เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0199 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 199 : แกะสลักวิญญาณยุทธ์
ตู้ก่วยส่ายศีรษะถอนหายใจ “พวกเราไม่ทราบอะไรเลย กับพวกเรา นี่ยังคงเป็นปริศนา! ในเทือกเขาเมฆมังกร มีสัตว์ร้ายจำนวนมากที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเรา และพวกเราไม่มีทางออกสำรวจทั่วทั้งภูมิภาคเพื่อสืบหาความจริงได้”
ฉินหยุนตระหนักว่าชีวิตในภายหน้าไม่ง่ายแล้ว ต้องขอบคุณที่ตัวเขาฉลาดเลือกเก็บงำเหรียญผลึกจำนวนหลายร้อยล้านเอาไว้!
“ฉินหยุน ข้าต้องบอกต่อเจ้า หากฝูงสัตว์ร้ายมาถึง สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนของเราจะต้องส่งศิษย์ออกไปต้านรับพวกมัน” ตู้ก่วยเอ่ยคำเป็นกังวล “ถึงตอนนั้น ศิษย์ทั้งหมดต้องรับหน้าที่”
ฉินหยุนพยักหน้า “หากพวกมันมา ข้าหาได้หวั่นเกรงไม่”
“นั่นแหละปัญหา เป็นเพราะครั้งนี้จำนวนมันมากเกินไป! ข้าสงสัยนักว่าภายในส่วนลึกของเทือกเขาเมฆมังกรเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงได้ทำให้สัตว์ร้ายจำนวนมากปรากฏ” ตู้ก่วยถอนหายใจ “อนาคตจากนี้คงไม่ง่ายแล้ว”
เมื่อตู้ก่วยออกจากถ้ำต้นไม้ ฉินหยุนจึงกลับเข้าห้องตนเอง เขานำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณที่มีวิญญาณยุทธ์ไฟระดับเงินออกมา
“เราต้องเรียนรู้การแกะสลักผังวิญญาณสู่วิญญาณยุทธ์โดยเร็ว! เราต้องขัดเกลาให้วิญญาณยุทธ์แข็งแกร่งเพื่อแขนราชสีห์สวรรค์”
ฉินหยุนปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกจากไข่มุกผนึกวิญญาณและนำเอามีดแกะสลักออกมา เขาเริ่มการแกะสลักผังสะกดวิญญาณลงบนวิญญาณยุทธ์ไฟระดับเงิน
วิชาขัดเกลาวิญญาณมีรายละเอียดปลีกย่อยถึงกระบวนการแกะสลักวิญญาณยุทธ์โดยละเอียด มันเหมือนกับการแกะสลักบนยันต์และอุปกรณ์ สิ่งแตกต่างเดียวคือยามเมื่อแกะสลักที่วิญญาณ มันต้องมีการผสานวิญญาณยุทธ์และการแกะสลักเข้าด้วยกัน
“เพื่อแกะสลักผังวิญญาณบนวิญญาณยุทธ์ แก่นของเคล็ดวิชาจะทำให้ผังวิญญาณประทับบนวิญญาณยุทธ์ได้ ด้วยเหตุนี้ ผังวิญญาณจะสามารถผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์”
ฉินหยุนพยายามกว่าครึ่งวันแต่ก็ยังไม่ได้ผลงาน เหตุผลพลักก็เพราะเขาแกะสลักผังวิญญาณบนอากาศบางเบา จึงทำให้ไม่อาจผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ได้
วิญญาณยุทธ์ก็เหมือนอากาศ ไม่เหมือนกับสิ่งที่สามารถจับต้องได้อย่างกระดาษหรือแผ่นหนังที่ใช้ทำยันต์ ดังนั้นแล้วจึงเป็นเรื่องยากที่จะแกะสลักผังวิญญาณไว้ที่วิญญาณยุทธ์
แม้ฉินหยุนพยายามหลายครั้งก็ยังไม่ได้เรื่องนัก ทว่าเขาก็ไม่ได้เสียกำลังใจ เขาคิดแก้ปัญหาด้วยสิ่งที่มี
“วิญญาณยุทธ์ลึกลับของเรามีความสามารถฟื้นฟูแข็งแกร่ง บางทีเราน่าจะแยกส่วนวิญญาณยุทธ์และใช้มันเป็นร่างหลัก จากนั้นค่อยใช้พลังจิตวิญญาณโลหิตควบแน่นเพื่อแกะสลักผังวิญญาณได้”
ฉินหยุนคิดได้ก็ใช่ แต่ก็ยังเป็นเพียงแนวคิด
“ลองดีกว่า!” โดยทันที เขาเริ่มลงมือ ด้วยการใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ แยกร่องรอยออกจากวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของตนเอง
เขานึกว่าการนำส่วนหนึ่งของวิญญาณยุทธ์ออกสมควรเจ็บปวดรุนแรง แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
ที่ทำเขาประหลาดใจที่สุดก็คือ วิญญาณยุทธ์สีดำของเขามีความสามารถการฟื้นฟูสภาพแข็งแกร่งยิ่ง แทบจะในทันทีมันสามารถสร้างส่วนที่ถูกแยกออกไปได้
หลังจากรู้สึกยินดีขึ้นมา ฉินหยุนจึงใช้เศษเสี้ยวของวิญญาณยุทธ์ตนเองผสานรวมเข้ากับพลังของจิตวิญญาณโลหิต จากนั้น เขาจึงใช้มีดแกะสลักอย่างพิถีพิถันเพื่อแกะสลักผังวิญญาณลงบนวิญญาณยุทธ์ไฟระดับเงิน
ไม่ช้า พลังจิตวิญญาณโลหิตจึงสามารถผนวกรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ได้สำเร็จโดยไม่แตกกระจาย
“ได้ผล!” พอฉินหยุนเห็นดังนี้ เขาลอบตื่นเต้นยินดีขณะเริ่มทำการแกะสลักอย่างต่อเนื่อง
การแกะสลักผังวิญญาณลงบนวิญญาณยุทธ์ จำเป็นต้องใช้ทั้งความพยายามและเวลาอย่างมหาศาล สำหรับฉินหยุน เขาต้องใช้เวลาทั้งวันและคืนจึงค่อยแกะสลักผังสะกดวิญญาณบนวิญญาณยุทธ์ไฟระดับเงินได้สำเร็จ
“ทั้งที่ค่อนข้างคุ้นชินกับผังสะกดวิญญาณไม่น้อยแล้ว แต่กลับต้องใช้เวลานานนัก!” ฉินหยุนปาดเช็ดคราบเหงื่อออกจากหน้าผาก แม้เขาหมดแรง แต่ความยินดีที่ทำสำเร็จยังปรากฎเด่นชัด
วิญญาณยุทธ์ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยผังวิญญาณ มันไม่เพียงแต่สามารถผสานเข้ากับร่างกาย ยังสามารถผสานรวมเข้ากับอาวุธ
แม้ฉินหยุนมีสามสิบหกผังวิญญาณ ก็มีเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่เหมาะสมกับการแกะสลักวิญญาณยุทธ์
“ต้องหาผังวิญญาณมาเพิ่มบ้างแล้ว” ฉินหยุนขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ไฟที่ปกคลุมด้วยผังสะกดวิญญาณเข้าใส่กระบี่ภูตผี
กระบี่วิญญาณที่มีพื้นฐานเป็นอาวุธพลังจิต ถือเป็นอาวุธดีที่สุดสำหรับใช้รับมือวิญญาณสัตว์ร้าย ตอนนี้เขาได้ขัดเกลาผังสะกดวิญญาณลงไปด้วย ผลลัพธ์ที่ได้จึงดียิ่งหากต้องใช้ต่อสู้กับวิญญาณสัตว์ร้าย
“วิญญาณยุทธ์สีดำของเราพิเศษนัก ช่วงเวลานี้คงไม่เหมาะแก่การเปิดเผยมันออกไป ต้องปกปิดมันเอาไว้ด้วยพลังจิตและแขนราชสีห์สวรรค์ จากนั้นค่อยหาทางทำให้แขนราชสีห์สวรรค์แข็งแกร่งขึ้น”
ฉินหยุนคิดอ่านวางแผน ก้าวแรกคือการผสานรวมวิญญาณยุทธ์ที่เหมาะสมและทรงพลังเข้าสู่แขนราชสีห์สวรรค์
ท่ามกลางวิญญาณยุทธ์ที่เขาได้รับมา วิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วงของเย่ฉางเฉ่าถือว่าดีที่สุด
“ในเมื่อนี่เป็นวิญญาณยุทธ์สำหรับแขนราชสีห์สวรรค์ ลองแกะสลักสักสองผังวิญญาณแล้วกัน! ว่าแต่แกะสลักผังวิญญาณใดดี?”
ฉินหยุนครุ่นคิดไปพักหนึ่งขณะสำรวจสามสิบหกผังวิญญาณที่มี แขนราชสีห์สวรรค์และวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วง เขาต้องหาจุดลงตัวที่เหมาะสม
“โทเทมราชสีห์สวรรค์มีคุณลักษณะไฟ ดังนั้นผังธาตุไฟน่าจะเข้าท่า ส่วนทางด้านวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วง ก็ให้มีคุณสมบัติไฟผสมผสาน มันน่าจะผสานรวมเข้ากับแขนราชสีห์สวรรค์ได้ด้วยดีละมั้งนะ?”
“แขนราชสีห์สวรรค์ของเราถือว่าแข็งแกร่ง มันน่าจะสามารถทัดเทียมได้กับอุปกรณ์วิญญาณระดับต้น หากเราแกะสลักผังแปรธาตุลงไป น่าจะพอให้ใช้ทำลายอาวุธผู้อื่นด้วยความร้อนสูงที่ได้รับจากผังแปรธาตุ”
ฉินหยุนนึกถึงหมัดอ่อนอัคคีที่เคยใช้ร่วมกับผังแปรธาตุ แขนราชสีห์สวรรค์ของเขาเปรียบดั่งค้อน หากเขาใช้มังกรหลอมหกกระบวน มันจะทัดเทียมการใช้ค้อน
“ดีละ ลองดูแล้วกัน!” เมื่อตัดสินใจได้ ฉินหยุนจึงนำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณระดับทองม่วงออกมา
ไข่มุกผนึกวิญญาณมีกระแสไฟฟ้าวูบไหวอยู่ภายใน มันรุนแรง มองเพียงครั้งเดียวก็ทราบว่าระดับสูง เพราะมันมีปฏิกิริยาตอบสนองมากกว่าวิญญาณยุทธ์ทั่วไป
หลังพักผ่อนเรียบร้อย ฉินหยุนจึงหัวเราะกับตนเองขณะปล่อยวิญญาณยุทธ์ออก จากนั้นจึงค่อยแลกเศษเสี้ยววิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬด้วยพลังจิต และเริ่มการแกะสลักลายเส้นลงบนวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วง
เขาเพิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ดังนั้นจึงไม่คิดรีบเพิ่มพูนการฝึกฝน อย่างน้อย เขาก็ต้องรอให้กระดูกทองคำมีเสถียรภาพที่มั่นคงเสียก่อน
“เมื่อเราถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด วิญญาณยุทธ์ของเราจะกลายเป็นวัชระวิญญาณยุทธ์ มันจะแข็งแกร่งมากขึ้น ถึงตอนนั้น เราจะสามารถปลดปล่อยมันออกมา แล้วค่อยถามเย่ว์หลานว่านางฝึกฝนวิญญาณยุทธ์จำนวนมากได้อย่างไร”
ด้วยฉินหยุนถือครองสองวิญญาณยุทธ์ สำหรับเขาถือเป็นเรื่องยากแก่การฝึกฝน เขาหวังว่าจะสามารถปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนออกจากร่างกายได้ในวันหนึ่ง
สองวันถัดมา ในที่สุดเขาก็แกะสลักผังธาตุไฟลงบนวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วงได้สำเร็จ! เขาพักผ่อนอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งค่อยเริ่มการแกะสลักต่อ คราครั้งนี้ เขาคิดแกะสลักผังแปรธาตุลงไป
ด้วยความคุ้นเคยกับผังแปรธาตุมีอยู่มากก็ใช่ แต่พอแกะสลักกับวิญญาณยุทธ์ เขากลับรู้สึกไม่คุ้นเคยยิ่งนัก
โชคยังดีที่มีประสบการณ์ไม่น้อย เขาจึงสามารถแกะสลักผังวิญญาณที่สองได้อย่างลื่นไหล แต่นี่ก็ต้องทำด้วยพื้นฐานความระวังไม่ให้มันเกิดความขัดแย้งกับผังธาตุไฟ
ตรรกะเดียวกันนี้เหมือนกันทั้งการแกะสลักผังวิญญาณที่สองและสามลงบนอุปกรณ์วิญญาณ มีเพียงตำแหน่งของผังวิญญาณที่สองขึ้นไปถูกจัดวางอย่างเหมาะสม จึงจะทำให้มันไม่เกิดความขัดแย้งกับอันที่มีก่อนหน้า จึงค่อยนับว่าประสบความสำเร็จ
ฉินหยุนต้องใช้เวลาอย่างมหาศาลเพื่อแกะสลักผังวิญญาณที่สองลงไป กระทั่งต้องพักผ่อนอยู่หลายครั้งระหว่างกระบวนการด้วยซ้ำ!
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ฉินหยุนรับชมสองผังวิญญาณที่อยู่ด้านบนวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วง เขารับรู้ถึงความสำเร็จที่ตนเองทำได้ หลังใช้เวลาไปทั้งสิ้นเก้าวัน ในที่สุดเขาก็สามารถนำสองผังวิญญาณสู่วิญญาณยุทธ์ได้สำเร็จ!
“เริ่มการผสานวิญญาณยุทธ์เลยดีกว่า นี่ควรลื่นไหลแล้ว!” ฉินหยุนควบคุมวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วงลอยเข้าสู่แขนราชสีห์สวรรค์
หลังจากวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วงเข้าสู่ภายในแขน โทเทมราชสีห์สวรรค์เริ่มส่องแสงสว่างออก!
โฮก!
แขนเกิดอาการสั่น มันคล้ายส่งเสียงคำรามเบาจนทำฉินหยุนตกใจ
เดิมเขาคิดว่ากระบวนการผสานรวมจะเจ็บปวดและยากเย็น แต่หลังจากวิญญาณยุทธ์เข้าภายในแขนแล้ว ราวกับมันเชื่อมต่อกับแขนด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นการผสานรวมที่น่าอัศจรรย์นัก
“สำเร็จ! นี่ต้องเป็นวิญญาณโทเทมแล้ว! แขนของเราในที่สุดก็แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น!” ฉินหยุนกำหมัดแน่นขณะสัมผัสถึงพละกำลังของราชสีห์สวรรค์
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ แขนราชสีห์สวรรค์ดูดกลืนกำลังภายในมหาศาลจากวิญญาณยุทธ์สั่นไหวที่หัวใจของเขา และยังรวมถึงพลังภายสีดำที่อยู่ในตันเถียน ทั้งหมดรวมตัวกันเกิดขึ้นเป็นพลังธาตุของตัวเอง!
“วิเศษ!” ฉินหยุนลอบตื่นเต้นยินดีขณะนอนล้มกายลงกับเตียงนอนเพื่อพักผ่อน เป็นเขาเหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแล้ว
พักผ่อนให้เพียงพอถือเป็นเรื่องดี การพักผ่อนถือเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งเช่นกัน!
ภายในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ศิษย์แทบทุกคนล้วนตื่นตัวเร่งรีบการฝึกฝน พวกเขาทราบว่าสัตว์ฝูงใหญ่กำลังข้ามผ่านแม่น้ำเมฆมังกร ส่วนใหญ่ออกจากเทือกเขาเมฆมังกรไปแล้วและเข้าสู่แดนของมนุษย์
อาจารย์หลายท่านรับรู้ถึงความไม่สบายใจยามที่สัตว์เหล่านั้นเข้าสู่แดนมนุษย์ มันถือเป็นหายนะภัยครั้งใหญ่ ในภายหน้า มนุษย์แทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในโลกภายนอกได้โดยง่ายอีกต่อไป
ด้วยพลังอำนาจของจักรวรรดิใหญ่ พวกเขาต้องคุ้มกันเหมืองแร่เอาไว้ด้วย นอกจากนี้ เมื่อฝูงสัตว์ร้ายบุกรุก พวกมันที่ทรงพลังอำนาจย่อมต้องเลือกยึดครองเหมืองผลึกอย่างแน่นอน
ทุกคนล้วนอยากทราบว่าเพราะเหตุใดสัตว์พวกนี้จึงโผล่ขึ้นอย่างกะทันหัน ทว่าเป็นเพราะมนุษย์อ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่อาจสำรวจทุกซอกมุมของเทือกเขาเมฆมังกรได้
ฉินหยุนยังคงพักผ่อน แต่แล้วอย่างกะทันหัน เขาต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังสนั่น
เขากระโดดผุดลุกจากที่นอนเร่งรีบไปยังปากถ้ำต้นไม้ เขาได้เห็นอีแร้งยักษ์สองหัวตัวยาวประมาณสามสิบเมตรอยู่กลางอากาศ มันกำลังกระพือปีกใหญ่โตไปมาขณะบดบังแสงตะวันร้อนแรง
ตู้ก่วย โฮ่วฉิงเฟิง และยอดฝีมืออีกหลายท่านของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนล้วนบินขึ้นฟ้าโจมตีอีแรงยักษ์สองหัวตัวนั้น
พร้อมกันนี้ แสงระเบิดจึงเกิดขึ้นประดับกลางอากาศอยู่เต็มไปหมด แสงหลากสีและคลื่นอากาศปะทุไม่หยุด มันปกคลุมร่างของอีแร้งยักษ์สองหัวเอาไว้ขณะย้อมสีสันท้องฟ้าเหนือสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าทรงพลังของยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจำนวนมากจนตื่นตกใจ
ที่ชวนเขาตื่นตกใจยิ่งกว่า คือกระทั่งภายใต้การโจมตีของยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจำนวนมาก อีแรงยักษ์สองหัวตัวดังกล่าวเพียงมีเส้นขนสีดำร่วงหล่นเล็กน้อยก่อนจะบินหนีไปด้วยอาการแตกตื่น
หากมีสัตว์ร้ายบินได้ระดับนี้เพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง การปะทะย่อมต้องเกินระดับคาดเดาได้ การโผล่ขึ้นอย่างกะทันหันของสัตว์ร้ายพวกนี้ในเทือกเขาเมฆมังกร มันน่ากลัวยิ่งกว่าที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้เสียอีก
ฉินหยุนหันมองทิศทางที่อีแรงยักษ์สองหัวบินหนีหาย ความหวาดกลัวในใจเขาเริ่มกระจายออก ฉับพลัน เขารู้สึกได้ว่ามนุษย์ยังอ่อนแอนักหากต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์!
จุดประสงค์ของการฝึกฝนวิชายุทธ์ ก็เพื่อให้มนุษย์ที่อ่อนแอแข็งแกร่งขึ้น การได้รับพลังมหาศาลและต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่ทรงอำนาจ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะภัยตามธรรมชาติ!
การปรากฏตัวของอีแร้งยักษ์สองหัว หมายความถึงฝูงสัตว์ร้ายได้ออกได้เทือกเขาเมฆมังกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สัตว์ร้ายบินได้ถือเป็นพวกแรกที่มาถึง สำหรับสัตว์ร้ายตัวอื่นที่วิ่งอยู่บนพื้นดิน พวกมันจะมาถึงในอีกไม่ช้าอย่างแน่นอน