ตอนที่แล้วGE241 ลู่เป่ยหรือ? [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE243 แผ่นหลังของบรรพบุรุษอสูร [ฟรี]

GE242 ดวงจิตที่สอง [ฟรี]


เมืองทะเลทรายทางเหนือ… หนิงฝานติดตามเย่าหยวนไปขึ้นแต้ม

ทหารอสูรจะมีตำหนักที่พักเป็นของตน อสูรแก่นทองคำและอสูรระดับล่างจะอาศัยอยู่รวมกัน ภายในเมืองแห่งนี้ ชื่อเสียงของลู่เป่ยไม่ดีนัก แต่ถึงอย่างนั้น มันยังมีแซ่เป็นของตัวเอง

ภายในห้องนอน… หนิงฝานนั่งขัดสมาธิจ้องมองแต้มที่ได้

อสูรของเผ่ารอยแยกพิภพที่สังหารไปทำให้หนิงฝานได้ 368 แต้ม อสูรแก่นทองคำขั้นต้นได้ 5 แต้ม ขั้นกลางได้ 10 แต้ม ขั้นสูงได้ 15 แต้ม และขั้นสูงสุดได้ 25 แต้ม ส่วนอสูรที่มีระดับต่ำกว่านั้นจะได้ 1 แต้ม

เมื่อรวมแต้มใหม่กับแต้มเก่าแล้ว หนิงฝานได้แต้มทั้งหมด 9742 แต้ม ช่างน้อยนิดจนน่าใจหาย

ลู่เป่ยฝึกวิชามากว่าพันปี แต่กลับแข็งแกร่งได้เพียงเท่านี้

แต้มที่ได้สามารถนำไปแลกเป็นหยกสวรรค์ ซึ่ง 1 แต้มได้ 100 หยกสวรรค์

นอกจากแลกเป็นหยกสวรรค์แล้ว ยังสามารถนำไปแลกการปลุกโลหิต ไข่อสูร หรือสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่หยกสวรรค์ไม่อาจซื้อได้

ภายในหอคอยอสูรในเมือง มีทั้งวิชาอสูรและตัวอักษรอสูรให้ศึกษา

ไข่อสูรไม่ได้ช่วยให้มีทาสรับใช้ แต่เป็นตัวช่วยเพิ่มปราณอสูร

ส่วนการปลุกโลหิตนั้น… หนิงฝานให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ลู่เป่ยคืออสูรวิหค หนิงฝานเองก็มีสายเลือดอสูรวิหค… ในโลกอสูรจะแบ่งอสูรออกเป็น 2 เผ่าพันธุ์ใหญ่คือ เผ่าวิหค และ สัตว์อสูร

โลหิตของอสูรวิหคนับเป็นโลหิตที่ธรรมดาสามัญ เมื่อบรรลุสู่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม จะต้องมีการปลุกโลหิตครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อยกระดับพลัง

เผ่าวิหคสามารถวิวัฒนาการเป็นวิหคธรรมดา เหยี่ยว หรือกระทั่งมนุษย์มีปีกได้… ในอดีตมีอสูรจำนวนไม่มากที่สามารถยกระดับจากดวงจิตแรกเริ่มเป็นตัดวิญญาณได้ เพราะหากบรรลุถึงขั้นนั้น จะมีการปลุกโลหิตครั้งที่ 3 ขึ้น เมื่อนั้น เหล่าอสูรวิหคจะได้ครอบครองเส้นลมปราณอสูรโบราณ และกลายเป็นตัวตนที่สำคัญของเผ่า

ในอดีต ลี่ป่านเกือบจะวิวัฒนาการเป็นมังกรโบราณได้สำเร็จ เพราะหนิงฝานเป็นผู้ขัดขวาง ทั้งยังชิงเอ็นมังกรของมันมา

แต่ถึงอย่างนั้น ลี่ป่านยังได้อานิสงค์จากการวิวัฒนาการ ได้โลหิตของมังกรโบราณมาครอบครอง แม้จะเพียงเบาบางเท่านั้น

ลู่เป่ยเป็นผู้ที่ไร้พรสวรรค์ การที่มันสามารถบรรลุดวงจิตแรกเริ่มได้นั้น เป็นในอดีตเคยได้รับโลหิตของนายกองทหารช่วย

ยามนี้หนิงฝานกลายมาเป็นลู่เป่ย แม้ปราณอสูรของเขาจะบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่เขายังไม่รู้ว่าการปลุกโลหิตจะต้องใช้เงื่อนไขอะไรบ้าง

ดังนั้น หนิงฝานในยามนี้ก็ยังไม่ต่างจากลู่เป่ย ที่โลหิตอสูรเคยถูกปลุกมาเพียง 1 ครั้ง

ยามนี้ หนิงฝานผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ ยามนี้กลายเป็นเพียงทหารอสูรทั่วไป ไม่ต่างจากลู่เป่ย

“ปลุกโลหิต… ถ้าข้าได้แต้มมากพอที่จะปลุกโลหิต ไม่รู้ว่าจะปลุกโลหิตได้ถึงระดับไหน!”

การปลุกโลหิตอสูรถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะนั่นจะเป็นตัวตัดสินเจตจำนงค์อสูร!

หนิงฝานมีเจตจำนงค์พิรุณ และเจตจำนงค์ปีศาจแล้ว เหลือเพียงเจตจำนงค์อสูร...

อักษรของอสูร การปลุกโลหิต และอสูรไร้ดัดแปลงที่กำลังหลับไหล… ดินแดนโลกล่มสลายแห่งนี้ เป็นประโยชน์กับหนิงฝานเป็นอย่างมาก

“บรรลุตัดวิญญาณไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งนมมารดาใต้พิภพที่มียิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จ หากปราณปีศาจและปราณอสูรของข้าบรรลุหมื่นเกราะ ข้าจะมีโอกาสบรรลุตัดวิญญาณ 7 ใน 10 ส่วน ยิ่งรวมโอส และเจตจำนงค์เทพของข้าก็ยิ่งเพิ่มโอกาสสำเร็จ”

การปลุกโลหิตอสูรคือการลงแช่ตัวในบ่อโลหิต โดยมีผู้คอยร่ายอาคมให้ หนิงฝานทราบมาว่า การจะปลุกโลหิตอสูรนั้น ต้องใช้แต้ม 1 แสน

ถึงลู่เป่ยจะออกไปสังหารศัตรูกลับมา แต่การที่ขัดคำสั่งกองทหารโดยการออกจากเผ่าในยามวิกาลยังต้องได้รับโทษ ถึงอย่างนั้น จำนวนอสูรฝ่ายตรงข้ามที่สังหารไปก็มีไม่น้อย จึงถือว่าชดเชยความผิดได้

หากลู่เป่ยบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง จึงจะมีสิทธิ์นำทัพขนาดเล็กบุกจู่โจมศัตรูได้

เมื่อทุกสิ่งเข้าที่ ความบาดหมางต่อเผ่าลดลง ความดีความชอบเพิ่มพูน ก็ถึงคราวที่ต้องยกระดับปราณอสูร

หนิงฝานยังไม่ได้ดูดซับโลหิตของอสูรไร้ดัดแปลง โลหิตของสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม และแก่นอสูรของพวกมันเป็นจำนวนมาก หากดูดซับปราณอสูรจากทั้งหมดนั้น ปราณอสูรของเขาอาจบรรลุสู่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด

หากบรรลุ ตนเองจะมีโอกาสได้แต้มสูง มีกองทัพไว้บัญชา เมื่อถึงยามนั้น แต้มจำนวนมหาศาลจะไปไหนเสีย

แต้มจำนวนหนึ่งแสนที่ใช้สำหรับปลุกโลหิต แค่ทำสงครามขนาดกลางครั้งหนึ่งก็ได้แล้ว

ดังนั้นหนิงฝานจึงวางข่ายอาคมในห้องตน และเริ่มดูดซับปราณอสูรทันที

ในเมื่อมีโลหิตอสูรและแก่นอสูรในดูดซับ เขาก็ไม่จำเป็นต้องโอสถช่วยอีกต่อไป

หนิงฝานเก็บตัวเป็นเวลาร่วม 1 เดือน ปราณอสูรเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง

ปราณอสูรเพิ่มพูนไปอีก 68… 69… 99… 100 เกราะ อีกก้าวเดียวจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง แต่เมื่อปราณอสูรบรรลุถึงระดับนี้ จู่ๆมันกลับไม่ยกระดับต่อ หนิงฝานติดอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น

“เกิดอะไรขึ้น...”

หนิงฝานสงสัย แต่หลับตาดูดซับปราณอสูรต่อ

101… 150… 200… 300 เกราะ

เมื่อปราณอสูรเพิ่มพูนไปอีก 300 เกราะ หนิงฝานสมควรจะบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่ขอบเขตพลังอสูรของเขากลับไม่ถูกยกระดับ

แม้จะยังสงสัย แต่หนิงฝานยังดูดซับปราณอสูรต่อไป

301… 302… 1490!

เมื่อปราณเพิ่มพูนอีก 1500 เกราะ ซึ่งสมควรจุดสูงสุดของขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่ระดับของหนิงฝานกลับยังคงอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น!

หนิงฝานขับซึ่งความกังวลออกไป จิตใจเข้าสู่สภาวะสงบ

1501… 1502… 2150 เกราะ

หนิงฝานสมควรดูดซับปราณได้เพิ่มถึง 2368 เกราะ แต่ต่อให้ดูดซับ ปราณอสูรที่ได้ยังคงอยู่แค่ 2150 เกราะ

หนิงฝานลืมตา กลิ่นอายปราณอสูรที่ทรงพลังแผ่ออกมาจากร่าง อีกจู่โจม พื้นที่ในรัศมีพันจ้างจะรายเป็นหน้ากลอง

แรงกดดันของหนิงฝานยามนี้ รุนแรงเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด

แต่เส้นลมปราณเริ่มไม่อาจรับปราณได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“ปราณยกระดับ แต่ขอบเขตไม่ยกระดับ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นโลหิตอสูร…”

หนิงฝานทราบแล้วว่า เหตุที่ตนเองไม่ยกระดับเป็นเพราะโลหิตอสูร

นั่นยิ่งทำให้หนิงฝานสนใจการปลุกโลหิตอสูรมากขึ้น

หากไม่ปลุกโลหิตครั้งที่ 2 ให้สำเร็จ ระดับพลังจะติดอยู่ที่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แม้จะมีปราณเทียบเท่าขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดก็ตาม

หากไม่ยกระดับขอบเขตพลัง ต่อให้สังหารอสูรไร้ดัดแปลงได้ก็ไม่อาจขอบเขตตัดวิญญาณ

“ต้องหาแต้มให้ได้ 1 แสนก่อน ค่อยปลุกโลหิตอสูร”

หนิงฝานถอนหายใจ...

นอกประตูห้องหนิงฝาน เขาได้ยินเสียงเดินไปมาของสตรีนางหนึ่ง นางมาหาเขา 47 ครั้งแล้ว แต่ไม่กล้าเคาะประตูเพราะกลัวจะรบกวนการฝึกฝน

เมื่อสิ้นสุดการดูดซับพลังและได้ข้อสรุป หนิงฝานพับแขนอาภรณ์ ลุกยืนผ่อนคลายและเปิดประตูห้องออก เมื่อสตรีนางนั้นเห็นหนิงฝาน นางตกใจลนลาน ผ้าเช็ดหน้าและอ่างล้างน้ำตกหกกระจาย จนนางเร่งคุกเข่าขอความเมตตา

“นายท่าน… ข้า… ข้า… ไม่ได้… ข้า… ตั้งใจ...” นายกล่าวไม่เป็นคำพูด

นางเป็นสาวใช้อายุประมาณ 10 ปี ตามความทรงจำของลู่เป่ยแล้ว นางคือภรรยาคนที่สอง หากนางอายุครบ 14 ปี นางจึงกลายเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์ สตรีนางนี้มีลักษณะนิสัยแตกตื่นหวาดกลัว จนทำให้พูดติดอ่าง

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนเป็นเพราะสายเลือดอสูรของนางไม่บริสุทธิ์

แต่ถึงอย่างนั้น นางสามารถแปลงร่างมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ ที่สำคัญ นางเป็นสตรีที่งดงามมาก หากนางเติบใหญ่ นางจะกลายเป็นสตรีที่งดงามโดดเด่นคนหนึ่ง นับว่าเรื่องสตรีลู่เป่ยก็มีดีพอตัว

แต่น่าเสียดายที่นางจะกลายเป็นของหนิงฝานนับจากนี้

นางชื่อ ‘เซียวหวน’ ตอนนี้นางก็หวาดกลัวมาก

นางนำน้ำและผ้าเช็ดหน้ามาให้ลู่เป่ย แต่คาดไม่ถึงว่าจู่ๆอีกฝ่ายจะเปิดประตูออกมาจนนางตกใจ ความผิดพลาดนี้อาจทำให้นางต้องตาย

เพราะก่อนหน้านี้มีสาวใช้ 15 ตนที่ทำผิดพลาด และถูกลู่เป่ยสังหารไปแล้ว

แม้การสังหารพรคคพวกจะถือเป็นเรื่องต้องห้ามในเผ่า แต่ด้วยลู่เป่ยมีสถานะเป็นทหารอสูร เผ่าจึงทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง เพราะอสูรที่บรรลุดวงจิตแรกเริ่ม ถือเป็นตัวตนที่สำคัญของเผ่า

ยามนี้ ยิ่งนางเห็นหนิงฝานขมวดคิ้ว นางยิ่งหวาดกลัว

บ่าวทำผิด นายท่านย่อมโมโห… นี่คงเป็นจุดจบของนางแล้ว

“นะ...นายท่าน... เมตตา...”

นางหวาดกลัวจนตัวสั่น

“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำโทษเจ้าหรอก ไม่ต้องกลัวไป...”

หนิงฝานถอนหายใจ แม้เขาจะฆ่าศัตรูเป็นผักปลา แต่คนที่ไร้ทางสู้เช่นนาง เขาไม่เคยสังหาร

แม้นางจะมีโลหิตอสูรในร่าง แต่ด้วยความที่บริสุทธิ์และไม่อาจปลุกโลหิตได้ นางจึงไม่ต่างจากอสูรที่ไร้พลัง เทียบได้กับมนุษย์ทั่วไป

เมื่อคราวที่เป็นมนุษย์ธรรมดา หนิงฝานเชื่อว่าการต่อสู้และสงครามเป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญสามารถเข่นฆ่าสังหารกันได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น ไม่สมควรสังหารคนทั่วไป

แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาเชื่อว่า ผู้เชี่ยวชาญคือผู้ที่ก้าวเดินไปบนเส้นทางที่ต่อสู้แย่งชิงทรัพยากรเพื่อยกระดับตน เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าสังหาร เป็นเส้นทางที่มนุษย์ทั่วไปไม่ควรย่างกรายเข้ามา

หนิงฝานไม่เคยคิดว่าตนเป็นคนดี แต่แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความลำบากเช่นใด เขาจะไม่ละทิ้งความเชื่อของตน...

นอกจากเซียวหวนจะไร้พลังแล้ว หนิงฝานยังรู้สึกคุ้นเคยกับนางอย่างบอกไม่ถูก นั่นเป็นอีกเหตุผลที่เขาไม่อาจทำร้ายนาง

หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ยื่นมือสัมผัสนางปลอบประโลมราวกับสายลมอ่อนไหว

“ไม่ต้องกลัว...”

นางตกตะลึง เหตุใดนายท่านผู้เหี้ยมโหดถึงได้อ่อนโยนเช่นนี้...

แต่เมื่อหนิงฝานสัมผัสกายนาง สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนทันที

เขารู้แล้วว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับนาง

เพราะนาง...คือหนึ่งในสามดวงจิตเซียนของศพนางสวรรค์!

“ดวงจิตของเหว่ยเหลียง… ทำไมถึงมาอยู่ในดินแดนนิทรานี้ได้!”

ดวงจิตแรกของเหว่ยเหลียงที่พบ อยู่ในป่าภูติพราย สถานที่แห่งนั้นเกี่ยวข้องกับลานสวรรค์โบราณ

แต่การที่ดวงจิตที่สองของนางมาอยู่ในดินแดนนิทราแห่งนี้ แสดงว่าที่นี่เกี่ยวข้องกับลานสวรรค์โบราณ

ดูราวกับว่า ดวงจิตของนางคอยให้หนิงฝานมารับไป

“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...” หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น คำกล่าวของตงสู่สะท้อนในหัว ชายชราเคยกล่าวว่า โชคชะตาของหนิงฝานนั้นประหลาด

ราวกับมีคนบงการเอาไว้แล้ว

มันเป็นใคร?

มีจุดมั่งหมายอะไร?

เมื่อแววตาแปรเปลี่ยน แรงกดดันก็เปลี่ยน จนทำให้เซียวหวนหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม

“ข้า… ข้า… ข้า...” นางแตกตื่นจนกล่าวไม่ออก

ไม่นานแววตาหนิงฝานก็กลับคืนสู่ความอ่อนโยน

“ตัวเจ้าช่างน่าสนใจ… ว่าแต่ ตัวเจ้าดูผอมแห้งอ่อนแรง เจ้าหิวหรือเปล่า?”

หนิงฝานที่สัมผัสกายนาง รู้สึกว่านางยังขาดเนื้อหนังไปหน่อย

“หิว...”

“ไม่ ไม่ ไม่...” นางพูดไปตามจิตใต้สำนึก

“ถ้าเจ้าไม่หิวจริงคงไม่พูดแบบนั้น...” หนิงฝานหัวเราะนางโอบประครองร่างของนาง มุ่งไปยังร้านอาหารที่หรูที่สุดของเมือง

ร้านอาหารมีด้วยกัน 10 ชั้น ชั้น 1 - 4 เป็นของอสูรแก่นทองคำ ชั้น 5 เป็นของอสูรดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ชั้น 6 เป็นของขั้นกลาง ชั้น 7 เป็นของขั้นสูง ชั้น 8 เป็นของขั้นสูงสุด ชั้น 9 เป็นของอสูรตัดวิญญาณ และชั้น 10 เป็นของหัวหน้าเผ่าลั่วหยุน

หนิงฝานรู้ว่านางกำลังหิว เพราะนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น

เขาจึงนำนางมาทานอาหาร

หนิงฝานมั่นใจว่าเซียวหวนมีดวงจิตที่สองของศพนางสวรรค์ หากนำดวงจิตไปผสานให้ นางสมควรมีสติปัญญามากขึ้น

แต่การนำดวงจิตของนางออกมานั้น เท่ากับการสังหารเซียวหยุน

หนิงฝานไม่อยากสังหารสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างเซียวหยุนเพื่อเพิ่มสติปัญญาให้ศพนางสวรรค์

เรื่องนี้ต้องมีใครสักคนคอยบงการ แต่มันต้องการอะไร?

หรือมันต้องการให้หนิงฝานสังหารสตรีบริสุทธิ์ เพื่อศพนางสวรรค์

“ข้าทำไม่ได้… แต่ดวงจิตของเหว่ยเหลียงก็อยู่ที่นี่...”

หนิงฝานยากจะตัดสินใจ

หากเขาสังหารนาง หัวใจของเขาก็แตกสลาย

แต่หากไม่สังหารนาง เหว่ยเหลียงจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนก่อน

หากสังหารนาง ก็จะกลายเป็นการเดินตามแผนของใครสักคนที่วางเอาไว้ คนผู้นั้นสมควรเป็นเซียน

“เหว่ยเหลียง ถ้าเป็นเจ้า… เจ้าจะเลือกทางไหน...”

เมื่อหนิงฝานกำลังจะเดินเข้าร้านอาหาร

ผู้คุ้มกัน 2 คนก็เข้ามาขวางทางไว้

“ชั้น 1 - 5 นายน้อยฮั่วเฉินได้เหมาไว้หมดแล้ว หากผู้ใดไม่มีเทียบเชิญก็เข้าไม่ได้! ไสหัวไปซะ!”

“ฮึ่ม! ข้าพาภรรยามากินข้าว แต่มดปลวกอย่างพวกเจ้ากลับกล้าขวาง… ทำลาย!”

เจตนาสังหารของหนิงฝานเพิ่มพูน แก่นทองคำของผู้คุ้มกันทั้งสองแตกสลาย ระดับพลังลดลงเหลือขอบเขตประสานวิญญาณ

พวกมันกระอักโลหิตคำโต สีหน้าแปรเปลี่ยนตกตะลึง คนผู้นี้เป็นใครถึงได้กล้าทำลายแก่นทองคำของพวกมัน

เมื่อเซียวหยุนเห็นฉากที่อสูรสองตนนั้นกระอักโลหิต นางก็หวาดกลัว

แต่หนิงฝานแตะแผ่นหลังของนางเบาๆพลางกล่าวปลอบ

“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ไม่มีใครทำอันตรายเจ้าได้!”

“อืม” นางพยักหน้าเบาๆ นางสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่หนิงฝานมีให้ ซึ่งแตกต่างจากลู่เป่ยในอดีต

หนิงฝานเพียงจะพานางมากินข้าว แต่กลับมีคนกล้ามาขวาง

แม้นางจะรู้สึกดีกับสิ่งที่หนิงฝานทำ แต่นางก็ยังหวาดกลัว เพราะลู่เป่ยมีชื่อเสียงที่เลวร้าย การที่มาทำดีกับตน ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาด

แล้วหนิงฝานก็นางไปชั้น 5

เมื่อไปถึงชั้น 5 สัมผัสเทพที่ทรงพลังก็เข้าจู่โจม

“ข้าคือนายน้อยฮั่วเฉิน เจ้าเป็นเพียงทหารอสูร แต่กลับกล้าทำร้ายคนของข้า!”

“ทำลาย!”

สัมผัสเทพที่ก่อตัวเป็นเข็มพุ่งตรงเข้าหาฮั่วเฉิน

สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนตกตะลึง สัมผัสที่จู่โจมหนิงฝานสลายไป พร้อมกับมันที่กระอักโลหิต

“นี่เจ้า….ลู่เป่ย เป็นไปได้ยังไง!”  เมื่อหน้าหนิงฝานชัดๆ มันจึงอุทานขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด