เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0197 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 197 : ฝูงสัตว์ร้ายข้ามแดน
ฉินหยุนชี้ที่แขนตนเองและยิ้ม “ตอนข้าประลองกับเย่ว์ข่าย ข้าเคลื่อนย้ายพลังธาตุไปยังแขนได้ทันเวลา เพราะแบบนั้นมันจึงไม่ถูกทำลาย”
เชี่ยวเย่ว์หลานมองแขนราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุน นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความกังวล “โทเทมราชสีห์สวรรค์ที่แขนของเจ้าตายไปแล้ว เรื่องนี้ถูกต้องหรือไม่? ผู้อาวุโสลั่วจริงจังนัก ข้าเองก็กังวล!”
“ย่อมไม่! ในเมื่อแขนราชสีห์สวรรค์ไม่มีวิญญาณ ข้าก็แค่หามาขัดเกลาใส่สักหนึ่ง ไม่ใช่ข้าคือผู้เชี่ยวชาญวิชาขัดเกลาวิญญาณหรือ? เพราะฉะนั้นสำหรับข้านี่ไม่นับเป็นปัญหา” ฉินหยุนหาได้กังวลไม่ ทั้งยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พอได้ยินฉินหยุนกล่าวคำ เชี่ยวเย่ว์หลานค่อยสบายใจขึ้น
“เอาละ ออกไปกันดีกว่า เสด็จพ่อน่าจะจัดการเรื่องภายนอกเรียบร้อยแล้ว!” ฉินหยุนดึงมือเชี่ยวเย่ว์หลาน กุมมือนางไว้ตลอดเส้นทางลับจนออกไปภายนอก
ทุกคนในโถงหลักล้วนจากไปกันหมดแล้ว
เมื่อฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานมาถึง ก็พบว่ามีเพียงราชาปีศาจกับคนของเขาอีกหลายสิบอยู่ที่นั่นพร้อมฉินหลงและฉ่วยอี้ฮวย
“เสี่ยวหยุน พ่อตัดสินใจที่จะส่งเรื่องราวทั้งหมดในพระราชวังหลวงต่อราชาปีศาจ เขาเป็นสหายเก่าของพ่อเอง!”
ราชาปีศาจเจินเหรินเป็นปู่ของเมิ่งเฟยหลิง ฉินหยุนและเมิ่งเฟยหลิงมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ฉินหลงยังลอบแนะนำราชาปีศาจจัดแจงคนให้มาที่นี่อยู่ก่อนแล้ว เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงสามารถจับคุมกลุ่มคนตระกูลเย่ได้ทันท่วงที
“ขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับก่อนจะโค้งกายให้ราชาปีศาจเจินเหรินและผู้อาวุโสจำนวนหนึ่ง
เมิ่งเฟยหลิงยิ้มหวานกล่าว “น้องหยุน ยินดีด้วยแล้ว ในที่สุดเจ้าก็ได้ตำแหน่งรัชทายาทอีกครั้ง ทั้งยังได้รับภรรยาที่ดีผู้หนึ่ง”
เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มกล่าว “พี่เฟยหลิง ข้ารบกวนฝากท่านจับตาดูเขาในภายหน้าด้วยแล้ว อย่าให้เขาได้ไปสร้างปัญหาวุ่นวายในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน”
“แน่นอน!” เมิ่งเฟยหลิงหัวเราะ
“เย่ว์หลาน กลับตำหนักตะวันออก!” ผู้อาวุโสฉ่วยจากตำหนักตะวันออกกล่าว เหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่ก็เพราะต้องการเดินทางกลับพร้อมเชี่ยวเย่ว์หลาน
“รับทราบ” เชี่ยวเย่ว์หลานพยักหน้ารับ บอกลาต่อฉินหยุนและฉินหลง ก่อนออกจากพระราชวังหลวงไป
ฉินหลงตบไหล่ฉินหยุนขณะเอ่ยคำน้ำเสียงหนักแน่น “ลูกเหนื่อยมากแล้ว ไปพักผ่อนก่อน เรื่องนี้ปล่อยพวกพ่อจัดการเอง! ไว้ลูกฟื้นตัวสมบูรณ์เมื่อไหร่ ก็ค่อยกลับไปยังสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ลูกต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว”
ฉินหยุนหันมองทางราชาปีศาจและคณะด้วยสีหน้าหนักอึ้ง วันนี้เรื่องใหญ่หลายเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไปแล้วจริง ๆ
“ข้าขอตัวกลับสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนก่อน!” เมิ่งเฟยหลิงพอกล่าวคำจบ รอยยิ้มที่ใบหน้าจางหาย เห็นได้ชัดว่านางรับรู้เรื่องอะไรมา
พอเมิ่งเฟยหลิงจากไปแล้ว ฉินหยุนค่อยออกจากพระราชวังหลวงเช่นกัน
แม้พระราชวังแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งฉินหยุนเติบโต แต่บ่อยครั้งมักเกิดเรื่องเพราะจักรพรรดินี เขาไม่ทราบว่าควรไปหาสถานที่สงบใดเพื่อพักผ่อนได้ ดังนั้นจึงกลับตำหนักจารึกเทวะ
พอฉินหยุนมาถึงห้องชุดที่ตำหนักจารึกเทวะ เขาจึงพบต้วนเฉียนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกำลังสนทนาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโถงหลักของพระราชวังหลวงเทียนฉิน
“พี่ชาย!” เมื่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้เห็นฉินหยุน นางร้องออกด้วยความยินดี
ต้วนเฉียนหัวเราะให้ก่อนออกจากห้อง
ฉินหยุนหยิกใบหน้างดงามของนางขณะยิ้มให้ “เย่ว์เหม่ย พี่สาวเจ้าสบายดี! ดังเจ้าเห็น ข้าได้ตอบแทนหนี้ที่ติดค้างนางเอาไว้แล้ว”
“พี่หยุนทำได้ดี!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตบไหล่เขาทั้งยังหัวเราะราวเด็กสาวธรรมดาผู้หนึ่ง
“อาการบาดเจ็บของท่านร้ายแรงหรือไม่?” นางเอ่ยถามด้วยความกังวล
ฉินหยุนตอนนี้เปลี่ยนไปใส่ชุดขาวสะอาดเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังมีอุปกรณ์ผังธาตุแสงที่ช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บโดยเร็ว “ไม่ร้ายแรงนัก หลังพ้นคืนนี้ไปก็หายดีแล้ว”
“ไว้ข้าจัดการเรื่องราวที่นี่เรียบร้อย ค่อยไปพาป้าเชี่ยวกลับมาด้วยกัน”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ายิ้มรับ “ท่านกลายเป็นพี่เขยข้าไปแล้ว ภายหน้านับจากนี้ ท่านถือเป็นพี่ชายข้าตลอดไป! ท่านดีกว่าไอ้สารเลวเชี่ยวหยางหลงนั่นไม่รู้กี่เท่า!”
ฉินหยุนนำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณที่มีวิญญาณยุทธ์ดาบอสนีบาตระดับทองออกมา เขาบอกต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ยว่าได้รับมันมาจากฉินเจิ้งเฟิง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยินดีขณะนำเอากระจกบานน้อยออกมาคัดลอกวิญญาณยุทธ์ดาบอสนีบาตเข้าไป
ฉินหยุนกล่าวคำยิ้มชั่วร้าย “พรุ่งนี้ตอนเช้า เจ้าและข้าไปยังพระราชวังหลวง ที่นั่นยังมีวิญญาณยุทธ์อีกมากรอพวกเราอยู่”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเสียงต่ำช้า “พี่ชายชั่วช้านัก! แต่ข้าชอบนะ!”
ฉินหยุนพักผ่อนตลอดทั้งคืนจึงค่อยฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ ก่อนฟ้าจะสาง เขาโดนเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมาปลุกให้ตื่น ถัดจากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเทียนฉิน
เมื่อมาถึงพระราชวัง แสงตะวันสาดส่องแล้ว แสงสว่างสีทองคำอบอุ่นฉายชัด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและยังมากล้นด้วยพลัง
ภายในโถงหลักของพระราชวังเทียนฉิน ฉินหลงสวมใส่ชุดสีดำคล้ายครุ่นคิดอะไรอยู่ขณะสำรวจมองโถงหลักที่ว่างเปล่า
เมื่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพบฉินหลง นางจึงตะโกนขึ้น “ลุงหลง!”
“เสี่ยวเย่ว์เหม่ย!” ฉินหลงหัวเราะตอบรับ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถามเสียงเบา “ลุงหลง ได้พบเสด็จพ่อของข้าหรือไม่? ท่านลุงคิดว่ายังพอมีความหวังอยู่หรือเปล่า?”
รอยยิ้มที่ใบหน้าฉินหลงเลือนหาย เขาส่ายศีรษะ “เขาเป็นเพียงหุ่นเชิดแล้ว ข้าสงสัยนักว่าวิชาชั่วร้ายอะไรที่เชี่ยวหยางหลงและมารดาของมันใช้กับเขา”
“เฮ้อ... ใครกันที่ใช้ให้เขาเอ็นดูเชี่ยวหยางหลงจนเสียคนเพียงนั้น เป็นเขาไม่ระมัดระวังตัวเลย” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถอนหายใจเสียงเบา
ฉินหลงวางมือที่ไหล่ฉินหยุนและกล่าว “ไปจัดการกับพวกคนทรยศกันดีกว่า!”
ดวงตารื้นน้ำตาของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันทอแสงวาบ คนทรยศเหล่านั้น ย่อมต้องมีวิญญาณยุทธ์ที่ดี นางยิ้มกล่าวคำเร่งรีบ “รีบไปกัน! ต้องใช้เวลาให้คุ้ม!”
ฉินหลงนำฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้าสู่ในพระราชวังหลวงบริเวณคุกใต้ดิน
ฉินหลงสั่งให้ทหารยามทั้งหมดในคุกใต้ดินถอยออกไปก่อนแล้ว นอกจากจักรพรรดินีเย่และคณะ ตอนนี้ก็มีเพียงฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
เมื่อจักรพรรดินีเย่และผู้อื่นโดนจับกุม พวกเขาถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยห่วงโซ่พิเศษ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะใช้พลังภายใน และด้วยสภาพถูกขังในห้องขัง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีเช่นกัน
“นี่สินะจักรพรรดินีเย่!” เมื่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้ามาด้านใน นางเผยเสียงหัวเราะคิกคัก
“เชี่ยวเย่ว์เหม่ย!” จักรพรรดินีเย่เผยเสียงแตกตื่น
จักรพรรดินีเย่และคณะคิดว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยถูกช่วยไว้โดยเชี่ยวเสวียนฉิน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะกลายเป็นฉินหยุน
“โห รู้จักข้าด้วยหรือ? พวกเราไม่คล้ายได้เจอกันมาก่อนนะ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตบที่ใบหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงขณะยิ้มกว้าง “เจ้าก็น่ารังเกียจเช่นเดียวกับจักรพรรดินีเทียนเชี่ยว แม้นางเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋า กลับตายก่อนเจ้าเสียอย่างนั้น”
ฉินหยุนก้าวเดินออก โดยไร้ซึ่งคำพูด ฝ่ามือของเขาสัมผัสที่หน้าท้องของจักรพรรดินีเย่ ด้วยไม่คิดเสียเวลา เขาเริ่มนำวิญญาณยุทธ์ของนางออก ถัดจากนั้น จักรพรรดินีเย่จึงกรีดร้องเจ็บปวดเหลือคนา
ข้างกายนาง พระยาเยี่ยนรับชมด้วยความมึนงง ภายในใจนี้เปี่ยมด้วยความหวาดกลัว เป็นเพราะทราบว่าฉินหยุนกำลังแยกวิญญาณยุทธ์ออกจากร่างของจักรพรรดินีเย่!
“วิญญาณยุทธ์อสนีบาตระดับทองก็ดีเหมือนกัน” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยคำก่อนจะใส่วิญญาณยุทธ์ในไข่มุกผนึกวิญญาณ
“นี่เจ้า... เจ้าแยกวิญญาณยุทธ์ออก นี่เป็นวิชาปีศาจ!” พระยาเยี่ยนแตกตื่น จากนั้น เขาจ้องมองฉินหลง ผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู น้ำเสียงสิ้นหวังร้องตะโกนกล่าวคำ “องค์เหนือหัว ข้ารับใช้เฒ่าชราผู้นี้รับรู้ถึงความผิดพลาดแล้ว เป็นข้าไม่ควรกระทำต่อฝ่าบาทองค์รัชทายาทที่นำเอาเส้นวิญญาณออกจากร่าง ได้โปรดกักขังข้าไว้ชั่วชีวิตด้วย!”
ฉินหลงเผยสีหน้าเฉยชายืนหยัด เขาไม่กล่าวคำใด
“อ๊าก!” พระยาเยี่ยนกรีดร้องเจ็บปวดขณะฉินหยุนเริ่มกระบวนการแยกวิญญาณยุทธ์จากร่าง
จักรพรรดินีเย่กรีดร้อง วิญญาณยุทธ์ของนางหายไปแล้ว พลังธาตุก็ถูกทำลายสิ้น ตระกูลเย่ของนางยังจบสิ้นตามไปด้วย
“เป็นพวกเจ้าทั้งหมดทำร้ายหยุนเอ๋อมหาศาลนัก ทั้งยังคิดร่วมมือกันสังหารข้า ถัดจากนั้น พวกเจ้ายังคิดขุดร่างจักรพรรดินีขึ้นมาทำลาย ข้ามีเมตตามากแล้วที่ไม่สังหารพวกเจ้าทั้งหมดตั้งแต่แรก” ฉินหลงแค่นเสียงเอ่ยคำเย็นเยือก
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถือกระจกขณะยิ้มหันมองทางวิญญาณยุทธ์ของเยี่ยนกัว “นี่เป็นวิญญาณยุทธ์ลมระดับแพลทินัม ไม่เลวเลย ข้าคิดอยากได้วิญญาณยุทธ์ลมมาโดยตลอด ในที่สุดก็ได้มาหนึ่ง”
แม้นางไม่อาจใช้งาน แต่นางสามารถใช้ได้หลังทำการคัดลอกไป บางทีอาจนางได้ใช้ในภายหน้าก็เป็นได้
วิญญาณยุทธ์ของบรรดาข้าราชบริพารเฒ่าล้วนเป็นวิญญาณยุทธ์ระดับเงิน ไม่นับว่าดีนัก เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่คิดมองด้วยซ้ำ
หลังจากวิญญาณยุทธ์ของพวกเขาถูกแยกออกจากร่าง ทั้งหมดแทบตายไปครึ่งหนึ่งของชีวิต
ตอนนี้ พวกเขาในที่สุดก็ได้รับรู้ ถึงความเจ็บปวดที่ฉินหยุนเผชิญยามถูกแยกเส้นวิญญาณ มันเปี่ยมไปด้วยความอดสูและสิ้นหวัง
และในตอนนั้น ฉินหยุนเป็นเพียงเด็กอายุสิบปี!
“ฉินหยุน เจ้ามันอสูรกลืนวิญญาณ!” พระยาเยี่ยนเผยน้ำเสียงอ่อนแรง มันทั้งเปี่ยมด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว
“กระทั่งว่าข้าเป็นปีศาจร้าย ข้าก็ยังดีกว่าเจ้า! เพื่อเป็นการขอบคุณ จะส่งเจ้าไปตามทางที่ควรเป็นแล้วกัน!” ฉินหยุนนำกระบี่ภูตผีออกมา
“เดี๋ยว ให้ข้าทำ ให้ข้าทำ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคักขณะนำเอาเข็มพิษจำนวนหนึ่งออกมา นางยิ้มเห็นฟันขาวงดงาม “เข็มพิษเหล่านี้เป็นฉินเฟิงมอบแก้ข้า ได้ยินว่าจักรพรรดินีเย่มอบให้มันไว้ใช้ป้องกันตนเอง
เมื่อจักรพรรดินีเย่ได้เห็นเข็มพิษเหล่านั้น นางอดไม่ได้ที่จะต้องกรีดร้องออกก่อนจะสิ้นสติไปเพราะสภาพจิตใจสั่นสะเทือนรุนแรง!
ชัดเจนว่านางทราบดีถึงความน่าสะพรึงของเข็มพิเศษเหล่านี้
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยใช้พลังจิตควบคุมเข็มบินลอยลิ่วแทงเข้าใส่กลุ่มคนนับสิบด้านใน ถัดจากนั้น นางค่อยกล่าว “ฉินเฟิงบอกว่า บ่อยครั้งจักรพรรดินีเย่จะใช้เข็มพิษพวกนี้ทรมานข้ารับใช้ในวังหลวงและบรรดาศัตรูของนาง จึงเป็นข้าคิดให้พวกมันได้รับรู้รสชาติของมันบ้าง”
หลังต้องพิษ ภายนอกไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน แต่ภายในเจ็บปวดเหลือแสน!
จักรพรรดินีที่สิ้นสติยังตื่นขึ้นเพราะความเจ็บปวด!
“ช่างชั่วช้านัก!” ฉินหลงหัวเราะดัง หากเขาไม่หนีผ่านเส้นทางลับ เขาคงโดนทรมานด้วยเข็มพิษของจักรพรรดินีเหล่านี้ไปด้วยแล้ว
ฉินหยุนได้รับวิญญาณยุทธ์มามาก แต่ที่ดีมีเพียงหยิบมือ ตอนแรกเขาคิดว่าจะใช้มันเมื่อฝึกฝน ส่วนที่ทรงพลังที่สุดของวิชาขัดเกลาวิญญาณคือจำเป็นต้องใช้ผังวิญญาณเพื่อแกะสลักให้วิญญาณยุทธ์แข็งแกร่งขึ้น หลังผสานรวมพวกมันแล้ว มันจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
“เรื่องในพระราชวังหลวงถูกส่งมอบหน้าที่แก่ราชาปีศาจและคณะ ข้าจะได้ไปฝึกฝนอย่างสงบเสียที... กล่าวตามตรง แม้ข้าเป็นจักรพรรดิ ก็ไม่ค่อยได้จัดการเรื่องราวในพระราชวังหลวงเสียเท่าไหร่” เมื่อฉินหลงได้เห็นพระยาเยี่ยนและคณะสิ้นชีวิต เขาจึงนำเอายันต์อัคคีออกมาเผาร่างคนกลุ่มนั้น
“เสด็จพ่อ ในเวลาอันใกล้นี้จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ใช่! ราชาปีศาจเจินเหรินได้เข้าเทือกเขาเมฆมังกร เขาได้พบว่ามีกลุ่มสัตว์ร้ายและวิญญาณสัตว์ร้ายขนาดใหญ่กำลังข้ามผ่านแม่น้ำเมฆมังกรมา”
ฉินหลงเผยสีหน้าจริงจังทั้งยังถอนใจ “พ่อได้อนุมัติไปแล้ว ที่จะใช้งานเหรียญผลึกที่มีในคลังสมบัติเพื่อใช้คุ้มกันเมืองหลักสิบแห่ง รวมถึงเมืองเล็กห้าสิบแห่งของจักรวรรดิเทียนฉินเรา เมื่อสัตว์ร้ายและวิญญาณสัตว์ร้ายเหล่านั้นมาถึง นอกกำแพงเมืองจะกลายเป็นอันตรายยิ่ง”
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยหันมองกันเผยสีหน้าแตกตื่น “ฝูงพวกมันจะมาถึงเมื่อใด?”
ย้อนกลับไปที่ตำหนักจารึกเทวะ ฉินหยุนได้บอกต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ว่าเชี่ยวเสวียนฉินไปเก็บตัวอยู่ในเทือกเขาเมฆมังกร หากฝูงสัตว์ร้ายพวกนั้นปรากฏ เชี่ยวเสวียนฉินซึ่งเก็บตัวอยู่อาจได้รับอันตราย
ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเป็นกังวลยิ่งเมื่อทราบว่าฝูงสัตว์ร้ายใกล้มาถึงแล้ว
เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต้องเร่งรีบไปช่วยเชี่ยวเสวียนฉินโดยเร็ว