ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0175 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0177 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0176 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 176 : ผงเขย่าวิญญาณ

หลังฉินหยุนเดินออกไป เขาเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังห้องลับที่เคยเข้าไปก่อนหน้า ห้องลับแห่งนี้อยู่ใต้ดิน ทั้งยังเป็นห้องโถงที่ค่อนข้างกว้างขวาง

ตอนเขามาถึงห้องนั่งเล่นลับแห่งนี้ เขากลับไม่พบต้วนเฉียน

“พวกพี่ใหญ่เซี่ยน่าจะใกล้กลับมาถึงแล้ว พวกเขาต้องตกใจกันแน่!” ฉินหยุนเร่งร้อนหลบอยู่หลังฉากไม้สีดำ

ไม่นานจากนั้น ประตูของห้องลับเปิดออก มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา

ฉินหยุนที่หลบซ่อนตัวเองอยู่ เขาได้เห็นผ่านช่องว่างของฉากไม้ว่า บุคคลที่เพิ่งเข้ามาเป็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีม่วงอ่อน

ด้วยร่างเพรียวบางและสง่างาม นับเป็นโฉมงามผู้หนึ่ง ทุกท่วงท่าของนางแอบแฝงไว้ด้วยเสน่ห์ เป็นเมิ่งเฟยหลิง!

เมิ่งเฟยหลิงนั่งที่เก้าอี้ขณะรอคอยอย่างอดทน

“ศิษย์พี่เฟยหลิงมาทำอะไรที่นี่? หรือนางทราบแล้วว่าเรายังไม่ตาย?” ฉินหยุนครุ่นคิดกับตนเอง

จากนั้น อีกสองคนจึงเดินเข้ามา

หนึ่งในนั้นคือร่างใหญ่ของฮั่วจง ผู้ซึ่งสวมใส่ชุดผ้าป่านหยาบกร้านสีเทา รอยยิ้มเรียบง่ายยังคงประดับใบหน้าของเขาเช่นเคย

ร่างของมู่หรงวันนี้สวมใส่ด้วยชุดแพรไหมสีน้ำเงิน พร้อมพัดสีทองคำในมือ จี้ห้อยคอหยกประดับเอาไว้ที่ข้อมือ เข็มขัดสีเงินนั้นประดับเอาไว้ด้วยหินล้ำค่า เขายังคงท่วงท่าคุณชายสง่างามนับตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้

“นางปีศาจเมิ่ง!” เมื่อมู่หรงต้าเหรินได้เห็นใบหน้างดงามของอีกฝ่าย เขาถึงขั้นกรีดร้องออกราวเห็นภูตผี

“มู่หรงต้าเหริน เจ้ายังคงหยาบคายเหมือนเดิมไม่ผิด! นับตั้งแต่หัวจรดเท้าเจ้า สิ่งล้ำค่าที่สุดคงเป็นเข็มขัดที่น้องหยุนมอบให้เจ้าแล้ว” เมิ่งเฟยหลิงกล่าวด้วยท่าทีเศร้าเล็กน้อย

เมื่อกล่าวถึงฉินหยุน มู่หรงต้าเหรินเผยเสียงถอนหายใจยาว รอยยิ้มฮั่วจงเลือนหายขณะนั่งลงที่เก้าอี้ด้วยหัวใจหนักอึ้ง

“ศิษย์พี่ ท่านมาที่นี่เพื่อช่วยเชี่ยวเย่ว์เหม่ย?” ฮั่วจงเอ่ยถาม

เมิ่งเฟยหลิงพยักหน้ารับคำ “เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเสี่ยวหยุนมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน นอกจากนี้แล้วยังเป็นการทำเพื่อล้างแค้นให้เสี่ยวหยุน นางกระทั่งทำในสิ่งที่ข้าไม่กล้าทำ ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ข้าต้องตอบแทนเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ”

ชั่วขณะนี้เอง ชายหล่อเหลาสวมใส่ชุดขาวก้าวเดินเข้ามา สีหน้านั้นเย็นเยือก เขามีแขนเพียงข้างเดียว เป็นเซี่ยอู๋เฟิง

ขณะที่เขาเข้ามา ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าดาบคมกล้า

เมื่อเซี่ยอู๋เฟิงเห็นเมิ่งเฟยหลิง เขาพยักหน้าให้นาง คล้ายทราบว่านางมาเพราะเหตุผลอันใด

เมิ่งเฟยหลิงกล่าว “เดิมทีเสี่ยวเม่ยเหลียนเองก็อยากมาด้วย แต่นางไม่ค่อยเหมาะกับการศึกครั้งนี้เท่าไหร่ ข้าก็เลยไม่ให้นางร่วมทางมาด้วย”

พอเซี่ยอู๋เฟิงนั่งลงแล้ว เขาจึงกล่าว “เม่ยเหลียนเป็นคนจิตใจดีและใสซื่อ อย่าได้นำนางเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้! ศิษย์พี่เมิ่ง ท่านก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเจ็ดแล้ว ด้วยท่านร่วมทาง พวกเราคงผ่อนคลายได้ไม่น้อย”

มู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงล้วนเผยท่าทีแตกตื่น พวกเขาไม่ทราบเลยว่าเมิ่งเฟยหลิงก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแล้ว

ฉินหยุนสามารถบอกได้ว่าเมิ่งเฟยหลิงมีพื้นฐานดีเยี่ยม ไม่แปลกที่นางจะเลื่อนระดับสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดหากพยายามสักเล็กน้อย

“ผู้จัดการต้วนยังมาไม่ถึงอีกหรือ? เช่นนั้นข้าขอตัวไปเปลี่ยนชุดยามราตรีกาลเสียก่อน บางทีพวกเราอาจได้เริ่มงานกันคืนนี้!” มู่หรงต้าเหรินก้าวเดินออกมายังหลังฉากกั้นไม้สีดำ

ฉินหยุนเร่งรีบทำให้ผมตัวเองยุ่งขณะปาดสีดำที่ใบหน้าตัวเอง จากนั้น เขาจึงค่อยปรับเปลี่ยนสายตาเสียใหม่

ชั่วขณะที่มู่หรงต้าเหรินเดินมายังด้านหลังฉากกั้น เขาพลันได้เห็นฉินหยุนที่ร่างสกปรกมอมแมม โดยทันที เขาตระหนักได้ว่าใบหน้านั้นคือฉินหยุน นี่เป็นเพราะเขาตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครจึงร้องออกเสียงดังลั่น

“ผีหลอก!” ด้วยอาการแตกตื่น เขากระโจนกายออกไปในห้องโถงราวหนูที่แตกตื่น

เมิ่งเฟยหลิงและเซี่ยอู๋เฟิงเร่งรีบลุกขึ้นยืน ฉินหยุนทะยานกายออกจากหลังฉากกั้นขณะไล่ตามมู่หรงต้าเหริน

“น้องหยุน แม้ข้า มู่หรงต้าเหรินจะรักในการผจญภัยแปลกใหม่เพียงใด ข้าก็ไม่คิดผจญภัยกับเจ้าที่เป็นเช่นนี้ โปรดปล่อยข้าด้วย!” มู่หรงต้าเหรินแตกตื่นขณะร้องออกเสียงดังลั่นไม่ขาด

ขณะมู่หรงต้าเหรินยังคงแตกตื่น ฉินหยุนอดไม่อยู่จนต้องระเบิดเสียงหัวเราะออก “ฮ่าฮ่าฮ่า!”

เซี่ยอู๋เฟิง ฮั่วจง และเมิ่งเฟยหลิงล้วนตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นฉินหยุนเมื่อพบเห็น กระทั่งคิดว่าอีกฝ่ายเป็นวิญญาณร้ายตามมาหลอกหลอน

“เจ้าหนูนี่!” เมิ่งเฟยหลิงตอนนี้ทราบแล้วว่านี่เป็นฉินหยุนที่ยังมีชีวิต นางกระทืบเท้าอย่างโกรธแค้นขณะเข้าไปหยิกหูอีกฝ่าย นางถึงขั้นต่อว่าทั้งโกรธเคืองทั้งยินดี “นี่เจ้ายังไม่ตายแต่กลับแสร้งทำเป็นผีมาหลอกผู้คน ไม่รู้หรือว่าพวกเราห่วงเจ้าแค่ไหนกัน?”

“น้องหยุน นี่เจ้ายังไม่ตาย!” ฮั่วจงตะโกนร้องแตกตื่น

เซี่ยอู๋เฟิงเดินเข้ามาพร้อมตบเข้าที่ไหล่ของฉินหยุน เขายิ้มกล่าว “น้องหยุน เป็นเจ้าจริงด้วย!”

เมิ่งเฟยหลิงปล่อยมือขณะกลอกตามองฉินหยุน จนกระทั่งถึงเมื่อครู่นางมีความหนักอึ้งในใจมาตลอด

ก่อนหน้านี้ตอนนางได้ข่าวว่าฉินหยุนตาย นางถึงขั้นแอบหลบไปร้องไห้อยู่พักหนึ่ง

ฉินหยุนจัดการเส้นผมยุ่งเหยิงและล้างคราบบนหน้า เขาค่อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ “ข้ายังมีชีวิตอยู่ พี่รองมู่หรง เหตุใดท่านถึงกลัวขนาดนั้นกันด้วยเล่า?”

“นี่... ข้าก็แค่ให้ความร่วมมือกับเจ้าแกล้งทำเป็นกลัว! ข้าหรือจะทำเรื่องน่าอับอายเช่นนั้น ข้าผู้ที่ไม่หวาดเกรงจะเคาะประตูห้องผู้อื่นยามค่ำคืนเนี่ยนะจะทำเช่นนั้น!?” มู่หรงต้าเหรินยิ้มแก้เก้อขณะกล่าวออกอย่างเฉยชา “มีตรงไหนกันที่เห็นว่าข้ากลัว?”

เมิ่งเฟยหลิงแค่นเสียงเบา “ก็เห็นอยู่ว่าเจ้ามันคนขี้ขลาด!”

เซี่ยอู๋เฟิงหัวเราะ “น้องหยุน ดียิ่งนักแล้วที่เจ้ายังรอด ไม่เช่นนั้นในฐานะพี่ใหญ่ ข้าคงต้องรู้สึกผิดนานเท่านานแน่!”

“พวกท่านล้วนมาเพื่อช่วยเย่ว์เหม่ย ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก พวกท่านล้วนเป็นพี่น้องแสนดีของข้าอย่างแท้จริง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวคำ

ฮั่วจงเอ่ยถาม “น้องหยุน ไม่ใช่ว่าแดนต้องห้ามเทียนชี่ถูกทำลายด้วยอุกกาบาตหรือ? เจ้าหลบหนีออกมาได้อย่างไรกัน?”

พอกล่าวถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเซี่ยอู๋เฟิงจึงจริงจัง เขาตระหนักได้ว่าฉินหยุนต้องอยู่ร่วมกับอสูรขัดเกลาวิญญาณหลายวัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “น้องหยุน เรื่องเจ้ายังรอดต้องเก็บไว้ให้มิดชิด! หากเจ้าคิดเข้าร่วมงานพิธี เช่นนั้นไม่น่าจะมีปัญหา ถึงวันนั้นอาจารย์ตู้ และรองอธิการโฮ่วสมควรมาเข้าร่วม ด้วยพวกเขาปกป้อง เจ้าจะยิ่งปลอดภัย”

เมิ่งเฟยหลิงกล่าว “ใช่แล้ว ใช่แล้ว นี่ยังมีผู้อาวุโสระดับสูงของตำหนักจารึกเทวะอย่างจ้าวฉวน ครั้งเขาพบว่าเจ้าตาย เขาเศร้าไม่น้อยเลยทีเดียวนะ!”

“ข้าตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนคิดเข้าร่วมงานพิธี!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มให้

เซี่ยอู๋เฟิงขมวดคิ้วมองที่ฉินหยุน เขาเอ่ยถามด้วยอาการประหลาดใจ “น้องหยุน นี่เจ้าฝึกฝนกระดูกทองคำและก้าวสู่กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแล้ว?”

ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะนับถือเซี่ยอู๋เฟิง เพราะกระทั่งเมิ่งเฟยหลิงยังไม่ทักเขาเรื่องนี้ ชัดเจนว่าเซี่ยอู๋เฟิงเป็นคนมีสายตากว้างไกลเพียงใด

เขาพยักหน้ารับ “ขอรับ เป็นข้าโชคดีจึงเลื่อนระดับได้!”

เรื่องนี้ทำเอาเมิ่งเฟยหลิงและคณะแตกตื่นตกใจยิ่ง พวกเขาคิดว่าฉินหยุนไม่มีวิญญาณยุทธ์อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะฟื้นคืนระดับการฝึกตนได้รวดเร็วเพียงนี้ได้

แต่พอตอนนี้ ฉินหยุนถึงกับเลื่อนระดับสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด!

“นี่เจ้าใช้โชคอะไรเลื่อนระดับได้กัน? สอนข้าบ้างได้หรือไม่?” มู่หรงต้าเหรินเอ่ยถามแตกตื่น

ฉินหยุนส่ายศีรษะและยิ้มตอบ

เซี่ยอู๋เฟิงเอ่ยคำขึ้น “นับว่าเป็นเรื่องดี พวกเราสามคนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเจ็ด พวกเราย่อมต้องช่วยเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้สำเร็จแน่!”

หลังต้วนเฉียนเข้ามาในห้องลับ ฉินหยุนและคณะจึงลุกขึ้นยืนให้เกียรติอีกฝ่าย

ต้วนเฉียนเร่งรีบทำท่าทางบอกให้พวกเขานั่งลง “เร่งรัดพูดคุยกันดีกว่า!”

“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถูกขังเอาไว้ในหอคอยเชี่ยวอวี้บริเวณคฤหาสน์เชี่ยวอวี้! คฤหาสน์แห่งนั้นตั้งอยู่บริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือของจักรวรรดิเทียนฉิน อยู่ห่างจากที่นี่ไปราวหนึ่งหมื่นเมตรเห็นจะได้”

เซี่ยอู๋เฟิงประหลาดใจระดับหนึ่ง “เป็นคฤหาสน์เชี่ยวอวี้? ข้านึกว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยถูกขังเอาไว้ในหอเทียนเชี่ยวเสียอีก เพราะนั่นคือโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิเทียนฉิน มันใหญ่โตเกินกว่าที่คฤหาสน์เชี่ยวอวี้จะเทียบได้ด้วยซ้ำ”

ต้วนเฉียนตอบกลับ “คฤหาสน์เชี่ยวอวี้มีคนเพียงน้อยนิด เป็นเรื่องดีสำหรับการเฝ้าระวัง! นอกจากนี้ หอเทียนเชี่ยวมีคนเข้าและออกมากจนเกินไป ทำให้การรักษาความปลอดภัยอาจหละหลวม โดยเฉพาะกับช่วงเวลาเช่นนี้ คนของราชวงศ์เทียนฉินล้วนไปยังหอเทียนเชี่ยวเพื่อต้อนรับแขกเหรื่อและสำนักมีชื่อเสียง เป็นผลให้ผู้คนเข้าและออกจำนวนมาก มันจะยิ่งมีแต่ทำให้เกิดความสับสนมากขึ้น”

“นั่นก็จริง! แล้วที่คฤหาสน์เชี่ยวอวี้มีคนคุ้มกันอยู่มากหรือไม่ขอรับ? ระดับพลังของพวกเขาละ?” เซี่ยอู๋เฟิงเอ่ยถาม

ต้วนเฉียนกางแผนที่ลงบนโต๊ะ มันเป็นแผนที่ของคฤหาสน์เชี่ยวอวี้

จากแผนที่ หอคอยเชี่ยวอวี้ตั้งอยู่ใกล้ทางด้านตะวันออก บริเวณหอคอยมีสิ่งปลูกสร้างไม่มาก และยังมีสวนหินกับสวนหย่อมเพียงเล็กน้อย

ต้วนเฉียนกล่าวคำ “บริเวณสีแดงทั้งหมดคือหอคอยเฝ้าระวัง! กระทั่งว่าคฤหาสน์เชี่ยวอวี้เป็นสถานที่พักอาศัยของราชวงศ์เทียนเชี่ยวยามมาเยือน แต่แท้จริงแล้ว มันคือหน่วยข่าวกรองของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวในจักรวรรดิเทียนฉินต่างหาก”

“โดยหลักแล้วก็คือการสอดแนมข้อมูล และภายในคลังเก็บของที่คฤหาสน์ มันได้เก็บสิ่งของนานาชนิดเอาไว้เพื่อทำการค้าในทางลับ ดังนั้นจึงมีคนเฝ้ารักษาการณ์เอาไว้อย่างหนักหน่วง เท่าที่ข้าทราบ อย่างน้อยก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าคนหนึ่งเฝ้าสถานที่แห่งนี้เอาไว้ และยังมีขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าอีกจำนวนหนึ่ง”

หอคอยเฝ้าระวังมีทั้งสิ้นสิบแห่ง โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงหอคอยเชี่ยวอวี้ มันมีมากถึงเจ็ดหอคอย!

“หากบินเข้าไปได้น่าจะง่ายนะ!” เมิ่งเฟยหลิงเสนอความเห็น

เซี่ยอู๋เฟิงมองฉินหยุนและเอ่ยถาม “น้องหยุน ความสามารถทางการสู้รบของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ามั่นใจหรือไม่?”

ฉินหยุนใช้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬกลมกลืนกับความมืดได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงมั่นใจระดับหนึ่ง เขาพยักหน้าและตอบคำ “ข้ามั่นใจว่าสามารถลอบเข้าไปได้โดยไม่มีคนพบเห็น!”

เซี่ยอู๋เฟิงตอบกลับ “ดี! เมื่อถึงเวลา ข้าจะเข้าไปพร้อมศิษย์พี่เมิ่งเพื่อรับมือกับขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าและเศษเดนคนอื่น! มู่หรงกับฮั่วจงรับผิดชอบหน้าที่โยนยันต์อัคคีใส่บริเวณคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ เน้นไปที่การเผาไหม้คลังสินค้าและบีบบังคับให้พวกมันต้องเข้ามาดับไฟ”

“แล้วบุคคลระดับวรยุทธ์เต๋าพวกเราจะรับมืออย่างไร?” ฉินหยุนขมวดคิ้วเอ่ยถาม

เซี่ยอู๋เฟิงมองที่ต้วนเฉียนและกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ “ใช้ผงเขย่าวิญญาณ! ข้าได้สอบถามไปทั่ว และได้พบว่าตลาดมืดลับในหอป่าเงาของจักรวรรดิเทียนฉิน กำลังจะมีการประมูลผงเขย่าวิญญาณอยู่พอดี!”

ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก “นี่เป็นเรื่องจริง? กระทั่งมีคนนำเอาผงเขย่าวิญญาณมาขายด้วย!”

ผงเขย่าวิญญาณเป็นยาระดับวิญญาณชนิดผง ตราบเท่าที่ใช้งานออก ผู้ฝึกตนระดับวรยุทธ์เต๋าขึ้นไปจะสูญสิ้นสติ วิญญาณยุทธ์พวกเขาจะหยุดตอบสนอง และยังมีผลลัพธ์ทางอื่นให้ใช้งาน นับเป็นยาต้องห้าม!

ต้วนเฉียนพยักหน้ารับ “เรื่องนี้เป็นความจริง ตลาดมืดใต้ดินแห่งนั้นดำเนินการโดยตำหนักจารึกเทวะ เมื่อเวลามาถึงก็คงต้องใช้เหรียญผลึกจำนวนมหาศาล เรื่องนี้ให้ข้าช่วยพวกเจ้าเอง!”

“ต้องใช้เหรียญผลึกจำนวนเท่าใดเพื่อซื้อผงเขย่าวิญญาณหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เรื่องนี้ข้าไม่มั่นใจนัก เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะใช้ทรัพยากรของตำหนักจารึกเทวะซื้อหามันมาเอง” ต้วนเฉียนได้แต่ช่วยเหลือฉินหยุนและคณะด้วยวิธีนี้ เป็นเพราะเขาไม่อาจออกหน้าได้

ในนครหลวงมียอดฝีมือวรยุทธ์เต๋าไม่มาก ทุกคนล้วนรู้จักกันดี หากเขาเคลื่อนไหว ก็โดนผู้คนจดจำได้แน่นอนแล้ว

แผนการถูกจัดวางเรียบร้อย ตราบเท่าที่ได้รับผงเขย่าวิญญาณ เขาจะสามารถเคลื่อนไหวได้โดยทันที

การประมูลจะเริ่มขึ้นในอีกห้าวัน

ฉินหยุนตอนนี้กลับห้องตนเองและเริ่มจัดทำยันต์ขึ้น มีทั้งยันต์สะกดจิตและยันต์สะกดกาย ตอนนี้เขาสามารถทำยันต์หนังสัตว์ระดับกลางขึ้นได้ พวกมันจะมีประสิทธิภาพต่อผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เซี่ยอู๋เฟิงและคณะได้แต่รอคอยให้การประมูลเริ่ม ตราบเท่าที่พวกเขาได้รับผงเขย่าวิญญาณผ่านการซื้อขาย พวกเขาจะสามารถลงมือได้โดยทันที

ห้าวันให้หลัง ต้วนเฉียนมาส่งคนของตนเข้าร่วมงานประมูล เดิมทีเขามั่นใจว่าสามารถซื้อหาผงเขย่าวิญญาณได้ แต่หลังการประมูลเริ่มต้น ข่าวใหม่พลันถูกแจ้งเข้ามา ว่าผู้นำสินค้ามาขายได้ถอนตัวจากการประมูลอย่างกะทันหัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด