากออกมา ใบหน้าอ้วนท้วนของพานต้าเหว่ยพลันแข็งทื่อ เขามองวัตถุบนพื้นด้วยความตื่นตะลึง

“ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเจ็ดฟอง นี่เจ้าได้รับพวกมันมาได้อย่างไร? กระทั่งเป็นหน่วยที่มีผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมา!” พานต้าเหว่ยลุกพรวดจากเก้าอี้เข้าไปใกล้สัมผัสไข่ผลึกแก้ว

“เป็นข้าโชคดีหยิบพวกมันติดมือกลับมาได้ขอรับ” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโส รบกวนท่านคำนวณแล้ว ข้าจะได้รับแต้มเสวียนเท่าใดหรือขอรับ? และได้โปรดช่วยข้าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ รบกวนท่านอย่าบอกต่อผู้อื่นว่าเป็นข้าได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจำนวนมากเช่นนี้”

“วิเศษ! ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะให้แต้มเสวียนเจ้าได้เท่าไหร่!” พานต้าเหว่ยกล่าวยินดีขณะเริ่มนับจำนวนแก่นอสูร

กระทั่งเขายังต้องตกตะลึงต่อจำนวนแก่นอสูรระดับแปดและเก้า เขาแทบไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด จะสามารถได้รับแก่นอสูรจำนวนมากเพียงนี้

“รวมแล้วทั้งหมด หกร้อยหนึ่งล้านห้าแสน นี่เป็นบัตรผลึกแต้มเสวียนของเจ้า!” พานต้าเหว่ยสูดลมหายใจลึกขณะนำแผ่นทรงแปดเหลี่ยมออกมา

ฉินหยุนรับบัตรผลึกแต้มเสวียนสีทองไว้ในมือ พานต้าเหว่ยหยดเลือดลงบนแผ่นทรงแปดเหลี่ยมเป็นการทำสัญญา นี่ก็เพื่อเป็นการทำหลักฐานว่าธุรกรรมครั้งนี้กระทำกับผู้ใด

หลังจัดการเรียบร้อย หกร้อยล้านแต้มเสวียนจึงปรากฏบนบัตรผลึกแต้มเสวียนของฉินหยุน

“รายชื่อผู้ถือครองแต้มเสวียนแปรเปลี่ยนทุกหนึ่งเดือน หากไม่คิดเปิดเผยตัว เช่นนั้นจงรีบใช้พวกมันโดยเร็ว” พานต้าเหว่ยหัวเราะ “ครั้งหน้าถ้ามีธุรกรรมใหญ่เช่นนี้ เชิญที่ห้องรับรองแขกพิเศษด้วยตัวเจ้าเองได้เลย จะมีคนแจ้งต่อข้าเมื่อเห็นเจ้าเข้าห้อง”

ตู้ก่วยหัวเราะ “ว่ายังไง คิดขอบคุณข้าอย่างไรดี?”

“ให้ข้าเลี้ยงสักมื้อแล้วกัน!” พานต้าเหว่ยหัวเราะ “ไปตอนนี้เลยเป็นไร? ฉินหยุน เจ้าก็มาด้วยกันเลย!”

“ผู้อาวุโส ข้าคิดอยากแลกเปลี่ยนวัชระไขกระดูกวิญญาณ ข้าสามารถแลกเปลี่ยนได้เท่าใดขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

พานต้าเหว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ “ตราบเท่าที่เจ้ามีมากกว่าสองร้อยล้านแต้มเสวียนในบัตรผลึกแต้มเสวียน เจ้าสามารถใช้หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน และสิบล้านเหรียญผลึกเพื่อแลกเปลี่ยน เจ้าสามารถแลกห้าขวดของวัชระไขกระดูกวิญญาณในตอนนี้ แต่หากแต้มเสวียนเจ้าเหลือน้อยกว่าสองร้อยล้าน จะไม่อาจแลกเปลี่ยนได้อีก”

“ขอข้าแลกเลยขอรับ!” ฉินหยุนนำเอาบัตรผลึกแต้มเสวียนและบัตรเหรียญผลึกออกมา

พานต้าเหว่ยนำขวดสีทองคำทั้งห้า ขนาดราวเหยือกสุราออกมา จากนั้นรับบัตรเหรียญผลึกและบัตรผลึกแต้มเสวียนของฉินหยุนไปจัดการ ไม่ช้า เขาจึงให้ฉินหยุนใช้พลังจิตตนเองลงในบัตรทั้งสองใบ เพื่อยืนยันการทำธุรกรรมให้เสร็จโดยสมบูรณ์

ฉินหยุนยังเหลือสี่ร้อยล้านเหรียญผลึกอยู่ในบัตร ส่วนทางด้านแต้มเสวียนเหลือเพียงหนึ่งร้อยกว่าล้านแต้ม

หลังทำการแลกเปลี่ยนสมบูรณ์แล้ว เขาคิดอยากกลับไปลองใช้วัชระไขกระดูกวิญญาณ แต่เขาโดนตู้ก่วยและพานต้าเหว่ยชวนไปดื่มกินเสียก่อน

ปกติเขาไม่คิดอยากไปแน่ ทว่าเรื่องนี้เป็นเพราะตู้ก่วยและพานต้าเหว่ย ทั้งสองเป็นผู้มีชื่อเสียงในสถาบันยุทธ์ เขารู้สึกว่าทั้งสองสมควรทราบความลับของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ดังนั้นเขาจึงเลือกตามอีกฝ่ายไป

ที่ภัตตาคารดวงดาวลึกลับข้างร้านค้าแต้มเสวียน มันเปิดกิจการโดยพานต้าเหว่ยเอง ด้วยเหตุนี้ฉินหยุนจึงไม่ลังเลคิดกินดื่มตามใจอยาก ตู้ก่วยเองก็เป็นเช่นกัน ดังนั้นกระทั่งตะเกียบยังไม่ใช้ เพียงแต่ใช้มือเปล่าคว้าอาหารเข้ามากินอย่างไม่เกรงใจกันแต่อย่างใด

พานต้าเหว่ยหัวเราะแกล้งต่อว่าหยอกเล่น “เหล่าตู้ นี่เจ้าเป็นผีหิวโซมาจากที่ใด? ได้เห็นเจ้ากินเช่นนี้ข้าอับอายนัก”

ตู้ก่วยตอบ “เหล็กสนิมเขรอะชราเช่นเจ้าหาได้ยากยิ่งที่จะเลี้ยงอาหารข้า ดังนั้นหากข้าไม่อิ่ม ข้าไม่ขอกลับอย่างแน่นอน!”

ฉินหยุนเคยกินอย่างไม่สนผู้ใดมาก่อนเช่นกัน ครั้งนี้ตู้ก่วยแทบไม่ต่างอะไรจากเขาเลย

“ผู้อาวุโสขอรับ ท่านอยู่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนมานานยิ่ง ท่านเคยได้ยินตำนานของสถาบันบ้างหรือไม่ขอรับ? ทุกครั้งที่ข้าผ่านทะเลสาบหมื่นดารา ข้าจะพบว่ามันสงบจนน่ากลัว ทั้งพื้นผิวยังดำมืด บ่อยครั้งมันให้ความรู้สึกว่ามีอะไรที่น่ากลัวอยู่ด้านล่าง” ฉินหยุนเอ่ยถาม

พานต้าเหว่ยพลันเผยสีหน้าจริงจังกล่าวคำ “เบื้องใต้ทะเลสาบหมื่นดารา เป็นมังกรวัวกระทิงราวขุนเขาถูกผนึกเอาไว้ ร่างของมันเป็นกระทิง กรงเล็บและปากเป็นมังกร เขา หู และดวงตาล้วนเป็นกระทิง เกาะของสถาบันเราก็สร้างขึ้นบนเขาของมังกรวัวกระทิงนี้”

“เรื่องนี้จริงหรือขอรับ?” ฉินหยุนเผยดวงตาเบิกกว้างแตกตื่น

1 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด