ตอนที่แล้วTZ4 นักสู้แห่งสิบสองนักษัตริย์ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTZ5 กิเลนหนุ่ม (1)

TZ4 นักสู้แห่งสิบสองนักษัตริย์ (3)


 

พอเห็นรอยสักกินเลนบนร่าง ได้ยินเรื่องที่พระหนุ่มพูดถึงความฝัน ฉีเยว่ก็เชื่อ สิ่งที่พระหนุ่มพูดเป็นสิ่งที่เขาใฝ่หามาตั้งแต่เด็ก เมื่อตอนนั้นเขาบอกว่า ถึงอายุจะไม่ยืนยาว แต่อยากจะฝากชื่อเสียงให้ยืนยาวนับหมื่นปี ตอนนี้โอกาสนั้นได้มาถึงแล้ว ใครจะยอมปล่อยไป? ฉีเยว่รู้ว่าพระหนุ่มเป็นพระที่ไม่ธรรมดา เลยถือโอกาสขอบางสิ่งไป

 

พระหนุ่มไม่เข้าใจความหมายของการถูกนิ้วไปมาของฉีเยว่ “โยมต้องการจะสื่ออะไร?”

 

ฉีเยว่ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ท่านไม่มีของวิเศษอะไรบ้างเลยเหรอ? แบบว่า...จะได้เอามาใช้ป้องกันตัว! ยิ่งได้อุปกรณ์เสริมที่ดี นักสู้แห่ง 12 นักษัตริย์อย่างเราก็ยิ่งทำงานได้ง่าย”

 

พระหนุ่มมองฉีเยว่แปลกๆ เขารู้ว่าฉีเยว่คิดอะไร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ “อาตมารู้อยู่แล้วว่าโยมต้องพูดแบบนี้… ก็ได้… อาตมามีบางสิ่งที่ค่อนข้างเหมาะกับโยมให้” พระหนุ่มม้วนชุดบริเวณแขนขึ้นแล้วถอดสร้อยประคำสีเขียวขนาดเล็กให้

 

ตอนที่พระหนุ่มพูด ฉีเยว่รู้สึกดีใจและคาดหวัง แต่เมื่อเห็นลูกประคำที่พระหนุ่มยื่นให้ เขาก็ทำหน้าผิดหวัง มันก็แค่ลูกประคำธรรมดา ไม่เหมือนของวิเศษแม้แต่น้อย

 

พระหนุ่มพูด “ประคำเส้นนี้เป็นสิ่งที่ส่งต่อกันมาจากปรมาจารย์ที่เก่งกาจ ช่วยให้จิตใจสงบ ตัดขาดกับความคิดฟุ้งซ่ายได้ดี เป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับอาตมามาก... ตัวโยมคือกิเลน ถ้าโยมอยากแข็งแกร่งขึ้นก็ต้องฝึกฝน ลูกประคำนี้จะช่วยโยมฝึกฝนได้ง่ายขึ้น… แต่มันก็ยังมีประโยชน์อีกอย่าง โยมรู้หรือเปล่าว่าอะไร?”

 

ฉีเยว่จ้องมองลูกประคำ มันไม่ได้มีลักษณะที่โดดเด่น เป็นลูกประคำที่รูปร่างแปลกๆ ไม่ได้กลมเหมือนทั่วไป “ผมจะไปรู้ได้ยังไง… แต่ดูยังไงมันก็แค่ลูกประคำธรรมดา”

 

พระหนุ่มมองลูกประคำด้วยแววตาที่เคารพ “ลูกประคำนี้ไม่อาจประเมิณค่าได้ ถ้าโยมพกมันติดตัวไว้ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณที่แก่กล้า หรืออสูรร้ายโบราณที่แข็งแกร่ง ก็ไม่สามารถทำอันตรายโยมได้… ลูกประคำทั้ง 17 ลูกนี้ คืออัฐิของอริยสงฆ์รุ่นที่ 17 เป็นสิ่งล้ำค่ามาก”

 

“อัฐิ? ทั้งหมดนี่คืออัฐิของพระในอดีตที่ตกทอดมา แล้วท่านเอามาให้ผมทำไม? ทำไมไม่เก็บเอง?” ฉีเยว่หรี่ตามองพระหนุ่ม

 

พระหนุ่มส่ายหน้า “ไม่หรอก… ลูกประคำนี้มีประวัติยาวนานหลายพันปี ผู้ที่ครอบครองมันคือนักสู้ 12 นักษัตริย์ อาตมาเป็นเพียงผู้ส่งต่อให้เท่านั้น อีกอย่าง การที่โยมได้มันไป ก็น่าจะทำให้โยมมั่นใจในความปลอดภัยได้”

 

ฉีเยว่ไม่กล้ารับไว้ จึงยื่นส่งคืนให้พระหนุ่ม “ถึงผมจะไม่เชื่อในพุทธศาสนา แต่ผมก็พอรู้ว่าลูกประคำสำคัญกับพระมาก สร้อยประคำนี้ล้ำค่าเกินไป ผมรับไว้ไม่ได้ เอาเป็นว่าให้ท่านช่วยทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นก็พอแล้ว”

 

พระหนุ่มมองตาฉีเยว่ แววตาของเขามั่นคงไม่หวั่นไหว พระหนุ่มจึงรับสร้อยลูกประคำคืนมา การเปลี่ยนอารมณ์แบบกระทันหันของฉีเยว่ ทำให้พระหนุ่มตามอารมณ์ไม่ทัน “ถึงอาตมาจะเป็นพระ แต่อาวุธวิเศษที่โยมหมายถึง อาตมาไม่มีหรอก พระคนอื่นๆก็ไม่มีเหมือนกัน”

 

ฉีเยว่ส่ายหน้า “ผมก็แค่อยากได้ไปอย่างนั้นแหละ… ก็ผมเล่นได้รู้เรื่องราวน่าเหลือเชื่อมากมาย เป็นใครใครก็อยากได้กันทั้งนั้น… ในสังคมมีคนไม่ดีมากมาย แต่ท่าน...ผมรู้ว่าท่านเป็นคนดี หมายถึงเป็นพระที่ดี เพราะฉะนั้นผมไม่อยากได้อะไรแล้ว ผมอยากแค่ให้ท่านช่วยทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น เหมือนซุปเปอร์แมนในหนัง”

 

พระหนุ่มถือสร้อยประคำไว้ “โยมเป็นคนใจดีมีเมตตา ตอนนี้โยมทำให้อาตมาเห็นตัวตนที่แท้จริงของโยมแล้ว โยมไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ถึงประคำนี้จะล้ำค่ายังไง แต่หากโยมนำไปใช้ในทางที่ถูก แค่นั้นก็พอแล้ว” พระหนุ่มสวมสร้อยประคำที่ข้อมือข้างซ้ายยของฉีเยว่

 

ความรู้สึกเย็นแผ่จากข้อมือไปทั่วร่าง รูขุมขนทั้งหมดเปิดออก สมองโล่งสบาย สงบนิ่งราวกับสายน้ำ

 

แต่แล้วความรู้สึกอุ่นๆอีกสายก็ไล่ตามมา มันแผ่ไปทั่วร่างเหมือนความเย็น แม้การคงอยู่ของพวกมันจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว แต่ราวกับมันกำลังหล่อเลี้ยงร่างกายของเขาอยู่

 

เมื่อพระหนุ่มปล่อยมือจากข้อมือฉีเยว่ สร้อยประคำที่ดูธรรมดาเปล่งแสง แม้เป็นคนโง่ดูออกว่าเป็นสร้อยประคำที่ไม่ธรรมดา

 

“นี่ท่านอะไร?” ฉีเยว่อุทานด้วยความตกใจ ถึงเขาจะไม่ได้ถูกใจกับสร้อยประคำเท่าไหร่ แต่จู่ๆก็รู้สึกเลื่อมใสในพุทธศาสนา เขาพยายามถอดประคำคืนให้พระหนุ่ม แต่พระหนุ่มยืนยันหนักแน่นว่าสร้อยประคำต้องเป็นของเขา

 

พระหนุ่มมองฉีเยว่ “ความเมตตาของพระศาสดาจะนำพานิพพานมาสู่ทุกสิ่ง อาตมาหวังให้สร้อยประคำช่วยเปิดโลกใบใหม่ให้กับโยม โยนไม่จำเป็นต้องปฏิเสธมัน แค่สวมมันไว้โยมก็จะไร้ซึงอันตรายใดๆ อาตมารู้ว่าโยมมีคำถามมากมายในใจ แต่เมื่ออาตมาเริ่มฝึกฝนให้ และโลหิคของโยมตื่นขึ้นเต็มที่ โยมจะเข้าใจทุกอย่างเอง”

 

ฉีเยว่พยักหน้าพลางก้มมองสร้อบประคำในมือ “แล้วตอนนี้ผมควรทำอะไรต่อ?”

 

พระหนุ่มชี้มือลงที่พื้น “นั่งลงก่อน”

 

เมื่อฉีเยว่ก้มมองเห็นพื้นที่เป็นหลุม พระหนุ่มก็พูดขึ้น “ตรงนั้นคือที่ที่อาตมาและพระรุ่นอื่นๆเคยใช้นั่งฝึกฝน พวกเรานั่งอยู่นานจนพื้นแข็งกลายเป็นหลุม พื้นตรงนี้สร้างมาจากหินชนิดพิเศษ ถ้าแค่นั่งธรรมดาจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าโยมฝีกฝนอย่างตั้งใจ มันจะช่วยโยมก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด