ตอนที่แล้วGE237 แดนแรก [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE239 พังทะลาย [ฟรี]

GE238 แผนของฉู่เก้อ [ฟรี]


“แดนแรก?” หนิงฝานเพิ่งเคยได้ยิน

“อืม… นายท่านน่าจะเคยได้ยินชื่อดินแดนวิญญาณอสูร มันคือแดนสวรรค์ของเหล่าอสูร ที่เป็นโลกแห่งความฝัน และโลกแห่งนิทรา เหมือนกันกับโลกมนุษย์ที่แบ่งแดนสวรรค์เป็น 4 ส่วน… พวกข้าและนายท่านลี่ป่านมาจากโลกแห่งความฝัน พวกข้าได้รับหน้าที่ให้มาหาดินแดนแห่งนิทรา เพื่อปลุกเหล่าผู้แข็งแกร่งขึ้นจากหลับไหล แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั้น ข้าเองก็ไม่รู้”

“ลี่ป่าน...” หนิงฝานขมวดคิ้ว ที่มันกล้าก่อเรื่องไว้มากโดยที่วิหารพิรุณไม่กล้าสอดมือเข้ามายุ่ง ที่แท้เพราะมันเป็นคนของเบื้องบน

“แล้ว… แดนแรกของดินแดนแห่งความฝันคืออะไร?” หนิงฝานกล่าวถาม

“ดินแดนแห่งความฝันคือส่วนหนึ่งของโลกแห่งความฝัน ที่มีเผ่าอสูรโบราณหลับไหลอยู่ สถานที่แห่งนี้แยกตัวออกจากดินแดนแห่งความฝันด้วยเหตุผลบางอย่าง ลอยต่ำลงมาจากโลกเบื้องล่าง จึงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนโลกล่มสลาย แต่ถึงอย่างนั้น สถานที่แห่งนี้ก็มีอสูรตัดวิญญาณและอสูรไร้ดัดแปลงหลับไหล… แดนแรกคือที่อยู่ของเหล่าอสูรที่เป็นทาส แดนสองคือสถานที่เก็บไข่ของอสูร และแดน”สามคือสถานที่หลับไหลของเหล่าอสูรตัดวิญญาณและไร้ดัดแปลง เหตุที่สถานที่แห่งนี้มีปราณอสูรหนาแน่น เป็นเพราะมีอสูรไร้ดัดแปลงอยู่ ข้าจึงบอกว่าที่นี่อันตรายมาก”

“ถ้าข้าจะไปแดนสองและสาม ข้าจะไปได้ยังไง?”

“ไปไม่ได้ เว้นแต่ท่านจะมีสมบัติของอสูรโบราณเป็นเครื่องนำทาง มีบทคำกล่าวภาษาอสูร และโลหิตอสูรจำนวนมากเพื่อใช้บูชายัญ… เหล่าอสูรในแดนแรกจะทำหน้าที่เลี้ยงดูไข่อสูร และทำหน้าที่ป้องกันอสูรตัดวิญญาณที่ยังหลับไหลในแดนสอง หากเส้นทางจากแดนหนึ่งสู่แดนสองถูกเปิด พวกมันจะตกอยู่ในอันตราย...”

“อืม...”

หนิงฝานขบคิด ไม่มีวิธีเดินทางจากแดนแรกไปยังแดนที่สอง แม้ที่นั่นจะมีอสูรตัดวิญญาณที่แท้จริงหลับไหลอยู่ เขาก็ไม่กลัว

เมื่อผูกโยงโลหิตสีทองและอสูรไร้ดัดแปลง หนิงฝานก็สนใจขึ้นมาทันที

เพราะหากอสูรที่ทรงพลังหลับไหล… พวกมันก็จู่โจมเขาไม่ได้ หากเขาสังหารพวกมันได้ ไม่รู้ว่าจะได้โลหิตสีทองมากขนาดไหน!

โลหิตสีทองบริสุทธิ์หนึ่งหยด ให้ปราณได้มากถึง 200 เกราะ หากเขาสังหารอสูรไร้ดัดแปลงได้สักตัว บางทีปราณอสูรของเขาอาจยกระดับถึงขอบเขตตัดวิญญาณเลยก็ได้!

การที่หนิงฝานจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณยังไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องยกระดับปราณปีศาจ ยกระดับปราณดั้งเดิม และยกระดับปราณอสูร

“ข้าต้องลองเข้าไปแดนสองและสาม แล้วลอบสังหารสัตว์อสูรไร้ดัดแปลง ถ้าทำได้สำเร็จ ปราณอสูรของข้าจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ!”

แต่ด้วยหนิงฝานจะไม่รู้เรื่องต่างๆของอสูรโบราณ และไม่รู้จักตัวอักษรของพวกมัน การจะเข้าไปในแดนสองและสามคงเป็นเรื่องยาก

“ว่าแต่… ในเมื่อพวกเจ้าเป็นคนของเผ่าอสูร เจ้ารู้จักเรื่องราวของอสูรโบราณ และอักษรอสูรโบราณหรือเปล่า?” หนิงฝานนึกขึ้นได้

“ก็พอรู้บ้าง… แต่นายท่าน ที่ถามเพราะท่านกำลังคิด...”

“อืม! ข้าจะเข้าไปแดนสองและสาม เพื่อหาโอกาสสังหารอสูรไร้ดัดแปลง”

อสูรไร้ดัดแปลงนั้นแข็งแกร่ง หนิงฝานไม่มีทางสู้มันได้ แต่หากมันหลับอยู่ก็อาจสังหารได้

นี่เป็นโอกาสที่กระถางขัดเกลาทั้งสองนำมาให้ หากหนิงฝานไม่ได้พวกนาง ก็อาจไม่รู้ความจริงว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด และหากไม่มีสัมผัสเทพที่ทรงพลัง ก็คงไม่รู้ว่าโลหิตของอสูรตัดวิญญาณเทียม มีโลหิตสีทองจางๆอยู่

อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว หากไม่ฉกฉวยโอกาสคงน่าเสียดาย

พวกนางเป็นกังวล การล่วงสู่แดนสองเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว แม้อสูรไร้ดัดแปลงที่นั่นจะหลับไหล แต่ใช่ว่าจะไม่มีอสูรตัดวิญญาณที่แท้จริงเฝ้าอยู่ หากถูกพวกมันตามล่า แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยังเป็นอันตราย

“ข้าไม่กลัว หากเกิดข้าตาย พวกเจ้าจะยังปลอดภัย… แต่ยังไงข้าก็จะไม่ตาย… ถ้าจะเข้าแดนสองต้องเตรียมอะไรบ้าง?”

“ต้องใช้ศิลาอสูรม่วง หยกสวรรค์อย่างน้อย 10 ล้านเพื่อวางข่ายอาคม แม้พวกข้าจะรู้ภาษาอสูรโบราณ แต่ไม่รู้ว่าจะกระตุ้นข่ายอาคมได้สำเร็จหรือเปล่า… แต่ถึงจะเปิดได้ ก็ยังต้องใช้โลหิตของสัตวอสูรระดับราชามาบูชายัญ”

พวกนางเชื่อใจหนิงฝานอย่างบอกไม่ถูก แม้หนิงฝานจะกล่าวอย่างหยิ่งทะนงว่าตนจะไม่ตาย แต่มันกลับน่าเชื่อถือ

“ศิลาอสูรม่วงที่ได้มาจากสู่ลู่ฉานน่าจะพอ… แต่หยกสวรรค์น่าจะเป็นปัญหา ส่วนโลหิตอสูรระดับราชา ข้าจะมุ่งหน้าไปทางเหนือ ฆ่าพวกมันแล้วเอาโลหิตมา ส่วนเรื่องภาษาอสูรโบราณคงต้องพึ่งพาพวกเจ้า แต่พวกเจ้าไม่กดดันไป หากล้มเหลวก็ไม่เป็นไร”

หนิงฝานลูบศีรษะพวกนางเพื่อปลอมประโลม

หากเข้าแดนสองไม่ได้ เขาคงทำได้เพียงถอดใจ

แต่หากเข้าไปได้ เขาจะพยายามเอาโลหิตของอสูรไร้ดัดแปลงมาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อทำให้ปราณอสูรของตนทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ

หนึ่งเดือนให้หลัง...

หนิงฝานทะยานมุ่งสู่ทางเหนือของดินแดนโลกล่มสลาย ความเร็วของเขาเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ การจะเดินทาง 1 ล้านลี้ใน 1 วันไม่ใช่เรื่องยาก

หนิงฝานโอบประครองสตรีสองนางข้างกาย

สถานที่ที่เขาจะไปคือทางเหนือของดินแดนโลกล่มสลาย บริเวณนั้นเป็นที่ว่างเปล่า และเป็นหนทางมุ่งสู่แดนสอง!

ระหว่างทางที่มา หนิงฝานไม่ได้กลบเกลื่อนกลิ่นอาย ทำให้ชักนำสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม

ไกลออกไป ลิงที่สูงใหญ่ราวกับภูเขากำลังวิ่งตะบึงเข้ามา

แม้ว่าสัตว์อสูรจำนวนมากจะเข้าขวางทาง แต่ไม่ตัวใดขวางหนิงฝานได้

ยามนี้ ลิง 7 ตัวกำลังวิ่งไล่หนิงฝานอย่างไม่ลดละ แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้น ระหว่างทางที่มา หนิงฝานสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมไปมากมาย จนได้แก่นอสูรของพวกมันมา 300 แก่นแล้ว

เมื่อไปถึงภูเขาแห่งหนึ่ง หนิงฝานให้สตรีทั้งสองรออยู่ที่นั่น พร้อมชักกระบี่แยกสวรรค์ออก

“ดึงวิญญาณ!”

หนิงฝานทำท่าคว้าจับ ภูเขาและสายน้ำจำนวนมหาศาลในรัศมีหมื่นลี้ถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่าง

พลังที่ได้มาเทียบเท่าปราณจำนวนหมื่นเกราะ หนิงฝานถ่ายมันสู่กระบี่แล้วตะวัดกระบี่ไปเบื้องหน้า

เส้นแสงสีดำกรีดผ่านท้องนภา ตรงเข้าหาเหล่าลิงยักษ์ที่กำลังตรงเข้ามา เส้นแสงสีดำเคลื่อนร่างพวกมัน ก่อนที่ร่างพวกมันจะขาดเป็นท่อนๆ

ผู้ที่ถูกสังหารคือลิงยักษ์ที่เป็นสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม 7 ตัว และสัตว์อสูรดวงจิตแรกเริ่มที่ไล่ตามมาอีกหลายร้อยตัว

แก่นอสูรตัดวิญญาณเทียม 7 แก่น มีโลหิตสีทองอยู่ในนั้น 7 หยด

เมื่อเก็บสิ่งที่ต้องการหมดแล้ว หนิงฝานก็กลับไปหาสตรีทั้งสองนาง

เขากลบกลิ่นอายตน นำโอสถปฐมสวรรค์และโอสถโลหิตเงินออกมากินเพื่อฟื้นฟูปราณ

“สัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมมีมากกว่าที่แผนที่บอกไว้… แต่แผนที่ที่สู่ลู่ฉานเขียนขึ้นมาก็เมื่อพันปีที่แล้ว ในช่วงเวลาพันปีนี้ สัตว์อสูรเพิ่มจำนวนขึ้นมาก”

แก่นอสูรของสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมพันแก่น มีโลหิตทองคำเข้มข้น 10 หยด แม้จะมีเพียง 10 หยด แต่ก็เพียงให้ปราณอสูรยกระดับได้อีก 3 พันเกราะ

แม้ไม่ได้เข้าสู่แดนสอง  หากสังหารอสูรในแดนแรกไปเรื่อยๆ เขาก็มีโอกาสยกระดับปราณอสูรไปยังขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด

ยามนี้หนิงฝานอยู่ห่างจากเป้าหมาย 1 ล้านลี้ อีก 3 วันคงจะถึง

ในขณะที่หนิงฝานดูดซับโอสถและฟื้นฟูพลัง สตรีทั้งสองนางทำหน้าที่คุ้มกัน

แม้ระดับพลังพวกนางจะอยู่เพียงแก่นทองคำ แต่ก็ทำหน้าที่เฝ้าระวังได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การที่หนิงฝานนำพวกนางออกมาก็เพื่อจะให้พวกนางยอมรับในตัวเขาอย่างช้าๆ

หนึ่งในพวกนางยังไม่นับถือหนิงฝานนัก แต่อีกนางยอมรับและนับถือในความแข็งแกร่งและความกล้าหาญ

พวกนางได้เห็นกับตาว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หนิงฝานสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมไปกว่า 300 ตน สัตว์อสูนดวงจิตแรกเริ่มเริ่มเทียมอีกหลายพันตัว

นั่นทำให้พวกนางรู้ว่า หนิงฝานแข็งแกร่งพอที่จะเป็นใหญ่ในแดนแรกแห่งนี้

อีกอย่าง พวกนางยังคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะหยิบยืมพลังธรรมชาติได้

จนทำให้ตนเองมีปราณหมื่นเกราะที่มากพอให้สร้างการจู่โจมที่ทรงพลัง ซึ่งหากเทียบกันแล้ว หนิงฝานยามนี้ ทรงพลังกว่าลี่ป่าน

อีกอย่าง แม้จะมีการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างทางที่มา แต่หนิงฝานก็ดูแลพวกนางมาเป็นอย่างดี ทุกการกระทำเป็นไปอย่างอ่อนโยน

“ข้านี่โง่จริงๆ...” พวกนางหวนคิดถึงเรื่องในอดีต หนึ่งในพวกนางนำแผ่นหยกออกมา สลักตัวอักษรภาษาอสูรลงไปภายใน เพื่อเตรียมจะให้หนิงฝานหลังจากฟื้นฟูพลังเสร็จ

เมื่อหนิงฝานฟื้นพลังเสร็จ “นี่อะไร?” เขากล่าวถาม

“นี่คือตัวอักษรอสูรโบราณ แต่เป็นแค่ตัวอักษรทั่วไป พวกข้าไม่เก่งนักจึงรู้เพียงแค่ 31 ตัวอักษรเท่านั้น”

“ไม่เป็นไร… ข้าได้ยินมาว่า ภาษาอสูรโบราณถือเป็นความลับที่สำคัญที่สุดของเผ่าอสูร เผ่าอสูรโบราณแต่ละเผ่าจะมีภาษาเฉพาะเป็นของตนเอง อย่างเช่นเผ่ามังกรหรือหงส์เพลิง… อีกอย่าง การที่มนุษย์จะทำความเข้าใจภาษาอสูรโบราณนั้นเป็นไปได้ยากมาก เพราะต่อให้มนุษย์อ่านความทรงจำ ก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจได้… การที่เจ้ามอบหยกแผ่นนี้ให้ข้าที่เป็นมนุษย์ เจ้าจะไม่เสียใจภายหลังเหรอ?”

“หากท่านไม่ทำอันตรายพวกข้า พวกข้าก็ไม่เสียใจ...” พวกนางแหงนหน้ามองหนิงฝาน

“พวกเจ้า...” หนิงฝานยิ้มพลางลูบศีรษะพวกนางเบาๆ แล้วนำพวกนางมุ่งตรงไปยังทางเหนือ

ในอ้อมกอดของเขา แม้แผ่นอกไม่ได้ใหญ่เหมือนบุรุษอื่น แต่ก็ทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลาย

ยามนี้หนิงฝานมุ่งตรงไปยังเป้าหมายอย่างเงียบเชียบ เรื่องแก่นสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม หนิงฝานทำภารกิจที่สู่ลู่ฉานมอบหมายให้สำเร็จแล้ว… เหตุที่เขาที่มุ่งหน้าอย่างเงียบเชียบนั้น เป็นเพราะไม่อยากให้กระตุ้นความสนใจของสัตว์อสูร เพราะอาจโดนพวกมันล้อมก็ได้

หนิงฝานเหลือเวลาอีกประมาณ 4 เดือนในดินแดนโลกล่มสลาย เมื่อถึงยามที่ต้องกลับ เขาเพียงแค่ต้องวางข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มเพื่อออกไปจากที่นี่ แต่นอกจากการวางข่ายอาคมแล้ว ยังมีแผ่นข่ายอาคมแบบพกพา เผื่อกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถวางข่ายอาคมได้ทัน

อีก 4 เดือนที่เหลือนี้ ไม่รู้จะเพียงพอให้เข้าไปยังแดนสองและสามหรือเปล่า

หากพื้นที่ของแดนสองกว้างกว่าแดนหนึ่ง ระยะเวลาที่ใช้เดินทางก็ต้องนานขึ้น แม้แทบจะไม่มีโอกาสได้พบสัตว์อสูรไร้ดัดแปลง แต่หนิงฝานก็ยังอยากจะลอง

ผ่านไปอีก 2 วัน...

หนิงฝานก็มาจนเกือบจะถึงเป้าหมาย ไกลออกไปเขาเห็นม่านพลัง 7 สี ขวางกั้นระหว่างสองดินแดน

บริเวณนี้ไร้ซึ่งสัตว์อสูร ราวกับพวกมันหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้

แต่ในชั่วลมหายใจนั้น แววตาหนิงฝานกลับแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาชงักฝีเท้าและใช้วิชาลับสัมผัสลวง อำพรางกลิ่นของตนและสตรีทั้งสองนางเอาไว้

เพราะห่างออกไปไม่ไกลนัก เขาเห็นแสงที่เกิดจากข่ายอาคมเคลื่อนย้ายสว่างขึ้น

“แผ่นข่ายอาคมเคลื่อนย้าย”

แผ่นข่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่พวกมันนำ สามารถข้ามผ่านระยะทางแสนลี้ได้ในพริบตา นับเป็นของล้ำค่าสำหรับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเพราะช่วยให้หลบหนีเอาชีวิตรอดได้

การจะใช้ข่ายอาคมแต่ละครั้งจะนำร่างพาไปยังอีกจุดที่อยู่จากตำแหน่งเดิมแสนลี้ แต่ละครั้งในการใช้งานต้องใช้หยกสวรรค์แสนก้อน เมื่อใช้แล้ว ต้องรออีก 1 ชั่วยามจึงจะใช้ได้อีก

ตำแหน่งแรกที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้ง 40 คนถูกนำมายังสถานที่แห่งนี้ อยู่ห่างจากที่นี่ไป 10 ล้านลี้ การที่มีคนมาเยือนที่นี่อย่างจริงจัง แสดงว่าเป้าหมายของมันย่อมไม่ธรรมดา

เมื่อแสงของข่ายอาคมเคลื่อนย้ายจางไป ผู้ที่ปรากฏตัวคือฉู่เก้อ ผู้อาวุโสอาวุโส 6 แห่งนิกายผนึกอสูร

การที่มันปรากฏตัวที่นี่ย่อมมีแผน แม้ยากจะคาดเดา แต่แผนนี้สมควรเป็นของนิกายผนึกอสูร

แต่เมื่อมันก้าวออกจากแผ่นข่ายอาคม มันกลับหันมองมายังทิศทางที่หนิงฝานอยู่ พลางจุดเพลิงเผาจนบริเวณนั้นกลายเป็นทะเลเพลิง

แต่เมื่อมันไม่เห็นผู้ใด มันทำสีหน้าสงสัยราวกับเมื่อครู่สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

“แปลก… เมื่อครู่ข้ามั่นใจว่าสัมผัสถึงกลิ่นอายของคนได้ ช่างเถอะ… ถึงจะมีคนอื่นๆอยู่ ป่านนี้ก็คงถอยหนีไปไกลแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องไปยังแดนสองให้ได้ ถึงตอนนี้จะยังอยู่ห่างจากทางเข้าเกือบล้านลี้ แต่คืนนี้ก็น่าจะไปถึง… การจะเปิดทางเข้าไปยังแดนสองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โลกอสูรน่าจะส่งคนมาช่วยที่นี่ไม่ต่ำกว่า 10 คน หากนายท่านลี่ป่านไม่ส่งคนมาช่วยข้าคงแย่”

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ฉู้เก้อกระตุ้นข่ายอาคมเคลื่อนย้าย มุ่งไปยังสถานที่ที่ไกลออกไปนับแสนลี้

เมื่อฉู่เก้อจากไป หนิงฝานก็ปรากฏตัว

“นิกายผนึกอสูรร่วมมือกับโลกอสูร… จากคำกล่าวของมัน มันน่าจะสร้างทางผ่าน 2 แห่ง แห่งแรกเป็นเส้นทางไปยังแดนสอง อีกแห่งเป็นเส้นทางให้คนจากโลกอสูรมาที่นี่!”

อสูรตัดวิญญาณจากโลกอสูรกำลังจะมาเยือนดินแดนโลกล่มสลาย

นอกจากนี้ หนิงฝานยังได้ยินชื่อที่คุ้นเคย… ลี่ป่าน!

“ลี่ป่าน… น่าสนใจจริงๆ...” หนิงฝานนำสตรีทั้งสองนางไล่ตามฉู่เก้อไปอย่างลับๆ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด