ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0191 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0193 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0192 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 192 : วิชาดาบอสนีบาต

สำหรับฉินหยุน จัดการฉินเจิ้งเฟิงได้ถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง!

ย้อนกลับไปตอนนั้น เป็นจักรพรรดินีเย่และคนของนางร่วมจัดฉากใส่ร้ายต่อฉินหยุนและเซี่ยฉีโหรว ทั้งหมดก็เพื่อยกตัวตนฉินเจิ้งเฟิงขึ้นมา และยังทำให้เส้นวิญญาณของเขาถูกพรากเอาไป!

จักรพรรดินีเย่และคนของนาง ลงทุนอย่างหนักหน่วงต่อฉินเจิ้งเฟิง หากเขาจัดการทำลายอีกฝ่ายที่ตรงนี้ได้ อีกฝ่ายจะต้องเจ็บปวดไม่ใช่น้อย

ฉินเจิ้งเฟิงมองฉินหยุนด้วยอาการสงบ และด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขารู้สึกอ่อนด้อยกว่าอยู่ภายใน โดยทันที เขากล่าวคำออก “ฉินหยุน เจ้าคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด และข้าคือระดับที่แปด ด้วยเหตุนี้พวกเราควรอนุญาตให้ใช้อาวุธในการประลองยุทธ์ อย่างไรแล้วอาวุธก็คือสิ่งที่จะทำให้เจ้าได้มีเปรียบขึ้นมาบ้าง”

คำพูดนั้นสวยหรู แต่กลับเป็นฝ่ายเขาเองที่นำเอาดาบยาวเป็นประกายส่องแสงสีน้ำเงินออกมาก่อน มองเพียงครั้งเดียว ผู้คนก็บอกได้แล้วว่าคุณภาพของดาบเล่มนี้ไม่ต่ำช้า

ศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามอุทานร้อง “นั่นไม่ใช่ดาบวายุน้ำเงินที่ฉินเจิ้งเฟิงได้จากตำหนักทิศใต้หรือ? เป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง!”

ฉินเจิ้งเฟิงกล่าวคำว่าสามารถใช้อาวุธในการประลองยุทธ์ แต่ตนกลับนำเอาอาวุธวิญญาณระดับสูงออกมาก่อนผู้ใด!

ทางด้านอาวุธของฉินหยุน ทุกคนล้วนทราบว่าเป็นอาวุธวิญญาณระดับต้น ชัดเจนว่าครั้งนี้เขาเสียเปรียบยิ่งแล้ว

ฉินหยุนไม่คิดใส่ใจ เขานำเอาค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมา!

ค้อนราชันยักษ์วิญญาณของเขาครั้งนี้หลอมขึ้นด้วยกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ นอกจากนี้ มันยังผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ยักษ์ระดับแพลทินัม พร้อมผังวิญญาณสี่ผัง โดยรวมแล้วมันอาจนับเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับกลาง แต่แท้จริงแล้วมันเทียบเท่าได้กับอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง!

ฉินเจิ้งเฟิงยิ้มสงบเมื่อเห็นฉินหยุนนำเอาค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมา เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าดาบวิญญาณระดับสูงในมือของตน เหนือล้ำยิ่งกว่าค้อนในมือของฉินหยุน

รอยยิ้มชั่วร้ายฉายชัดผ่านใบหน้าจักรพรรดินีเย่ ดวงตาของนางเปี่ยมด้วยจิตสังหารเย็นเยือกขณะทำท่าทางบอกต่อฉินจิ้งเฟิงให้สังหารฉินหยุนทิ้งเสีย

“เตรียมพร้อม! หนึ่ง สอง สาม เริ่ม!” เมื่อจ้าวฉวนเปิดการทำงานอาคมธง เขาจึงประกาศเริ่มการประลอง

ฉินเจิ้งเฟิงครอบครองหกเส้นวิญญาณ และวิญญาณยุทธ์ยังเป็นปริศนามาโดยตลอด บางคนคาดเดาว่าเป็นวิญญาณยุทธ์ในตำนาน

ฉินหยุนไม่ทราบเรื่องฉินเจิ้งเฟิงมากนัก เขาเพียงทราบว่าอีกฝ่ายเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ดังนั้นแล้วเขาจึงต้องปรับกลยุทธ์การป้องกันตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อหยั่งพละกำลังแท้จริงของอีกฝ่าย

ฉินเจิ้งเฟิงเร่งร้อนคิดจัดการฉินหยุน เท้าก้าวออกด้วยเคล็ดวิชาตัวเบาอันเจิดจรัส ด้วยสายลมคมกริบพัดผ่าน เขาทะยานกายเข้าหาฉินหยุน ดาบในมือตอนนี้เสียดแทงออกผ่านสายลมจนมันกรีดร้อง

ดาบนี้แทงออกด้านข้าง แสงน้ำเงินสว่างวูบขณะดาบกระจายตัวออกเป็นหลายสิบเล่มคล้ายค่ายกลดาบ พวกมันล้วนมาจากทุกทิศทาง เป็นผลให้ฉินหยุนไม่อาจหลบพ้น

ฉินหยุนที่เกือบจะหลบอยู่แล้ว พลันต้องพบว่าวิชาดาบของฉินเจิ้งเฟิงลึกล้ำและรวดเร็ว มันไม่เหลือช่องว่างใดให้เขาได้หลบ

ดาบน้ำเงินกว่าสิบเล่มกำลังแทงเข้าใส่ฉินหยุนจากทุกทิศทาง!

ฉินหยุนเร่งรีบกวัดแกว่งค้อนราชันยักษ์วิญญาณในมือเป็นวงกลม พร้อมกันนี้ เขาใช้เคล็ดวิชาคลื่นยักษ์เพื่อสร้างคลื่นกระแทกซึ่งสามารถมองเห็น กระทั่งใส่พลังของวิชารวมจิตวิญญาณสังหารเข้าโจมตีจิตใจฉินเจิ้งเฟิงด้วย

วูบ! วูบ! วูบ!

ฉินหยุนปลดปล่อยวิชาคลื่นยักษ์ผ่านค้อนราชันยักษ์วิญญาณ แรงระเบิดคลื่นกระแทกทำให้พลังกระดูกทองคำผสานไปกับคลื่นยักษ์ทะยานออก

ดาบของฉินเจิ้งเฟิงถูกพัดกระเด็นลอยไปกลางอากาศ น่าประหลาดใจนัก พวกมันไม่ใช่ภาพมายา แต่ล้วนเป็นดาบจริง

“มีมิติเก็บของภายในตัวดาบ ภายในมีดาบจำนวนหลายเล่มที่พร้อมจะปลดปล่อยออกมาได้ทุกเมื่อ” หลังเซี่ยอู๋เฟิงพบความลับ เขาจึงกล่าวคำ

ตอนนี้ทุกคนค่อยกระจ่างขึ้นมา

เขาฮึมฮัมและกล่าว “ดาบของชายคนนี้ไม่ใช่เล่น เป็นดาบที่ทรงพลังและยากรับมือนัก!”

ฉินเจิ้งเฟิงควบคุมค่ายกลดาบอีกครั้ง มันร่ายรำไปมาขณะจ้วงแทงเข้าใส่ฉินหยุนด้วยท่วงท่าชวนให้ลำบาก เขาไม่กล้าเข้าใกล้ ทำได้เพียงแต่ใช้เคล็ดวิชาคลื่นยักษ์

ดาบของฉินเจิ้งเฟิงรับมือไม่ง่าย ตอนนี้เขาไม่อาจใช้พลังจิตโจมตีได้เพราะฉินเจิ้งเฟิงตั้งป้องกันไว้อยู่ก่อนแล้ว

ที่ทำเขาประหลาดใจก็คือ พลังภายในของฉินเจิ้งเฟิงไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก

“อย่าได้ใจไป ข้ายังไม่ได้ทุ่มสุดกำลัง!” ฉินเจิ้งเฟิงกล่าวเหยียดหยาม ก่อนหน้านี้ เขาได้ยืนยันแล้วว่าฉินหยุนไม่ได้ใช้พลังภายใน หรือพลังของกระดูกทองคำแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมั่นใจว่าฉินหยุนแท้จริงแล้วไม่มีพลังธาตุอยู่ เหตุผลเดียวที่เขาสามารถฝึกฝนจนถึงขั้นนี้ได้ ก็เพราะพลังจิตที่แข็งแกร่ง

เขาเพียงป้องกันสมองและวิญญาณยุทธ์ตนเองให้ดีเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีทางจิตก็เพียงพอแล้ว

โดยปกติ กายวรยุทธ์ระดับที่แปดจะสามารถสร้างม่านพลังขึ้นรอบกายได้ จากนั้นจึงค่อยผสานวิญญาณยุทธ์กับพลังภายในเพื่อใช้ต้านทานการโจมตีทางจิต

ฉินเจิ้งเฟิงเก็บดาบทั้งหมดไปขณะจับด้ามดาบหลักเอาไว้แน่นและร้องคำราม เส้นเลือดบนหลังมือพลันปูดออก ราวกับกำลังโคจรขุมพลังน่าสะพรึงเอาไว้ภายใน

วูบ!

อย่างกะทันหัน ฉินเจิ้งเฟิงพลันเหวี่ยงดาบปลดปล่อยอสรพิษอสนีบาตทองคำเข้าใส่ฉินหยุน!

นี่คือปราณดาบ! เป็นปราณดาบที่แข็งแกร่งผสมผสานด้วยฟ้าคำรามและอสนีบาต!

“เป็นวิญญาณยุทธ์ดาบอสนีบาต!” พอเซี่ยอู๋เฟิงได้เห็นดังนี้ เขาตะโกนร้องตระหนก

ฉินหยุนมองดาบอสนีบาตกำลังยิงเข้าหา เขาตระหนก และตอนนี้เขาไม่อาจยืนต้านรับตรงนี้ได้

เปรี้ยง!

ดาบอสนีบาตปกคลุมร่างฉินหยุนก่อให้เกิดเสียงไฟฟ้าช็อตดังสนั่น! อสรพิษอสนีบาตตัวนั้นกำลังเลื้อยคลานร่ายรำไปรอบร่างกายของเขาพร้อมปลดปล่อยพลังออก

ใบหน้าของฉินหยุนเปี่ยมด้วยความเจ็บปวด ผิวหนังตึงเครียด ฟ้าคำรามและอสนีบาตไหลทั่วร่างกาย เป็นผลให้ทั้งร่างเกิดอาการเจ็บปวดรุนแรงและร้อนแรงดังโดนเผาไหม้

ฉินเจิ้งเฟิงหัวเราะเสียงดัง เขาไม่ได้เร่งรีบทะยานกายเข้าไปซ้ำ แต่เลือกที่จะส่งลำแสงดาบออกอีกครั้งหนึ่งจากระยะไกล ครั้งนี้ มันเป็นดาบอสนีบาตที่พุ่งตรงเข้าใส่ตันเถียนของฉินหยุนอย่างรวดเร็วและระเบิดออก!

ฝูงชนร้องอุทานดังระงม เมื่อพวกเขาเห็นร่างฉินหยุนถูกส่งกระเด็นไปปะทะกับกำแพงโปร่งแสงของอาคมธง คลื่นกระเพื่อมของตัวกำแพงและเสียงปะทะจึงดังให้ได้ยิน

ผิวหนังของฉินหยุนสีแดงฉานเพราะความร้อนรุนแรง คล้ายกับมันพร้อมจะโดนเผาไหม้เป็นสีดำได้ทุกเมื่อ

กล่าวได้ว่าฉินเจิ้งเฟิงระแวดระวังตัวอย่างยิ่ง เขาไม่เข้าใกล้เป้าหมาย แต่เลือกใช้ดาบในมือปลดปล่อยพลังปราณดาบอสนีบาตจากระยะไกล

ครั้งนี้ ฉินหยุนคำรามดังลั่น ขณะยกค้อนราชันยักษ์วิญญาณในมือขึ้น เขาจึงฟาดสายอสนีบาตด้วยหัวค้อน!

สีหน้าของฉินเจิ้งเฟิงแปรเปลี่ยน เขารู้อย่างชัดเจนถึงพลังเบื้องหลังการโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้ กระทั่งเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ก็ไม่มีทางยืนหยัดได้ไหวหากโดนการโจมตีทั้งสองครั้งนั้นเข้าไป

แต่แล้ว ไม่เพียงแต่ฉินหยุนสามารถยืน เขายังคล้ายไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด!

ฉินหยุนใช้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬเพื่อปลดปล่อยพลังลึกลับและน่าสะพรึงออกมาย่อยสลายลำแสงดาบอสนีบาตที่เข้าสู่ร่างกายโดยสมบูรณ์ จากนั้น เขาจึงใช้แรงดึงดูดเพื่อชักนำเอาปราณดาบของฉินเจิ้งเฟิงใส่เข้าที่ค้อนราชันยักษ์วิญญาณ!

ฉินเจิ้งเฟิงเร่งรีบฟาดฟันลำแสงดาบอสนีบาตอีกหลายสาย แต่แล้ว ลำแสงดาบเหล่านั้นกลับถูกค้อนราชันยักษ์วิญญาณของฉินหยุนดูดกลืนจนสิ้น!

“เกิดอะไรขึ้นกับค้อนของฉินหยุนกัน? มันยืนหยัดต่อต้านดาบอสนีบาตที่น่าสะพรึงนั้นได้อย่างไร?”

“นอกจากนี้ เหมือนจะมีแรงดึงดูดแปลกประหลาด ค้อนราชันยักษ์วิญญาณมีพลังเช่นนี้ด้วย?”

ผู้คนต่างหันมองกัวเจิ้ง ผู้ซึ่งเป็นรองอธิการบดีของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน และค้อนราชันยักษ์วิญญาณก็เป็นมรดกล้ำค่าในมือพวกเขา!

กัวเจิ้งขมวดคิ้วกล่าวคำ “ค้อนราชันยักษ์วิญญาณไม่มีความสามารถเช่นนั้น... เป็นเขาแต่งเสริมมันด้วยตนเอง!”

ฉินเจิ้งเฟิงเดือดดาล เขาตอนนี้ไม่โจมตีจากระยะไกลอีกต่อไป แต่เลือกทะยานกายเข้าหาเพื่อทิ่มแทงฉินหยุนโดยตรง

ทุกครั้งที่ดาบจ้วงแทงออก พลังไฟฟ้าจะระเบิดออกจากตัวดาบนั้น กระทั่งว่าฉินหยุนสามารถหลบได้ เขาก็ยังต้องโดนลำแสงดาบอสนีบาตเข้าเล่นงาน ความรู้สึกด้านชาเพราะกระแสไฟฟ้าแล่นทั่วร่างกายพร้อมความเจ็บปวดยิ่ง

ฉินเจิ้งเฟิงมองฉินหยุน รอยยิ้มฉายชัดขณะกล่าวคำเหยียดหยามพร้อมทิ่มแทงดาบออก “เหอะ เจ้าก็ไม่เห็นเท่าไหร่!”

กล่าวคำจบ ดาบวิญญาณระดับสูงในมือพลันทะลักออกด้วยแสงสว่างวาบของอสนีบาต เป็นผลให้ผู้ชมโดยรอบล้วนไม่อาจมองเห็น ดวงตาพวกเขามืดบอดกันชั่วขณะ!

วิ๊ง!

ดาบวิญญาณน้ำเงินของฉินเจิ้งเฟิงสั่นไหวพร้อมส่งเสียงสะท้อน ตัวดาบตอนนี้ปกคลุมด้วยอสนีบาตนับไม่ถ้วน ราวกับพวกมันถูกสร้างขึ้นโดยอสนีบาต คลื่นลมรุนแรงเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นเกลียวพร้อมอสนีบาต!

เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น เขาจึงสับฟันดาบยาวออกเข้าใส่มือขวาของฉินหยุน เขาคิดอยากทำลายค้อนราชันยักษ์วิญญาณในมือของฉินหยุน!

ฉินหยุนเร่งรีบโคจรพลังภายในตะวันทมิฬเข้าสู่ค้อนราชันยักษ์วิญญาณเพื่อรับมือกับดาบที่ฟาดฟันลงมา

ดาบและค้อนปะทะกันรุนแรง แสงสว่างวูบกระจายตัวออก เสียงระเบิดดังสนั่นบังเกิด!

ท่ามกลางแสงเข้มข้นจนทิ่มแทงดวงตาทุกผู้คน ทั้งโถงหลักของพระราชวังเทียนฉินแห่งนี้เองยังสั่นเทิ้มขณะฝุ่นลอยฟุ้งขึ้นในอากาศ

ขณะแสงสว่างจางลง แขนเสื้อฉินหยุนนั้นแตกกระจาย นอกจากนี้ ผิวหนังยังปริแตกออกจนเลือดไหล!

ตึง!

ค้อนราชันยักษ์วิญญาณของฉินหยุนกระเด็นออก มันร่วงหล่นอยู่ไกลออกไป!

ผู้คนล้วนอึ้ง ดาบของฉินเฟิงเมื่อครู่นี้น่าสะพรึงจนเกินไป!

นัยน์ตาของโฮ่วฉิงเฟิงจับจ้องขณะร้องอุทาน “นี่เป็นวิชาดาบอสนีบาตของตระกูลเย่ เป็นวิชายุทธ์ระดับโลกาขั้นต้น! ฉินเจิ้งเฟิงฝึกมันสำเร็จถึงขั้นกลางแล้ว!”

จ้วนฉวนเผยใบหน้าเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึงขณะกล่าว “นี่เป็นไปได้? วิชายุทธ์ระดับโลกาขั้นต่ำอย่างน้อยก็จำเป็นต้องอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าจึงสามารถเรียนรู้ ทั้งยังไม่ใช่ง่ายต่อการใช้งาน และไม่ใช่ง่ายต่อการเข้าใจเพียงนั้น!”

เชี่ยวหยางหลงอุทานออก “วิชาดาบอสนีบาตสมแล้วที่มีชื่อเสียงนานนัก ข้าไม่เคยคิดเลยว่ารัชทายาทแห่งเทียนฉินจะเชี่ยวชาญมันได้แล้ว น่าประทับใจยิ่ง!”

วิชายุทธ์ระดับโลกา มีความล้ำค่ายิ่งกว่าวิชายุทธ์ระดับลึกล้ำ กระทั่งในตำรายังกล่าวถึงมันน้อยนิดนัก! มีเพียงผู้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึงสามารถเรียนรู้มันได้อย่างปลอดภัย!

สำหรับฉินเจิ้งเฟิง เขาได้เชี่ยวชาญวิชายุทธ์ระดับโลกาจนถึงขั้นกลาง เรื่องนี้ชัดเจนว่าเริ่มศึกษาเมื่อนานมาแล้ว

บรรดาผู้อาวุโสรอบลานประลองยุทธ์ต่างอึ้ง กระทั่งผู้อาวุโสของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามก็ไม่เว้น!

โดยเฉพาะกับบรรดาศิษย์จอมอวดดีของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ตอนนี้พลันเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมต่อฉินเจิ้งเฟิง!

ฉินเจิ้งเฟิงถือดาบไว้ในมือขณะยืนหยัดภาคภูมิ เส้นสายอสนีบาตยังคงปรากฏในดวงตาขณะริมฝีปากยกยิ้มขึ้น เขากล่าวคำต่อฉินหยุน “เจ้าควรรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าตนเองอ่อนแอเพียงใด? ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง จงเขียนจดหมายหย่าต่อเชี่ยวเย่ว์หลานเสีย!”

มันมาพร้อมการโจมตีอีกระลอก อีกฝ่ายเจตนาสังหารฉินหยุน!

นี่เป็นเพราะฉินหยุนไม่มีค้อนราชันยักษ์วิญญาณอยู่ในมืออีกแล้ว เขาไม่มีทางยืนหยัดรับการโจมตีของฉินเจิ้งเฟิงเอาไว้ได้!

“น้องหยุน...” เซี่ยอู๋เฟิงอุทานเบา “รีบยอมแพ้เร็ว!”

“ฉินหยุน รีบยอมแพ้เร็วเข้า!” หยางฉีเย่ว์ก็ตะโกนขึ้นอย่างร้อนใจ

เชี่ยวเย่ว์หลานเพียงมองฉินหยุนโดยไม่กล่าวคำใด!

ฉินหยุนปาดเช็ดคราบเลือดออกจากแขน น้ำเสียงคำรามในคอดังออก “ฉินเจิ้งเฟิง วิชายุทธ์ที่เจ้าเรียนรู้ยังไม่ใช่วิชาอันแข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์เทียนฉินเราไม่ เพียงเรื่องนี้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าไม่คู่ควรหากเทียบกับบิดาข้า!”

“เหอะ เจ้าต่างหากที่ไม่รู้กระทั่งว่าวิชายุทธ์ประจำราชวงศ์เทียนฉินอ่อนแอยิ่งกว่า!” ฉินเจิ้งเฟิงเผยใบหน้าเย็นเยือกและคำราม “ให้ข้าแสดงแก่เจ้าเพื่อรับรู้ ว่าวิชายุทธ์ที่ข้าเรียนรู้มาจากตระกูลเย่ทรงพลังอำนาจเพียงใด!”

ทุกคนล้วนไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ฉับพลันฉินเจิ้งเฟิงกลายเป็นหงุดหงิดยิ่ง ราวกับคำพูดของฉินหยุนเป็นการยั่วยุทำให้โกรธ

ฉินเจิ้งเฟิงคำรามกราดเกรี้ยวเข้าถึงตรงหน้าฉินหยุนเพียงพริบตา ดาบวิญญาณระดับสูงในมือทอแสงวูบอีกครั้ง มันมาพร้อมคลื่นลมขณะจ้วงแทงเข้าใส่หน้าอกของฉินหยุน!

“น้องหยุน!” ฮั่วจงพลันตะโกน ผู้อื่นล้วนเห็นกันชัดถนัดตาว่าฉินหยุนไร้ทางต่อต้านการโจมตีครั้งนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด