ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0182 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0184 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0183 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 183 : วิญญาณยุทธ์ยักษ์

ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน พื้นที่แถบนี้ค่อนข้างมืด ฉินหยุนใช้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬที่มีพลังภายในเฉพาะตัว สามารถหลบซ่อนตัวเองในความมืด ตอนนี้เขาเรียกมันว่าพลังเงา

ตราบเท่าที่แสงสว่างหม่นลง เขาสามารถปกปิดตัวตนได้

ในตอนนี้ เขากำลังเดินไปตามเส้นทางของพระราชวังต้องห้ามเพื่อค้นหาเชี่ยวเย่ว์เหม่ย

พระราชวังต้องห้ามค่อนข้างใหญ่ มีห้องหับและกระทั่งลานกว้างอยู่ภายใน

ฉินหยุนเดินไปรอบพระราชวังต้องห้ามกว่าชั่วโมง เขายังไม่อาจสัมผัสถึงออร่าของผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าได้ ดังนั้นจึงทำให้ยังไม่ทราบว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยถูกขังเอาไว้ที่ใด

เขาตอนนี้กำลังยืนในเส้นทางเดินมืดมิดขณะครุ่นคิดภายใน “หรือจะไม่ใช่ที่พระราชวังต้องห้าม?”

อย่างกะทันหัน ชายร่างใหญ่สองคนที่ถือตะเกียงในมือปรากฏตัว ฉินหยุนเร่งรีบทะยานขึ้นด้านบนแฝงตัวกับเพดานของเส้นทางเดินแห่งนี้

“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่ที่ลานแห่งสวรรค์... แม่เด็กนี่โง่อะไรได้ปานนี้กันนะ?” ชายร่างกำยำกล่าวอย่างเดียดฉันท์

“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคนนี้ได้สังหารผู้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดไป พวกเราอยู่ที่ระดับหก แค่สามกระบวนท่าพวกเราก็โดนนางสังหารได้แล้วนะ!” ชายอีกคนหนึ่งเอ่ยคำ

“นางทรงพลังจริง แต่ส่งขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าสองคนมาก็น่าจะพอ แต่กลับส่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามา นับว่าเกินเลยนัก!”

ชายสองคนที่เดินตรวจตรา สนทนากันไปขณะเดินพ้นจากตรงที่เขาหลบซ่อน

ฉินหยุนลอบตระหนก เขาเองยังรู้สึกประหลาดใจที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยโดนขังเอาไว้ที่ลานแห่งสวรรค์

ลานแห่งสวรรค์ถือเป็นสถานที่ลึกลับที่สุดในพระราชวังต้องห้าม มันยังเป็นสถานที่ซึ่งมีค่ายอาคมจำนวนมากคุ้มกันเอาไว้ โดยปกติแล้วจะใช้เพื่อคุมขังผู้ที่ทรงพลัง

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าคุ้มกันอยู่แล้ว นางไม่สมควรต้องถูกกักขังที่นั่นด้วยซ้ำ!

แต่พอคิดให้ดี เขาก็เข้าใจได้ ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นน้องสาวของเชี่ยวเย่ว์หลาน และเป็นจุดอ่อนเดียวของนาง หากไม่แล้ว นางจะไม่มีทางให้ความร่วมมือแต่โดยดีในวันงานพิธีอย่างแน่นอน

เขาเริ่มคิดอยู่ภายใน “เพื่อให้เชี่ยวเย่ว์หลานแต่งงานโดยราบลื่น จักรวรรดิเทียนเชี่ยวถึงขั้นลงทุนมหาศาลนัก! ผลประโยชน์อันใดกันที่พวกเขาจะได้รับ?”

กระทั่งเขายังไม่เคยไปยังลานแห่งสวรรค์ เขาเพียงเคยอ่านในตำราที่เกี่ยวข้องกับพระราชวังต้องห้ามเท่านั้นเอง

ท้องฟ้ายามราตรีกาล เมฆหนาได้ลอยปกคลุมผืนใหญ่ เป็นการบดบังแสงจันทร์ พื้นเบื้องล่างยิ่งมืดมิดกว่าคืนใด

ฉินหยุนตอนนี้มาถึงที่ทางเข้าของลานแห่งสวรรค์ มันเป็นห้วงความมืดที่ไร้ซึ่งแสงใด!

ทางเข้าของลานแห่งสวรรค์สร้างขึ้นด้วยหินหนา เสาประตูทั้งสองข้างแกะสลักเอาไว้ซึ่งผังวิญญาณที่เกิดขึ้นจนเป็นค่ายอาคม ตราบเท่าที่มีคนเดินผ่านเข้าไป มันจะกระตุ้นให้อาคมทำงานและเกิดการแจ้งเตือน

หากลงมาจากบนฟ้าเข้าสู่ตัวลาน ก็จะกลายเป็นกระตุ้นอาคมขึ้นเช่นเดียวกัน

ฉินหยุนกลมกลืนตัวเองเข้ากับความมืด ด้วยการใช้ความรู้เรื่องผังวิญญาณที่มี เขาจึงสามารถเข้าในลานได้โดยไม่กระตุ้นอาคมแต่อย่างใด

หลังเข้าไปแล้ว โดยทันที เขาสัมผัสได้ถึงออร่าของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

“เป็นค่ายอาคมป้องกันไม่ให้ออร่ารั่วไหลออกไปนี่เอง ไม่แปลกเลยว่าทำไมก่อนหน้าถึงจับสัมผัสไม่ได้” เมื่อฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าทรงพลังอำนาจ เขาจึงนำผงเขย่าวิญญาณออกมาเตรียม

เขาตอนนี้กินยาแก้พิษเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้โดนพิษของผงเขย่าวิญญาณ เขาก็ไม่ได้ติดพิษไปด้วยแต่อย่างใด

มาถึงที่นี่ยิ่งทำเขาตึงเครียด เพราะโอกาสมีเพียงครั้งเดียว! หากล้มเหลว เขาก็ไม่ทราบแล้วว่าในภายหน้าจะช่วยเหลือเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้หรือไม่

ภายในลาน ฉินหยุนได้เห็นบ้านน้อยหลังหนึ่งซึ่งมีหน้าต่างเปิดไว้ ออร่ากำลังทะลักจากด้านในนั้น และก็มีออร่าของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่ด้วย

“เพี๊ยะ!”

เสียงการกระทบกันของเนื้อหนังดังขึ้น นี่เป็นการตบใบหน้า!

“เดรัจฉานน้อย เจ้ากล้าลองดีกับข้าหรือ ข้าจะตบปากเจ้าจนกว่าจะพูดอีกไม่ได้! ตัวข้าอยากสั่งสอนบทเรียนแก่เจ้ามานานยิ่งแล้ว ถึงขั้นกล้าลงมือสังหารบุคคลที่หลงเอ๋อไว้วางใจ และยังทำลายอัจฉริยะของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวของข้าไปมาก ข้าจะทรมานเจ้าจนกว่าจะตาย นางเด็กสารเลว!”

บุคคลที่กล่าวคำพูดเหล่านี้เป็นผู้หญิง น้ำเสียงของนางเย็นเยือกและโหดเหี้ยม

ฉินหยุนชะงัก เป็นเพราะมีโอกาสสูงยิ่งที่ผู้หญิงด้านในนั้นจะเป็นจักรพรรดินีของจักรวรรดิเทียนเชี่ยว!

จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิเทียนเชี่ยว ไม่เพียงทรงอำนาจ แต่ทรงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง

ฉินหยุนไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวจะอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!

ถึงตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ ว่าเหตุใดจักรวรรดิเทียนเชี่ยวต้องการขายสองพี่น้องเย่ว์เหม่ยและเย่ว์หลานออก

เป็นเพราะพรสวรรค์ของพวกนางสูงล้ำ ทั้งรูปลักษณ์ยังงดงามอย่างหาใดเปรียบ หากพวกนางไม่ถูกแต่งออก ก็มีโอกาสสูงยิ่งว่าตำแหน่งของเชี่ยวหยางหลงในอนาคตจะต้องถูกสั่นคลอน

นอกจากนี้ มารดาของสองพี่น้อง ยังตั้งตัวสาบานเป็นปฏิปักษ์กับจักรพรรดินีเทียนเชี่ยวตั้งแต่ครั้งนางยังมีชีวิต ดังนั้นนางจึงลอบช่วยเหลือและชี้นำให้เชี่ยวหยางหลงทำการจำหน่ายสองพี่น้องออกด้วยราคาสูงที่สุดเท่าที่จะเรียกได้

ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวจะค่อยได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกยามที่จำหน่ายสองพี่น้องซึ่งเป็นศัตรูของนางออกไป ทั้งยังจะเรียกผลประโยชน์ให้แก่บุตรชายของนางได้อีกด้วย!

“โหดเหี้ยมนัก เป็นบุคคลชั้นสวะไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดินีเย่!” ฉินหยุนสะกดข่มความโกรธเอาไว้เพื่อไม่ให้ออร่าหลุดรั่ว

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยโดนกระทำรุนแรง นางเพียงแต่ร้องคร่ำครวญเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด ชัดเจนว่านางคิดอยากกรีดร้องออกมา แต่นั่นจะทำให้จักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวได้ใจ นางจึงสะกดกลั้นเอาไว้!

ฉินหยุนระแวดระวังขณะถึงข้างหน้าต่างพร้อมหว่านโปรยผงเขย่าวิญญาณภายในถุง จากนั้นเขาจึงหลบซ่อนตัวอยู่ภายนอก

“ใครกัน? นี่... ผงเขย่าวิญญาณ เชี่ยวเสวียนฉิน นังสวะชั้นต่ำ! อ๊าก!” เสียงกรีดร้องของจักรพรรดินีดังขึ้น นางคิดว่าเป็นเชี่ยวเสวียนฉินมา เพราะนางคือเพียงผู้เดียวที่ครอบครองผงเขย่าวิญญาณ

ฉินหยุนไม่ได้เข้าไปในทันที อย่างไรแล้ว อีกฝ่ายก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เขาต้องรออย่างอดทนจนมั่นใจ

“ท่านป้าหรือ? หญิงโฉดผู้นี้นอนล้มกับพื้นไปแล้ว มันขยับตัวอีกไม่ได้แล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยร้องตะโกนเสียงอ่อนแรง แต่กระนั้น ก็เห็นได้ชัดเจนถึงอารมณ์ที่แฝงมากับน้ำเสียง

“เชี่ยวเสวียนฉิน นางสวะชั้นต่ำ เจ้าคงรู้นะว่าตัวเองอยู่ภายใต้การตามล่า ตอนนี้เจ้าถูกตั้งค่าหัวโดยสามจักรวรรดิและตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม หากเจ้าเคลื่อนไหวต่อต้านข้า เจ้าก็ต้องตายอย่างน่าสังเวช!” จักรพรรดินีเทียนเชี่ยวร่ำร้อง น้ำเสียงนี้ยังคล้ายเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว

ในห้องมืดมิด หลังฉินหยุนเข้ามาแล้ว เขาจึงนำเอามุกส่องสว่างออกมาส่องแสงภายในห้อง ด้วยความเร่งรีบ เขานำยาถอนพิษให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ปากยังมีคราบเลือดกลืนกินเข้าไป

“พี่ชาย เป็นท่าน! นี่ท่านยังมีชีวิตรอด!” แม้อ่อนแรง แต่ดวงตาของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยยังเบิกออกกว้าง ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยความไม่เชื่อ นางกำลังมองใบหน้าที่คุ้นเคยและหล่อเหลาตรงหน้านาง

“เย่ว์เหม่ย ลำบากเจ้าแล้ว เป็นข้าไม่ดีที่ไม่มาให้เร็วกว่านี้!” ฉินหยุนตรวจสอบบาดแผลที่ใบหน้าของนาง เขาเผยแววตาเจ็บปวดขณะนำเอาอุปกรณ์ผังธาตุแสงออกมาให้นางสวมใส่

“เพียงท่านมีชีวิต ข้าก็ไม่ได้ทุกข์อะไร!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยร้องไห้ออก นางโดนจักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวเคี่ยวกรำมานานยังไม่มีน้ำตาแม้สักหยด แต่พอได้เห็นฉินหยุนยังมีชีวิต นางไม่อาจอดกลั้นจนต้องร้องไห้ออกมา

“อย่าได้ร้องแล้ว เจ้าตั้งใจรักษาแผลก่อน!” ฉินหยุนยิ้มและช่วยนางเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า

จักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวล้มนอนกับพื้น นางเป็นหญิงอวบและน่ารังเกียจโดยนิสัยไม่พอ รวมกับรูปลักษณ์อัปลักษณ์และนิสัยยิ่งทำให้นางเลวร้าย ไม่แปลกใจที่นางจะไม่กล้าเปิดไฟส่องสว่าง เป็นเพราะนางเกรงว่าการได้เห็นใบหน้างดงามของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะยิ่งกระตุ้นโทสะนาง

นางตอนนี้มองฉินหยุนอย่างหวาดเกรง บุคคลที่มาหาได้ใช่เชี่ยวเสวียนฉิน แต่เป็นฉินหยุนที่ทุกคนล้วนเชื่อกันว่าตายไปแล้ว

ฉินหยุนนั่งยองลงขณะยิ้มกล่าวคำ “เจ้าคือมารดาของเชี่ยวหยางหลงหรือ? มารดาและบุตรชายช่างนิสัยเหมือนกันนัก! พูดไปเชี่ยวหยางหลงกลับค่อนข้างหล่อเหลา แต่เจ้ากลับเป็นเช่นนี้ นี่มันเป็นบุตรชายจากท้องเจ้าจริงหรือ? เป็นเจ้าอุ้มท้องมันเองจริงหรือไม่!?”

“ฉินหยุน ไอ้ปีศาจอย่างเจ้าเหตุใดยังไม่ตายกัน?!” เมื่อจักรพรรดินีเทียนเชี่ยวเอ่ยคำถาม ฉินหยุนจึงวางมือลงที่ท้องของนาง

“เพราะปีศาจอย่างข้ายังมีชีวิต ข้าจึงสามารถจัดการกับตัวที่ยิ่งกว่าปีศาจเช่นเจ้าได้ เพราะแบบนั้นราชันแห่งอเวจีจึงยอมให้ข้าได้มีชีวิตรอดอยู่ต่อ” ฉินหยุนยิ้มกล่าวคำ เขาตอนนี้กำลังเริ่มกระบวนการแยกเอาวิญญาณยุทธ์ของนางออกมาด้วยเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ

“อึก นี่เจ้าทำอะไร? คิดพรากเอาวิญญาณยุทธ์ข้าไปหรือ!” จักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวกรีดร้องหวาดกลัว

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยืนเคียงข้าง ตอนนี้ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างแตกตื่น มันเปี่ยมไปด้วยความยินดีขณะมองฉินหยุนที่เชี่ยวชาญวิชาขัดเกลาวิญญาณ!

หลังวิญญาณยุทธ์ถูกแยกออก มันจึงแปรเปลี่ยนเป็นบอลแสงทองขาวกลางอากาศที่เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น

“เย่ว์เหม่ย วิญญาณยุทธ์นี้คือ?” ฉินหยุนไม่ทราบว่าจักรพรรดินีเทียนเชี่ยวครอบครองวิญญาณยุทธ์ใดจึงเร่งร้อนเอ่ยถาม

“เป็นวิญญาณยุทธ์ยักษ์ระดับแพลทินัม!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว นางเร่งรีบนำเอาวิญญาณยุทธ์กระจกออกมาใช้ส่องมอง และทำการคัดลอกวิญญาณยุทธ์ยักษ์เข้าสู่กระจกนาง

“ดี ข้าจะได้ขัดเกลามันลงค้อนราชันยักษ์วิญญาณ!” ฉินหยุนอุทานยินดีขณะเก็บวิญญาณยุทธ์ดังกล่าวเอาไว้ภายในไข่มุกผนึกวิญญาณ

“พี่ชาย นี่ท่านได้เรียนรู้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณแล้ว น่าทึ่งนัก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอนกายพิงแผ่นหลังของฉินหยุนขณะหัวเราะคิกคักยินดี นางตอนนี้ถึงขั้นลืมเลือนความเจ็บปวดที่โดนจักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวทรมานจนสิ้น

หลังจากวิญญาณยุทธ์ถูกแยกออกจากร่างจักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยว ความเจ็บปวดนี้มันมากพอทำให้คิดอยากตายเสียให้ได้ อย่างไรแล้วนางก็คือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า หากไร้ซึ่งวิญญาณยุทธ์ ขุมพลังภายในขั้นสูงของนางจะเริ่มกระจายตัวออกทีละน้อย นี่ไม่ต่างอะไรกับผู้พิการ

“เจ้ามันปีศาจชั่วช้า เจ้าต้องได้รับผลกรรม!” ใบหน้าของจักรพรรดินีเทียนเชี่ยวบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้นางทำได้เพียงสบถก่นด่าต่อฉินหยุน

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก้าวเท้าเดินออก มันเหยียบย่ำที่ใบหน้าของจักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยว ปากจิ้มลิ้มได้แค่นเสียงออก “เจ้าสิสารเลวต่ำช้า ผู้ที่ต้องได้รับผลกรรมคือเจ้า มองดูด้วยตา ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่รู้สึกว่านี่คือผลกรรมที่ย้อนกลับคืนสู่ตัวเจ้าเอง?”

ฉับพลันนั้นเอง ออร่าหนึ่งปรากฏ

ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าทรงพลัง เขาเร่งรีบปลิดชีพจักรพรรดินีเทียนเชี่ยวและโยนร่างของนางเก็บไว้ในมิติเก็บของ!

อย่างรวดเร็ว เขาแบกเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไว้บนหลังขณะทะยานออกนอกหน้าต่าง หลบเลี่ยงอาคมและกับดักขณะเร่งร้อนออกจากลานแห่งสวรรค์

“ยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋ามาแล้ว!” ฉินหยุนตระหนก

ภายในพระราชวังหลวงเทียนฉิน ย่อมต้องมีขอบเขตวรยุทธ์เต๋า นอกจากนี้ ออร่าดังกล่าวยังทำให้เขาคุ้นเคยยิ่ง

“บิดาของจักรพรรดินี!” อย่างกะทันหัน เขานึกถึงคนบิดาของจักรพรรดินีเย่ อีกฝ่ายเป็นผู้นำตระกูลเย่ นามว่าเย่ฉางเฉ่า!

ตระกูลเย่ของจักรพรรดินีเย่ทรงอำนาจ พี่ชายของจักรพรรดินี แม่ทัพเย่ฉิงเฟิงคือขีดสุดของกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะก้าวสู่วรยุทธ์เต๋า หากอีกฝ่ายไม่โดนฉินหยุนสังหารไปก่อน เขานั้นคงก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าไปแล้ว

ส่วนบิดาของจักรพรรดินีเย่ เขาเก็บตัวเพื่อก้าวสู่วรยุทธ์เต๋าเนิ่นนานแล้วเพื่อคิดกุมอำนาจแห่งจักรพรรดิ และตอนนี้ เขาก็ทำสำเร็จแล้วด้วย!

เมื่อเย่ฉางเฉ่ามาถึงลานแห่งสวรรค์ เขาได้เห็นถึงความวุ่นวายและเศษที่หลงเหลือของผงเขย่าวิญญาณ ดวงตานั้นหลับลงขณะใช้ประสาทรับรู้ ไม่ช้า เขาไล่ตามไปยังทิศทางที่ฉินหยุนหลบหนี

ด้วยความเป็นคนระวังตัว เขาได้หว่านโปรยผงพิเศษที่ขัดเกลาขึ้นไว้ในลานกว้าง

ตั้งแต่เข้ามา ฉินหยุนก็วิ่งเข้าไปพร้อมโดนผงกลิ่นอ่อนจางติดตัวโดยเขาไม่รู้ หลังออกจากลาน มันก็ยังคงมีหลงเหลืออยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงโดนเย่ฉางเฉ่าสะกดรอยตามมาได้

ด้วยกลิ่นอ่อนจางยิ่ง จึงจำเป็นต้องใช้เวลาสักพักเพื่อค้นหา เขาพบว่ามันเป็นเรื่องแปลกยิ่ง เพราะหลังสะกดรอยเส้นทางที่ฉินหยุนใช้ เขาตระหนักได้ว่าเส้นทางนี้ไม่ได้นำออกไปยังนอกพระราชวังต้องห้าม แต่เป็นด้านในของพระราชวังต้องห้าม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด