ตอนที่แล้วGE240 ลู่เป่ยแห่งตระกูลลู่ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE242 ดวงจิตที่สอง [ฟรี]

GE241 ลู่เป่ยหรือ? [ฟรี]


แดนสองแห่งดินแดนนิทรา จันทราโลหิตกระจ่างประดับท้องนภา

ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขนสัตว์อสูรทะยานไปในราตรีอันมืดมิด

ดวงตากระจ่างใสราวกับดารา ไร้ซึ่งความเคืองแค้นชิงชัง ยามนี้ ผู้เยาว์คนนี้ไม่ใช่หนิงฝาน แต่เป็นลู่เป่ย!

ตำแหน่งของลู่เป่ยในยามนี้คือ ‘ทหารแห่งเผ่าลั่วหยุน’

ผู้ที่จะได้เป็น ‘ทหาร’ นั้น จำต้องบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ส่วนผู้ที่จะได้เป็น ‘นายกอง’ ต้องบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ... ดังนั้นแม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่ก็เป็นได้เพียงทหารทั่วไป

ในความทรงจำที่หนิงฝานได้มาจากลู่เป่ยคือ เผ่าลั่วหยุนแห่งแดนสองนี้ คือเผ่าที่แข็งแกร่ง ผู้ที่เป็นนายกองประจำทัพมีนามว่า ‘ลู่ตู้เฉิน’ เป็นอสูรตัดวิญญาณขั้นกลาง

นอกจากนี้ ในทัพของลู่ตู้เฉินยังมีอสูรตัดวิญญาณขั้นต้นในบัคับบัญชาอีก 7 คน

สรุปรวมขุมกำลังทั้งหมด เผ่าลั่วหยุนมีนายกองอยู่ 8 ตน ทหารอีก 700 ตน และอสูรในขอบเขตแก่นทองคำอีก 1 แสนตน แม้จะทรงพลังระดับนี้ แต่ถูกจัดอยู่ในอันดับ 7 ของเผ่านทั้ง 9 เท่านั้น

หนิงฝานขมวดคิ้ว

ดูเหมือนจำนวนของอสูรตัดวิญญาณจะมีมากกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะเผ่าเพลิงที่มีอสูรตัดวิญญาณขั้นต้น 19 ตน ขั้นกลาง 3 ตน ขั้นสูง 1 ตน และอสูรดวงจิตแรกเริ่มอีก 8 พัน!

หากนับจำนวนกองกำลังทั้งหมดในแดนสองซึ่งรวม 9 เผ่าเข้าด้วยกัน มีนายกองร่วมร้อยตน และทหารอีกเกือบ 3 หมื่นตน!

“แม่ทัพลู่หวู่หลับไหล รอบกายมีนายกองนับ 100 ปกป้อง กองกำลังของที่นี่เทียบได้กับทะเลส่วนใน...”

ด้วยอาณาเขตที่กว้างขวางของแดนสอง หากหนิงฝานจะเดินทางทั่ว คงใช้เวลาราว 1 ปีเป็นอย่างน้อย

แต่เรื่องเวลาไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่เป็นปัญหาคือ วิธีเดินทางเข้าสู่แดนสาม มีเพียงเหล่านายกองเท่านั้นที่รู้

นายกองของแต่ละเผ่าจะอยู่ในเผ่าของตน ผู้ที่รู้วิธีการเดินทางสู่แดนสาม มีเพียงนางกองประจำเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น

สำหรับเผ่าอสูรแล้ว ‘แซ่’ เปรียบเหมือนสัญลักษณ์อันทรงเกียรติ ซึ่งเผ่าลั่วหยุนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

ลู่เป่ยถูกนับเป็นกบฏของเผ่าที่เคยอยู่

การที่มันยังได้ทรัพยากรยกระดับพลัง เพราะมันแอบติดต่อกับหนึ่งในนายกองเผ่าลั่วหยุน หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย เผ่าลั่วหยุนอาจไม่ปล่อยมันไว้ ซึ่งนี่คือเรื่องที่หนิงฝานกังวล

ในความทรงจำที่ได้จากลู่เป่ย ทางเข้าแดนสามอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างเผ่านลั่วหยุนและเผ่ารอยแยกพิภพ

เผ่ารอยแยกพิภพเป็นขุมกำลังอันดับ 8 เผ่าลั่วหยุนเป็นขุมกำลังอันดับ 7 สองเผ่าขัดแย้ง ทำให้มีการต่อสู้กันอย่างรุนแรงบริเวณรอยต่อของทั้งสองเผ่า

หนิงฝานทะยานมุ่งไปยังรอยต่อของเผ่าลั่วหยุนและเผ่ารอยแยกพิภพ ระหว่างพบอสูรแก่นทองคำของเผ่ารอยแยกพิภพ เมื่อพวกมันสัมผัสได้ว่าเขาคืออสูรดวงจิตแรกเริ่ม พวกมันเร่งถอยห่าง

การที่แดนสองมีอสูรแก่นทองคำอยู่นั้น แสดงว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้จำกัดระดับพลัง

นั่นหมายความว่า หนิงฝานสามารถศพนางสวรรค์และทหารศิลาได้

หากเป็นไปได้ หนิงฝานอยากให้ปราณอสูรของตนบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณที่นี่

“ลี่เป่ยแอบออกมาข้างนอกเพื่อติดต่อกับเผ่าเพลิง ถ้าเกิดเผ่าลั่วหยุนรู้เข้า และเราไม่มีเหตุผลอธิบายที่ดีพอคงแย่ ยิ่งหากเกิดตัวตนของข้าถูกเปิดเผยยิ่งเป็นอันตราย… อีกอย่าง ข้าเพิ่งสังหารคนไป เผ่าลั่วหยุนน่าจะส่งคนมาตรวจสอบ”

หนิงฝานนำเขี้ยวและขวานของอสูรออกมาจากกระเป๋า ทั้งสองสิ่งนั้นล้วนเป็นสมบัติวิญญาณระดับสูง

การที่ลู่เป่ยมีเพียงสมบัติระดับล่างเช่นนี้ ถือว่ามันมีสถานะที่ต่ำในกองทหารอสูร อาจจัดอยู่ในผู้ที่อ่อนแอที่สุด

ขวานที่มันมีสมควรเป็นของอสูรแก่นทองคำขั้นสูงสุด

แต่เมื่อมันอยู่ในมือหนิงฝาน มันกลับเปล่งอำนาจที่ทรงพลังจนคาดไม่ถึง หนิงฝานเหวี่ยงขวานตัดขวาง เส้นแสงสีครามพุ่งออกไปเบื้องหน้าเส้นแล้วเส้นเล่า จากหนึ่งเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน กระทั่งเหล่าอสูรแก่นทองคำในรัศมีและอสูรประสานวิญญาณในรัศมีพันลี้ตกตาย

“71 ตน... แค่นี้ก็น่าจะพอ ถ้าเกิดฆ่าไปมากกว่านี้ คงทำให้อสูรระดับสูงบางตนไม่พอใจ...”

หนิงฝานดูดซับปราณอสูรของพวกมัน จากนั้นนำร่างของพวกมันทั้งหมดมุ่งตรงไปยังรอยต่อของเผ่าลั่วหยุนและเผ่ารอยแยกพิภพ

สถานที่แห่งนั้นมีทหารอสูรและอสูรแก่นทองคำป้องกันอยู่ราว 100 ตน

เมื่อพวกมันเห็นทหารอสูรตนหนึ่งทะยานมาในยามราตรี จึงตะโกนเป็นสัญญาณ

“นั่นใคร!”

“ลู่เป่ยแห่งเผ่าลั่วหยุน!”

“รหัสลับของคืนนี้คืออะไร!”

“เซี่ยเหว่ย!”

เซี่ยเหว่ยคือหญ้าอสูรที่เห็นได้ทั่วไปของเผ่าลั่วหยุน ซึ่งถูกนำมาเป็นรหัสลับของทหารเผ่าลั่วหยุนคืนนี้

หลังจากได้อ่านความทรงจำของลู่เป่ย หนิงฝานจึงรู้รหัสลับของพวกมัน

เมื่อเห็นอีกฝ่ายบอกรหัสลับที่ถูกต้อง ทหารอสูรที่ถามจึงรู้สึกผ่อนคลาย แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือลู่เป่ย แววตาของมันกลับแปรเปลี่ยนเกลียดชัง

เผ่าอสูรวิหคจะมีการปลุกโลหิตโดยอาศัยอสูรอาวุโส แต่ลู่เป่ยเป็นผู้ที่ปลุกโลหิตไม่สำเร็จ

หากอสูรอาวุโสไม่สามารถทำได้ พวกมันจะมอบหมายให้นายกองอสูรเป็นผู้ทำแทน...

เมื่อทหารอสูรเห็นลู่เป่ยกลับมาในยามราตรี สิ่งที่เป็นไปได้คือลู่เป่ยออกไปลอบสังหารศัตรู หรือไม่ก็แอบร่วมมือกับเผ่ารอยแยกพิภพ

ทหารอสูรตนนี้มีนามว่า ‘เย่าหยวน’ มันเป็นอสูรที่ฉลาด คิดการใหญ่ และเป็นทหารอสูรระดับแนวหน้าของเผ่า

ดังนั้นยามนี้ มันคิดไปว่า ลู่เป่ยต้องแอบสมรู้ร่วมคิดกับเผ่ารอยแยกพิภพ

แต่ดูเหมือนเย่าหยวนจะคิดผิดไปอย่าง ลู่เป่ยไม่ได้แอบติดต่อกับเผ่ารอยแยกพิภพ เผ่ารอยแยกพิภพเป็นเผ่าลำดับ 8 หากจากติดต่อคบหาสมควรเป็นเผ่าที่มีอันดับสูงกว่าเผ่าตน ดังนั้น ผู้ที่ลู่เป่ยสมคบคิดคือเผ่าเพลิง ไม่ใช่เผ่ารอยแยกพิภพ

แม้จะคาดเดาผิดไปบ้าง แต่ยังมีส่วนที่ถูกคือลู่เป่ยทรยศเผ่า

ดังนั้น มันจึงลอบสั่งการอสูรแก่นทองคำในบังคับบัญชา เมื่อลู่เป่ยเข้าใกล้ ให้สังหารทันที

แต่เมื่อลู่เป่ยเข้าใกล้ แสงจันทราโลหิตสาดส่องให้เห็นซากร่างอสูรจำนวน 71 ตน!

ภาพที่เห็นทำให้เหล่าอสูรแก่นทองคำหวาดกลัว

เย่าหยวนเร่งสั่งการให้หยุดแผน แววตาของมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง!

“ลู่เป่ยไม่ได้ลอบติดต่อกับศัตรู แต่กลับออกไปสังหารอสูรที่เผ่าอื่นตั้ง 71 ตน… แต้มที่มันได้สมควรไม่น้อย นี่ใช่ลู่เป่ยจริงๆเหรอ?”

ในหมู่อสูรที่ถูกสังหาร อสูรที่อ่อนแอที่สุดคืออสูรประสานวิญญาณ มันยังเป็นครึ่งอสูรครึ่งมนุษย์ ส่วนอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดคืออสูรกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม

การจะเข้าไปสังหารอสูรระดับนี้ในถิ่นศัตรูได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้ที่ลอบสังหารไม่อาจใช้ปราณอสูรที่จะทำให้เกิดความผันผวนของพลัง

เย่าหยวนคิด หากเปลี่ยนมันเป็นลู่เป่ย มันย่อมไม่สามารถเข้าไปสังหารอสูรในถิ่นศัตรู โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ได้

แต่ลู่เป่ยทำได้

“ที่แท้เป็นน้องลู่! เจ้าออกไปสังหารศัตรูมาไม่น้อย จนข้ายังรู้สึกอาย!”

“คารวะพี่เย่า”

หนิงฝานร่อนลง ป้องมือคารวะ วางซากร่างอสูรลงแล้วถอยห่าง ปล่อยให้อสูรแก่นทองคำจัดการกับซากร่างที่เหลือ

เย่าหยวนประหลาดใจกับลู่เป่ยยามนี้

ลู่เป่ยผู้อ่อนแอกลับกล้าออกไปลอบสังหารศัตรู ทั้งยังสังหารไปได้ไม่น้อย หากบอกเล่าผู้ใดก็สมควรไม่มีผู้ใดเชื่อ

ลู่เป่ยในยามนี้สงบเป็นอย่างมา แววตาไม่สั่นไหว สงบนิ่งราวกับสายน้ำจนทำให้เย่าหยวนไม่กล้าดูแคลน

“แตกต่างกับข่าวลือที่ได้ยินมา หากปลุกโลหิตไม่สำเร็จ เหตุใดจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แม้ปราณอสูรจะด้อยกว่าข้า แต่หากต่อสู่จริง ข้าอาจสู้มันไม่ได้… ลู่เป่ยผู้นี้ไม่ธรรมดา”

นั่นทำให้เย่าหยวนนับถือลู่เป่ย และเชื่ออย่างสนิทใจว่า คนอื่นใส่ร้ายลู่เป่ย

แต่มันไม่มีทางรู้ว่า ลู่เป่ยผู้ที่มันนับถือไม่ใช่ลู่เป่ยตัวจริง

“น้องลู่ ข้าจะพาเจ้าไปขึ้นแต้ม!”

“รบกวนพี่เย่าด้วย”

หนิงฝานนำซากร่างอสูรที่ตนสังหาร ที่ผ่านการจัดการของเหล่าอสูรแก่นทองคำ ติดตามเย่าหยวนไป

เย่าหยวนคิดจะพาลู่เป่ยเข้าสู่เผ่า

หากลู่เป่ยตัวจริงรู้ว่าหนิงฝานทำให้ชื่อเสียงของมันดีขึ้น มันคงดีใจไม่น้อย

หนิงฝานสมควรเป็นผู้มีพระคุณของมัน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด