ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0212
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0214

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0213


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 213 : ระดมเพลิง

ฉินหยุนรับฟังแล้วยังต้องทึ่ง เพราะอุปกรณ์ทรงพลังเพียงนั้นกลับถูกส่งมอบให้เขาใช้งาน

เหล่าถานส่งปืนใหญ่ราชันวิญญาณให้ฉินหยุนและกล่าว “แบกไว้บนไหล่ จากนั้นใส่พลังจิตเข้าไป มาดูกันว่าเจ้าสามารถควบคุมมันได้หรือไม่!”

ฉินหยุนนำปืนใหญ่ราชันวิญญาณขึ้นไว้บนไหล่ก่อนจะใส่พลังจิตเข้าไป ตัวลำกล้องสั่นไหวเล็กน้อยขณะเขาพบว่าเชื่อมต่อกับปืนใหญ่ได้สำเร็จ

พลังจิตของเขาภายในปืนใหญ่ราชาวิญญาณ เป็นผลให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ระยะไกลผ่านกระบอกปืน ตราบเท่าที่เล็งด้วยพลังจิตควบคุมกระบอกปืน เขาจะสามารถโจมตีเป้าหมาย

เหล่าถานและเหล่าโจว ทั้งสองเผยรอยยิ้มพึงพอใจ

“ไม่เลว เจ้าสามารถควบคุมมันได้ง่ายดาย ดูเหมือนพลังจิตของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้เสียอีก” เหล่าถานหัวเราะ “เป็นเพราะลูกปืนใหญ่ราคาแพงมหาศาล พวกเราคงให้เจ้าลองตอนนี้ไม่ได้ ไว้เจอเป้าหมาย ตอนนั้นค่อยเป็นเวลาแสดงฝีมือ”

หากไม่ใช่เพราะฉินหยุน หนึ่งในพวกเขาสี่คนจำเป็นต้องใช้ปืนใหญ่ราชาวิญญาณโดยหลบซ่อนตัวอยู่ระยะไกล ส่วนอีกสามคนที่เหลือ พวกเขาต้องร่วมมือจัดการสัตว์อสูรหรือคอยหลอกล่อความสนใจ

ตอนนี้ ด้วยฉินหยุนควบคุมปืนใหญ่ราชาวิญญาณจากระยะไกล ทั้งสี่คนสามารถช่วยกันรับมือสัตว์อสูรร่วมกันได้ดีมากขึ้น

ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นตอนนี้ การมีบุคคลที่เหมาะสมช่วยงานถือเป็นเรื่องดี เพราะแบบนี้พวกเขาจึงต้องการให้ฉินหยุนเข้าร่วม

ฉินหยุนส่งปืนใหญ่ราชาวิญญาณแก่เหล่าถาน มันเป็นวัตถุล้ำค่า ผู้อื่นคงไม่มอบให้แก่เขาเก็บดูแลโดยง่ายอย่างแน่นอน

เขาแทบรอถึงเวลาทดลองใช้ไม่ไหวจนยิ้มออก “เหล่าถาน ท่านเจอเป้าหมายหรือยัง?”

“ยัง แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เขตสองมีเป้าให้ยิงเยอะแยะ!” ผู้อาวุโสโจวหัวเราะตอบ

“ไปกัน ออกค้นหาเหยื่อกันดีกว่า”

เมื่อเหล่าถานได้เห็นพลังจิตของฉินหยุนที่แข็งแกร่งยิ่ง เขายินดี เรื่องนี้จะทำให้ศักยภาพโดยรวมหน่วยของพวกเขาเพิ่มขึ้น

ฉินหยุนติดตามพวกเขาออกสู่ด้านนอกอาคาร ขณะเดียวกัน เขามองขึ้นไปยังเก้าตะวันด้านบนท้องฟ้า สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่หนาแน่นมากขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาอยู่ในเมืองช่วงกลางวัน

ขณะตามหลังกลุ่มผู้อาวุโส เขาก็ยังคงระแวดระวังไปด้วยขณะถาม “เหล่าถาน เขตสองนี้มีคนอยู่มากหรือไม่?”

“มีหลายหน่วยหลบซ่อนตัวอยู่ ตามปกติก็ถือว่ายากพบเจอ แต่เขตสองมีคนจำนวนไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาสมาชิกหน่วยที่เหมาะสม อย่างไรแล้วที่นี่ก็คือเขตสอง มีแต่ปลาใหญ่กับมังกรชุกชุมไปหมด ถ้าเกิดได้บุคคลเจตนาร้ายเข้าร่วมหน่วย นั่นถือเป็นการสร้างเภทภัยแก่ตัวเองแล้ว” เหล่าถานบอกเล่าออกมา

ฉินหยุนเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด เขาเป็นเพียงคนเดียวที่นี่ซึ่งไม่ได้อยู่ที่เมืองอี้แต่แรก ดังนั้นแล้ว เหล่าถานและคณะจึงค่อนข้างวางใจได้ไม่น้อย

“สัตว์อสูรในเขตสองยังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก แต่พวกที่เขตหนึ่งน่าสะพรึงนัก สัตว์อสูรแต่ละฝูงอย่างน้อยจะมีสัตว์ระดับวิญญาณสองตัว มีแต่หน่วยเล็กที่จัดตั้งโดยผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าจึงกล้าเหยียบย่างเท้าเข้าไป” โจวต้าถอนหายใจ

ฉินหยุนเกิดความสงสัย “เหตุใดสัตว์อสูรถึงไปรวมตัวกันที่สองเขตนี้ละ?”

เหล่าถานพลันหยุดขณะถามผู้อาวุโสโจวและสำรวจมองรอบด้าน พวกเขาวิ่งมาจนถึงตอนนี้และหยุดชะงัก ทางหนึ่ง นี่ก็เพื่อได้พักฟื้นปรับสภาพ อีกทางหนึ่ง ก็เพื่อหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรซุ่มโจมตี

หลังจากเหล่าถานตรวจสอบรอบด้านเรียบร้อย เขาจึงตอบ “สัตว์อสูรสังหารผู้คนของเขตสามและสี่ไปมาก พวกมันกักเก็บร่างจำนวนมากเอาไว้ และเคลื่อนย้ายพวกมันสู่เขตหนึ่งและเขตสอง นอกจากนี้ ยังมีธารน้ำอยู่ในเขตหนึ่งและสอง ต้นธารน้ำอยู่ที่ศูนย์กลางของเขตหนึ่ง”

ฉินหยุนถามต่อ “กรณีแบบนั้น สถานที่ซึ่งใกล้ธารน้ำคืออันตรายที่สุด?”

เหล่าถานพยักหน้า “เลียบฝั่งธารน้ำ ส่วนใหญ่จะมีสัตว์อสูรประจำการอยู่ แน่นอนว่าก็มีกลุ่มมนุษย์สร้างที่หลบภัยใกล้เคียงเช่นกัน ยามเมื่อผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าและกายวรยุทธ์ระดับเก้าร่วมมือกัน พวกเขาก็แข็งแกร่งไม่น้อยหน้าพวกมัน”

โจวต้ากล่าว “ถือว่าโชคดี ที่ต้นธารน้ำอยู่ในเขตหนึ่งเป็นมนุษย์ปกครองอยู่ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาอาจน่ากลัวกว่านี้”

“พี่โจว ท่านเคยไปที่เขตหนึ่งมาก่อนหรือ? สัตว์อสูรที่เขตหนึ่งสมควรน่าสะพรึงยิ่ง ข้านึกไม่ออกเลยว่ามนุษย์จะต้านทานสัตว์อสูรทรงพลังอำนาจเช่นนั้นไว้ได้!” ฉินหยุนประหลาดใจไม่น้อย เขายังคิดว่าเมืองอี้ถูกสัตว์อสูรยึดครองใจกลางไปหมดเสียแล้ว

โจวต้าหัวเราะดัง “ข้าไม่เคยไปหรอก แต่ข้าอยู่ในเมืองอี้มานานหลายปียิ่ง ข้าจึงรู้ว่ามียอดฝีมือหลบซ่อนตัวตนอยู่ในเมืองอี้ และต้นธารน้ำก็คือสถานที่ซึ่งยอดฝีมือทรงพลังปกครอง ดังนั้นพวกเขาต้องปกป้องมันเอาไว้ด้วยชีวิตแน่”

ผู้อาวุโสโจวหุบยิ้มขณะเผยใบหน้าเคร่งเครียด “มีกลุ่มสัตว์อสูรที่พ่ายแพ้มาอยู่ไม่ไกล! รวมแล้วน่าจะมีสามสิบตัว มีห้าตัวอยู่ระดับเก้า หนึ่งในนั้นอยู่ระดับวิญญาณ”

“เป็นสัตว์อสูรประเภทใดกัน?” เหล่าถานขมวดคิ้ว เตรียมหาทางรับมือ

ผู้อาวุโสโจวกล่าวตอบ “อาชาหมาป่า! ร่างเป็นม้า หัวเป็นหมาป่า มีกรงเล็บอยู่ที่ขาทั้งสี่”

หลังจากนั้น เขาจึงนำเอากระดาษออกมาแผ่นหนึ่งวาดรูปสัตว์อสูรให้เห็น

“ดวงตาของมันใหญ่เป็นพิเศษ หัวดูแล้วน่าจะแข็งแรงไม่น้อย ปกติสัตว์อสูรประเภทนี้จะปล่อยพลังงานออกจากปากหรือดวงตาเพื่อโจมตีได้” เหล่าถานเริ่มวิเคราะห์ความสามารถสัตว์อสูร

ผู้อาวุโสโจวตอบคำ “สัตว์อสูรระดับเก้าจำนวนห้าตัว รับมือได้ไม่ง่ายเลย ที่เหลือคือระดับเจ็ดและแปด ก็ไม่ใช่รับมือได้ง่ายนักเพราะจำนวน แต่พิจารณาจากจุดที่ว่าฝูงนี้พ่ายแพ้หลบหนีมา พวกมันน่าจะยังบาดเจ็บอยู่”

เหล่าถานคือผู้นำ ดังนั้นแล้วจึงเป็นเขาตัดสินใจว่าจะลงมือหรือไม่

“อาหยุน รับนี่ไป ให้โจมตีไปตามสถานการณ์ ตอนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องเข้าโจมตีสัตว์ระดับวิญญาณ นี่เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของพวกเราในสมรภูมิเท่านั้น ยกตัวอย่าง หากพวกเราเกิดพลาดและโดนสัตว์อสูรระดับเก้าโจมตี เช่นนั้นเจ้าสามารถลงมือ”

เหล่าถานส่งปืนใหญ่ราชาวิญญาณให้ฉินหยุน ทั้งยังมอบไข่มุกสีขาวสามลูกให้ด้วย

ฉินหยุนใส่กระสุนปืนใหญ่ทั้งสามลูกในปืนใหญ่ ด้วยการควบคุมของเขา เขาสามารถยิงลูกปืนใหญ่ออกไปได้ตามแต่ใจต้องการ หากเป็นสัตว์ระดับวิญญาณ เพียงสองนัดก็เพียงพอทำให้มันบาดเจ็บรุนแรงได้แล้ว

“ทางที่ดีก็อย่าได้ยิงจะดีกว่า ลูกกระสุนหนึ่งลูกมูลค่าสิบล้านเหรียญผลึก!” เหล่าถานตบไหล่ฉินหยุนและยิ้มกล่าว “หากเจ้ามั่นใจ เช่นนั้นก็จะยิ่งสามารถใช้งานปืนใหญ่กระบอกนี้ได้ดีมากขึ้น”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ

หากระยะเกินหนึ่งพันเมตร ปืนใหญ่จะไม่อาจยิงอย่างแม่นยำได้

ฉินหยุนตามพวกเขาไป หลังเข้าถึงพื้นที่ระยะหนึ่งพันเมตร เขาจึงปืนขึ้นบนยอดอาคารแห่งหนึ่งที่สภาพไม่เลวร้ายนักหลบซ่อนตัวเอง

ด้วยการแบกปืนใหญ่ไว้บนไหล่ เขาสามารถใช้พลังจิตเพื่อถ่ายทอดเข้าสู่ปืนใหญ่ ทั้งยังสามารถเห็นกลุ่มอาชาหมาป่าที่พักผ่อนกันบนพื้น แม้อยู่ห่างออกไปจากตรงนี้แปดถึงเก้าร้อยเมตรก็ยังสามารถเห็นได้ชัดเจน

พวกมันจำนวนหนึ่งกำลังกัดกินร่างมนุษย์ ไม่มีผู้ใดทราบว่าบุคคลที่พวกมันกำลังกินอยู่นั้นเป็นพวกมันล่ามาได้จากที่ใด

ผู้อาวุโสโจวรวดเร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงเป็นแนวหน้าคนแรกที่เข้าระยะปะทะ ด้วยขวานในมือทั้งสอง ฉับพลันเขาจึงปรากฏตัวที่ตรงกลางของฝูงอาชาหมาป่า

โจวต้าและโจวเอ้อ ทั้งสองตามติดเช่นเดียวกัน อุปกรณ์วิญญาณของพวกเขาคือกระบี่หนักยาวสองเมตร เพียงมองก็ทราบว่ามันหนักมหาศาล กระนั้นพวกเขาก็สามารถร่ายรำพวกมันได้อย่างคล่องแคล่ว ด้วยการเคลื่อนไหวไหลลื่น เพียงฟันไม่กี่ครั้งก็สามารถปลิดชีพสัตว์อสูรระดับแปดจำนวนหนึ่งได้แล้ว

เมื่อสามพ่อลูกตระกูลโจวเข้าปะทะ พวกเขาก็จัดการอาชาหมาป่าระดับเจ็ดและแปดไปได้จำนวนหนึ่ง

พวกระดับเก้าล้วนได้รับบาดเจ็บ เมื่อพวกมันพบเป็นมนุษย์เข้าโจมตี จึงเริ่มตอบโต้ แต่ตอนนี้เอง เหล่าถานก็ทะยานกายเข้าปลิดชีพพวกมันแล้ว

อาวุธวิญญาณในมือของเหล่าถานเป็นดาบสั้นขนาดใหญ่ ด้วยการเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้าหาฝูงสัตว์อสูร เป็นเขาเพ่งเล็งสัตว์อสูรระดับเก้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อถึงระยะ ดาบสั้นในมือจึงกวัดแกว่งเข้าใส่ร่างของสัตว์อสูรระดับเก้า

ฝูงสัตว์อสูรหอนร้องด้วยความโกรธแค้น พลังงานมหาศาลพลันทะลักจากปากพวกมันขณะดาบสั้นเข้ามาใกล้

แทบจะพร้อมกันนี้ ดาบสั้นกลับคืนสู่มือของเหล่าถาน พ่อลูกตระกูลโจวเร่งรีบทะยานกายเข้าหา

อย่างกะทันหัน ออร่าทรงพลังพลันปรากฏ รวมเข้ากับสายลมกระโชกรุนแรง มันสามารถพัดพาเอาเศษซากอาคารไปได้

นี่เป็นออร่าของสัตว์อสูรระดับวิญญาณ!

ปืนใหญ่บนไหล่ของฉินหยุนเล็งเป้าตามติดสัตว์อสูรระดับวิญญาณผ่านทางจิต

“ขอลองหน่อยเถอะ!” เพียงคิด กระสุนปืนใหญ่สองลูกถูกยิงออก เพียงพริบตา พวกมันจึงยิงเข้าใส่ร่างสัตว์อสูรระดับวิญญาณที่ห่างออกไปราวเก้าร้อยเมตร

สัตว์อสูรตัวนี้ก็เป็นอาชาหมาป่าเช่นกัน ทว่าร่างกายของมันใหญ่กว่าตัวอื่นในฝูงเด่นชัด!

ตู้ม

หลังจากกระสุนปืนใหญ่พุ่งออก มันเข้าปะทะร่างกายศัตรูอย่างแม่นยำ ร่างใหญ่โตของอีกฝ่ายพลันลอยลิ่วกระเด็นเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

ตึง!

หลังโดนยิงด้วยปืนใหญ่ ร่างใหญ่ยักษ์ของมันจึงเกิดขึ้นเป็นรูร่องรอยการระเบิด เลือดและเนื้อถึงกับเหวอะหวะกระเด็นไปทั่ว

ฉินหยุนตระหนกเมื่อได้เห็นเช่นนี้ นี่คือพลังอำนาจของปืนใหญ่ราชันวิญญาณ มันเหนือกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก!

เหล่าถานและคณะยินดีขณะที่ผู้นำฝูงถูกสังหารไปได้ พวกเขาตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลต่อภัยคุกคามจากสัตว์อสูรระดับสูงอีกต่อไป

ฉินหยุนรับชมพวกเขาต่อสู้จากระยะไกล ตอนนี้รอยยิ้มผ่อนคลายค่อยเผยออก

ฝูงสัตว์อสูรร่วงโรยทีละตัวทีละตัว หน่วยห้าคนสามารถสังหารฝูงสัตว์อสูรที่มีสัตว์อสูรระดับวิญญาณได้!

โดยทันที ฉินหยุนวิ่งเข้าไปบริเวณสมรภูมิรบและยิ้มกล่าว “นี่เป็นเพราะพลังอันน่าทึ่งของปืนใหญ่ราชันวิญญาณ หากเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าสองคนโดนมันเข้า ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน!”

เหล่าถานรับปืนใหญ่คืนจากฉินหยุน เสียงหัวเราะหนักแน่นดังให้ได้ยิน “แน่นอน! สิ่งนี้เป็นมรดกของบรรพบุรุษข้า ย้อนกลับไปตอนนั้น เพื่อปกป้องสิ่งนี้ไม่ให้ถูกพรากเอาไป ตระกูลข้าต้องถูกขั้วอำนาจหลายแห่งรุมเร้า ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกและต้องมาอยู่ที่เมืองอี้แห่งนี้”

เขาถึงขั้นกล้าส่งมอบของมูลค่าสูงล้ำให้ฉินหยุนใช้งาน นี่เป็นการเสี่ยงอย่างยิ่ง แน่นอนว่าฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด กระทั่งว่าเขาคิดอยากหนี อีกฝ่ายย่อมสามารถไล่ตามได้ทัน

ฉินหยุนคิดอยากครอบครองอุปกรณ์วิญญาณเช่นนี้นัก ทว่ามันไม่ใช่ง่ายแก่การหลอมขึ้น อุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน จำเป็นต้องมีพิมพ์เขียวและวัสดุที่จำเป็น รวมถึงวัสดุพิเศษ

หลังนับจำนวนผลเก็บเกี่ยวจากการศึก พวกเขาได้แบ่งสัดส่วนกันอย่างเท่าเทียม

หากฉินหยุนได้รับแก่นอสูรระดับเก้าจำนวนห้าแก่น เขาจะสามารถนำไปแลกเปลี่ยนได้เป็นยี่สิบห้าล้านแต้มเสวียน นอกจากนี้จำนวนแก่นอสูรจากฝูงสัตว์อสูรเหล่านี้ที่ถูกทำลาย รวมกันก่อนแบ่งแล้วสูงล้ำมากถึงหนึ่งร้อยสามสิบล้านแต้มเสวียน

เป็นเรื่องดีที่เขาสามารถได้รับผลประโยชน์มากมาย อย่างไรแล้วเขาก็ไม่ได้ลงแรงอะไรมากนัก

หลังพักผ่อนชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อพละกำลังฟื้นคืนแล้ว พวกเขาจึงออกเดินทางกันต่อ นี่ก็เพื่อค้นหาสัตว์อสูรกลุ่มอื่น

ด้วยเวลาสองหรือสามวัน พวกเขาเจอสัตว์อสูรอยู่เป็นกลุ่มจำนวนหนึ่ง เป็นเพราะมีกลุ่มสัตว์อสูรขนาดใหญ่มากกว่าร้อยตัว เหล่าถานจึงตัดสินใจหลีกเลี่ยง

สถานการณ์เช่นตอนนี้พวกเขายังไม่มั่นใจนัก ดังนั้นการไม่บุ่มบ่ามจึงดีกว่า

หากพวกเขาไม่สามารถจัดการทั้งฝูงลงได้ ก็หมายความถึงผิดพลาด กระทั่งว่าไม่มีผู้เสียสละชีวิต พวกเขาก็อาจต้องเสียลูกปืนใหญ่ที่ล้ำค่า

ในช่วงเย็น เหล่าถานนำกลุ่มมุ่งหน้าสู่อาคารหินร้างเจ็ดชั้น และเลือกพักผ่อนที่ชั้นบนสุด

“หาเหยื่อที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราจำเป็นต้องอดทน” เหล่าถานกล่าวคำขณะยืนตรงหน้าต่างเพื่อรับชมพระอาทิตย์ตกดิน

ฉินหยุนเองก็อดทนเช่นกัน เพราะอยู่กับเหล่าถานและคณะถือว่าปลอดภัยมาก หากเขาเผชิญหน้ากับเหยื่อที่เหมาะสม เขาแทบไม่จำเป็นต้องลงแรงอะไรมากเพื่อรับส่วนแบ่ง

อย่างกะทันหัน ผู้อาวุโสโจวซึ่งกำลังหลับตาพักผ่อน พลันยืนขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “มีคนเข้ามาใกล้! เป็นหน่วยขนาดเล็กประกอบด้วยผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด