ตอนที่แล้วตอนที่ 5 สิ้นสุดวันแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 ค่าความสัมพันธ์กับ NPC

ตอนที่ 6 โต๊ะอาหาร


ผมนั่งพักอยู่ครู่นึงก่อนที่จะรู้สึกว่าร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติและอาการปวดหัวก็เริ่มหายไป

 

และหวังว่าร่างกายจะพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้เมื่อผมต้องเข้าไปเล่นเกมอีกครั้ง

หลังจากหายดีแล้วผมก็เดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นที่ชั้นล่างแต่ยังไม่ทันได้นั่งพักเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้าน

 

「ยูมิกลับมาแล้วงั้นเหรอหรือว่า...」

 

ผมมุ่งหน้าไปที่ประตูพร้อมกับบิดลูกบิดประตูและค่อยๆเปิดมันออกอย่างช้าๆ

 

ที่นั่นคนที่ผมคาดหวังว่าจะยืนอยู่ตรงนั้นราวกับว่าเธอเหนื่อยกับการรอ

 

「หนูกลับมาแล้วค่ะ พี่ 」

 

คนที่ยืนรออยู่หน้าประตูบ้านคือน้องสาวของผมเอง เธอเดินเข้ามาข้างในขณะที่ปรากฎรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ให้กับผม

 

ผมเธอของเธอสั้นถูกตัดจนสั้นและมันก็โบกสะบัดไปตามการเคลื่อนไหวของเธอ

 

เมื่อใดก็ตามที่เธอกลับบ้านเธอมักยิ้มแย้มราวกับว่าเธอดีใจที่เห็นผมมารอตอนรับเธอ

 

「ยินดีต้อนรับกลับ ประตูก็เปิดอยู่ไม่ใช่หรอทำไมเธอไม่เปิดเข้ามาเลยละ」

 

「 ชิ พี่ก็น่าจะรู้เห็นผลอยู่แล้วนี้ค่ะ」

 

「เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าพี่จะต้องมาเปิดให้เธอใช่มั้ยละ เธอเนี่ยน้าเป็นแบบนี้ตลอดเลย」

 

「โถ่ว พี่อะ..พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าหนูเหงาเวลาที่พี่ไม่อยู่ด้วยนี่น่า」

 

ผมส่ายหน้ากับความน่ารักของน้องสาวของผม

 

อย่างไรก็ตามอีกเดี๋ยวยูมืก็จะกลับมาอีกดังนั้นผมไม่ควรที่จะล๊อกประตู

 

บ้านของยูมินั้นไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านของผมมากนัก ใช้เวลาเดินทางไปกลับเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น

 

ดังนั้นผมจึงหันไปบอกริเซะ

 

「ริเซะ อย่าพึ่งล๊อกประตูนะ เดียวยูมืจะมากินข้าวกับพวกเราด้วย」

 

เมื่อริเซะได้ยินคำพูดของผมจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอกลายเป็นแข็งทื่อ

 

หลังจากนั้นราวกับว่าเธอกำลังมวนคำพูดของผมเป็นเวลาหลายวินาที ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้น ...

เธอรีบวิ่งกลับไปที่ประตูอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกดล๊อคประตูพร้อมกับเอาโซ่ที่ปิดประตูมาปิดไว้อีกชั้นนึงพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

 

เห้อ เอาอีกแล้วสินะ

 

「ริเซะ เธอล็อคประตูทำไม! พี่บอกให้เธอเปิดทิ้งไว้ไม่ใช่หรอ!? 」

 

「หนูขอโทษ หนูคงได้ยินผิด แต่ที่สำคัญกว่านั้นพี่ควรที่จะไปเตรียมข้าวเย็นให้กับหนูได้แล้วนะ」

 

「…เข้าใจแล้ว」

 

แม้ว่าริเซะจะล๊อกประตูแต่ถ้ายูมิกลับมาเธอก็คงกดกริ่งหน้าบ้าน

 

ซึ่งตัวผมเองก็อยู่ที่ชั้นล่างผมน่าจะได้ยินเสียงกริ่งนั้นจะไม่หน้ามีปัญหาอะไรเมื่อยูมิกลับมา

 

ผมจึงมุ่งหน้าเข้าไปในห้องครัวจากนั้นผมก็เริ่มเตรียมอาหารเย็น

 

เมนูวันนี้เป็นสตูว์เนื้อ

 

และเมื่อวันก่อนผมพึ่งได้รับขนมปังฝรั่งเศสจำนวนมากมากจากคนรู้จักดังนั้นผมจึงคิดว่าจะเอามากินพร้อมกับสตูว์เนื้อ

 

โดยปกติแล้วคนญี่ปุ่นจะนำสตูว์เนื้อมากินกับข้าวสวยร้อนๆ แต่ถ้าพูดถึงสตูว์กับขนมปังผมบอกได้เลยมันก็เข้ากันดีไม่น้อยไปกว่ากัน

 

แถมในตู้แช่ยังมีไวส์แดงอยู่อีกด้วย

 

ผมที่มองหาวัตถุดิบภายในตู้แช่และพยายามนึกว่ามันต้องใช้อะไรบ้างในการทำสตูว์

 

วัตถุดิบมีดังนี้: เนื้อวัว, หัวหอม, แครอท, กระเทียมเล็กน้อยและเครื่องเทศอีกห้าชนิด

 

ก่อนอื่นผมเอาเนื้อออกมาและโรยด้วยเกลือพริกไทยและแป้งสาลี จากนั้นผมก็คลุกเคล้าให้ส่วนประสมเข้ากันก่อนที่จะนำมีดมาหันให้เป็นชิ้นพอดีคำและเอาลงไปผัดบนกระทะ

 

กลิ่นหอมกระจายไปทั่วห้องครัว…โอ้ ดูเหมือนว่าผมจะลืมเปิดพัดลมระบายอากาศ

「มีอะไรให้หนูช่วยไหมพี่」

 

เมื่อผมหันกลับไปทางต้นเสียงก็เห็นริเซะที่กำลังชะโงกหน้าเข้ามาทางห้องครัวพร้อมกับเดินเข้ามา ตอนนี้เธอเปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดอยู่บ้าน

 

และเช่นเคยเธอใส่เสื้อผ้าของผมถึงแม้มันจะใหญ่สำหรับเธอไปสักหน่อยแต่ก็เหมาะกับเธอเป็นอย่างดี

 

บางครั้งเสื้อผ้าของผมบางตัวมันก็ไม่ได้เหมาะกับเธอ ... ซึ่งมันทำให้บางทีเธอก็โชว์เรือนร่างที่ดูดีไม่น้อยสำหรับเด็กผู้หญิงในวัยเรียน

 

ริเซะเดินมาหยิบผ้ากันเปื้อนตรงที่แขวน เมื่อเธอส่วนเสร็จผมรู้สึกว่าเธอดูน่ารักขึ้นและมันก็ดูเข้ากับเธอจริงๆสำหรับผ้ากันเปื้อนสีชมพู

 

「นำส่วนผสมใส่เข้าไปในหม้อแล้วเปิดไฟ」

 

「ได้เลย เราต้องเอาทุกอย่างลงไปต้มใช่ไหมพี่」

 

「ใช่ ฝากด้วยนะ」

 

「ไว้ใจหนูได้เลย」

 

เมื่อเนื้อวัวที่ผัดอยู๋เริ่มสุกและเปลี่ยนเป็นสำน้ำตาลอมแดงริเซะก็ยกกระทะขึ้นและเทลงหม้อที่ต้มน้ำไว้อยู่

 

จากนั้นผมก็หันมะเขือเทศ หัวหอม แครอทลงในหม้ออัดความดัน

 

ถักมาผมจะต้องใส่ไวน์แดงลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ ในขณะที่กำลังหันไปหยิบ..

 

「นี่ค่ะ พี่ 」

 

「ขอบใจ」

 

โดยที่ผมยังไม่ทันหยิบ ตรงหน้าผมก็มีไวน์แดงยื่นเข้ามาให้ดูเหมือนว่าริเซะจะรู้ว่าผมต้องการอะไร

 

ฉันคว้าหม้อขณะที่สวมถุงมือในครัวด้วยมือทั้งสองแล้วเทไวน์ลงไป

 

แต่ดูเหมือนผมจะเทแรงเกินไปหน่อยจนไวน์มันหกเละเทอะไปหมด

 

และแน่นอนว่ามีคนเต็มใจที่จะช่วยผมเช็ดไวน์ที่ผมทำหก

 

ขณะที่ผมหันไปหยิบผ้าและก้มลงมาเช็ดไวน์

 

ผมรู้สึกถึงอะไรอุ่นๆขณะที่กำลังก้มลงเช็ดไวน์ ซ฿่งมันไม่น่าจะใช่ความร้อนจากหม้อเพราะผมปิดฝาไปแล้ว

 

「เดี๋ยวนะ…ริเซะเธอเข้ามาใกล้ปแล้วนะ

 

「อ๊ะ ขอโทษ หนูแค่อยากจะช่วยพี่」

 

มันก็ดีอะนะที่น้องสาวของผมมาช่วยผมแบบนี้ แต่…

 

ห้องครัวในบ้านของเราไม่กว้างขวางมากนัก

 

และด้วยความที่ห้องครัวไม่ได้กว้างมากนัก ทำให้ร่างของผมกับริเซะแทบจะติดกันอยู่แล้ว

 

… แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กันขนาดนี้เลยไม่ใช่เหรอ?

 

「…อืม…เอ่อ…ขอบใจนะ…? 」

 

「พ..พี่ หนูขอรางวัลหน่อยสิอุส่าช่วยพี่เลยนะ…」

 

ในขณะที่ผมรู้สึกเขินๆ ผมลูบหัวเธอในแบบที่จะไม่ทำให้ทรงผมของเธอยุ่ง

 

เมื่อผมทำเช่นนั้นลุกขึ้นเบียดเสียดดวงตาของเธอเต็มไปความดีใจราวกับว่าเธอเป็นแมว

 

เวลาเธอช่วยเหลืออะไรผมสักอย่างเธอมักจะของรางวัลจากผม ดังนั้นผมไม่คิดว่าผมจะมีทางเลือกมากมาย แต่ก็ ...

 

เมื่อพิจารณาว่าเธออายุ 15 ปีแล้วผมก็อยากให้เธอโตขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องติดผมขนาดนี้

 

「 พี่ แล้วคุณอาเคโนะละ …? 」

 

ริเซะถามขึ้นพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป

 

อาเคโนะเป็นแม่ของพวกเราเอง

 

คิชิคามิ อาเคโนะเธอทำงานเป็นพยาบาล

 

「แม่บอกว่ามีงานเร่งด่วนหน่ะ คงกลับมาดึกๆ  หรือไม่ก็อาจจะไม่กลับมาคืนนี้…และพี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกว่าแม่ แม่จะเสียใจนะถ้าได้ยินเธอเรียกแม่แบบนั้น」

 

ในขณะที่ผมกำลังอธิบายอยู่นั้นริเซะก็รีบลุดขึ้นมาจนหน้าเธอเข้ามาใกล้หน้าของผมมากยิ่งขึ้น

 

ผมยังไม่ได้บอกสินะว่าผมกับริเซะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ

 

คนๆเดียวที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างสายเลือดของพวกเราก็คือพ่อ ใช่แล้ว..ผมและริเซะเป็นพี่น้องต่างแม่นั้นเอง เพราะพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่ผมยังเด็กและตอนนั้นรอิเซะก็เกิดแล้วหลังจากที่พ่อเสียไปมันทำให้ริเซะเหงามาโดยตลอดเพราะเธอเป็นคนที่ติดพ่อมา ดังนั้นหลังจากที่เธอย้ายมาอยู่กับผมเธอถึงมาติดผมแทน

 

ตรงกันข้ามกับระยะทางกับแม่ที่มักจะอยู่ไกลบ้านเพราะงาน

 

มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เข้ากัน แต่ทัศนคติของริเซะที่มีต่อแม่นั้นไม่ดีเท่าไหร่

 

「มันเป็นเพราะความดื้อรั้นของหนูเอง แต่หนูรอเวลาที่จะสามารถเรียกเธอว่าแม่ได้จริงๆอยู่」

 

「พี่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่…เธอหมายความว่าจะเรียกแม่ว่าแม่จริงๆเมื่อถึงเวลาใช่ไหม นั้นก็พอแล้ว 」

 

「ม..มันก็ขึ้นอยู่กับพี่ด้วยนะ … ฮิฮิฮิ」

 

「ขึ้นอยู่กับพี่ ทำไมละ?」

 

ทำไมการที่ริเซะจะเรียกอาเคโนะว่าแม่ถึงมาเกี่ยวกับผมได้ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

... ในตอนนั้นเองผมได้ยินเสียงแปลก ๆ อยู่ข้างหลังฉัน

 

ผมจึงเดินออกมาจากีิเซะและหันไปทางเสียง ... หน้าต่างของห้องนั่งเล่น?

 

มันไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคยเลย ผมจึงรีบเดินออกไปดู

 

「พี่จะไปดูเกินว่าเสียงอะไร ปล่อยให้หม้อหุงความดันตั้งเวลาไว้ที่ 30 นาที」

 

「อ๊ะ ต้องไปด้วยหรอพี่? 」

 

「ถ้าหากเป็นโจรละริเซะ แม่ทิ้งบ้านไว้กับพี่ พี่มีหน้าที่ที่น้องดูแล」

 

「 พี่หมายความว่า…」

 

ผมพยักหน้าพร้อมกับเดินออกจากห้องครัวและเดินไปที่หน้าต่างที่มีผ้าม่านปิดอยู่ภายในห้องนั่งเล่น

 

นกบินมาชนรึเปล่านะ? อย่างไรก็ตามมันทำให้เสียงแปลก ๆ ราวกับว่ามีบางอย่างติดอยู่กับมัน

 

ผมเปิดม่านเพื่อมองออกไปข้างนอกและดวงตาของผมได้พบกับ "บางสิ่ง" ในความมืด

 

ดวงตาแดงก่ำมองมาที่ฉัน ...

 

「เฮ้ย !?…ยูมิไม่ใช่หรอ!? 」

 

สิ่งที่ผมเห็นคือมือทั้งสองของยูมิที่แนบชิดกับกระจกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ถ้าเป็นไปได้เธอคงทะลุเข้ามาแล้ว

 

ซึ้งสภาพของเธอตอนนี้ต้องบอกเลยว่าน่ากลัวมาก!

 

ถ้าคนในโรงเรียนเห็นเธอเช่นนี้พวกเขาอาจจะเป็นลม…?

 

โดยเฉพาะนักเรียนหญิงอายุน้อยกว่า ...

 

เนื่องจากเธอหยุดติดหน้าต่างหลังจากสังเกตเห็นผม ผมจึงเปิดหน้าต่างทันที

 

「ยูมิ เธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้」

 

「ก็เพราะนายนั้นแหละ ฉันกดกริ่งไปตั้งหลายรอบแต่นายก็ยังไม่มาเปิดประตู หรือว่าตอนที่ฉันล้มใส่นายมันทำให้นายบาดเจ็บหรอ! ฉันคุยกับพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาบอกว่านายจะยกโทษให้ฉันถ้าฉันหมอบลงบนพื้นเพื่อขอโทษ」

 

「หยุดเลยๆ! แล้วเมื่อกี้เธอบอกว่ากดกริ่งตั้งหลายรอบงั้นหรอ? ตั้งแต่ตอนไหน?」

 

「ฮืม ก็คงตั้งแต่ 5 นาทีก่อนได้ละมั้ง ฉันกดปตั้ง 16 ครั้ง! 」

 

「เธอกดปตั้งเยอะขนาดนั้นเลยหรอ! แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเสียงกริ่งเลยละ… อ๊ะ..หรอว่า! 」

 

「วาตารุ...มีอะไรหรอ ?」

 

เนื่องจากคำพูดของยูมิ ผมจึงออกจากห้องนั่งเล่นอย่างเร่งรีบและตรวจสอบว่าเสียงกริ่งได้เปิดไว้รึเปล่า

 

อ๊ะ...ว่าแล้วว่ามันปิดไปอย่างที่ฉันคาดไว้!

 

คนที่จะทำแบบนี้ได้คงมีเพียงคนๆเดียวเท่านั้น

 

「ยัยตัวแสบรีบออกมานี้เลยนะ!」

 

ดูเหมือนผมจะพลาดไปจริงๆ

 

ผมที่เดินกลับมาหาริเซะในห้องครัวก็ปรากฎว่าริเซะไม่ได้อยู่ในห้องครัวแล้วแต่หม้อแรงดันที่ต้มสตูว์อยู่ในดูเหมือนจะถูกตั้งเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว

 

ยังไงก็ตามดูเหมือนครั้งนี้ริเซะจะทำเกินไป

 

「ยูมิ ฉันขอโทษทีนะ ครั้งหน้าฉันจะไม่ให้เห็นการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เดี๋ยวฉันจะอธิบายกับลุงอากิฟุมิเอง 」

 

「ฮืม ฉันไม่เข้าใจที่นายพูดเท่าไหร่แต่นายไม่ได้ฉันแล้วโกรธใช่มั้ย」

 

「ไม่เลยยูมิ ที่จริงแล้วเป็นฉันมากกว่าที่ต้องขอโทษเธอ… 」

 

หลังจากพูดคุยกับยูมืเสร็จ ยูมิก็พาพ่อของเธอเข้ามาค่างในบ้านในขณะที่ผมดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปริเซะและพาเธอลงมาเพื่อขอโทษลุงอากิฟุมิ ซึ่งเธอหนีไปที่ห้องของผมด้วยเหตุผลบางอย่างแทนที่จะเป็นห้องของเธอเอง

 

การที่ต้องให้แขกมารออยู่ที่หน้าประตูบ้านแบบนี้ทั้งๆที่ผมเป็นคนเชิญเขามามันชั่งน่าอายจริงๆ

 

「เอาน่าๆ ริเซะเขาก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนี่น่า วาตารุก็อย่าไปดุเธอเยอะเลย  ลุงไม่ว่าอะไรหรอก」

 

「ต้องขอโทษจริงๆนะครับ ลุงอากิฟุมิ」วาตารุรีบกล่าวขอโทษด้วยความสำนึกผิด

 

「เย้ หนูรักลุงที่สุดเลย」

 

「ยัยตัวแสบ มานี้เลย ยังจะมากระโดดดีใจอยู่อีก รีบมาขอโทษลุงอากิฟุมิก่อน 」

 

「ฮ่า ๆ ๆ ๆ  เอาน่า ลุงไม่เป็นไรหรอกวาตารุ」

 

「แต่ลุงอากิฟุมิครับ…」

 

ลุงอากิฟุมิยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและก็ไม่ด้ถือโทษโกรธเรื่องที่ต้องปล่อยให้เขารออยู่หน้าบ้าน

 

เมื่อมองแวบแรกเขาดูเหมือนชายร่างผอมและใจดีที่มีผมสีดำซึ่งทำให้เขาดูเหมือนเด็ก แต่ ...

 

「เห็นเธอเป็นแบบนี้ฉันก็สบายใจ คิดถูกจริงๆที่ฝากยูมิไว้กับเธอนะวาตารุ」

 

 

「ครับ ?」

 

「พ่อพูดถูกที่สุดเลย」 ยูมิร้องขึ้นพร้อมกับพยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะมองหน้ากันและหัวเราะออกมา

 

「ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ」

 

「…เฮ้อ…」

 

พวกคุณคงสามารถเดาได้ว่าเสียงหัวเราะของพวกเขาทั้งคู่ชั่งคล้องจองกันสะเหลือเกิน ผมไม่สงสัยเลยว่ายูมิได้ใครมา

 

อาชีพของลุงอากิฟุมิเป็นหัวหน้าฝ่ายขายใน บริษัท ยาแห่งหนึ่ง

 

ผู้คนต่างเรียกลุงอากิฟุมิว่า「 Mr 」ภายใน บริษัท ด้วยความสามารถของเขานั้นตัวตนของเขาจึงสำคัญสำหรับบริษัทอย่างมาก นั้นทำให้เขาแถบจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย

 

และวันหยุดส่วนใหญ่ของเขาก็จะไปอยู่กับการตีกอล์ฟตลอดทั้งัวนจนไม่มีเวลาให้กับยูมิ

 

ดูเหมือนว่าปัญหาทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ผมจึงพาทั้งคู่มายังห้องนั่งเล่นที่มีโต๊ะกับข้าวเตรียมรอไว้แล้ว

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่งผมก็นำเนื้อตุ๋นที่ต้มจนได้ที่แล้วยกมาที่โต๊ะ

 

ในระหว่างนี้ผมก็มีริเซะที่คอยเตรียมมันฝรั่งและบร็อคโคลี่ที่จะใช้ตกแต่งจาน

 

จากนั้นฉันวางหม้อยังร้อนอยู่บนโต๊ะอาหาร ซึ่งดูเหมือนว่าอาหารทั้งหมดจะพร้อมเรียบร้อยแล้ว

 

เมื่อยูมิเห็นสตูว์เนื้อวัวที่มาพร้อมกับควันอันหอมชุย เธอก็เอนไปข้างหน้าและทำหน้าตาราวกับว่ากำลังฝันหวานอยู่

 

แค่ท่าทางของเธอก็บอกได้เลยว่าสตูว์เนื้อนี้มันหอมและน่ากินขนาดไหน

 

「นี่ๆๆ! ฉันอยากกินแล้วอะ 」

 

「ไม่ต้องรีบร้อนเดี๋ยวเธอได้กินแน่นอน  แต่รอฉันเตรียมจานแปปนึง」

 

「…ไม่มีมารยาท」

 

ริเซะพึมพำเบาๆ

 

อย่างไรก็ตามเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เธอว่ายูมิ

 

แต่มีหรอที่ยูมิจะไม่ได้ยิน

 

「 ยัยเตี้ยเมื่อกี้พูดว่าไรนะ」

 

「ห้ะ สูงกว่าฉันแค่นิดเดียวกล้าเรียกฉันว่ายัยเตี้ยเลยหรอ สูงตายแหละ」

 

…เมื่อทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมันมักจะเป็นแบบนี้เสมอ

 

เนื่องจากผมและลุงอากิฟุมิคุ้นเคยกับมันอยู่แล้วจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากนัก

 

เมื่อพวกเขาเริ่มกินพวกเขาจะหยุดทะเลาะกันดังนั้นฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรต้องกังวล

 

「ลุงอากิฟุมิครัย นี่คือไวน์ และในสตูว์ผมก็ได้ใส่ไวน์ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความหอม」

 

「อ่า ขอบใจมากวาตารุ นี้สิถึงจากเรียกว่ามื้อเย็น…」

 

และก็เป็นอย่างที่ผมคิดว่า เมื่อสตูว์ถูกตักใส่จานของยูมิและริเซะการโต้เถียงกันของทั้งคู่ก็หยุดลง

 

ใช่นี่เป็นเรื่องปกติ

 

และด้วยวิธีการจัดที่นั่งของผมทำให้ทั้งคู่ต่างไม่มีปัญหาเพราะทางซ้ายผมเป็นยูมิและทางขวาเป็นริเซะทั้งคู่จะไม่มีทางมีปัญหาเรื่องแย่งกันนั่งข้างๆผม

พวกเราทั้งสี่คนเริ่มลงมื้อทานสตูว์เนื้อพร้อมกันอย่างสงบ

 

「หืมม อร่อย ความเปรี้ยวปานกลางความหวานของผักและกลิ่นอันหอมหวน…มันแถบจะกลายเป็นสตูว์เนื้อในร้านอาหารในภัตคารได้เลย วาตารุเธอทำมันออกมาได้ยอกเยี่ยมจริงๆ 」

 

「ขอบคุณมากครับลุงอากิฟุมิ อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับร้านอาหารในภัตคาร ... การต้มของพวกเขานั้นใช้เวลาเป็นอาทิตย์ สตูว์ของผมเอาไปเทียบไม่ได้หรอกครับ 」

 

「ฮ่าฮ่า อย่าถอมตัวเลย นี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วเชื่อลุงสิ ใช่ไหมยูมิ 」

 

「อาย๋อย 」ยูมิพูดขึ้นพร้อมกับกำลังเคี้ยวเนื้อวัวไปด้วย

 

「เคี้ยวให้เสร็จก่อนสิยูมิค่อยพูด แต่เอาเถอะ เห็นไหมวาตารุ ขนาดยูมิยังบอกเลยว่าอร่อย ยูมิลูกนี้โชคดีจริงๆที่มีเพื่อนอย่างวาตารุ 」

 

「อื่ม!」

 

「อ๊ะ ขอบคุณมากครับ…」

 

ฉันเชื่อว่ายูมิจะบอกทุกอย่างว่าอร่อยไม่ว่าเธอจะกินอะไรก็ตาม…

 

สตูว์เนื้อวัวหมือนี้ถือว่าผ่าน

 

นอกจากส่วนที่ผมทำมาเลี้ยงในวันนี้แล้วยังมีอีกส่วนนึงที่ผมแยกไว้เพื่อเตรียมให้กับแม่

 

พวกเราทั้งสี่ดื่มด่ำกับอาหารเย็นในมือนี้อย่างมีความสุขและดูเหมือนว่าทั้งลุงอากิฟุมิและยูมิจะพอใจกับสตูว์เนื้อนี้ไม่น้อยก่อนที่ทั้งคู่จะขอตัวกลับหลังจากทานเสร็จ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด