ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0172 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0174 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0173 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 173 : ยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว

ในตอนนี้ ชื่อเสียงของตำหนักตะวันตกมลายหาย เชี่ยวหยางหลงผู้ซึ่งรับหน้าที่ดูแลเหมือง เขาโดนกดดันให้ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ยิ่งเป็นผลให้เขาเกลียดชังเชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ่งขึ้น

ฉินหยุนเป็นตัวการที่ก่อเรื่องครั้งนี้ เขายังคงอยู่ในเทือกเขาเมฆมังกร และกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือเพื่อค้นหายอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว

ในอีกไม่กี่วันให้หลัง ฉินหยุนยังคงมุ่งหน้าสู่ภูเขาทางตอนเหนือ ท้ายที่สุดเขาจึงมาถึงบึงน้ำแห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้มียอดเขาสูงหลายสิบแห่งปรากฏขึ้นจากพื้น แต่ละยอดเขาล้วนสูงหลักพันถึงหลักหมื่นเมตรกันทั้งสิ้น

ระหว่างทางมาที่นี่ เขาได้เจอกับสัตว์ปีศาจระดับแปด ทว่าก็สามารถหลบเลี่ยงมาได้ ภายหลัง เขาพบเจอกลุ่มวิญญาณสัตว์ร้าย จึงลงมือสังหารพวกมันด้วยยันต์สะกดวิญญาณ

เฉียวรุ่ยเหวิ่นกล่าวว่าในยามค่ำคืน หากยืนทางทิศใต้และรอให้ดาวเหนือทมิฬปรากฏ มันจะเป็นตัวนำทางบ่งชี้ถึงยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว

ตอนนี้ตะวันใกล้ลับฟ้า ฉินหยุนจึงรอคอยที่บึงน้ำอย่างอดทน

เก้าตะวันค่อยเลือนลับหายจากขอบฟ้า ความมืดยามค่ำคืนมาเยือน ดวงดาวเริ่มปรากฏส่องแสงกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน

ฉินหยุนยืนอยู่ทางทิศใต้ เขากำลังมองขึ้นไปยังท้องฟ้าทางทิศเหนือ ไม่ช้า เขาได้พบว่ามีดาวเหนือทมิฬปรากฏขึ้นบนยอดเขาแห่งหนึ่ง

“ต้องเป็นภูเขาลูกนั้น!” เขาตอนนี้ลอบยินดีขณะเร่งรีบใช้ก้าวอัคคีเมฆาขึ้นไปด้านบน ด้วยการทะยานกายผ่านอากาศ เขาเร่งรีบมุ่งหน้าสู่ยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว

ยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาวไม่ได้สูงที่สุดในยอดเขาแถบนี้ มันสูงราวสามถึงสี่พันเมตรเท่านั้น รูปลักษณ์ก็ไม่มีอะไรพิเศษ มันธรรมดาจนไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นถึงได้

ฉินหยุนเร่งรีบมุ่งหน้าสู่ยอดเขาดังกล่าว เขาได้เห็นแท่งเสาสูงราวครึ่งเมตรอยู่หลายแห่งบนยอดเขา

เมื่อนับเรียบร้อยจึงพบว่ามันมีเสาทั้งสิ้นเก้าสิบเก้าแท่ง พวกมันต่างถูกปกคลุมด้วยวัชพืชและฝุ่นกาลเวลา

“เสาพวกนี้น่าจะเป็นเสาค่ายอาคม นี่จะต้องเป็นค่ายอาคมขนาดใหญ่มาก แต่เป็นเพราะไม่มีคนดูแลมานานหลายปีแล้ว มันเลยถูกฝุ่นและวัชพืชปกคลุมงั้นสินะ”

ฉินหยุนเริ่มทำการถอนหญ้าและเถาวัลย์พืชเพื่อทำความสะอาดยอดเขาแห่งนี้ เขากระทั่งต้องใช้แรงไม่น้อยเพื่อถอนหญ้า จากสิ่งนี้ทำให้เขาได้พบว่าหญ้าพวกนี้มีความทนทานและเหนียวยิ่ง

ผ่านการทำความสะอาดไปหลายชั่วโมง ลานกว้างวงกลมขนาดกว่าหนึ่งร้อยเมตรจึงปรากฏที่ยอดเขา แท่งเสาที่หนาและสั้นพวกนั้นคือสิ่งที่รายล้อมลานกว้างแห่งนี้เอาไว้

ฉินหยุนพิจารณามองตามพื้น ก่อนตระหนักได้ว่ามีลายเส้นซับซ้อนจำนวนมาก

“ไม่รู้เลยว่านี่มันผังวิญญาณอะไร แถมที่เห็นก็แค่เส้นสว่าง... น่าเสียดายนัก”

ฉินหยุนลอยขึ้นกลางอากาศขณะสำรวจมองลานกว้างวงกลมเบื้องล่าง เขาตอนนี้สามารถเห็นการแกะสลักที่เป็นผังได้ครบทุกซอกมุม

สิ่งนี้คือผังก้นหอย มันคล้ายกับดาราจักรรูปทรงก้นหอยบนท้องฟ้า เสาหินที่หนาและสั้นเหล่านี้ ถูกจัดเรียงเอาไว้เพื่อทำให้เกิดขึ้นเป็นแขนของก้นหอย

“นี่ราชันยุทธ์หลันเซียวสร้างค่ายอาคมแห่งนี้ไว้นานเพียงใดกัน?” ฉินหยุนเกิดความสงสัยยิ่ง เป็นเพราะผังวิญญาณนับหมื่นที่แกะสลักเอาไว้ มันมากขนาดไม่อาจนับ พวกมันล้วนถูกแกะสลักจัดทำขึ้นอย่างพิถีพิถัน

เขาร่อนลงตรงกลางค่ายอาคมขณะนั่งขัดสมาธิกับพื้น จากนั้นจึงใช้พลังจิตเข้าสู่ตัวอาคมและเริ่มสัมผัสถึงมัน ค่ายอาคมจะค่อย ๆ ตื่นขึ้นทีละนิด

“มหาอาคมระดับนี้ถึงกับต้องดึงดูดพลังดวงดาวมาใช้!” ฉินหยุนตระหนกขณะมองรอบ เขาพบว่าแสงปริมาณมหาศาลกำลังไหลหลั่งเข้าหาเสาทั้งเก้าสิบเก้าต้น

มหาอาคมนี้คล้ายสุกสว่างขึ้น ราวกับมันคือดาราจักรที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“ไม่อยากจะเชื่อ!” ฉินหยุนอุทานวนซ้ำ

มหาอาคมทำงานสำเร็จ มันกำลังดูดกลืนพลังดวงดาวอย่างบ้าคลั่งเพื่อทำให้มหาอาคมทำงานตามกระบวนการ

ฉินหยุนนั่งลงที่อาคมขณะหลับตา เขาเริ่มฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดาราอย่างเงียบงันขณะโคจรจิตวิญญาณต้นกำเนิดไปด้วย

ด้วยเหตุใดไม่ทราบ เขารู้สึกคล้ายตกอยู่ในทะเลดวงดาวขนาดใหญ่ มันค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยเข้าหาลูกไฟสีน้ำเงิน

เมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขายิ่งตระหนก เป็นเพราะนี่ไม่ใช่ลูกไฟสีน้ำเงิน แต่มันคือดวงตะวันสีน้ำเงินที่ปล่อยความร้อนแรงมหาศาลออกมา!

ที่น่าสะพรึงที่สุดก็คือ ดวงตะวันสีน้ำเงินนี้ใหญ่เกินจะกล่าว ต่อหน้าดวงตะวันสีน้ำเงิน เขาไม่ต่างอะไรกับฝุ่นธุลีเล็กจ้อย

สติของเขายังคงเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าสู่ดวงตะวันสีน้ำเงิน เขาได้พบ ว่าแท้จริงแล้วภายในมีหมาป่าตัวใหญ่หลับใหลอยู่ด้านใน เขาพยายามใช้จิตสำนึกของตัวเองปลุกหมาป่าตัวนั้น แต่กลับไร้อาการตอบสนอง

หลังล้มเหลว จิตสำนึกของเขาจึงออกจากดวงตะวันสีน้ำเงิน ออกท่องไปทั่วทะเลดวงดาว ที่ทำเขาแตกตื่นที่สุดคือ ขณะนี้เขาอยู่ในห้วงอวกาศ มันมีดวงตะวันขนาดใหญ่มากมายอยู่เต็มไปหมด แต่ละแห่งล้วนมีสีที่แตกต่างกันออกไป

ดวงตะวันส่วนใหญ่ล้วนว่างเปล่าและไร้ซึ่งชีวิต ดวงวิญญาณที่อยู่ภายในคล้ายตายไปนานยิ่งแล้ว

“มีดวงตะวันเช่นนี้คงอยู่ในท้องฟ้ายามค่ำคืนจำนวนมาก เป็นเพราะพวกมันอยู่ห่างไกลจากเรามาก ที่พวกเราได้เห็นจึงเป็นเพียงแค่แสงดาวเล็กจ้อย... สงสัยจริงว่าในเก้าดวงตะวันของโลกเรานั้นมีอะไรอยู่ภายใน?”

ขณะฉินหยุนท่องทั่วดาราจักรกว้างใหญ่ เขาตระหนักได้ว่ามีดวงตะวันสองดวงในแต่ละพื้นที่ บางแห่งก็มีสามหรือสี่ สำหรับบริเวณที่มีห้าหรือหกดวงนั้น มีน้อยยิ่ง

เก้าตะวันที่เขาคุ้นเคย หาได้ยากยิ่ง นอกจากนี้ มันยังลอยขึ้นและตกลงเป็นเวลาพร้อมกัน พวกมันไม่ได้โคจรซึ่งกันและกัน

“ดูเหมือนมหาอาคมของยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาวนี้ จะทำให้ผู้คนสามารถเข้าสู่สายธารแห่งดวงดาว เพื่อค้นหาวิญญาณยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเองได้”

ฉินหยุนท่องไปในสายธารแห่งดวงดาวไร้สิ้นสุด ภายในใจเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้เห็น เขาอยากได้รับพลังอันแข็งแกร่ง มีเพียงแต่การท่องไปเรื่อย ๆ เท่านั้นจึงสามารถสำรวจทะเลดวงดาวอันลึกลับเหล่านี้ได้

เขากระทั่งไม่ทราบว่าตนเองท่องไปในทะเลดวงดาวนี้นานเพียงใดแล้ว เขาทราบเพียงแต่ตนตอนนี้อยู่ท่ามกลางกลุ่มดาวยักษ์จำนวนมหาศาล

“หรือเป็นเพราะพวกมันไม่ยอมรับเรา?” ฉินหยุนถอนหายใจออก เขาทำได้เพียงแต่เร่ร่อนไปเรื่อยเข้าหาศูนย์กลางของดาราจักรก้นหอย เป็นเพราะที่ตรงนั้นคือสถานที่ซึ่งแสงสว่างแรงกล้าที่สุด หมายความว่ามันจะต้องมีมหาดวงตะวันอยู่จำนวนมาก

เขาเองยังไม่ทราบว่าเพราะอะไรจิตสำนึกของตนเองสามารถลอยไปได้อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตา เขาได้มาถึงตรงศูนย์กลางของดาราจักรก้นหอย ที่แห่งนี้มีดวงตะวันขนาดใหญ่ยักษ์จำนวนมาก พวกมันทั้งร้อนแรงและน่าสะพรึง พวกมันล้วนใหญ่โตยิ่งกว่าดวงก่อนหน้าที่เขาพบพานมาอย่างไม่อาจเทียบเปรียบ

ที่ทำฉินหยุนตระหนกที่สุดก็คือ ตรงศูนย์กลางของดาราจักรก้นหอยแห่งนี้ มันคือทรงกลมสีดำสนิท มันเป็นทรงกลมสีดำที่ชวนพรั่นพรึง ยากแก่การมองเห็น

เหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถมองเห็นพวกมัน ก็เพราะดวงตะวันขนาดยักษ์เหล่านี้ส่องแสงลุกโชนรอบทรงกลมสีดำลูกนั้น ดวงตะวันเหล่านี้ปลดปล่อยลำแสงรุนแรงออกมา ทว่าไม่มีลำแสงใดในพวกมันจะสามารถส่องให้เห็นทรงกลมสีดำสนิทนั้นได้เลย

ร่างของฉินหยุนสั่นเทิ้ม จิตสำนึกของเขาคล้ายไม่มั่นคง ด้วยอะไรไม่ทราบ ร่างกายเขากลับเปี่ยมด้วยความหวาดกลัวจนถึงจิตวิญญาณ มันคล้ายกับเขากำลังจะโดนมันดูดกลืนเข้าไป

“ใจเราต้องหนักแน่น มีเพียงใจหนักแน่นไม่หวั่นเกรงความกลัว! ยิ่งชวนตื่นตะลึงเท่าไหร่ มันก็ยิ่งท้าทายมากขึ้น!”

ถึงตอนนี้ เขานึกย้อนไปถึงตอนวัยเด็กที่เส้นวิญญาณถูกพรากเอาไป เขานึกย้อนถึงตอนหยางฉีเย่ว์เผยสีหน้าอับจนยอมรับต่อชะตากรรม คลื่นความรู้สึกรุนแรงทะลักออก มันค่อย ๆ ทำให้เขาสงบใจลงต่อความหวาดกลัวได้

หลังดึงสติกลับคืนมาได้ เขาค่อยมองทรงกลมสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้า และทะยานกายออกไปหามันอย่างรวดเร็ว

ทั่วทั้งดาราจักรทรงก้นหอยแห่งนี้ มันหมุนวนเคลื่อนคล้อยไปตามทรงกลมสีดำตรงหน้า นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าทรงกลมสีดำตรงหน้านี้มีพลังชวนพรั่นพรึงระดับใด!

แม้ทรงกลมสีดำขนาดใหญ่ยิ่ง แต่มันกลับเล็กยิ่งนักหากเทียบกับทั้งดาราจักร มันคล้ายจุดเล็กจ้อยตรงกลางดาราจักรทรงก้นหอย กระนั้นกลับมีพลังให้ทั้งดาราจักรเคลื่อนคล้อยรอบตัวของมันได้

จิตสำนึกของฉินหยุนเข้าสู่ทรงกลมสีดำ เขาไม่อาจเห็นสิ่งใด ที่รู้สึกก็มีเพียงจิตสำนึกที่กำลังโดนดูดกลืนอย่างรวดเร็ว

“ไม่ดีแล้ว ถ้าจิตสำนึกเราโดนดูดกลืน หมายความว่าเราจะเสียจิตสำนึกไปตลอดกาล!” เขาเกิดอาการแตกตื่นขณะเร่งร้อนโคจรวิถีหัวใจตะวันดาราเพื่อคงสภาพจิตใจ

นอกจากนี้ เขายังผสานรวมจิตวิญญาณตัวเองกับจิตวิญญาณต้นกำเนิด เพื่อทำให้จิตสำนึกมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

“เราต้องไม่ยอมแพ้ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เราต้องครอบครองมัน!” ฉินหยุนตะโกนลั่นในหัวใจ เจตนาของเขาหนักแน่น

ทีละน้อย จิตสำนึกของเขาเริ่มถูกปกคลุมด้วยแรงโน้มถ่วงมหาศาลที่เริ่มกระจายตัวออกทีละนิด

ตู้ม!

หลังจากฉินรู้สึกตัว เขาออกมานอกทรงกลมสีดำนั้นแล้ว จิตใจของเขารู้สึกคล้ายเกิดแรงระเบิดขึ้นภายใน ความเจ็บปวดเกินใดจะเทียบเข้าจู่โจม

อาการปวดหัวนี้คงอยู่ไม่นานนัก

เมื่อลืมตาขึ้น ท้องฟ้าตอนนี้สว่างไสวแล้ว เสารอบกายเขาล้วนแตกหัก รอยร้าวจำนวนมากปรากฏขึ้นที่ลานกว้างวงกลมแห่งนี้ ผังวิญญาณทั้งหมดระเบิดออก

“เกิดอะไรขึ้นกัน?” เมื่อฉินหยุนเห็นอาคม เขาเกิดอาการแตกตื่น โดยทันที เขานำเอาบอลผลึกแก้วออกมา มันมีจุดจำนวนสามสิบจุดส่องแสงอยู่ภายใน

นี่เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้นับจำนวนวัน ตราบเท่าที่เขย่ามันเพื่อเริ่มการทำงาน จำนวนวันจะเริ่มถูกนับ หลังผ่านไปหนึ่งวัน จุดแสงหนึ่งจุดจะปรากฏขึ้น

ครั้งฉินหยุนเข้าไปในค่ายอาคม เขาเขย่าเป็นการเริ่มนับมันไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้จุดแสงสว่างสามสิบจุดปรากฏ หมายความถึงเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว!

“แท้จริงเรานั่งอยู่ในค่ายอาคมนี่นานนับเดือน แต่ที่รู้สึกกลับเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้นเอง!” เขามึนงง ขณะนึกย้อนถึงจิตสำนึกตนเองที่ท่องในดาราจักร มันราวกับเป็นความฝัน

โดยเฉพาะตอนที่นึกถึงทรงกลมสีดำน่าสะพรึงนั้น ร่างกายอดไม่ได้ที่จะมีอาการสั่นกลัว

“ใช่แล้ว นี่เราได้วิญญาณยุทธ์ดวงดาวมาหรือเปล่า?” เขาเร่งรีบสำรวจร่างกาย เมื่อเห็นว่ามีทรงกลมสีดำขนาดเล็กในตันเถียน เขาแทบอดรู้สึกแตกตื่นไม่ได้

พลังธาตุสั่นไหวของเขาก่อนหน้านี้ก็เป็นทรงกลมสีดำ แต่พื้นผิวมันไม่ได้มันเงาสะท้อนได้ ไม่เหมือนกับสีดำในคราวนี้!

“นี่มันอะไรกัน?” ฉินหยุนไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดเรื่องราวอันใด โดยทันที เขามองที่แขนซ้าย เขาพบว่าวิญญาณยุทธ์ไฟยังคงหลับใหลอยู่

“หรือนี่จะเป็นวิญญาณยุทธ์ที่สามของเรา?” เขาไม่ทราบว่าเรื่องนี้ดีหรือแย่

เขาหลับตาลงขณะพยายามใช้พลังจากพลังธาตุแห่งใหม่

“เป็นพลังที่แปลกมาก เราต้องใช้พลังจิตและพลังภายในร่วมกันเพื่อเรียกให้มันทำงาน! ถ้าเราใช้พลังจิตเพียงลำพัง หรือใช้แค่พลังจากจิตวิญญาณต้นกำเนิด เราจะไม่สามารถเรียกใช้พลังของวิญญาณยุทธ์ใหม่นี้ได้”

หลังฉินหยุนปลดปล่อยกำลังภายใน เขาค่อยตระหนักได้ทันทีถึงพลังที่มีเอกลักษณ์ มันสามารถทำให้สรรพสิ่งหนักขึ้นหรือเบาลงได้ ยกตัวอย่าง ก้อนหินน้ำหนักสองร้อยจิน มันสามารถทำให้หนักเป็นหลายพันจิน หรือกระทั่งหนักไม่กี่สิบจินได้ตามแต่ต้องการ

การเปลี่ยนแปลงนั้นจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ พลังนี้ยังไม่ได้มีเพียงทำให้สรรพสิ่งหนักขึ้นหรือเบาลง มันยังมีคุณสมบัติอื่น หากใช้งานที่ผิวของร่างกาย ตราบเท่าที่พลังนี้อยู่ในระยะ มันจะสามารถดูดกลืนสิ่งอื่นให้เหมือนก้อนหินจมลงในมหาสมุทรได้

“หากภายนอกถูกปกคลุมด้วยพลังภายในสั่นไหวอีกชั้นหนึ่ง เท่ากับเรามีม่านพลังสองชั้นเอาไว้คุ้มกันตัวเอง” หลังจากรู้สึกยินดีอยู่ภายใน ฉินหยุนจึงเริ่มตระหนักได้ ถึงความลึกลับและพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของวิญญาณยุทธ์ที่เพิ่งได้รับมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด