“ถูกต้อง ตามทฤษฎียีนในตำนาน ยีนคือตัวควบคุมโครงสร้างของชีวิตและต้องการสารอาหารในการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการ ตอนนี้คุณแข็งแกร่งมาก คุณจึงใช้สารอาหารที่สะสมในร่างกายหมดไปแล้ว ตามการสังเกตและผลลัพธ์ของการสแกนก่อนหน้านี้ ฉันค้นพบว่ายีนของคุณแข็งแกร่งแต่ขาดสารอาหารเพียงพอที่จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง ดังนั้นถ้าคุณยังคงฝึกฝนในลักษณะนี้ ร่างกายของคุณจะขาดสารอาหาร คุณอาจพิการและพลังชีวิตของคุณจะเสียหาย มันจะจำกัดการเติบโตของพลังชีวิตด้วยเช่นกัน ต่อให้ยีนของคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน สถานะพลังก็จะคงอยู่ที่ 1.5!”A. I. ตอบ

"จริงๆแล้วมันควรเป็นเท่าไร?"เฟิง หลินหัวใจเต้นรัว เขาจะพลาดได้ยังไง? นี่เป็นประเด็นสำคัญว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่

"อย่างน้อยสุดก็4.0!" A. I. ตอบ

"อะไรนะ?" เฟิง หลินตกใจ

ตอนนี้สถานะพลังของเขาคือ1.9 เท่านั้น แต่ A.I กล่าวว่าสถานะพลังของเขาอย่างน้อยควรเป็น4.0 มากขนาดนั้นเชียว?

นี่เป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี

อย่างไรก็ตามA.I.ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันไม่มาล้อเล่นกับเราแน่

"ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น" เฟิง หลินถาม

A.I.ตอบ"พันธุศาสตร์เป็นแกนกลางของชีวิต พวกมันควบคุมจุดกำเนิดของชีวิต เมื่อยีนถูกปลุกขึ้นมา มันจะควบคุมฮอร์โมนและสารอาหารในร่างกายเพื่อสร้างเซลล์ใหม่ไปเสริมสร้างอวัยวะของคุณ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีนที่ปลุกขึ้นมาจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของพลังชีวิต แต่แน่นอนว่าสิ่งที่จำเป็นคือคุณต้องมีสารอาหารที่เพียงพอในการรักษาอัตราการเติบโตของเซลล์ ยกตัวอย่างเช่นถ้ายีนเป็นสิ่งก่อสร้างที่ไม่มีวัสดุเพียงพอ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่การก่อสร้างจะสำเร็จ เช่นกันกับว่าถ้าไม่มีสารอาหารเพียงพอ ไม่ว่ายีนของคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน สถานะพลังของคุณก็จะไม่เพิ่มขึ้น จากการคาดเดาของนักวิชาการ การเพิ่มแต้มพันธุกรรมหนึ่งหน่วยลงยีนพื้นฐานอย่างน้อยจะช่วยเพิ่มสถานะพลังชีวิตให้คุณ0.1!แต่ทว่า นี่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ว่าร่างของผู้ใช้กำลังขาดสารอาหาร”

หัวใจของเฟิง หลินสั่นเทา ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ในสถานการณ์นั้นงั้นหรอ?

เขารีบถามว่"จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีสารอาหารเพียงพอ"

A.I.ให้คำตอบที่ทำให้เขาตกตะลึง"ในกรณีนั้น มันจะเพิ่มสถานะพลังชีวิตคุณเกือบ1.0! หากมีสารอาหารเพียงพอสถานะพลังชีวิตของคุณย่อมเพิ่มขึ้นไปอีก”

"มากถึง1!" เฟิง หลินตกใจ มันคือสิบเท่าของสถานะปัจจุบันของเขา เขาค้นพบว่าความคิดก่อนหน้านี้ของเขาธรรมดาเกินไป

การพัฒนาพันธุกรรมนั้นไม่ง่ายเลย ไม่เพียงแต่เขาจะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีนที่ปลุกขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังต้องให้สารอาหารที่เพียงพอแก่ร่างกายเพื่อให้ยีนสามารถเพิ่มศักยภาพการเติบโตได้อีก

ทุกครั้งที่เขาใช้แต้มพันธุกรรมเพิ่มความแข็งแกร่งของยีนหนึ่งจุด เขาจะเพิ่มค่าพลังชีวิตของเขาได้เพียง0.1เท่านั้น นักเรียนคนอื่นอาจมีอัตราการเพิ่มที่สูงกว่านี้มาก

แม้คำตอบ1.0อาจเป็นแค่ตัวเลขทางทฤษฏี แต่ตราบเท่าที่มีสารอาหารพอ อัตราการเพิ่มก็ไม่ควรห่างไกลจากมัน

นอกจากนี้ แม้ว่านักเรียนคนอื่นๆจะมีอัตราการเพิ่มขึ้น0.5ตอนพวกเขาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ยีนพวกเขา แต่นั่นก็ยังมากกว่าเขาถึงห้าเท้า!

เขารู้สึกหดหู่อย่างมาก คนเหล่านั้นที่ถูกป่าวประกาศว่าเป็นอัจฉริยะในชั้นเรียน คนที่เข้าร่วมต่อสู้ในหอต่อสู้ลวงตาพวกเขาไม่มีทางพัฒนายีนไปได้มากกว่าเขา แต่ทำไมสถานะพลังพวกเขาถึงสูงกว่า?

ปัญหาก็ยังเป็นเพราะการขาดสารอาหาร

นี่เป็นจุดด้อยของการขาดคนชี้นำ หากไม่ใช่เพราะคำเตือนของA.I. เขาก็ยังคงไม่รู้เรื่องนี้

หลังรู้ความจริง มันก็สามารถบอกได้ว่าเขาไม่ได้เข้าหอสู้ลวงตามาแบบสูญเปล่า

อย่างไรก็ตาม เพื่อจะกินสิ่งที่มีคุณค่าทางสารอาหาร เขาจะต้องใช้เหรียญดวงดาว

ภูมิหลังของเฟิง หลินนั้นชัดเจนมากว่าเขาเป็นยังไง ไม่มีทางที่ครอบครัวเขาจะจัดหาอาหารที่มีประโยชน์ให้เขาได้ พวกเขาทั้งหมดล้วนบริโภคสารละลายธาตุระดับต่ำสุด

สารละลายธาตุระดับต่ำนี้อาจเติมเต็มกระเพาะอาหารได้ แต่คุณค่าทางสารอาหารในนั้นต่ำเกินไป ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายของเขาหรือยีนจะเติบโต

หากเขาต้องการเป็นผู้บ่มเพาะ ต่อไปนี้เขาต้องกินอาหารที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่นการบริโภคอาหารเสริมระดับกลางหรือสารละลายธาตุระดับสูง

ถ้าไม่ใช่พวกนี้เขาก็จะยังห่างไกลกับคำว่าเพียงพอ

เขาต้องการสารบำรุงระดับสูงมากกว่านี้ เช่นโปรตีน เนื้อจากสัตว์อวกาศ ยาพลังงาน ฯลฯ

แต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนมีค่าใช้จ่าย เขาต้องการเหรียญดวงดาวมากกว่านี้!

เฟิงหลินรู้ว่าภูมิหลังเขาเป็นตัวจำกัดการพัฒนาเขา แต่เขาก็ไม่ได้บ่น

"ในขณะที่โลกหมุนรอบวงโคจร คนที่เหนือกว่าต่างพยายามไม่หยุดเพื่อความก้าวหน้า"

เส้นทางการบ่มเพาะยาวไกลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินไปไกลหากยังต้องพึ่งคนอื่น เราต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น

ดังนั้นเขาควรคิดถึงวิธีแก้ปัญหาของรายได้ต่อไป

หากเขามีสารอาหารไม่เพียงพอกับความแข็งแกร่งของยีนที่เพิ่มขึ้น นั่นก็หมายความว่าเขากำลังปล่อยน้ำในบ่อปลา ชีวิตของเขาจะเสี่ยงเพราะการฝึกฝน

หลังจากเข้าใจประเด็นนี้ดีแล้ว เฟิงหลินย่อมไม่มีทางทำอะไรโง่ๆ เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าถ้าเขายังไม่มีสารอาหารเพียงพอ เขาจะไม่เพิ่มความแข็งแกร่งของยีน

หลังจากนั้นไม่นาน ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเฟิงหลินก็ค่อยๆฟื้นกลับมา จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและเดินออกจากอาคารบ่มเพาะไป

ในขณะนี้ นักเรียนคนอื่นกำลังทยอยกันออกไป ทุกคนมีใบหน้าที่เหนื่อยล้าราวกับว่าพวกเขาเพิ่งประสบกับสงครามมา

อาจารย์เหล่านั้นกำลังแจกจ่ายขวดยารักษาให้พวกเขา

เฟิงหลินเพ่งมองขวดและค้นพบว่ามันคืออาหารเสริมชุดใหม่ล่าสุด ชื่อว่าธาตุอาหารเทพเขียวชนิด3 ว่ากันว่านี่มาจากการกลั่นพืชล้ำค่ามากมายในจักรวาลและมีสารอาหารหลายชนิดผสมอยู่ เพียงขวดเดียวก็ราคาสูงกว่า1,000 เหรียญดาราแล้ว และให้คุณค่าทางอาหารมากกว่าอาหารที่มนุษย์บริโภคกว่าสิบวัน

"รับไป!" อาจารย์หญิงโยนขวดอาหารเสริมมาให้หนึ่งขวด

"อาจารย์นี่…" เฟิงหลินจับมันและลังเล มันมีค่าเกินไป

"หอต่อสู้ลวงตาทำให้เธอสูญเสียพลังไปมากมาย นี่คือค่าชดเชยที่ทางโรงเรียนมอบให้กับนักเรียนทุกคนที่เข้าร่วม ซึ่งจะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อย่าคิดให้มาก รับมันและออกไปซะ” อาจารย์หญิงพูด

เฟิงหลินรู้สึกแปลกๆกับการเปลี่ยนความคิดของอาจารย์หญิง

อย่างไรก็ตาม เขาย่อมไม่พลาดโอกาสดีเช่นนี้

เฟิงหลินไม่ใช่คนอวดเบ่ง เขารับมาและพูดว่า "ขอบคุณครับอาจารย์!"

หลังจากพูดแล้วเขาก็หันกลับ และไม่สังเกตเห็นสายตาเย็นชาที่จับจ้องแผ่นหลังเขา

เขาออกมาและมุ่งหน้ากลับบ้าน

เมื่อจ้องขวดในมือ เขาพลันรู้สึกกระหายน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ เขากังวลและรู้สึกว่าตัวเองหิวจนกินวัวได้ทั้งตัว

กลิ่นอันเย้ายวนนั้นช่างน่าทรมาน สุดท้ายเขาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เปิดฝาขวดและดื่มจนหมดในหนึ่งอึกเดียว

เมื่อสารอาหารเข้าสู่ท้อง เขาก็รู้สึกคันเพราะกระแสอุ่นๆไหลเวียนไปทั่วร่างกายเขา

เฟิงหลินมีสีหน้าพึงพอใจ แต่ความหิวกลับยิ่งเพิ่มขึ้น

เขาต้องการมากกว่านี้!

ต้องรู้ว่าสารอาหารขวดหนึ่งบรรจุสารอาหารเพียงพอสำหรับคนธรรมดาถึงสิบวัน อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เฟิงหลินไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกับการไม่ดื่มมัน

ใครๆก็เห็นว่าสารอาหารนั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว

ความต้องการเพียงอย่างเดียวของเขาในตอนนี้คือหาเงินเพื่อสารอาหารที่เพียงพอ เฟิงหลินรู้สึกได้ถึงภาวะฉุกเฉิน

"หยุดอยู่ตรงนั้น”ขณะที่เขาออกมาจากประตูโรงเรียน จู่ๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมา คนหน้าสุดสูงและมีหน้าตาหล่อเหลา แต่ท่าทางที่ดูกดขี่ข่มเหงคนอื่นทำให้เขาดูไม่ดีนัก

มันไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากนักเรียนอันดับหนึ่งในชั้นเรียนของเฟิงหลิน จ้าวไค!

0 0 โหวต

Article Rating

0 Comments

Inline Feedbacks

ดูความคิดเห็นทั้งหมด