เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0178 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 178 : เชี่ยวเสวียนฉิน
เพื่อความปลอดภัย ผู้ฝึกตนที่รับหน้าที่คุ้มกันเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเคลื่อนย้ายย่อมต้องเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เพราะแบบนั้นฉินหยุนและเซี่ยอู๋เฟิงจึงไม่พบขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแม้สักคนตั้งแต่เข้าไปในคฤหาสน์เชี่ยวอวี้
“ข้าจะช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ให้ พวกเจ้าอย่าได้ไปก่อเรื่องที่ไหนอีก! หลังจากนี้ การช่วยเหลือเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะยิ่งยาก พวกเจ้าได้แหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว บางทีกระทั่งข้าก็คงหาไม่พบว่านางถูกเคลื่อนย้ายไปที่ใด” ต้วนเฉียนเผยสีหน้าเคร่งเครียดเอ่ยเตือนพวกเขา ก่อนจะรีบเร่งออกไปจากตำหนักจารึกเทวะ
ฉินหยุนพาเซี่ยอู๋เฟิงและคณะไปยังห้องกว้างของตนเอง ใบหน้าพวกเขาล้วนเปี่ยมด้วยความผิดหวังขณะนั่งนิ่งอยู่ในโถงอย่างเงียบงัน
เซี่ยอู๋เฟิงเป็นคนทำลายความเงียบ เขานำเอากุญแจที่ได้รับจากคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ออกมาและกล่าว “กุญแจนี้ที่อยู่ในคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ น่าจะเป็นของคนที่เฝ้าระวังที่นั่น นี่ต้องไม่ใช่กุญแจธรรมดาแน่!”
ฉินหยุนรับกุญแจไปขณะใช้พลังจิตตรวจสอบ เขาพยักหน้ารับ “กุญแจนี้วางเอาไว้บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยผังวิญญาณ ดูเหมือนจะมันจะรวบรวมพลังมาเพื่อกุญแจดอกนี้”
“ปู่ของข้าเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าคฤหาสน์เชี่ยวอวี้เป็นสถานที่ดำมืดและเย็นเยือกตลอดทั้งปี มันเหมาะสมแก่การเก็บเนื้อสัตว์ปีศาจหรืออะไรพวกนั้นยิ่ง” เมิ่งเฟยหลิงกล่าวคำขึ้น
“กุญแจนี้สมควรต้องสำคัญกับจักรวรรดิเทียนเชี่ยว พวกมันคิดทำอะไรหลังรวบรวมพลังธาตุหยินในที่แบบนั้น?”
เซี่ยอู๋เฟิงลุกขึ้นยืน เขาเดินไปมาคล้ายทำสมาธิโดยไม่พูดอะไร
ผ่านไปพักหนึ่ง เขาค่อยเอ่ยปาก “กุญแจนี้รวบรวมพลังธาตุหยิน มันต้องเอาไว้เปิดสุสาน! นี่สมควรเป็นกุญแจทางเข้าหลักของสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวแล้ว”
เมื่อได้ยินความเชื่อมโยงที่เซี่ยอู๋เฟิงพิเคราะห์ได้ ฉินหยุนและคณะต่างไหวหวั่น พวกเขามองกันเองด้วยอาการแตกตื่น
สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว! มันคือสถานที่ซึ่งวีรชนของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวถูกนำไปฝังร่าง ผู้คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนของราชวงศ์ ไม่ก็ต้องเป็นผู้ที่ทำคุณงามความดีมหาศาลแก่จักรวรรดิเทียนเชี่ยว
มู่หรงต้าเหรินดวงตาทอแสงวูบขณะเอ่ยคำ “เชี่ยวหยางหลงจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยวนั้นน่ารังเกียจนัก พวกเราไปขุดสุสานบรรพชนมันออกมาเป็นอย่างไร?”
เมิ่งเฟยหลิงหัวเราะคิกคักกล่าวคำ “ในเมื่อได้รู้เรื่องน่าสนใจระดับนี้ ข้าย่อมต้องเข้าร่วมแล้ว!”
ฮั่วจงเองก็พยักหน้า
เซี่ยอู๋เฟิงเอ่ยคำ “พวกเราต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน อันดับแรก พวกเราต้องมั่นใจก่อนว่านี่คือกุญแจเปิดสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวหรือไม่ และพวกเราก็ต้องมีพละกำลังอย่างน้อยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด หากจักรวรรดิเทียนเชี่ยวสูญกุญแจดอกนี้ พวกเขายิ่งต้องเพิ่มกำลังคุ้มกันสุสานราชวงศ์แน่”
ฉินหยุนเห็นด้วย “แผนการนี้ไว้โอกาสหน้า!”
มู่หรงต้าเหรินยิ้ม “เรื่องนี้จะบอกผู้จัดการต้วนไม่ได้!”
เมิ่งเฟยหลิงกล่าว “ในเมื่อจักรวรรดิเทียนเชี่ยวสูญกุญแจล้ำค่าดอกนี้ พวกมันคงไม่เปิดเผยข่าวคราวเรื่องนี้ออก นี่ถือเป็นเรื่องน่าอับอายใหญ่หลวง และผู้จัดการต้วนก็ไม่รู้เรื่องที่คฤหาสน์เชี่ยวอวี้ทำกุญแจหายด้วย”
หากต้วนเฉียนทราบว่าเด็กกลุ่มนี้คิดขุดสุสานบรรพชนของจักรวรรดิเทียนเชี่ยว หนวดที่ใบหน้าอีกฝ่ายต้องเต้นเร่าด้วยความโกรธเป็นแน่
พอถึงช่วงกลางวัน ต้วนเฉียนจึงค่อยมาที่ห้องชุดของฉินหยุน
ฉินหยุนและคณะไม่ได้พัก พวกเราล้วนรอคอยที่โถงรับรองเพื่อฟังข่าวคราวจากต้วนเฉียน
ต้วนเฉียนกล่าวคำ “เรื่องที่พวกเจ้าทำเป็นข่าวใหญ่โต จักรวรรดิเทียนเชี่ยวโกรธรุนแรงนัก ตอนนี้ทั่วทั้งท้องถนนเต็มไปด้วยทหารรักษาการณ์จากจักรวรรดิเทียนฉิน มีการตั้งค่าหัวหนึ่งร้อยล้านเหรียญผลึกแก่ผู้สามารถจับคนก่อการที่คฤหาสน์เชี่ยวอวี้”
การตอบสนองของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวใหญ่โตนัก เรื่องนี้ยืนยันได้ถึงความสำคัญของกุญแจ และก็เป็นดังที่เมิ่งเฟยหลิงคาดการณ์ จักรวรรดิเทียนเชี่ยวหาได้บอกต่อผู้ใดไม่ ว่าเสียกุญแจดอกสำคัญไป พวกเขาเพียงตั้งค่าหัวเป้าหมายก็เท่านั้น
ต้วนเฉียนเล่าต่อ “ข้าได้ยินข่าวคราวมาบ้าง ว่ารถม้าที่ออกจากคฤหาสน์เชี่ยวอวี้เมื่อวานช่วงบ่าย มุ่งหน้าไปยังหอเทียนเชี่ยว กล่าวได้ว่ายอดฝีมือส่วนใหญ่ที่เฝ้าระวังคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ได้ออกจากตัวสถานที่ตอนนั้น”
เพราะเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้คฤหาสน์เชี่ยวอวี้มีการคุ้มกันหละหลวม พวกเขาขนย้ายยอดฝีมือออกไป ทำให้ฉินหยุนและคณะเข้าไปและหลบหนีออกมาได้!
จากที่เห็น จักรวรรดิเทียนเชี่ยวมีแผนให้ผู้อื่นมารับช่วงกุญแจสู่สุสานราชวงศ์ และก็เป็นพวกเขาที่ใช้โอกาสตอนนั้นอย่างบังเอิญที่พวกนั้นหย่อนความระวัง
เซี่ยอู๋เฟิงตอบกลับ “ในกรณีนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก็ควรอยู่ในหอเทียนเชี่ยว หอเทียนเชี่ยวตั้งอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ใหญ่ แต่ก็เป็นพื้นที่สาธารณะด้วยเช่นกัน”
“รอจนกระทั่งถึงกลางคืน ข้าจะออกไปสำรวจ ข้าต้องหาให้พบว่าเย่ว์เหม่ยซ่อนอยู่ที่ใดก่อนค่อยเคลื่อนไหว” ฉินหยุนกล่าว
เขาสามารถกลมกลืนกับความมืดยามค่ำคืน เรื่องนี้จะทำให้เขาง่ายต่อการลอบสำรวจ นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญอาคม ทำให้เขาสามารถมองเห็นกับดักและอาคมต่าง ๆ ได้
ต้วนเฉียนเอ่ยเตือน “เจ้าต้องระวัง! ตอนนี้ยอดฝีมือของเทียนเชี่ยวยิ่งมายิ่งมาก และก็ไม่ได้มีแต่คนจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยว กระทั่งมีคนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอไปปลอมตัวก่อน พวกเราจะเคลื่อนไหวในคืนนี้” ฉินหยุนพยักหน้า
“ให้ข้าช่วยเจ้าปลอมตัว!” เมิ่งเฟยหลิงตามติดเขาเข้าไปในห้อง
หลังผ่านการแต่งหน้าอันชุลมุน ฉินหยุนค่อยเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคน ริ้วรอยที่ใบหน้า และตรงมุมดวงตามีไม่น้อย นี่เพื่อกลบเกลื่อนผู้อื่นรู้ว่าเป็นเขาจากสายตา เมิ่งเฟยหลิงยังเปลี่ยนดวงตาเป็นสีแดง ทั้งยังมีรอยแผลเป็น
เมื่อเห็นฉินหยุนเดินออกมา มู่หรงต้าเหรินจึงยิ้มกล่าว “นี่เป็นเรื่องยากทราบแล้วว่าเป็นเจ้า แบบนี้ค่อยน่าวางใจแล้วเข้าไปในหอเทียนเชี่ยวได้อย่างไร้กังวล!”
เซี่ยอู๋เฟิงพยักหน้ารับ “ข้าไม่รู้สึกถึงออร่าเจ้าเลย นี่น่าจะเพียงพอ นอกจากนี้ ผู้อื่นล้วนคิดว่าเจ้าตายแล้ว กระทั่งว่าผู้อื่นพบเจ้าที่ลักลอบเข้าไป พวกนั้นก็จะไม่คิดว่าเป็นเจ้า”
ต้วนเฉียนเองก็คิดว่านี่ไม่สมควรมีปัญหา ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ
ในช่วงเย็น ฉินหยุนออกจากตำหนักจารึกเทวะ มุ่งหน้าสู่หอเทียนเชี่ยวเพียงลำพัง
หอเทียนเชี่ยวถูกสร้างขึ้นในบริเวณคฤหาสน์ที่ศูนย์กลางของนครหลวง มันค่อนข้างใกล้กับพระราชวังหลวงยิ่ง
หากเป็นช่วงเวลาปกติ ผู้ใดก็สามารถเข้าหอเทียนเชี่ยวไปดื่ม กิน และละเล่นได้ แต่เพราะช่วงเวลานี้ มันมีการจำกัดการเข้าและออกสถานที่อย่างหอเทียนเชี่ยวอย่างเข้มงวด
ยกตัวอย่าง คนผู้หนึ่งจำเป็นต้องจ่ายหนึ่งล้านเหรียญผลึกเพื่อเข้าไป เรื่องนี้เป็นเพราะอาคารของหอเทียนเชี่ยวและตัวโรงเตี๊ยมสูงเสียดฟ้า ในช่วงเวลาใกล้งานพิธีเช่นนี้ นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะเรียกมูลค่า
หลังฉินหยุนเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ เขาจึงใช้ชื่อปลอมเป็นหยวนปิน ด้วยการนำเหรียญม่วงออกจากอุปกรณ์มิติเก็บของ ก็เป็นการยืนยันแล้วว่าเขาเป็นคนมีฐานะ เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถครอบครองอุปกรณ์มิติเก็บของ
สำหรับเขาไม่ใช่เรื่องยากต่อการเข้าสู่หอเทียนเชี่ยวและมุ่งตรงสู่โถงภายในแต่อย่างใด
“เข้ามาง่ายนัก เย่ว์เหม่ยจะอยู่ที่นี่จริงหรือ?” ฉินหยุนไม่มั่นใจ เขาต้องหาเบาะแสอย่างเป็นขั้นตอน ก่อนอื่นคือมองหาเชี่ยวเสวียนฉิน
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบอกต่อเขาก่อนหน้านี้ ว่าเชี่ยวเสวียนฉินดีต่อนางมาก ทั้งยังเป็นคนที่เสมือนคนในครอบครัวของนาง
เป็นที่ทราบกันดีภายในราชวงศ์ ความสัมพันธ์เสมือนคนในครอบครัวคือสิ่งล้ำค่า ดังนั้นเขาจึงคิดเสี่ยงครั้งนี้ เขาได้แต่เดิมพันว่าเชี่ยวเสวียนฉินจะต้องไม่อยากเห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยวเย่ว์หลานถูกจำหน่ายออกเป็นวัตถุสิ่งของ
ฉินหยุนรู้สึกรุนแรงว่าเดิมพันครั้งนี้ตนสมควรชนะ เพราะเชี่ยวเสวียนฉินก็เคยเกือบถูกจำหน่ายออกมาก่อน เป็นนางเกลียดชังราชวงศ์อย่างยิ่ง
ฉินหยุนมีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ เพราะแบบนั้นหลายคนจึงเข้ามามีปฏิสัมพันธ์และพูดคุยกับเขาตั้งแต่เข้ามาในโถงเลยทีเดียว
ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก ขุนนางหลายคนได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่หอเทียนเชี่ยว จนตกดึกงานเลี้ยงค่อยจบ
ฉินหยุนเสียเวลาไปกับการร่วมดื่มและกิน แต่เขาก็ได้รับข้อมูลสำคัญมาอย่างหนึ่ง เป็นสถานที่พำนักของเชี่ยวเสวียนฉิน
เชี่ยวเสวียนฉินไม่ได้อาศัยในหอเทียนเชี่ยว แต่เป็นบ้านหลังเล็กในพื้นที่ของโรงเตี๊ยม
“บ้านของเชี่ยวเสวียนฉินอยู่ในสวนกุหลาบ น่าจะหาได้ไม่ยาก!” ฉินหยุนใช้พลังเฉพาะตัวของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ปกปิดร่างกายตนเองกลมกลืนกับความมืด
อย่างรวดเร็ว กลุ่มคนเดินตรวจตราก็ผ่านพ้นไป ฉินหยุนเร่งรีบหลบซ่อนในพงหญ้าจึงไม่โดนพบเห็นตัว
ไม่นานนัก เขาได้เห็นสวนงดงามแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยกุหลาบ ตรงกลางสวน มีอาคารสามชั้นตั้งอยู่ขณะแสงสว่างที่ชั้นสองสาดส่องออกมา
ฉินหยุนระแวดระวังขณะเข้าไปใกล้ เขาใช้พลังจิตเพื่อยกร่างตนเองขึ้นกลางอากาศ จากนั้นจึงเปิดหน้าต่างบานหนึ่งที่ชั้นสอง ห้องนี้ไร้ซึ่งแสงและผู้คน
เขาหลบซ่อนตัวในห้องเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวภายในชั้น และดูว่ามีใครอยู่ที่นี่บ้าง
หลังตรวจสอบเรียบร้อย เขาพบว่ามีห้องลับอยู่ข้างเคียง แม้ออร่าอ่อนจางยิ่ง แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่ภายใน
“หรือจะเป็นเชี่ยวเสวียนฉินเก็บตัวฝึกฝนในห้อง?” ฉินหยุนคิดกับตนเอง เขาไม่คิดเข้าไปที่นั่น โดยปกติแล้ว ห้องฝึกฝนจะมีความปลอดภัยสูง ทำให้ยากแก่การเข้าไป
เขาได้แต่อดทนรอคอยอยู่ในห้อง
ไม่นานจากนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกจากห้องนั้นจริง ฉินหยุนตระหนกขณะเร่งรีบกระโดดขึ้นบนเพดานห้องเพื่อปิดซ่อนตัวตน
เมื่อประตูเปิดออก ไข่มุกส่องแสงจึงสว่างขึ้นด้วยพลังจิต
ผู้ที่มาเป็นหญิงผู้หนึ่ง เป็นเชี่ยวเสวียนฉิน!
นางสวมใส่ชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าประดับด้วยความงดงาม ท่าทีสง่าและงดงามของนางคงอยู่ทุกท่วงท่า ใบหน้านั้นได้รูปไข่งดงามจับใจ ทั้งยังสวมชุดบาง แต่แล้ว นางกลับเริ่มถอดชุดออก...
ตอนนี้ฉินหยุนค่อยตระหนักได้ ว่าตนอยู่ในห้องอาบน้ำที่มีอ่างน้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
“นี่มันผิดศีลธรรม เราจะมองต่อไม่ได้!” ฉินหยุนหลับตาแน่น จิตใจของเขาว้าวุ่นสับสนขณะมันเต้นรัวคิดอยากกระเด็นออกสู่ด้านนอก เขาหลับตาแน่นจนคันไปหมดขนาดแทบอยากลืมตาขึ้น
เป็นเพราะความไม่แน่นอนทางสภาวะจิตใจ เขาถึงกับเผลอปล่อยออร่าเล็กน้อยหลุดรอดออก
เชี่ยวเสวียนฉินพลันรับรู้ถึงออร่าเล็กน้อยนี้จากเพดานด้านบน นางหันควับมองขึ้น ทว่าไม่พบสิ่งใด
ฉินหยุนรู้ตัวดีว่าเป็นเขาเผลอปล่อยออร่าออกไปเล็กน้อย ใจพลันเต้นระรัว เขาเร่งรีบลืมตาขึ้น และที่ได้เห็น ก็เป็นเชี่ยวเสวียนฉินที่ถอดชุดคลุมตัวนอกออก นางตอนนี้ยังมีชุดชั้นในสวมใส่เอาไว้
อย่างไรแล้ว เชี่ยวเสวียนฉินก็เป็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า นางมั่นใจในสัมผัสตนเองรุนแรง หลังขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่ง นางค่อยโบกมือขาวนั้นบางเบา ปลดปล่อยออกเป็นคลื่นลมกำลังภายในรุนแรง
“เวร!” ฉินหยุนแตกตื่น เขาปล่อยพลังภายในกระทบอ่างน้ำจนเกิดน้ำกระเซ็นบดบัง
เชี่ยวเสวียนฉินรู้ตัวแล้ว นางถึงขั้นสีหน้าถอดสีเร่งร้อนหยิบชุดมาสวมใส่ ขณะคิดกำลังจะระเบิดพลังภายในออก นางจึงได้เห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ในอ่างน้ำซึ่งดูคุ้นตายิ่ง
ฝ่ามือขาวของนางยกขึ้นโบกให้ทัศนวิสัยแจ่มชัด ใบหน้านี้แตกตื่นทั้งร้องอุทาน “ฉินหยุน! นี่เจ้าคนหรือผี!”
ก่อนหน้า นางไม่พบเห็นผู้ใดที่บนเพดาน แต่กลับมีฉินหยุนตรงหน้า ทั้งนางยังเชื่อว่าฉินหยุนตายไปแล้ว ไม่แปลกที่นางจะคิดเช่นนั้น
นอกจากนี้ นางยังรู้สึกผิดเปี่ยมล้นหัวใจต่อความตายของฉินหยุน นางเชื่อว่าฉินหยุนได้แปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณร้ายเพื่อมาพบนาง
โดยเฉพาะกับความนึกคิดของนางที่ฉายภาพดวงตาเกลียดชังของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้ามา สภาพจิตใจของนางยิ่งย่ำแย่
ด้วยเหตุนี้ เมื่อนางเห็นฉินหยุน นางแตกตื่น นางคาดหวังว่าฉินหยุนจะยังไม่ตาย มีเพียงสิ่งนี้จึงค่อยทำให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหยุดความเกลียดชังที่มีต่อนางได้