ตอนที่แล้วGE247 ลู่ซ่งหยุนผู้บ้าคลั่ง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE249 สิ่งที่อยู่ในใจว่านเอ๋อร์ [ฟรี]

GE248 โลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ [ฟรี]


โลหิตอสูรของหนิงฝานยกระดับถึงระดับ 61

ลึกลงไปใต้ก้นสระ หนิงฝานลอยนิ่งราวกับศพ แต่นิ้วยังสัมผัสกันเป็นท่าทางตามวิชาลับ

เมื่อแก่นโลหิตของลู่ซ่งหยุนผสานเข้ากับรูปปั้นอสูร โลหิตในสระก็ร้อนขึ้นราวกับลาวา

“ลู่ซ่งหยุนกำลังช่วยข้า… คาดไม่ถึงว่ามันจะมีวิธีช่วยเร่งการดูดซับโลหิตด้วย...”

หนิงฝานเพ่งสมาธิไปกับการดูดซับโลหิต ระดับของโลหิตเพิ่มพูนต่อเนื่อง

61… 62… 69

ผ่านไปอีก 3 วัน ระดับโลหิตของหนิงฝานบรรลุระดับ 70 และความเร็วในการยกระดับก็เริ่มลดลง

71… 72… 79

ผ่านไปอีก 10 วันโลหิตหนิงฝานบรรลุระดับ 80

81… 82.. 89

ผ่านไปอีก 1 เดือน โลหิตบรรลุระดับ 90

ผ่านไปอีก 2 เดือน โลหิตยกระดับเป็น 99!

หากบรรลุระดับ 100 ได้ หนิงฝานก็ได้ปลุกโลหิตโบราณไม่สมบูรณ์

ในโลหิตของอสูรทุกตนจะมีโลหิตของบรรพบุรุษอสูรผสานอยู่เล็กน้อย

หากโลหิตบรรลุในระดับที่แข็งแกร่งพอ ก็สามารถโลหิตของบรรพบุรุษอสูรได้

หนิงฝานตั้งมั่นกับการยกระดับโลหิต

การยกระดับโลหิตโบราณไม่สมบูรณ์นั้น แบ่งออกเป็น 2 เส้นทางที่ยากจะกำหนด หนึ่งคือเส้นทางที่อ่อนแอ สองคือเส้นทางที่แข็งแกร่ง หนิงฝานสังหรณ์ใจว่า ตนเองจะต้องก้าวไปในเส้นทางที่อ่อนแอ

เส้นทางที่อ่อนแอนั้น คือหนิงฝานจะปลุกโลหิตของอีกกาทองคำทั่วไปได้

แต่หากเป็นอีกเส้นทาง หนิงฝานจะปลุกโลหิตอีกาทองคำจักรพรรดิได้

“โลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ...”

โลหิตในระดับนั้น มีโอกาส 1 ใน หมื่นเท่านั้นที่จะสำเร็จ

การปลุกโลหิตครั้งที่ 2 คือรากฐานที่จะทำให้ได้ครองโลหิตโบราณจริงๆ ซึ่งการปลุกโลหิตครั้งต่อๆไปจะทำให้โลหิตทรงพลังขึ้น

ยามนี้ดูเหมือนหนิงฝานจะอยู่ไม่ไกลจากโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิมากนัก

หมิงเชว่น้อย...ปีศาจสมุนไพร นางเองก็มีโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิอย่างวิหคทมิฬ

หากได้ครอบครองโลหิตระดับนั้น อสูรมากมายจะยอมก้มหัวให้

“ข้าต้องปลุกโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ เพื่อเป็นราชาของเหล่าอสูรให้ได้...”

หนิงฝานขบคิด ตนเองดูดซับโลหิตของอสูรไปมากมายนับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างนั้น โอกาสที่จะปลุกโลหิตของเผ่าพันธ์ุจักรพรรดิได้นั้น มีโอกาสเพียงหนึ่งในล้าน

คงยากที่จะปลุกโลหิตเผ่าพันธุ์จักนพรรดิ

หนิงฝานยิ้ม ดูเหมือนตนเองจะโลภมากจนเกินไป

ขนาดลี่ป่านปลุกโลหิตมังกรอัสนีโบราณได้สำเร็จ มันยังดีใจแทบตาย แต่หนิงฝานที่มีโลหิตอสูรสูงชั้นกว่า แม้ไม่ใช่โลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ แต่หากปลุกโลหิตครั้งที่ 3 สำเร็จ ก็น่าจะแข็งแกร่งกว่าลี่ป่าน

“ลืมเรื่องปลุกโลหิตอีกาทองคำไปดีกว่า...”

หนิงฝานทำมือเป็นท่าทาง โลหิตบรรลุระดับ 100 ทันที!

หนิงฝานดูดกลืนเอาโลหิตอสูรทั้งหมดเข้ามาในร่าง

ยามนี้เอง ลู่ซ่งหยุนผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

“ยดดเยี่ยม ในที่สุดโลหิตของเจ้าก็บรรลุระดับ 100 สมควรเริ่มปลุกโลหิตโบราณไม่สมบูรณ์ได้ โอกาสในการสำเร็จเองก็มีไม่น้อย ฮ่าฮ่า! แบบนี้ข้ารอดแล้ว!”

ลู่เฉิงยิ้มอย่างพึงพอใจ ชื่อของหนิงฝานเลื่อนมายังอันดับที่ 49 ซึ่งมีระดับเหนือกว่ามัน

“ลู่ซ่งหยุนไม่ได้คิดร้าย… ดีๆ! ข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ!”

ใกล้ๆกับสระโลหิต ว่านเอ๋อร์ที่เฝ้ารอหนิงฝานมานานหลายเดือน เผยรอยยิ้มที่ยินดี

“ไม่ผิดแน่ แสงสีทองนั่น...โลหิตโบราณไม่สมบูรณ์! จากกลิ่นอายที่แผ่ออกมา สมควรเป็นโลหิตของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง!”

นายเฝ้ารอให้หนิงฝานปลุกโลหิต

หนิงฝานที่อยู่ใต้สะ มีปีกสีทองคู่ใหญ่กระพือออกจากแผ่นหลัง!

หนิงฝานยามนี้ดูราวกับร่างที่หล่อขึ้นจากทองคำ ดวงตากระจ่างใสราวกับดารา

อีกเพียงนิดเดียว การยกระดับโลหิตของหนิงฝานจะสิ้นสุด

แต่ในชั่วลมหายใจนั้น ความรู้สึกบางอย่างก็ปรากฏ

ยิ่งดูดกลืนเอาโลหิตในสระเข้ามาในร่างมากเท่าไหร่ หนิงฝานยิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า บางสิ่งภายในร่างกำลังจะปรากฏออกมา

“ความรู้สึกนี้… หรือจะเป็น...”

หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น

เขาเร่งนำศิลาบางอย่างออกมาจากอุปกรณ์เก็บของ

ศิลาก้อนนี้ตงสู่เป็นคนมอบให้ มีชื่อว่า ‘ศิลาพยากรณ์’

มันคือศิลาที่ช่วยทำนายเหตุการณ์ที่อาจเกิดในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นจะเกี่ยวข้องกับชะตากรรมที่ต้องประสบ

ไม่มีสิ่งที่สามารถพยากรณ์โชคชะตาได้อย่างแม่นยำ โชคชะตาเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิต มีความรู้สึก มีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ ที่สำคัญ เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่อาจสัมผัส

แต่ตงสู่คือผู้ที่คุ้นเคยกับเต๋าแห่งโชคชะตา มีวิชาพยากรณ์ทำนายที่ท้าทายสวรรค์ กระทั่งสร้างศิลาพยากรณ์ขึ้นมาได้

หนิงฝานกำศิลาไว้ในมือแน่น และมันก็เปล่งแสงสีเขียว

แต่ไม่นานนัก ศิลาก็เปลี่ยนเป็นสีเหลือง

ดวงตาหนิงฝานเบิกกว้าง ความสัมผัสได้ว่า สิ่งที่กำลังพยายามออกตัวเขาคือโชคชะตา!

“เป็นไปได้ยังไง!? ตงสู่บอกว่าข้าจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณไม่ได้ ไม่อย่างนั้น โชคชะตาจะไม่อยู่กับข้าอีกต่อไป แต่ทำไมมันถึงเกิดขึ้นตอนที่ข้าปลุกโลหิต...”

หนิงฝานไม่รู้ว่าชะตากรรมจะหนีไปที่ใด

แต่ยามนี้ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจบางสิ่ง

นั่นก็คือหนิงฝานได้เดินตามแผนการณ์ที่ใครบางคนวางไว้ ซึ่งการปลุกโลหิตโบราณนั้น ก็เป็นแผนการณ์อีกก้าวหนึ่งของมัน

และหากหนิงฝานทำสำเร็จ โชคชะตาของเขาจะไม่อาจหวนกลับ และต้องเผชิญกับสิ่งที่น่าเจ็บปวด นั่นคือการจากไปของโชคชะตา

“โลหิตอีกาทองคำไม่สมบูรณ์!”

ยิ่งขบคิดหนิงฝานก็ยิ่งหวาดกลัว

บรรพบุรุษอสูรมอบโชคชะตาให้หนิงฝานได้รับโลหิตอีกกาทองคำ

บรรพบุรุษอสูรมอบโชคชะตาให้หนิงฝานได้พบระฆังทะเลตะวันออกในป่าแห่งภูติพราย

ทุกสิ่งเป็นไปราวกับได้ตระเตรียมไว้จนหมด กระทั่งมาจนถึงวันนี้ วันที่หนิงฝานได้ปลุกโลหิตอีกาทองคำ

บางที… การเข้าร่วมนิกายกุ่ยเชว่ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการณ์

หรือผู้ที่เป็นคนบงการทั้งหมดคือหมิงเชว่… หรือนางจะเป็นเซียนผู้ลึกลับ...

แววตาหนิงฝานเผยถึงความโกรธแค้น เขาไม่ชอบให้ใครมาบงการ และไม่ชอบก้าวเดินไปตามแผนการณ์ที่คนอื่นวางเอาไว้

หนิงฝานก้มมองศิลาในมือ แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา

“ทำให้ข้าเดินไปตามแผนการณ์ของเจ้าได้คงจะมีความสุขมาก… แต่วันนี้ ข้าจะทำลายแผนการณ์ของเจ้า!”

เบื้องหน้าหนิงฝานปรากฏเส้นทางสองสาย

สายแรกคือการปลุกโลหิตอีกาทองคำไม่สมบูรณ์

สายที่สองคือการปลุกโลหิตโบราณไม่สมบูรณ์

เซียนเป็นตัวตนที่ลึกลับจนยากจะหยั่งถึง และมันผู้นั้นก็วางแผนให้เขาก้าวเดินมาจนถึงทุกวันนี้

และเซียนผู้นั้นไม่ได้คิดเลยว่าหนิงฝานจะรู้ความลับเข้า

และสุดท้ายหนิงฝานก็รู้!

วันนี้หนิงฝานจะปลุกโลหิตอีกาทองคำไม่สมบูรณ์ หรือปลุกโลหิตโบราณไม่สมบูรณ์ได้นั้นจะได้รู้กัน เขาจะก้าวเดินไปตามแผนการณ์ของคนผู้นั้นหรือไม่นั้น วันนี้จะได้รู้กัน

“ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหนล้วนก้าวเดินไปตามแผนการณ์ของมันอยู่ดี… ข้าต้องสร้างเส้นทางของตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่าเซียนผู้นั้นคิดผิด”

“ข้าจะต้องปลุกโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิที่สมบูรณ์ให้ได้!”

“แม้จะแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นไปได้!”

“ข้าจะทุ่มทุกสิ่งเพื่อทำให้เป็นจริง... ข้าจะไม่แพ้!”

แสงสีทองทั่วร่างหนิงฝานหายไป

การปลุกโลหิตของหนิงฝานล้มเหลว!!

ลู่เฉิงที่เฝ้ามองกำแพงหยก จ้องมองชื่อของหนิงฝานด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง

เมื่อครู่บนกำแพงหยกปรากฏโลหิตอีกาทองคำขึ้นข้างๆชื่อหนิงฝาน แต่ยามนี้ ข้อความนั้นกลับเปลี่ยนไปเป็นโลหิตอสูรวิหคดังเดิม!

ลู่ซ่งหยุนหัวใจแทบหยุดเต้น

ความพยายามของมันสูญเปล่า! เหตุใดการปลุกโลหิตถึงล้มเหลว!

ลู่ว่านเอ๋อร์เองก็ตกตะลึง

เมื่อครู่นางเห็นกับตาว่าหนิงฝานกำลังจะปลุกโลหิตอีกาทองคำไม่สมบูรณ์ แต่จู่ๆมันก็หายไป

นางเห็นหนิงฝานที่ทั่วร่างชโลมไปด้วยโลหิต ค่อยๆตะเกียกตะกายขึ้นมาจากสระโลหิต ภาพที่ปรากฏทำให้นางโศกเศร้า

“ลู่เป่ย… เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...”

“เหตุใดถึงล้มเหลว… เป็นไปได้ยังไง”

“แต่เจ้าไม่ต้องเสียใจ ถึงเจ้าจะล้มเหลว...เจ้ายังคงมีข้าอยู่ข้างกาย...”

เมื่อขึ้นมาถึงขอบสระ หนิงฝานลุกยืน จ้องมองเข้าไปในดวงตาของนาง แววตาของเขายามนี้ไร้ซึ่งความเสียใจ ไร้ซึ่งความล้มเหลว มีเพียงความสำเร็จและบ้าคลั่ง

เขาลูบศีรษะนางเบาและยิ้มให้ แต่ชั่วลมหายใจนั้น เจตนางต่อสู้ที่รุนแรงกลับปะทุออกจากร่างของข้า

“ข้าไม่ได้ล้มเหลว! การปลุกโลหิตที่ผ่านมาเป็นไปตามแผนการของมัน… แต่ครั้งนี้ ข้าจะทำลายแผนการของมัน!”

นางไม่เข้าใจว่าหนิงฝานพูดถึงอะไร แต่นางรู้...ว่าหนิงฝานจงใจทำให้ล้มเหลว!

หนิงฝานนำอุปกรณ์บันทึกแต้มออกมา กระตุ้นมันให้หักแต้มของตนออกไปอีก 1 แสน! ยามนั้นเอง โลหิตอสูรในสระฟื้นสภาพ เดือดปุดเป็นฟอง ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปในสระอีกครั้ง

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงได้จูงจมูกข้าแบบนี้!”

ห่างออกไปจากโลกพิรุณ บริเวณที่อัดแน่นไปด้วยพลังมิติ มีประตูขนาดใหญ่วางในตำแหน่งต่างๆ 4 ประตู

ประตูเหล่านั้นถูกเรียกขานว่าประตูสวรรค์

ไกลออกไปจากประตูเหล่านั้น มีชายชราผมขาวคนหนึ่ง

ชายชราผู้นี้กำลังเล่นหมากกระดานกับตนเอง

มันหยิบหมากวางลงไปยังตำแหน่งต่างๆของกระดาน บ้างหมากเหล่านั้นกลายเป็นสีขาว บ้างหมากเหล่านั้นกลายเป็นสีดำ

ด้านหลังของมันมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่อย่างสงบ

ชายชราหันกลับมายิ้มให้คนผู้นั้น

“หมิงเอ๋อร์...”

“ขอรับ!”

“ยามนี้เจ้าบรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตไร้แบ่งแยกแล้ว เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวจะบรรลุความเป็นเซียน ก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่… ในฐานะที่ข้าเป็นอาจารย์เจ้า เป็น ‘จักรพรรดิเซียนโชคชะตา’ ข้าจะให้เจ้าเลือกภาชนะที่เหมาะสม ให้เจ้าได้ดูดกลืน เมื่อนั้น เจ้าจะได้บรรลุเซียนสักที”

“สมควรเป็น ‘คุ่ยหลิง’ ผู้ปกครองดาราระดับ 2 แห่งแดนสวรรค์ใต้!” ซื่อหมิงกล่าวด้วยความนอบน้อม

“นั่นยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด… ข้าสะกดมันไว้หมื่นปีในทะเลใต้ แต่มันขัดขืน ตัดแขนตัวเอง ความเกลียดชังที่มันมีต่อข้าทำให้จิตใจของมันแข็งกร้าวราวกับกระบี่ กระทั่งมันสามารถก่อเนตรกระบี่ขึ้นได้… เนตรกระบี่ของมันทรงพลัง เหมาะให้เจ้าดูดกลืนเพื่อทะลวงขอบเขต แต่มันยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด!”

“เช่นนั้น ข้าเลือก… ประมุขนิกายเมฆา ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ 8 ‘จินเผิง’” ซื่อหมิงขบคิดก่อนกล่าว

“นั่นก็ยังไม่ดีที่สุด… ข้ากำหนดโชคชะตาให้มัน ให้กลายเป็นผู้ที่ต้องสูญเสียคนทั้งตระกูล มีศัตรูอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ดั้นด้นใฝ่หาพลังอำนาจ สังหารผู้อื่นเพื่อช่วงชิงพลัง สังหารภรรยาและบุตรเพื่อนำมาเป็นโอสถเสริมพลัง ดูดซับโลหะจากพื้นพิภพ เสริมให้ร่างกายแข็งแกร่ง จนกลายเป็นผู้ที่มีพลังโจมตีและป้องกันที่ไม่ธรรมดา แต่คนผู้นี้ก็ยังไม่เหมาะกับเจ้า!”

ชายชรายิ้มเล็กน้อย ซื่อหมิงงุนงง

หลังจากขบคิดเล็กน้อย มันป้องมือและกล่าวถาม

“เช่นนั้นอาจารย์คิดผู้ใดเหมาะสมให้ข้าดูดกลืนเพื่อทะลวงขอบเขต!”

“ข้าเลือกคนผู้นี้...”

แต่ในขณะนั้นเอง หมากที่ชายชรากำลังจะวางลงกระดาน ได้กลายเป็นสีเทา

“คนผู้นี้? คนผู้นี้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับล่าง พรสวรรค์เช่นนี้ใดแดนสวรรค์มีดาษดื่น ถึงมันจะครอบครองเส้นลมปราณหยินหยางโบราณ เป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์ แต่มันยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม สมควรไม่เป็นประโยชน์กับข้า”

“ไม่ต้องกังวลไป ข้าย่อมเลือกคนที่ดีที่สุดให้เจ้า...”

ชายชรายิ้ม วางหมากในมือลงกระดาน แล้วเดินจากไป

แต่ในขณะที่มันเดินจากไป มันขมวดคิ้ว

“เด็กนั่นปฏิเสธโลหิตอีกาทองคำ ฮึ่ม! คิดบังอาจต่อต้านข้า แต่ยังไงซะครั้งนี้เจ้าก็ปลุกโลหิตไม่สำเร็จ ยังคงอยู่ในโชคชะตาที่ข้าวางไว้... หืม? นี่มัน!”

ตั้งแต่มันกลายเป็นจักรพรรดิเซียนในแดนสวรรค์ เป็นครั้งแรกที่มันตื่นตะลึง

หมากสีเทาบนกระดานที่เป็นตัวแทนของหนิงฝาน ได้แผ่ไอปราณสีม่วงออกมา

“แปดเปื้อน! แปดเปื้อนที่สุด!”

“เกิดอะไรขึ้นอาจารย์...” เป็นครั้งแรกที่ซื่อหมิงเห็นอาจารย์ของมันขมวดคิ้ว

“เจ้าหนิงฝานไม่เหมาะสำหรับเจ้าอีกต่อไปแล้ว… ตอนนี้โชคชะตาของมันมัวหมอง มันจะกลายเป็นผู้ที่ไม่อาจบรรลุเซียนได้ตลอดชีวิต!”

“ข้าตั้งความหวังกับมันไว้สูง เพราะมันเป็นผู้ฝึกวิชาศพที่แกร่งกล้า แต่ตอนนี้มันกลับเลือกที่จะทำลายเส้นทางที่ข้าวางไว้!”

การจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตานั้นเป็นเรื่องยาก และหนิงฝานก็ไม่รู้ว่าผู้ที่กำหนดโชคชะตาให้นั้น คือจักรพรรดิเซียนที่อยู่ในแดนสวรรค์

แต่หนิงฝานไม่สนใจว่าที่ผ่านมาจะเป็นยังไง แต่วันนี้ เขาจะทำลายเส้นทางที่ขีดขั้น เพื่อใฝ่หาเส้นทางด้วยตนเอง...

ในเมื่อไม่พึ่งพาโชคชะตา หนิงฝานก็ต้องพึ่งพาตนเอง

หนิงฝานเร่งดูดซับโลหิตภายในสระ ทั่วร่างของเขาเริ่มเปล่งแสงสีทอง

“ข้าไม่รู้ว่าต้องปลุกโลหิตโบราณที่สมบูรณ์ได้ยังไง แต่บางที ความหนาแน่นของโลหิตอาจเป็นกุญแจสำคัญ!”

หนิงฝานหลับตา ภาพของเพลิงหลากสีปรากฏขึ้นใน เพลิงแต่ละสีเป็นตัวแทนของโลหิตอสูร

ในนั้นมีอีกาทองคำ หงส์เพลิง วิหคยักษ์ และวิหคทมิฬ

หนิงฝานไม่สนพวกมันและตั้งมั่นอยู่กับการยกระดับโลหิต

101… 102… 199

200… 201… 299

เมื่อโลหิตยกระดับถึง 300 กลุ่มเพลิงสีม่วงก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

แต่เมื่อมันปรากฏได้ครู่หนึ่งมันก็หาย ที่สำคัญ มันยังให้ความรู้สึกที่น่าสะอิดสะเอียน

แต่นั่นกลับทำให้หนิงฝานมีความสุข

หนิงฝานพยายามไล่ตามเพลิงนั่นไป ยิ่งเข้าใกล้ ศิลาพยากรณ์ในมือก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นสีเหลืองที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งไปทางสีดำ

“โชคชะตาทมิฬ!” หนิงฝานขมวดคิ้ว โชคชะตาทมิฬในแดนสวรรค์ จะเรียกขานกันว่า เป็นผู้ที่ไม่อาจบรรลุเซียน

แต่มันกลับทำให้หนิงฝานรู้สึกปลอดภัย และรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นไปตามแผนการของใครสักคน

“ข้าหลุดจากแผนการของมันได้แล้ว และตอนนี้ โชคชะตาทมิฬกำลังผสานเข้ากับตัวข้า… บางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตาที่ตงสู่บอก เป็นโชคชะตาแห่งปีศาจ… เมื่อกลายเป็นปีศาจก็ไม่อาจขึ้นสู่แดนสวรรค์ แต่กลับกัน...ต้องลงนรก! แต่มันไม่ได้ต่างกัน เพราะโลหิตอสูรที่ข้ามี ให้ความรู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่ง แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น… จะเป็นเผ่าพันธุ์จักรพรรดิไหนกัน?”

หนิงฝานหลับตาอยู่นานแต่ก็ยังไม่ทราบ ผ่านไปครู่ใหญ่ ดวงไฟสีดำก็ปรากฏขึ้นในใจหนิงฝานอีกครั้ง เขาคว้ามันไว้ แล้วกลืนมันลงไป

ชั่วลมหายใจนั้น แผ่นหลังของเขากลับปรากฏปีกสีดำทมิฬคู่ยักษ์!

ดวงตาข้างซ้ายที่เป็นเนตรดาราแห่งป่าได้กลายเป็นสีดำทมิฬ

โลหิตจำนวนมหาศาลทะลักเข้าสู่ร่างหนิงฝาน

ดวงตาข้างกายที่เป็นสีดำเริ่มเปล่งประกายสว่างใสราวกับดาราในยามราตรี

ปราณอสูรภายในร่างทะลวงระดับ จากขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางไปยังขั้นสูงสุด! จนยามนี้ หนิงฝานมีปราณอสูรทั้งหมด 2455 เกราะ!

อันดับบนกำแพงหยกของหนิงฝานแปรเปลี่ยนมาเป็น 19! หนิงฝานเพียงปลุกโลหิตครั้งที่ 2 แต่กลับก้าวมายังอันดับที่ 19 แซงหน้าอสูรตัดวิญญาณบางตนที่ผ่านการปลุกโลหิตครั้งที่ 3!

ว่านเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ขอบสระตกตะลึง นางเอามือป้องปากด้วยความอัศจรรย์

นางจับจ้องหนิงฝานไม่วางตา ปีกสีดำคู่ยักษ์ ทั่วร่างค่อยๆปกคลุมด้วยเกร็ดสีดำ เขาดำยาว 2 เขาปรากฏขึ้นบนศีรษะ ผมดำขลับพริ้วไสว

กลิ่นอายและแรงกดดันที่รุนแรงแผ่พุ่ง เปลือกไข่ขนาดยักษ์ที่หุ้มสถานที่ปลุกโลหิตพังทะลาย

เสียงคำรามดังสนั่นกึกก้อง บนท้องหานภาปรากฏเงาร่างของอสูรสีดำขนาดยักษ์ที่ดูองอาจและแข็งแกร่ง

ลู่เฉิงเร่งทะยานไปบนท้องนภา เพื่อจ้องมองเงาร่างของอสูรที่ปรากฏให้ชัดๆ

มันหันมองชื่อของหนิงฝานบนกำแพงหยก มันเห็นชื่ออสูรนาม ‘ฟู่ลี่’ เป็นชื่อที่มันไม่เคยได้ยินมาก่อน

นั่นเป็นเพราะ ฟู่ลี่ คือชื่อต้องห้าม เป็นอสูรเผ่านพันธุ์โบราณที่น้อยคนจะรู้จัก แม้จักรพรรดิสวรรค์ยังไม่รู้จัก!

แต่ลู่เฉิงราวกับจะสังเกตุเห็นบางอย่าง

แม้จะเป็นการปลุกโลหิตครั้งที่สอง แต่หนิงฝานสามาถปลุกโลหิตโบราณที่สมบูรณ์ได้!

กระทั่งได้ครอบครองโลหิตของฟู่ลี่… อสูรโบราณตนนั้น!

ไม่นานนัก ผลึกสีดำใสขนาดเท่ากำปั้นร่วงหล่นลงมาจากนภา หนิงฝานคว้ามันไว้

สีหน้าลู่เฉิงแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง “นี่มัน… โลหิตบรรพบุรุษอสูร!”

เพียงการปลุกโลหิตครั้งที่สอง แต่กลับปลุกโลหิตโบราณที่สมบูรณ์ขั้นมาได้

ยิ่งการที่ได้โลหิตบรรพบุรุษอสูรเป็นของขวัญ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ถูกเลือก

ในสมัยโบราณ แม้จะเคยมีผู้ปลุกโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิได้สำเร็จในการปลุกโลหิตครั้งที่สอง แต่ไม่มีใครเคยได้โลหิตบรรพบุรุษอสูรเหมือนหนิงฝาน

และฟู่ลี่...โลหิตอสูรที่หนิงฝานปลุกได้ ยังไม่เคยมีใครปลุกได้มาก่อน นั่นเพราะโชคชะตาของฟู่ลี่เป็นสีดำทมิฬ ไม่มีใครกล้านำมันมาเป็นของตน

แต่หนิงฝานกลับต้องชะตากับมัน กระทั่งทำให้เขาทำลายโชคชะตาที่ถูกขีดไว้ได้

“โลหิตบรรพบุรุษอสูร!”

แม้หนิงฝานไม่รู้ว่าฟู่ลี่คืออสูรชนิดใด แต่เขารู้จักโลหิตบรรพบุรุษอสูร

ในโลหิตบรรพบุรุษอสูรมีปราณอสูรอัดแน่นถึง 5000 เกราะ!

แต่ในชั่วลมหายใจนั้น เสียงแหบแห้งก็ดังขึ้นในใจหนิงฝาน

“เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ของข้าถูกทำลายมานานแสนนาน… การที่เจ้าปลุกโลหิตของเผ่าพันธุ์ข้าขึ้นได้นั้นนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี ยามนี้ เจ้ามีศักดิ์ฐานะเทียบได้กับ บรรพบุรุษมังกร บรรพบุรุษหงส์เพลิง บรรพบุรุษวิหคทมิฬ และบรรพบุรุษอีกาทองคำ!”

เมื่อสิ้นเสียงของอสูรฟู่ลี่ โลหิตบรรพบุรุษอสูรได้ผสานเข้ากับร่างหนิงฝาน ยกระดับปราณอสูรเพิ่มพูนเป็น 7455 เกราะ!

“คาดไม่ถึงว่าการทำลายแผนการจะทำให้ปลุกโลหิตอสูรฟู่ลี่ขึ้น… ไหนจะยังได้โลหิตบรรพบุรุษอสูร ยามนี้ข้ามีปราณ 7455 เกราะ นับเป็นขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณ หากข้าได้ดูดซับโลหิตของอสูรไร้ดัดแปลง ปราณอสูรของข้าต้องบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณแน่นอน!”

เขาคาดไม่ถึงว่าการปลุกโลหิตครั้งที่ 2 จะให้ผลที่เกินคาดเช่นนี้ หากปลุกโลหิตครั้งที่ 3 จะเป็นยังไง?

นอกจากโลหิตบรรพบุรุษจะช่วยยกระดับปราณ มันยังช่วยให้โลหิตอสูรของหนิงฝานเข้มข้นขึ้น จากระดับ 305 เพิ่มเป็น 1305!

ระดับโลหิตอสูรที่ก้าวผ่าน 1000 ไป เทียบได้กับโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ

หากหนิงฝานได้ปลุกโลหิตครั้งที่ 3 เขาจะกลายเป็นอสูรที่โดดเด่นมาก...

เผ่าเพลิง… หวางเซี่ยวและคนอื่นๆสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ปลุกโลหิตครั้งที่ 2 สามารถปลุกโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิได้! ถึงจะไม่รู้ว่าอสูรฟู่ลี่คืออสูรชนิดใด แต่มันก็เป็นโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ”

ในแดนสองแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดได้ครอบครองโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ

หากจะกล่าว… ยามนี้ ระดับโลหิตอสูรของหนิงฝานเป็นอับดับหนึ่งของแดนสอง!

“เป็นไปไม่ได้!”

ลี่ป่านที่ถือจอกสุรา บีบจอกสุราแตก!

มันคาดไม่ถึงว่าลู่เป่ยที่ไร้ค่าคนนั้นจะกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นเช่นนี้...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด