ตอนที่แล้วGE244 ครองทะเลตะวันออก เอาชัยทะเลเหนือ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE246 ปลุกโลหิต [ฟรี]

GE245 มือสังหารลู่เป่ย [ฟรี]


เมืองทะเลทรายทางเหนือ… ตำหนักนายกอง

เซียวหวนนอนพักอยู่ภายในห้องที่หรูหราราวกับเหน็ดเหนื่อยมามาก

ข้างกายนางมีหนิงฝานนั่งขัดสมาธิ จ้องมองแต้มในมือ มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่ภาคภูมิ

เขาได้แต้มมาแล้ว 5 หมื่น เหลืออีกเพียงภารกิจเดียวที่ลู่เฉิงจะมอบให้ เขาจะได้แต้มครบ 1 แสน เพียงพอให้ปลุกโลหิตอสูร

เมื่อความแข็งแกร่งของลู่เป่ยรู้ถึงหูผู้คน จากที่เคยเป็นศัตรูก็กลายเป็นสหาย และยังไม่มีผู้ใดผิดสังเกตุว่าหนิงฝานคือลู่เป่ยตัวปลอม

นอกจากนี้ ระฆังทะเลตะวันออกยังทำให้หนิงฝานได้วิชาลับดวงใจ และอีกครึ่งของวิชาตรึงร่างมาเพื่อ

แต่สิ่งที่หนิงฝานยินดีมากที่สุดคือการยกระดับแรงกดดัน

‘เว่ย’ หรือ ศักดา หรือ อำนาจ หรือ แรงกดดัน ช่วยให้หนิงฝานได้ครอบครองแรงกดดันระดับตัดวิญญาณขั้นสูง

ที่สำคัญ การพังทะลายของร้านอาหาร ยังช่วยก่อเงาร่างของเทพกษัตริย์เงาในตัวหนิงฝาน

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง วิชาต่างๆที่ได้มา ล้วนเป็นวิชาระดับไร้แบ่งแยก มีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นที่เข้าถึงได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีในครอบครอง

หนิงฝานนับเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก

ยามนี้ หนิงฝานยังไม่สามารถสำแดงพลังของวิชาที่ได้มาได้มากนัก

แต่หากเขาบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกเมื่อไหร่...

“ขอบเขตไร้แบ่งแยกแบ่งเป็น 9 ระดับ เทียบได้กับสวรรค์ 9 ชั้น แต่ละชั้นต่างกันราวกับคนละโลก หากเป็นทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ 1 จะไม่สามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ 2 ได้ แต่หากข้าบรรลุไร้แบ่งแยกที่ 1 ข้าสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ 3 ได้ด้วยวิชาอสูรที่ข้าได้รับมา!”

หนิงฝานคาดไม่ถึงว่าตนเองจะก่อเงาของบรรพบุรุษได้

เหล่าอสูรที่เห็นแม้เพียงแผ่นหลัง พวกมันก็หวาดกลัวหนิงฝาน แม้อสูรบางตนไม่รู้จักเงาเทพกษัตริย์แห่งเงา แต่พวกมันสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขาม

แต่นั่นอาจนำปัญหามาสู่หนิงฝาน ชีวิตที่สงบสุขอาจไม่มีอีกต่อไป

“หากจะดูดซับโลหิตทองคำของอสูรไร้ดัดแปลง ต้องใช้หญ้าหยกเพลิงหมื่นปีเป็นตัวช่วย แต่หญ้าชนิดนั้นมีเพียงในเผ่าเพลิงเท่านั้น… ดูเหมือนตอนนี้ข้าคงต้องเริ่มศึกษาอักษรของเผ่าอสูรก่อน แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะขนาดบ่าวของข้ายังศึกษาได้เพียง 31 ตัวอักษร แต่หากข้าศึกษาได้และทำความเข้าใจกับมันอย่างถ่องแท้ ข้าสามารถนำอักษรเหล่านั้นมาเสริมวิชาตรึงร่าง และวิชาลับดวงใจได้… เหลืออีกเพียงภาระกิจเดียวข้าก็จะได้ปลุกโลหิต ไม่รู้ว่าลู่เฉิงจะให้ข้าไปสังหารใคร”

หนิงฝานลุกยืน ลูบสัมผัสแก้มของเซียวหวนที่กำลังหลับไหล ก่อนจะนำนางเข้าไปไว้ในแหวน นางเหนื่อยมามากแล้ว

เขาต้องไปพบลู่เฉิง

ลู่เฉิงกล่าวว่า อีก 10 วันให้หลังให้ไปพบมัน แต่หนิงฝานเลือกที่จะไปพบมันเดี๋ยวนี้

ตำหนักนายกอง… โถงพยัคฆ์ขาว

หนิงฝานผลักประตูเข้าไปภายใน เห็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีนั่งอยู่ในนั้น

เมื่อเห็นหนิงฝานปรากฏตัว บุรุษพยักหน้าให้ ผิดกับสตรีที่ยิ้มอย่างงดงาม

“ลู่เป่ย… ในที่สุดเจ้าก็มา!”

“ลู่เป่ยคารวะนายกองลู่เฉิง คารวะแม่นางว่านเอ๋อร์… ข้าขอถามว่าท่านจะมอบหมายให้ข้าไปสังหารใคร!” หนิงฝานป้องมือ

“เป็นที่เถรตรงดี ข้าชอบ! ในแผ่นหยกนี้มีบันทึกข้อมูลของคนผู้นั้นไว้... เจ้ารับแผ่นหยกนี่ไป เมื่อสังหารมันสำเร็จ ให้กระจายข่าวว่ามันถูกสังหาร เพื่อบั่นทอนกำลังใจของกองทัพมัน เพิ่มพูนกำลังใจให้กองทัพเรา”

หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพตรวจสอบแผ่นหยก

ผู้ที่ลู่เฉิงอยากให้เขาสังหารคือ องครักษ์ของนายกองแห่งเผ่ารอยแยกพิภพ นาม ‘ซ่งรุ่ย’ มันคือองครักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของนายกอง ‘ไป่หยวน’

ซุ่งรุ่ยผู้นี้มีปราณอสูรถึง 3000 เกราะ บรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด

การลอบสังหารองครักษ์คนสำคัญของเผ่ารอยแยกพิภพ ทำให้ทหารฝ่ายนั้นเสียขวัญกำลังใจเป็นอย่างมาก เมื่อถึงยามนั้น ลู่เฉิงจะทำทัพของเผ่า บุกฝ่าเข้าไปจู่โจมเผ่ารอยแยกพิภพ

เรื่องแผนการหนิงฝานไม่ได้สนใจ เขาสนใจเพียงการสังหาร

“ง่ายมาก!”

หนิงฝานเก็บแผ่นหยก ป้องมือและจากไป

เมื่ออยู่ในระหว่างสงคราม การที่สองกองทัพจะเข่นฆ่าประหัตประหารเป็นเรื่องธรรมดา

หากผู้ที่ให้ลอบสังหารไม่ใช่อสูรตัดวิญญาณ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหนิงฝาน

“ช้าก่อน! เจ้าพาว่านเอ๋อร์ไปด้วย”

ลู่เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ นางเองก็หน้าแดงเล็กน้อยพลางพยักหน้า

แต่หนิงฝานกลับส่ายหน้า

“นำนางไปรังแต่จะเป็นภาระ...”

“นี่เจ้า...” สีหน้านางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

นางเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง เป็นหนึ่งในผู้มีพรสวรรค์เพราะบรรลุระดับนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากนี้ นางยังร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ชายของนางในสนามรบมานับครั้งไม่ถ้วน

ที่ลู่เฉิงให้นางติดตามไป เพราะกลัวว่าหนิงฝานจะทำภารกิจไม่สำเร็จ เพราะแม้หนิงฝานจะแข็งแกร่ง แต่อาจจะยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้มากนัก

ยามนี้ว่านเอ๋อร์อับอายเป็นอย่างมาก

นางเป็นสตรีที่กล้าหาญคนหนึ่ง แต่หนิงฝานทำราวกับนางเป็นตัวถ่วง

นางไม่พอใจ เมื่อก่อนลู่เป่ยเป็นฝ่ายมาเกี้ยวพานางทุกวัน คอยหยอดคำหวานไม่ขาด แต่คาดไม่ถึงว่ายามนี้กลับกลายเป็นคนละคน

แต่การที่ลู่เป่ยกลายเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้นางนับถือมาก

“ช่างเถอะ… ไม่พาข้าไปก็ไม่เป็นไร เจ้าเตรียมกองทหารเองก็แล้วกัน… กองทหารของซ่งรุ่ยมี 15,000 บางทีทัพเรา 10,000 อาจต้านทานได้ แต่หากยังไม่พอ...”

“แค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว… ถ้าข้าจะพากองทัพไป ข้าคงไม่ปฏิเสธเจ้าหรอก… อีกอย่าง เรื่องการทหาร ข้าเองก็เป็นผู้ที่เข้าใจดี”

“เจ้าจะลอบสังหารซ่งรุ่ยเพียงลำพัง? มันอันตรายเกินไป...” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความกังวล

“พอได้แล้วว่านเอ๋อร์! ถ้าลู่เป่ยมั่นใจขนาดนั้น ข้าเองก็อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง อีกอย่าง หากลู่เป่ยไปเพียงลำพังโดยมีเจ้าติดตาม หากเกิดพวกมันรุมล้อมเข้า เจ้าจะเป็นอันตรายเอา”

“เช่นนั้นข้าลาก่อน” หนิงฝานก้าวผ่านประตูออกไปแล้ลเลือนหายในราตรี

ลู่เฉิงยิ้ม

“ท่านพี่ ทำไมปล่อยให้เขาไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา...”

“เขาจะเป็นอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

“ช่างข้าเถอะน่า!” ใบหน้านางแดงก่ำ ลู่เฉิงผู้เป็นพี่ชายหัวเราะชอบใจอยู่ข้างหลัง

ใครจะคิดว่านายกองผู้แข็งแกร่งอย่างลู่เฉิง จะมีมุมนี้ด้วย

ว่านเอ๋อร์รู้ว่าเมื่อนางได้พบหนิงฝานหลายครั้งเข้า นางเองก็เริ่มถูกใจหนิงฝาน

ยิ่งได้เห็นหนิงฝานเป็นบุรุษที่โดดเด่ด นางยิ่งกล้าที่จะเข้าหา เพราะบุรุษเช่นหนิงฝานได้ยากมาก

“ท่านพี่ ข้าว่าปล่อยให้ลู่เป่ยเข้าไปในอาณาเขตศัตรูจะเป็นการเสี่ยงเกินไป ให้ข้านำทัพไปช่วยเถอะ”

“นี่เจ้าเป็นห่วงเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?” ลู่เฉิงยิ้ม

“เปล่า! ข้าแค่คิดว่าไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง!” นางทำหน้าบึ้งตึง

“เห้อ… ก็ถูกอย่างเจ้าว่านั่นแหละ ถ้าเขาเอากองทัพไปด้วยน่าจะดีกว่า เพราะฉะนั้นเจ้าก็เร่งนำทัพติดตามไปคอยช่วยเหลือ… แต่ว่า ข้ารู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานของมัน การที่มันไม่สนใจกองทัพ แสดงว่ามันแสวงหาความแข็งแกร่งที่ยิ่งๆขึ้นไป… ข้าคงสู้มันไม่ได้”

ลู่เฉิงถอนหายใจพลางจ้องมองทิวทัศน์ในยามราตรี

“ข้าสังหรณ์ใจว่า ลู่เป่ยจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะเผ่ารอยแยกพิภพ… ว่านเอ๋อ เตรียมกองทหารชั้นยอดไปรอที่รอยต่อของเผ่า เตรียมพร้อมเข้าทำสงคราม”

ท่ามกลางราตรีมืดสลัว อสูรจำนวน 15,000 ตนกำลังเฝ้ายาม คบเพลิงถูกจุดสว่างไสว

ภายในกระโจมหลังใหญ่ ชายร่างกายกำยำคนหนึ่งกำลังพูดคุยหารือกับเหล่าทหาร

แต่ในชั่วพริบตานั้น สีหน้ามันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มือทุบโต๊ะเสียงดังสนั่น และเปล่งเสียงคำรามราวกับสายฟ้าฟาด

“ใครลอบเข้ามา! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้”

เสียงคำรามของมันกวาดไปทั่วค่ายทหาร จนทำให้คบเพลิงที่จุดไว้ ดับทั้งหมดใด

ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวดำปรากฏกายกลางท้องนภายามราตรี

แสงจันทราส่งกระทบหน้า เป็นใบหน้าที่มันไม่คุ้นเคย

เหล่าอสูรในค่ายเร่งแหงนมองผู้มาเยือน

“ข้าลู่เป่ย… มาเพื่อปลิดชีวิตเจ้า...”

“โอหัง! เป็นแค่อสูรดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นที่ยังไม่ได้ปลุกโลหิตครั้งที่สอง แต่กลับกล้ามาเยียบที่นี่ สั่งการไปหาพลธนูให้จัดการมัน!”

ทหารธนูจำนวน 5 พันตนปรากฏตัว แม้พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่ซ่งรุ่ยก็ฝึกฝนพวกมันมาเป็นอย่างดี

อสูรเหล่านั้นโก่งคันศรและยิงธนูเพลิงกว่า 5 พันดอกเข้าใส่หนิงฝาน

“ธนูเพลิงวิญญาณ… เหมือนจะไม่ได้เห็นมันมา 300 ปีแล้ว”

หนิงฝานหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหนิง

เมื่อธนูเพลิงจำนวนมากเข้าใกล้ หนิงฝานอ้าปากดูดกลืนเอาธนูทั้งหมดเข้าไป เพื่อเป็นแหล่งพลังงานหล่อเลี้ยงสร้อยหยินหยาง

หนิงฝานทำมือเป็นท่าทาง โคจรวิชาธนูเพลิง

วิชานี้คือวิชาระดับแก่นทองคำ เป็นการจู่โจมที่คล้ายกับธนูเพลิงที่ดูดกลืนเข้ามาเมื่อครู่ เมื่อยามที่หนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ เขายิงลูกธนูได้ครั้งละ 10 ดอก แต่ด้วยยามนี้ที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ย่อใช้ได้มากกว่านั้น

เพลิงที่รุนแรงลุกโหมขึ้นที่นิ้วมือ ก่อนยิงเป็นลูกศรเพลิงตรงเข้าใส่เหล่าอสูรที่อยู่ในค่าย

ธนูเพลิงธรรมดาทรงพลังพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้

แต่ธนูเพลิงของหนิงฝานยามนี้ เป็นธนูเพลิงสีเทา ที่ทรงพลังพอให้สังหารอสูรแก่นทองคำได้

ซุ่งรุ่ยขมวดคิ้วแน่น เพลิงสีเทาทำให้มันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง

“เพลิงชีพจรพิภพ! ไม่...นี่มันทรงพลังกว่า เป็นเพลิงระดับ 6 ที่อสูรไร้ดัดแปลงมีในครอบครอง”

แต่มันคิดผิดไปอย่าง เพลิงสีเทาเกิดจากการผสานระหว่างเพลิงชีพจรพิภพ และปราณเยือกแข็งสวรรค์ ทำให้อานุภาพของมันทรงพลังยิ่งกว่านั้น

ลูกธนูสีเทาโปรยปรายราวกับพิรุณ แปรเปลี่ยนให้ค่ายทหารของซ่งรุ่นยกลายเป็นทะเลเพลิง

อสูรประสานวิญญาณของมันถูกสังหารไป 7000 ตน เหลือเพียงอสูรแก่นทองคำ แต่พวกมันก็ได้รับบาดไปไม่น้อยเช่นกัน

ไม่ว่าพวกมันจะดิ้นรนยังไง ก็ยังได้รับบาดเจ็บจากลูกศรเพลิงอยู่

สวรรค์! นี่มันวิชาระดับไหนกัน! ผู้ที่ใช้ใช่อสูรดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นจริงหรือ?

มีใครที่ไหนที่ใช้วิชาธนูเพลิงแล้วสังหารอสูรประสานวิญญาณไปได้ถึง 7 พันตน!

ต่อให้เป็นอสูรตัดวิญญาณขั้นต้นก็ทำไม่ได้!

ลู่เป่ย!

ดูจากทิศทางที่มันมา สมควรมาจากเผ่าลั่วหยุน แต่ที่นั่น มีนายกองอสูรนามลู่เป่ยด้วยหรือ?

พวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อน เมื่อลูกศรเพลิงสำแดงอานุภาพเต็มที่แล้ว เส้นแสงสีดำก็กวาดผ่านเข้าหาพวกมันโดยไม่ปล่อยให้พวกมันได้พักหายใจ

เส้นแสงสีดำคือสัมผัสกระบี่ที่ทรงพลัง เพียงเคลื่อนผ่านครั้งเดียว ก็พรากชีวิตของอสูรแก่นทองคำไปกว่า 6000 ตน

ซากศพเกลื่อนพื้น โลหิตสาดกระจาย

แม้วิชาที่หนิงฝานใช้ไม่ได้เป็นวิชาระดับสูง เพียงแต่การจู่โจมของเขารวดเร็วเกินไปจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน

เพียงชั่วพริบตา กองทัพของซ่งรุ่ยก็ถูกสังหารจนเกือบหมด

“ถอย!”

ซ่งรุ่ยเร่งทะยานออกมาจากกระโจม ตะโกนสั่งการทหารที่เหลือรอดให้ถอย

มันรู้ว่ากองทหารสู้ผู้ที่มาไม่ได้ เพราะแม้จะเป็นเพียงอสูรดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่ปราณที่มีกลับมากถึง 2150 เกราะ

แต่มันเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่าย หากสู้กับซึ่งหน้า มันมั่นใจว่าสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ เพราะมันมีปราณที่มากกว่า

แต่มันกลับคิดผิด!

เพราะชั่วพริบตานั้น จู่ๆร่างของผู้ที่มาก็สลายกลายเป็นเส้นแสงสีดำขนาดเล็กจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน พุ่งตรงเข้าหามัน

“วารีผันแปร...”

เส้นแสงสีดำจำนวนมหาศาลทำลวงร่างของมันจนเหลือเพียงดวงจิตที่ได้รับความเสียหาย มันหวาดกลัวผู้ที่มาเป็นอย่างมาก

แม้มันจะมีปราณมากถึง 3000 เกราะ แต่มันกลับไม่มีโอกาสได้ตอบโต้

แต่เมื่อมันคิดจะหนี มันกลับไม่อาจทำได้สำเร็จ

“ตรึง!” แรงกดดันระดับตัดวิญญาณขั้นสูงปรากฏ

เส้นแสงสีแดงพันธนาการรอบกายซ่งรุ่ยเอาไว้

การตรึงร่างของหนิงฝานในครั้งนี้ คือการตรึงด้วยใจ และตรึงด้วยปราณ ซึ่งทำให้วิชานี้สามารถตรึงร่างของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นได้ 1 ลมหายใจ

“ทำลาย!”

ร่างของผู้ที่มาสลายเป็นหมอกควัน ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซ่งรุ่ย

ดวงจิตของมันถูกบดขยี้ หนิงฝานดูดกลืนเอาพลังของมันเข้าไป

เมื่อเหล่าทหารเห็นเหตุการณ์ พวกมันหวาดกลัว แต่ก็นำอาวุธทะยานเข้าหาหนิงฝาย

“ฆ่า!”

เหล่าทหาร

ไม่นานนัก ค่ายทหารแห่งนี้ก็ไร้ซึ่งชีวิต พวกมันถูกสังหารตายจนหมด

หนิงฝานก้มมองแต้มในมือ ยามนี้แต้มของเขาพุ่งสูงถึง 150,000 แต้ม ไม่เพียงจะใช้ปลุกโลหิตได้ แต่ยังใช้เรียนอักษรอสูรได้ด้วย

เมื่อจัดการกับค่ายทหารเสร็จ หนิงฝานก็มุ่งลงไปยังตีนเขาแห่งหนึ่ง นำกระบี่แยกสวรรค์ออกมา กวัดแกว่งกระบี่สลักเป็นคำ ‘มือสังหารลู่เป่ย’

อีกไม่นานเผ่ารอยแยกพิภพคงรู้ว่าซ่งรุ่ยตาย หากพวกมันมาเห็นข้อความ คงทำให้บั่นทอนกำลังใจไปไม่น้อย

การที่สังหารศัตรูนับหมื่นได้ด้วยตัวคนเดียว เป็นเรื่องที่ทำให้ศัตรูเสียขวัญ แต่ทำให้ฝ่ายตนมีขวัญกำลังใจขึ้นมาก

ยามนี้หมดหน้าที่ของหนิงฝานแล้ว

เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้จะโด่งดัง เพราะสังหารทั้งกองทัพได้เพียงลำพังเช่นนี้ มีเพียงอสูรตัดวิญญาณ หรือนายกองเท่านั้นที่ทำได้...

ผ่านไป 3 วัน เผ่ารอยแยกพิภพก็เกิดความวุ่นวาย นายกองไป่วู่ถือแผ่นหยกในมือ พลางคำรามลั่น

“ลู่เป่ย! มันเป็นใคร! ออกคำสั่งไปว่า เผ่ารอยแยกพิภพตั้งค่าหัวลู่เป่ย 30 ล้านหยกสวรรค์”

และนั่น ทำให้ชื่อของลู่เป่ยเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งแดนสอง...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด