ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0166 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0168 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0167 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 167 : อสูรขัดเกลาวิญญาณ

ฉินหยุนได้เห็นชายคนหนึ่งเดินออกมา เป็นชายร่างผอมบาง ใบหน้ายาว สีหน้าเคร่งขรึม ชุดที่สวมใส่นั้นคล้ายคลึงกับนักลอบสังหารทั้งสอง หลังเขาออกมาแล้ว จึงสวมใส่หน้ากากและทะยานขึ้นฟ้าไป

“ไอ้สารเลวนี่คิดใช้แผนการนำหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียนซื้อข้าจริง? น่ารังเกียจนัก ข้ามีค่าเพียงแค่นั้น? เชี่ยวหยางหลงบังอาจดีนักนะถึงขั้นขายข้าเช่นนี้ เจ้าสองเดรัจฉาน!”

ยิ่งเชี่ยวเย่ว์เหม่ยคิดเรื่องนี้เท่าไหร่ นางยิ่งโกรธแค้นมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อฉินหยุนเห็นชี่อวี้จากไปแล้ว เขาจึงเอ่ยถามเสียงเบา “ในเทียบอันดับแต้มเสวียน อันดับหนึ่งมีแต้มเสวียนอยู่เท่าใดกัน?”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียง “หนึ่งพันล้าน! ทั้งหมดที่ได้ไม่ใช่เพราะความสามารถแท้จริงของมันแน่ หยางหลงมันมีคนคอยช่วยในทางลับ อาจารย์หยางฉีเย่ว์ของท่านและพี่สาวข้าต่างหากถึงได้รับแต้มเหล่านั้นมาด้วยตนเอง”

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “งั้นก็ไปกัน ทำลายคนของชี่อวี้ มาดูกันว่าภายหน้ามันจะยังได้รับแต้มเสวียนอย่างรวดเร็วอีกหรือไม่!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับก่อนนำฉินหยุนออกไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

“เดี๋ยว ปกปิดตัวตนกันก่อน!” ฉินหยุนนำหน้ากากของนักลอบสังหารทั้งสองคนออกมาและมอบให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ย

หลังจากเชี่ยวเย่ว์เหม่ยสวมใส่มันแล้ว นางหัวเราะออก “เมื่อพวกเราเข้าไปแล้ว ให้สังหารกายวรยุทธ์ระดับที่แปดซึ่งแข็งแกร่งที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นค่อยสังหารพวกที่เหลือ”

ท่ามกลางผู้ฝึกตนระดับเจ็ด หากไม่ใช่ฉินเจิ้งเฟิงหรือชี่อวี้ พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางทั้งสิ้น

กำลังภายในของนางแข็งแกร่ง ตอนนี้นางยังมีเคล็ดวิชาที่เอาไว้ใช้โจมตีทางจิต และยังมีอุปกรณ์วิญญาณที่ดี แม้กระทั่งกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด นางก็สามารถสังหารทิ้งได้แทบในทันที

ทว่าฉินหยุนยังเป็นกังวล เขาส่งยันต์สิบแผ่นให้นางไว้

ทันทีเมื่อเข้ามาในถ้ำ กลุ่มคนข้างในล้วนผ่อนคลายกัน และเมื่อเห็นบุคคลสวมใส่หน้ากากเช่นเดียวกับพวกตนเดินเข้ามา พวกเขาจึงไม่คิดถามสิ่งใดให้มากความ

เมื่อพวกเขาเข้ามาในถ้ำแล้ว กลิ่นสุรารุนแรงฉุนเตะจมูก ตามรายทางมีเหยือกไวน์แตกกระจายเต็มพื้นทุกหนแห่ง

เรื่องนี้ทำเอาฉินหยุนยินดียิ่ง นักลอบสังหารภายในถ้ำแห่งนี้ล้วนเมามายเพราะดื่มไปมาก

กระนั้น เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนก็ยังคงตั้งระวังไว้ก่อน

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำวิญญาณยุทธ์กระจกของนางออกมา พยายามสัมผัสถึงตำแหน่งวิญญาณยุทธ์ทั้งหมดภายในถ้ำ นางสามารถพบกายวรยุทธ์ระดับที่แปดได้รวดเร็วโดยทันที

อีกทางหนึ่ง จิตวิญญาณต้นกำเนิดของฉินหยุนออกจากร่างและเข้าสำรวจด้านในถ้ำ เขาพบว่านักลอบสังหารระดับแปดสองคนนั้น สมควรรวดเร็วยิ่งกว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ย

“สังหารพวกมันโดยเร็วที่สุด!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยส่งเสียงทางจิตให้ฉินหยุน

ขณะเดินผ่านเส้นทางในถ้ำ พวกเขาได้เห็นนักลอบสังหารเมามายหลายคนนอนกลิ้งกับพื้น พวกเขาเหล่านี้ล้วนดื่มจนเมาไร้สติ ไม่อาจทนทานได้แม้การโจมตีเพียงครั้งเดียว

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้าถึงด้านในสุดของถ้ำซึ่งเป็นห้องหิน

ทันทีเมื่อนางเข้ามา เชี่ยวเย่ว์เหม่ยปลดปล่อยวิชารวมจิตวิญญาณสังหารพร้อมพลังจิตปริมาณมหาศาลเข้าโจมตี

กล่าวได้ว่านักลอบสังหารกายวรยุทธ์ระดับที่แปดแข็งแกร่งยิ่ง เมื่อพวกเขาเห็นผู้อื่นเข้ามา โดยทันที พวกเขาทราบว่าเรื่องนี้ผิดปกติแล้ว

การเคลื่อนไหวของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยรวดเร็ว ทันทีเมื่อนางเข้ามา นางจึงใช้การโจมตีพลังจิตซึ่งแข็งแกร่งที่สุดออก เป็นผลให้นักลอบสังหารทั้งสองปวดหัวรุนแรงจนไม่อาจควบคุมพลังภายในได้

ฉินหยุนพุ่งเข้าปะทะโบกมือเอากระบี่ยาวออก สับฟันเข้าที่หัวของนักลอบสังหารทั้งสอง การกระทำครั้งนี้ให้ประสิทธิภาพดีเยี่ยม!

“เร็วมาก!” หลังเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวคำนี้ นางเร่งร้อนพุ่งออกจากห้องหิน ควบคุมดาบของนางบินไปมาเพื่อปลิดชีวิตนักลอบสังหารระดับที่เจ็ดภายนอกจนหมดสิ้น

ฉินหยุนใช้พลังจิตควบคุมกระบี่ของตน ปลิดปลงศีรษะของนักลอบสังหารทั้งถ้ำอย่างรวดเร็ว ยิ่งเวลาผ่านไป เขายิ่งใช้พลังจิตโจมตีได้คล่องแคล่วมากขึ้น

นักลอบสังหารหลายสิบคนที่เมามาย ไม่ต่างอะไรกับไก่รอให้ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเชือด

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถอนหายใจบางเบาออกมาขณะยิ้มยะเยือก “ชี่อวี้มาที่นี่เมื่อครู่ มันเอาไวน์ทั้งหมดที่นี่ไป! สงสัยนักว่ามันไปฉลองอะไรถึงคิดดื่มมากมายเพียงนั้น”

“ข้าเห็นกล่องที่ห้องหินด้านในสุด น่าจะมีอะไรหลายอย่างอยู่ข้างใน เข้าไปตรวจสอบกันดีกว่า!” ฉินหยุนกล่าว

หลังจากพวกเขาเข้าไปในห้องหิน พวกเขาจึงมุ่งตรงไปที่โต๊ะด้านในสุด หัวและร่างของผู้ฝึกตนกายวรยุทธ์ระดับที่แปดซึ่งถูกตัดออก ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวดังกล่าว

ฉินหยุนเปิดกล่องและนำเอาแผ่นหนังสัตว์ผืนใหญ่ออกมา เขากางมันออกจึงพบว่าเป็นแผนที่

ขณะใช้นิ้วลูบที่บนแผนที่ เขากล่าว “หมึกยังไม่แห้งดี เหมือนเพิ่งวาดเมื่อไม่นานมานี้ นี่มันแผนที่ของอะไรกัน?”

“เหมือนจะมีตัวอักษรด้านล่าง ให้ข้าดูหน่อย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเบิกดวงตาออกกว้างขณะใบหน้าเผยความตื่นตะลึง พิจารณาจากเนื้อหาตัวอักษร ฉินหยุนพบว่าแผนที่นี้ถูกแจกจ่ายออกไปเพื่อเชื้อเชิญผู้อื่นเข้าไปยังแดนต้องห้ามเทียนชี่

“แดนต้องห้ามหรือ? หรือนี่จะเป็นสถานที่ซึ่งอสูรขัดเกลาวิญญาณถูกคุมขังเอาไว้?” ฉินหยุนเอ่ยแตกตื่น “เพราะอะไรชี่อวี้ถึงเชื้อเชิญคนมากมายมา?”

ตราบเท่าที่เป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ของสามจักรวรรดิ พวกเขาย่อมต้องคุ้นหูกับชื่อ “อสูรขัดเกลาวิญญาณ”

อสูรขัดเกลาวิญญาณเป็นจอมปีศาจเมื่อหลายปีก่อน กล่าวได้ว่ามันฝึกฝนวิชาปีศาจร้าย และใช้วิชาอันชั่วร้ายเหล่านั้นดูดกลืนดวงวิญญาณของผู้ฝึกตนอื่นจนสิ้น นอกจากนี้ มันยังนำเอาวิญญาณยุทธ์ของบุคคลเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยงให้วิญญาณยุทธ์ของมันแข็งแกร่งขึ้น

นี่คือทั้งหมดที่ฉินหยุนกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ยทราบ

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเสียงเย็น “ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของสามจักรวรรดิ อสูรขัดเกลาวิญญาณไม่มีทางได้รับการให้อภัย โทษของมันคือตาย! แต่เป็นจักรวรรดิเทียนชี่ที่ยินยอมให้มันใช้ชีวิตมานานยิ่ง ชัดเจนว่าพวกเขาคิดบีบบังคับให้ปีศาจร้ายตัวนั้นส่งมอบเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ!”

ฉินหยุนขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ข้าได้ยินอาจารย์หยางบอกว่า มียาเสพติดที่พิเศษชนิดหนึ่งซึ่งสามารถทำให้เกิดภาพหลอน เมื่อโดนอาการนั้นเล่นงาน หากถามอะไรออกผู้คนก็ล้วนตอบ! อย่าบอกนะว่าชี่อวี้เชี่ยวชาญยาพวกนั้น? เขาน่าจะคิดว่าสามารถทำให้ตัวอสูรยอมบอกต่อและส่งมอบเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ “ที่ชี่อวี้ยินดีปานนั้น กระทั่งคิดฉลองที่นี่ไปแล้วครั้งหนึ่ง บางทีมันคงได้เม็ดยาดังกล่าวมาแล้ว”

ฉินหยุนเอ่ยต่อ “มีห้องหินอีกหลายห้องที่ถูกผนึกเอาไว้ น่าจะมีอะไรอยู่ข้างใน เปิดพวกมันและตรวจสอบกันดีกว่า”

หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองจึงเปิดห้องปิดผนึกที่เหลืออยู่ พวกเขาพบว่าภายในเย็นเยียบ มีสัตว์ปีศาจระดับที่หกและเจ็ดจำนวนหนึ่งอยู่ภายใน

สัตว์ปีศาจเหล่านี้ล้วนตายแล้ว ผิวหนังและกระดูกมีราคาแพงยิ่ง ฉินหยุนย่อมยินดีรับพวกมันไว้

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเดินออกจากถ้ำและกล่าวคำ “พี่ชาย ไปที่แดนต้องห้ามเทียนชี่กัน! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะสร้างแดนต้องห้ามเอาไว้ที่เทือกเขาเมฆมังกรแห่งนี้”

ฉินหยุนคิดอยู่พักหนึ่งค่อยกล่าว “หากพวกเราไปยังแดนต้องห้าม พวกเราอาจเผชิญหน้ากับชี่อวี้และคนที่มันเชื้อเชิญมา!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวตอบ “หากระวังย่อมไม่มีปัญหา พวกเราเพียงแค่ไปดู หากพวกมันสามารถได้รับวิชาขัดเกลาวิญญาณจริง เช่นนั้นพวกเราจะนำเรื่องนี้ไปแพร่กระจายต่อ”

ฉินหยุนพยักหน้ารับและเก็บแผนที่ดังกล่าวมา เขาพิจารณามองมัน จนพบว่ามีจุดสีแดงอยู่แห่งหนึ่ง มันอยู่บริเวณพื้นที่ชายขอบของเทือกเขาเมฆมังกร

“เป็นเทือกเขาเมฆมังกรที่ใกล้เคียงกับจักรวรรดิเทียนชี่มาก อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่แปลกใจเลยที่คิดสร้างแดนต้องห้ามไว้ที่นี่ ที่ข้าไม่แน่ใจคือบริเวณนั้นจะมีวิญญาณสัตว์ร้ายมากมายหรือไม่” ฉินหยุนกล่าวคำขณะพิจารณาแผนที่

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคาดเดา “บางทีเพราะวิญญาณสัตว์ร้ายทรงพลังจำนวนมากอยู่ที่นั่น ชี่อวี้จึงต้องเชิญคนจำนวนมากร่วมทางไปด้วย”

ฉินหยุนกล่าว “พวกเรามีประสบการณ์จัดการวิญญาณสัตว์ร้ายไม่น้อย ไม่น่ามีอะไรต้องกังวล!”

พวกเขาเดินทางผ่านราตรีกาลเพื่อมุ่งหน้าไปยังแดนต้องห้าม

ช่วงกลางดึก ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่เมฆ แสงดาวและแสงจันทร์พร่าเลือน

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยบินด้วยระดับความสูงไม่มากนัก พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังเขตแดนของจักรวรรดิเทียนชี่

ฉินหยุนตอนนี้บินด้วยอุปกรณ์วิญญาณ แม้ความเร็วเชื่องช้าไปบ้าง แต่มันมีความมั่นคงและสามารถทำให้สงบใจได้ ทั้งยังใช้พลังไม่เยอะมากนัก

เขาเอ่ยคำ “เย่ว์เหม่ย เจ้าไม่ต้องกลับไปสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนหรือ?”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยใบหน้าหมองหม่น นางแค่นเสียงตอบกลับมา “ข้าไม่คิดกลับไป อยู่กับท่านข้ามีความสุขกว่า! ข้าเกลียดชังสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน โชคดีนักที่ข้าไม่ได้ยอมรับเงื่อนไขใดของพวกมัน ดังนั้นข้าจึงสามารถจากไปได้อย่างที่ต้องการ”

เป็นเพราะนางเรียนรู้จากความผิดพลาดของเชี่ยวเย่ว์หลาน นางจึงวางแผนคิดปลดแอกจากการควบคุมของจักรวรรดิเทียนเชี่ยว ตอนนี้นางเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด กล่าวได้ว่านางมีพละกำลังในระดับสูงแล้ว

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “เหตุใดเจ้าไม่ออกจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน และให้อาจารย์ตู้รับเป็นศิษย์กันเล่า! อาจารย์ตู้มีหน้ามีตาในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน กระทั่งรองอธิการยังต้องไว้หน้าเขา”

“เช่นนั้นก็ดี ไว้กลับไปข้าจะปรึกษากับอาจารย์ตู้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับรัวเร็ว “ข้าเสียดายนักที่ไม่ได้เลือกสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนแต่แรก เป็นป้าของข้าที่เรียกข้าไปที่นั่น และก็เป็นอาจารย์ของข้าจนถึงตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังดีที่นางดูแลข้าอย่างดี”

“ป้าของเจ้าต้องการขายเจ้าด้วยงั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“แน่นอนว่าไม่... แต่ว่า นางเป็นพวกหัวโบราณยิ่ง ตอนที่นางทราบว่าท่านและข้าอยู่ด้วยกัน นางถึงขั้นสอนบทเรียนมารยาทแก่ข้ายกใหญ่”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “นางแค่อิจฉาข้าต่างหาก ได้เป็นเพราะข้าได้เล่นกับชายอื่น ตัวท่านป้านั้นก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเมื่อครั้งก่อนโน้น นับว่าโชคดีนักที่นางไม่ได้แต่งงาน”

ฉินหยุนยิ้มเอ่ยถาม “ป้าของเจ้าชื่อ เชี่ยวเสวียนฉิน? ได้ยินว่านางครองตัวเป็นโสดมานานนัก นางคงอัดอั้นเรื่องนี้มานานยิ่ง”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคัก “อย่าได้พูดเช่นนี้ต่อหน้านาง ไม่เช่นนั้นนางได้สั่งสอนท่านสักบทเรียนแน่”

พวกเขาคุยกันไปและหัวเราะตลอดทาง ก่อนจะทันรู้ตัวก็รุ่งสางแล้ว พวกเขาตอนนี้ได้เห็นแม่น้ำที่มีกระแสน้ำเชี่ยวกรากอยู่ไกลออกไป แสงตะวันสีทองคำสาดส่องแม่น้ำยามเช้าถือว่างดงามไม่น้อย

ถัดจากแม่น้ำแห่งนั้นคือป่าหนาทึบ นี่คล้ายกับในแผนที่ แดนต้องห้ามเทียนชี่สมควรซุกซ่อนเอาไว้ในป่าหนาทึบ

“ลงพื้นกันดีกว่า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว

ฉินหยุนพยุกหน้ารับ ทั้งสองลงไปเดินเท้าผ่านป่า ทุกก้าวเดินเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง

“เหมือนไม่มีอะไรเลยนี่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพึมพำ

ฉินหยุนเอ่ยตอบ “ตอนพวกเรามองจากด้านบน พวกเราไม่เห็นทั้งเนินเขาและสิ่งปลูกสร้าง ที่เห็นก็แค่ป่าใหญ่ ข้าเดาว่าน่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างใต้ดิน”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคิดอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ข้อสรุปแบบเดียวกัน แต่ขณะที่นางกำลังจะกล่าวชมฉินหยุน นางพลันรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวโดยรอบ สีหน้าของนางต้องแปรเปลี่ยน

“พวกเราโดนเจอตัว!” ฉินหยุนสัมผัสได้ว่ามีหลายคนกำลังเข้ามาทางนี้

“หนี!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบทะยานกายออก

ฉินหยุนตามติดด้านหลังนาง ขณะที่เขาทำการตรวจสอบโดยรอบ เขาพบว่ามีกลุ่มคนกำลังไล่ล่าพวกเขา ล้วนเป็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด วิชาเคลื่อนไหวถือว่ายอดเยี่ยมยิ่ง

เพียงไม่นาน พวกเขาจึงได้เห็นบ้านหินหลังเล็กได้ถูกสร้างเอาไว้โดยมีแมกไม้สีเขียวปกปิด ที่ตรงนั้นมีกว่าสิบคนยืนล้อมบ้านหินดังกล่าว รวมทั้งชี่อวี้ก็อยู่ในคนกลุ่มนั้นด้วย!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด