เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0200 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 200 : วัชระวิญญาณ
ตู้ก่วยลงจากฟ้าขณะเข้ามาในถ้ำต้นไม้ของฉินหยุน เขากล่าว “ฉินหยุน รากต้นไม้แห่งนี้ลึกนัก ข้าได้สร้างถ้ำที่นำทางสู่ด้านล่างของต้นไม้เอาไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยยิ่งกว่า เจ้าย้ายไปอยู่ที่นั่นแทนได้!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับเอ่ยถาม “อาจารย์ขอรับ อีแร้งยักษ์สองหัวเมื่อครู่นี้แข็งแกร่งมาก?”
“แข็งแกร่งมาก! หากยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋าเข้าโจมตีพวกเราเช่นเดียวกันนี้ พวกเขาสมควรบาดเจ็บร้ายแรงแล้ว แต่อีแร้งยักษ์นั่น ไม่คล้ายบาดเจ็บอะไรเลยด้วยซ้ำ” สีหน้าของตู้ก่วยเย็นเยือกขณะกล่าวคำ “อีแร้งยักษ์มักปรากฏตัวเป็นกลุ่ม พวกเราเป็นกังวลว่าอีแร้งยักษ์สองหัวนี่เพิ่งมาถึงเป็นกลุ่มแรก ดังนั้นพวกเราจึงต้องเปิดการทำงานของม่านพลังเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายบินได้ที่อาจเข้าโจมตีจากทางอากาศ”
ฉินหยุนย้ายจากด้านบนสู่ด้านล่างของต้นไม้ ศิษย์ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนต่างเป็นกังวลยิ่งกว่า บางคนกังวลด้วยซ้ำว่าสัตว์ร้ายขนาดยักษ์บินได้จะทำลายม่านพลังและเข้ามาได้
ระหว่างช่วงเวลานี้ อาจารย์จะงดการเรียนการสอนแก่ศิษย์ และพวกเขาจะรับหน้าที่ลาดตระเวนทางอากาศ เพียงแค่ลมพัดแรงไปหน่อย พวกเขาก็พร้อมตอบสนองเคลื่อนไหวกันแล้ว
ฉินหยุนตอนนี้อยู่ในถ้ำต้นไม้บริเวณรากของมัน เขากำลังฝึกฝนวิชายุทธ์หลายอย่าง ตอนนี้เขาฝึกกระดูกทองคำได้แล้ว ร่างกายจึงกำยำแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากเขาเพิ่มพูนฝีมือวิชายุทธ์เสียบ้าง ก็คงไม่ต้องเป็นกังวลว่าร่างกายจะได้รับบาดเจ็บจากพลังรุนแรงที่ปะทุผ่านวิชายุทธ์
“สงสัยนักว่านครหลวงเทียนฉินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว! ทั่วทั้งจักรวรรดิอยู่ไม่ไกลเทือกเขาเมฆมังกรสักเท่าไหร่ หากฝูงสัตว์ร้ายเข้าโจมตี เมืองใกล้เทือกเขาเมฆมังกรที่สุดคงโดนปิดล้อมในไม่ช้าแน่”
ฉินหยุนนึกย้อนถึงอีแร้งยักษ์สองหัวและเริ่มกังวลเรื่องราว กระทั่งอาจารย์ที่เป็นยอดฝีมือหลายท่านร่วมมือกัน ยังไม่อาจทำร้ายอีแร้งตัวนั้นได้ หากอีแร้งตัวนั้นเลือกไปโจมตีเมืองใหญ่ที่มีผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าน้อยนิดหรือไม่มี พวกเขาคงไม่มีทางป้องกันเอาไว้ได้!
ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงกลางป่าสมบัติ ชายแขนเดียวสีหน้าขึงขังยืนหยัด ข้างกายเขาเป็นชายร่างสูงกำยำ และยังมีเด็กหนุ่มสวมใส่ชุดงดงามหล่อเหลา
เป็นเซี่ยอู๋เฟิง มู่หรงต้าเหริน และฮั่วจง พวกเขาล้วนมายังป่าสมบัติ
ฉินหยุนฝึกฝนอยู่ในถ้ำต้นไม้บริเวณโคนต้น เมื่อได้ยินเสียงฮั่วจงเรียกหา เขาจึงเร่งรีบออกไปต้อนรับ
“พี่ใหญ่เซี่ย เหตุใดพวกท่านมาที่นี่?” ฉินหยุนสวมใส่ชุดคลุมสีเทาเดินออกจากถ้ำต้นไม้ เมื่อพบว่าเป็นฮั่วจงและคณะ เขาจึงยิ้มกล่าว
“น้องหยุน พวกเรามาบอกลา!” เมื่อเซี่ยอู๋เฟิงพบว่าฉินหยุนร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาจึงทราบว่าอีกฝ่ายกำลังฝึกฝนอย่างหนัก
ฉินหยุนไม่เข้าใจ คิ้วขมวดมุ่นและเอ่ยถาม “บอกลาหรือ? พวกท่านคิดไปที่ใด? หรือพวกท่านไม่ผ่านการทดสอบประเมินผลของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนกันหมด?”
มู่หรงต้าเหรินยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่! เรื่องน่าขายหน้าเช่นสอบไม่ผ่านจะเกิดกับพวกเราหรือ? พวกเราจะไปตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม! โดยหลักแล้วเป็นเพราะอาจารย์ของพวกเราถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พวกเราจึงต้องตามพวกเขาเหล่านั้นไปด้วย”
มู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงมีอาจารย์คนเดียวกัน เพราะเหตุนั้นจึงไปด้วยกัน
“รองอธิการโฮ่วเองก็จะไปยังตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามด้วย?” ฉินหยุนเอ่ยถามประหลาดใจ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการบุกรุกของฝูงสัตว์ร้าย?”
เซี่ยอู๋เฟิงพยักหน้า “ใช่! นอกจากนี้ ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามยังเร่งรีบเพิ่มพูนพละกำลังโดยรวม ดังนั้นพวกเขาจึงผ่อนปรนเงื่อนไขการคัดเลือกศิษย์ที่มีศักยภาพและอาจารย์จากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน”
ฮั่วจงหัวเราะ “ข้าไม่เข้าสี่ตำหนัก ข้าคิดไปยังที่ทรงอำนาจยิ่งกว่า! นอกจากสี่ตำหนักของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามแล้ว ก็ยังมีตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม นั่นอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของจ้าวตำหนักใหญ่! นอกจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีตำหนักสัตว์ยุทธ์ อาจารย์ของมู่หรงและข้าจะพาพวกเราเข้าร่วมตำหนักสัตว์ยุทธ์เพื่อฝึกฝน”
“ถือว่าดีนัก แม้ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามจะอหังการไปบ้าง แต่ตัวสถานที่ถือว่าไม่แย่ ยกตัวอย่าง ตำหนักตะวันออกก็ดีไม่น้อย พวกท่านสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้” ฉินหยุนมองทางเซี่ยอู๋เฟิงและกล่าวถาม “พี่ใหญ่เซี่ย แล้วท่านเล่า?”
“เมื่ออาจารย์และข้าเข้าร่วมตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พวกเราจะเข้าสังกัดตำหนักศักดิ์สิทธิ์” เซี่ยอู๋เฟิงยิ้มบาง “น้องหยุน ด้วยพรสวรรค์ระดับเจ้า เจ้าสามารถเป็นนักบุญเข้าร่วมกับตำหนักศักดิ์สิทธิ์ในภายหน้าได้ สนใจหรือไม่?”
มู่หรงต้าเหรินกล่าว “ในตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ถือว่ามีสถานะสูงส่งและลึกลับยิ่ง กล่าวกันว่ามีเพียงผู้ฝึกตนที่อายุน้อยกว่ายี่สิบซึ่งสามารถก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าจึงสามารถเป็นนักบุญ ก่อนที่จะอายุสามสิบ พวกเขาจำเป็นต้องก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าให้ได้ กระนั้น พี่ใหญ่เซี่ยอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แต่ด้วยเพราะเป็นผู้ฝึกตนตาบ เขาจึงได้รับการคัดเลือกเป็นกรณียกเว้น”
เซี่ยอู๋เฟิงกล่าว “หยางฉีเย่ว์และเชี่ยวเย่ว์หลานเองก็ได้เป็นนักบุญของตำหนักศักดิ์สิทธิ์แล้ว! ในภายหน้า พวกเรา ด้วยฐานะนักบุญของตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม จะต้องเข้าร่วมรับมือกับสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง”
ฮั่วจงยิ้ม “น้องหยุน เจ้าสามารถเข้าร่วมตำหนักตะวันออกในตอนนี้ได้ เจ้าคิดอยากไปกับพวกเราหรือไม่? ด้วยเหตุนี้พวกเราจะได้เดินทางไปพร้อมกัน!”
ผู้อาวุโสตำหนักตะวันออก ฉ่วยอี้ฮวยได้เชื้อเชิญฉินหยุนไว้แล้ว แต่เป็นเขายังตัดสินใจไม่ได้
ฉินหยุนส่ายศีรษะและยิ้มกล่าว “ข้ายังไม่คิดไปตอนนี้ แต่ในภายหน้าข้าจะไปอย่างแน่นอน! ไว้ข้าเชี่ยวชาญทุกสิ่งที่สามารถเรียนได้ในสถาบัน ข้าจะไปยังตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเพื่อพบพวกท่าน”
“ย่อมได้ พวกเราจะรอเจ้า!” เซี่ยอู๋เฟิงตบไหล่ฉินหยุนและยิ้มให้
หลังบอกลาเรียบร้อย เซี่ยอู๋เฟิงและคณะจึงไปจากป่าสมบัติ ไม่ไกลออกไปนัก เสียงร้องของสัตว์ร้ายอีกตัวคำรามดังมา
ฝูงสัตว์ร้ายทรงพลังและน่าสะพรึงกำลังคืบคลานเข้ามา มันคล้ายกับกลุ่มเมฆเข้ากลืนกินพื้นที่ซึ่งมนุษย์ใช้อาศัย บรรยากาศความตึงเครียดและหวาดกลัวแทบสัมผัสได้จากสายลมและเมฆที่พัดผ่าน สถานการณ์ทั่วทั้งดินแดนตอนนี้คล้ายพายุใกล้อุบัติ!
มันเป็นพายุรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นเพราะสัตว์ร้ายและวิญญาณสัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน!
“ข้าต้องไปตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!”
ที่ตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ย่อมต้องมีวิชายุทธ์แข็งแกร่งซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยราชันยุทธ์หลันเซียว ในเมื่อฉินหยุนฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดารา มันจึงทำให้เขาเข้าใจหลักของวิชายุทธ์ได้ดีขึ้น ดังนั้นแล้วเขาย่อมต้องไปตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!
ทว่า เมื่อไปยังตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เขาจะไม่เป็นศิษย์ของผู้ใด กลับกัน เขาจะผ่านการทดสอบของประตูจารึกและเป็นผู้นำของประตูจารึก ได้ยืนหยัดทัดเทียมกับจ้าวตำหนักผู้อื่น
กลางดึก ตู้ก่วยกลับมา ก็เหมือนอย่างฉินหยุน เขาอาศัยอยู่ในถ้ำใต้ต้นไม้เช่นกัน
ฉินหยุนเดินออกจากถ้ำต้นไม้ขณะมองขึ้นท้องฟ้า วันนี้ไม่มีวี่แววแสงดาว ทั่วทั้งท้องฟ้าปกคลุมด้วยชั้นเมฆหนา ฟ้าแลบแปลบปลาบพบเห็นได้ราวคมเขี้ยวหรือกรงเล็บสัตว์ร้าย
ตู้ก่วยมาจากเส้นทางในต้นไม้ เขาหันไปพบว่าตู้ก่วยตอนนี้นั่งในโถงด้วยสีหน้าอึมครึม
“อาจารย์ เป็นอย่างไรบ้างแล้วขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ฝูงสัตว์ร้ายมาถึงเร็วกว่าที่คาดคิด หลังพวกมันข้ามแม่น้ำเมฆมังกร พวกมันก็เริ่มกระจายตัวตามภูเขาและป่า ทั้งยังน่ากลัวยิ่ง!” ตู้ก่วยเริ่มเล่าให้ฟัง
ในเทือกเขาเมฆมังกร มีภูเขาหินสูงชันจำนวนมาก หลังจากฝูงมอนสเตอร์พวกนั้นเคลื่อนผ่าน พื้นที่แถบนั้นกลับราบเรียบ เพียงแค่นึกถึงก็ทำเอาเขาหวาดเกรงแล้ว
“อาจารย์ ข้ามีสี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญผลึกกับตัว หากข้าคิดอยากซื้อหาอะไรบางอย่างเพื่อช่วยในฝึกฝนฝน ข้าควรซื้อสิ่งใดดีขอรับ?” ฉินหยุนไม่ทราบเรื่องนี้มากนัก ดังนั้นจึงถามตู้ก่วย
ตู้ก่วยนึกอยู่พักหนึ่งค่อยตอบ “เจ้าเพิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ถือว่าอยู่ในขั้นกระดูกทองคำ ครึ่งแรกของขั้นนี้ โดยหลักคือการฝึกฝนกระดูกทองคำ และครึ่งหลัง คือใช้ไขกระดูกทองคำภายในกระดูกทองคำ เพื่อขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ให้เป็นวัชระวิญญาณยุทธ์”
ร่างกายของฉินหยุนมีสามมหาวิถีเรียบร้อยแล้ว แต่พวกมันยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานทางร่างกายที่ดี ตอนนี้เขาเพิ่งเริ่มฝึกฝนวัชระกระดูก มันจะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นได้มาก
หลังฝึกฝนกระดูกทองคำได้ คนผู้หนึ่งจะสามารถใช้มันเป็นฐาน ค่อยแปรเปลี่ยนเลือดเนื้อสู่วัชระ เมื่อถึงตอนนั้นจะถือว่าเป็นขีดสุดของกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด กระบวนการนี้ใช้เวลายาวนานยิ่ง
ตู้ก่วยเอ่ยคำ “ในร้านแต้มเสวียน มีโอสถเหลวที่เรียกว่าวัชระไขกระดูกวิญญาณ สิ่งนี้โดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นได้โดยกระบวนการธรรมชาติขัดเกลาของขอบเขตวรยุทธ์เต๋าขั้นท้าย หากเจ้าได้รับวัชระไขกระดูกวิญญาณ มันจะช่วยเจ้าได้มาก”
“ร้านแต้มเสวียน? ข้าจำเป็นต้องใช้แต้มเสวียนแลกเปลี่ยนหรือขอรับ?” ฉินหยุนตอนนี้ยังไม่มีแต้มเสวียนแม้เพียงหนึ่ง
ตู้ก่วยส่ายศีรษะกล่าวคำ “ไม่เพียงแต่เจ้าต้องใช้แต้มเสวียน เจ้ายังต้องใช้เหรียญผลึก! สิ่งล้ำค่าที่สุดของร้านแต้มเสวียน โดยปกติแล้วจำเป็นต้องมีแต้มเสวียนถึงระดับหนึ่งก่อนจึงค่อยใช้เหรียญผลึกซื้อหาพวกมันได้”
ฉินหยุนตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่าแต้มเสวียนไม่ใช่สิ่งแลกเปลี่ยนของล้ำค่าในทางตรง มีเพียงได้รับแต้มถึงจำนวนหนึ่ง จึงค่อยมีคุณสมบัติซื้อหาทรัพยากรการฝึกฝนอันล้ำค่าและอาวุธวิญญาณ
ร้านแต้มเสวียนมีสมบัติล้ำค่าหลายอย่าง และพวกมันไม่ใช่สิ่งที่ซื้อหาได้โดยง่าย เพราะผู้ซื้อจำเป็นต้องมีเหรียญผลึกจำนวนมหาศาล ทั้งยังต้องมีแต้มเสวียนเพียงพอต่อคุณสมบัติด้วย
“อาจารย์ขอรับ ข้าให้ผู้อื่นซื้อมาแทนได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
ตู้ก่วยยิ้มตอบ “สามารถทำได้ แต่วัชระไขกระดูกวิญญาณที่เจ้าต้องการซื้อ ต้องการอย่างน้อยก็สองร้อยล้านแต้มเวียนเพื่อผ่านเกณฑ์ และยังต้องใช้หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียนพร้อมสิบล้านเหรียญผลึกเป็นการแลกเปลี่ยน”
ฉินหยุนกายแข็งทื่อ แต้มเสวียนจำนวนมหาศาลขนาดนี้มีกลุ่มคนเพียงน้อยนิดที่ถือครองในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน!
ตู้ก่วยกล่าวต่อ “ตอนนี้ มีศิษย์จำนวนเล็กน้อยที่ถือครองสองร้อยล้านแต้มเสวียน เชี่ยวหยางหลง ฉินเจิ้งเฟิง ชี่อวี้ ถือเป็นหนึ่งในนั้น! เชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์เองก็สามารถทำได้เช่นกัน! ทว่า วัชระไขกระดูกวิญญาณเป็นสิ่งที่มีแต่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนครอบครอง มันมีเอาไว้เพื่อศิษย์ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนเท่านั้น!”
“อาจารย์ขอรับ เชี่ยวหยางหลงมีแต้มเสวียนนับพันล้านบนเทียบอันดับใช่หรือไม่หากข้าจำไม่ผิด?” ฉินหยุนนึกย้อนขึ้นได้ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน เขาจึงเอ่ยถาม
“เป็นเขามีแต้มเสวียนนับพันล้าน ดังนั้นเทียบอันดับจึงตกเป็นของเขา! เหตุผลที่เขาสามารถก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ตั้งแต่ยังเยาว์ ก็เป็นเพราะเขามีแต้มเสวียนจำนวนมากเพื่อใช้แลกเปลี่ยนทรัพยากรจำนวนมหาศาล” ตู้ก่วยอธิบาย
“เป็นเช่นนี้! หมายความถึงเย่ว์หลานและอาจารย์หยางต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน เพื่อให้ได้รับแต้มเสวียนจำนวนมาก พวกนางจึงต้องพยายามอย่างหนัก” แม้ฉินหยุนมีเหรียญผลึกจำนวนมาก แต่เขามีแต้มเสวียนไม่เพียงพอที่จะใช้แลกวัชระไขกระดูกวิญญาณ
ตู้ก่วยหัวเราะเสียงดัง “พละกำลังของเจ้าไม่อ่อนด้อย ทั้งยังมีเหรียญผลึกจำนวนมหาศาล หากเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนแต้มเสวียนจำนวนหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเวลา! ตอนนี้เจ้าเพิ่งอายุสิบหกเอง? เหตุใดจึงรีบนัก?”
ฉินหยุนรู้สึกได้ถึงความยากลำบาก เป็นเพราะเขาเร่งรีบคิดอยากเข้าร่วมตำหนักตะวันออกของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม และผ่านการทดสอบเพื่อให้ได้กลายเป็นจ้าวประตูจารึก
ตู้ก่วยได้เห็นว่าฉินหยุนเร่งร้อน เขาจึงเอ่ยคำ “ฉินหยุน เมื่อฝูงสัตว์ร้ายมาถึง สถาบันของเราจะต้องจัดแจงหลายเรื่องราวให้บรรดาศิษย์ได้กระทำ ถึงตอนนั้น เจ้าสามารถได้รับแต้มเสวียนจำนวนมากด้วยการสังหารพวกสัตว์ร้าย”
ฉินหยุนได้แต่รอคอย หากเป็นกรณีดังกล่าว เขาคิดว่าตนสามารถรวบรวมแต้มเสวียนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ เขาได้แต่นึกถึงกลุ่มคนเหมือนอย่างที่ชี่อวี้กระทำ เพื่อดำเนินการออกล่าและสังหารสัตว์ร้ายเป็นการเฉพาะ หากหน่วยดังกล่าวสามารถช่วยฉินหยุนสามารถได้รับแต้มเสวียนโดยเร็ว ก็นับว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ดียิ่ง