ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0164 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0166 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0165 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 165 : ค่ายอาคมขัดเกลากระดูก

ฉินหยุนมีความคืบหน้าก้าวทะยานนับตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเย็น ด้วยหยกวิญญาณเทวะ เขาสามารถควบคุมพลังจิตและจิตวิญญาณต้นกำเนิดให้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาสามารถรีดประสิทธิภาพของมันออกมาได้ดีมากขึ้น

ตอนนี้เขาทดลอบควบคุมมีดสั้น มันสามารถบินออกไปได้กว่าร้อยเมตร สามารถตัดกิ่งไม้ได้ง่ายดาย กระทั่งขุดรูบนตัวต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่อย่างไรแล้วมันก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะใช้รับมือกับสัตว์ปีศาจหรือวิญญาณสัตว์ร้าย

ต้นไม้สมบัติตะวันดาราคล้ายภาพมายาสีแดงฉานยามต้องแสงตะวันยามอาทิตย์อัสดง

ที่ปากทางเข้าถ้ำของฉินหยุน ตู้ก่วยและเด็กสาวในชุดสีแดงปรากฏตัวขึ้น

ตู้ก่วยตะโกน “เจ้าหนู คนรักเด็กของเจ้ามาหาถึงที่แล้ว”

ฉินหยุนตอนนี้อยู่ในห้อง เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนี้ เขาไม่ทราบว่าคนรักเด็กที่ตู้ก่วยพูดถึงคือใคร เขาเร่งรีบเดินออกไปจึงพบว่าเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย นางกำลังยิ้มยินดียิ่ง

เมื่อสายตาได้เห็น ปากของเขาจึงร้องออก “เย่ว์เหม่ย! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ละ?”

ตู้ก่วยยิ้ม “เพื่อเข้าค่ายอาคมขัดเกลากระดูก ข้ามีค่ายอาคมดังกล่าวอยู่ในมือแล้ว ที่เหลือก็แค่หาสถานที่เหมาะสมติดตั้งมัน น่าจะหาถ้ำกว้างสักแห่งภายในต้นไม้ใหญ่นี่แหละ! ข้าจะไปจัดการก่อน พวกเจ้าสองคนรอข้าที่นี่!”

หลังตู้ก่วยยิ้มให้และจากไป เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเดินเข้ามายิ้มหวานให้เห็น

นางนั่งลงบนโต๊ะด้วยท่วงท่าสบาย ทั้งยังคว้าผลไม้บนโต๊ะขึ้นมากินอย่างไม่คิดถามอีกต่างหาก

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสวมใส่ชุดสีแดง แส้ยาวรัดพันเอาไว้บริเวณลำคอของนาง ปากได้รูปของนางตอนนี้กำลังกัดลูกแพรขนาดใหญ่ลงไป

ฉินหยุนเอ่ยคำ “เย่ว์เหม่ย เหตุใดสร้อยข้อมือที่ข้าให้เจ้าไปอยู่ในมือเชี่ยวหยางหลงได้กัน? ทั้งยังโดนไอ้สารเลวนั่นทำลายอีก!”

“เป็นเชี่ยวหยางหลงขโมยไปจากข้า! ฮึ่ม... ฮึ่ม! มันอิจฉาที่สร้อยข้อมือมิติเก็บของที่ข้ามีดีกว่าของมัน ทั้งท่านยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์หยางฉีเย่ว์ ข้าเพียงแค่พูดออกไปว่าอาจารย์หยางดูแลท่านเป็นอย่างดี มันจึงระเบิดโทสะออก คว้าเอาสร้อยข้อมือไปจากข้าและทำลายทิ้ง”

เมื่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถึงเรื่องนี้ นางโกรธแค้นยิ่ง

นางทราบเรื่องการทดสอบของฉินหยุน นางจึงเอ่ยถามเสียงเบา “พี่ชาย นี่วิญญาณยุทธ์ทั้งสองของท่านหายไปจริง?”

ฉินหยุนยกแขนซ้ายขึ้นและยิ้มกล่าว “ข้าย้ายมันมาที่นี่ ข้ายังสบายดีอยู่!”

ได้ยินดังนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงยินดีกระทั่งหัวเราะออก “วิเศษนัก เชี่ยวหยางหลง ไอ้เต่าในกระดอง มันแท้จริงคิดว่าท่านกลายเป็นคนทุพพลภาพไปแล้ว! อีกทางหนึ่ง อาข่ายที่เป็นหมากตัวสำคัญของมันกลับต้องตายอย่างน่าสังเวช สุนัขซื่อสัตย์ที่ฝึกเลี้ยงและทำนุบำรุงมาเป็นอย่างดีกลับโดนสังหารทิ้งอย่างไม่เหลือชิ้นส่วน!”

“รับไป อย่าให้มันเอาไปได้อีกละ!” ฉินหยุนนำสร้อยข้อมือมิติเก็บของที่ซ่อมแซมแล้วส่งต่อแก่เชี่ยวเย่ว์เหม่ย

“ขอบคุณพี่ชายแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ นางยินดียิ่งขณะรับเอาไว้และหยดเลือดลงไป

พร้อมกันนี้ ตู้ก่วยเองก็กลับมาบอกต่อพวกเขา ว่าค่ายอาคมขัดเกลากระดูกพร้อมแล้ว เขานำทั้งสองขึ้นไปบนถ้ำต้นไม้ที่อยู่สูงกว่าแปดร้อยเมตร ถ้ำต้นไม้แห่งนี้กว้างใหญ่และเงียบสงบ ทั้งยังเป็นโถงที่กว้างขวางยิ่ง

หลังฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้ามาแล้ว ตู้ก่วยจึงเปิดการทำงานของค่ายอาคมขัดเกลากระดูกและเร่งร้อนจากไป

อาคมขัดเกลากระดูก เป็นการผสมผสานกันระหว่างอาคมธงและอาคมหินอักขระ พลังที่บรรจุเอาไว้ภายในจะมีความสามารถในการขัดเกลา โครงสร้างโดยรวมซับซ้อนยิ่ง

ฉินหยุนเดิมคิดอยากทดสอบว่าตนสามารถคัดลอกไปได้หรือไม่ แต่หลังเข้ามาเห็นด้วยตาตัวเอง เขาตัดสินใจยอมปล่อยวาง ถัดจากนั้น เขาจึงเริ่มการฝึกฝนภายในค่ายอาคมขัดเกลากระดูก

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยดูดกลืนพลังงานที่ปลดปล่อยออกจากค่ายอาคมขัดเกลากระดูก นางกล่าวตื่นเต้นยินดี “พี่ชาย ข้ารู้สึกมั่นใจนัก ว่าสามารถก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดได้!”

ฉินหยุนทดลองดู เขาพบว่าพลังของค่ายอาคมขัดเกลากระดูกค่อนข้างแปลกประหลาดยิ่ง มันไหลตรงเข้าสู่กระดูก มันคือการบำรุงหล่อเลี้ยงกระดูกโดยตรง

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวต่อ “พี่ชาย ข้าได้ยินว่าฉินเจิ้งเฟิงเตรียมก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดแล้ว ท่านควรเร่งรีบไล่ตามไอ้สารเลวผู้นั้น อย่าได้ให้มันแต่งงานกับพี่สาวข้า”

“อืม ข้าจะทำอย่างเต็มที่เพื่อก้าวสู่กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดก่อนงานพิธี” ฉินหยุนหลับตาลง ผ่อนคลายร่างกาย เขาเริ่มดูดกลืนพลังงานของค่ายอาคมขัดเกลากระดูกเพื่อหล่อเลี้ยงกระดูกของตนเอง

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถาม “พี่ชาย วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของท่านเกิดอะไรขึ้นกัน? มันมีปัญหาหรือไม่?”

“วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของข้าหิวโหยยิ่ง มันจำศีลไปเพราะเหตุนั้น ข้าจำเป็นต้องรวบรวมวิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลังเพื่อป้อนแก่มัน สงสัยนักว่าข้าจะไปหาวิญญาณยุทธ์ที่เหมาะสมได้จากที่ใด” ฉินหยุนตอบอย่างอับจน

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเม้มริมฝีปาก ดวงตานั้นกลอกไปมา นางคิดอยู่พักหนึ่งค่อยกล่าวคำ “พี่ชาย หลังจากพวกเราฝึกฝนในค่ายอาคมขัดเกลากระดูกเสร็จแล้ว พวกเราจะเข้าเทือกเขาเมฆมังกรด้วยกันเพื่อหาวิญญาณยุทธ์ วิญญาณยุทธ์กระจกของข้าสามารถสัมผัสได้ถึงวิญญาณยุทธ์อื่นเป็นอย่างดี”

“ได้!” ฉินหยุนรู้ดีว่าตนไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ให้ลากถ่วงออกไป ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นตัวจำกัดพละกำลังของเขา

เพื่อให้ได้รับพลังที่แข็งแกร่ง เขาต้องก้าวสู่เทือกเขาเมฆมังกรเพื่อค้นหาวิญญาณยุทธ์

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกำลังดูดกลืนพลังของค่ายอาคมขัดเกลากระดูกอย่างขะมักเขม้น!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีความมั่นใจมาก หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี นางจะก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด เรื่องนี้ทำนางยินดียิ่ง ด้วยอายุเพียงสิบสี่ปี แต่แล้วนางกำลังจะได้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด

พลังงานภายในค่ายอาคมขัดเกลากระดูกเลิศล้ำ หลังผ่านไปหนึ่งเดือน ค่ายอาคมจึงค่อยหยุดทำงาน!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหลับตาลง นั่งอย่างสงบบนพื้นด้วยท่าขัดสมาธิ คลื่นหมอกอ่อนจางสีทองคำปรากฏจากชุดสีแดงของนาง

เมื่อฉินหยุนลืมตาขึ้น เขาได้เห็นหมอกสีทองคำอ่อนจางล้อมกายนางเอาไว้ มันทำเอาประหลาดใจไม่น้อย

ด้วยสภาพนี้ หมายความถึงกระดูกทั้งหมดในร่างของนางได้แปรเปลี่ยนเป็นวัชระกระดูกแล้ว!

การฝึกฝนวัชระกระดูกคือการก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด!

“เย่ว์เหม่ยทรงพลังยิ่งนัก หลังนางตื่นขึ้น นางจะได้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด” ฉินหยุนลอบยินดีกับอีกฝ่าย

ในช่วงเดือนนี้ เขาเองก็ฝึกฝนจนกระดูกส่องแสงสีทองอ่อนจางออกมาแล้ว

เขาพบว่าตั้งแต่ที่มีวิถีหัวใจเหลืองดำ เมื่อขัดเกลาวัชระกระดูก เขายิ่งจำเป็นต้องใช้พลังเพื่อขัดเกลากระดูกให้มากยิ่งขึ้น เพื่อแปรเปลี่ยนพวกมันเป็นโลหะสีทอง ก่อนจะปลดปล่อยแสงเรืองสีทองออกจากกระดูกได้

เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะวิถีหัวใจเหลืองดำของเขาทำให้เชื่องช้า เพียงแต่การขัดเกลาวัชระกระดูกจำเป็นต้องใช้พลังที่แข็งแกร่ง เป็นเรื่องปกติที่จะต้องใช้พลังมากขึ้น นี่หมายความถึงวัชระกระดูกที่เขาจะฝึกฝนในภายหน้า มันจะทรงพลังยิ่งกว่าที่ผู้ใดครอบครอง

ร่างของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันทะลักออกด้วยกลุ่มหมอกสีทองคำ นางลืมตาตื่นขึ้น แสงสว่างสีทองวิบวับในดวงตา พลังกระดูกทองคำ ทรงพลังขนาดทำเอาฉินหยุนหวั่นไหว

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก้าวพ้นแล้ว! ข้าได้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะยินดี “พี่ชาย ไปเทือกเขาเมฆมังกรกันเลยดีกว่า!”

ถึงตอนนี้เอง ตู้ก่วยพลันบินขึ้นมาจากต้นไม้เบื้องล่าง เขามาเพื่อเก็บค่ายอาคมขัดเกลากระดูก เขาต้องนำมันกลับไปและใช้เคล็ดวิชาอันซับซ้อนแก่หินพลังงาน ก่อนจะสามารถนำมันกลับมาใช้ได้อีกครั้ง

“เหตุใดพวกเจ้าคิดไปเทือกเขาเมฆมังกร? ตอนนี้ที่นั่นอันตรายยิ่ง... โห แม่สาวน้อย เจ้าก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแล้วนี่!” ตู้ก่วยกล่าวประหลาดใจเมื่อสัมผัสได้ ถึงพลังกระดูกทองคำที่ปลดปล่อยออกจากเชี่ยวเย่ว์เหม่ย

“ข้าคิดอยากไปฝึกฝนที่เทือกเขาเมฆมังกร! อาจารย์ตู้ ท่านอย่าได้ห่วง ด้วยข้าปกป้องศิษย์ของท่าน เขาต้องปลอดภัยกลับมาแน่นอน” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตบหน้าอกตนเองกล่าวด้วยความมั่นใจ สภาพนี้คล้ายพี่สาวออกตัวปกป้องน้องชายตัวน้อยยามกำลังออกไปเที่ยวเล่น

ตู้ก่วยกล่าว “เช่นนั้นก็ดี ครั้งล่าสุดตอนพวกเจ้าออกไปล่าวิญญาณสัตว์ร้ายในเทือกเขาเมฆมังกร พวกเจ้าทำผลงานได้ดีเยี่ยม ข้าคงไม่ต้องห่วงนักว่าจะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นต่อพวกเจ้า”

เมื่อตู้ก่วยอนุญาต ฉินหยุนจึงพาเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลับไปที่ถ้ำต้นไม้ของตนเอง

เขาคิดอยากขัดเกลายันต์สะกดวิญญาณจำนวนหนึ่ง ครั้งนี้เขาต้องการพวกมันสะสมไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อให้สามารถมีเพียงพอใช้รับมือกับวิญญาณสัตว์ร้ายที่ทรงพลังได้

หลังผ่านการเตรียมตัวอยู่หลายวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเปลี่ยนเป็นสวมใส่ชุดดำ ก่อนออกจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนพร้อมกับตู้ก่วยในช่วงกลางคืน

เพื่อไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ ตู้ก่วยระมัดระวังยิ่งตลอดทางที่นำออกมา เป็นเขานำพวกเขาออกจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

เทือกเขาเมฆมังกรกว้างใหญ่ ฉินหยุนและคณะเข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรจากทางด้านของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

เทือกเขาเมฆมังกรทางฝั่งสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง อยู่บริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือ และตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามอยู่บริเวณทางตะวันออกของเทือกเขาเมฆมังกรเช่นเดียวกัน

ทางเข้าของสถาบันซานเสวียนตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาเมฆมังกร

สำหรับทางด้านสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน มันตั้งอยู่บริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือ

ด้วยเหตุนี้ เทือกเขาเมฆมังกรที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกำลังไปครั้งนี้จึงไม่ใช่สถานที่คุ้นเคย

ตู้ก่วยบินร่วมทางกับพวกเขาผ่านความมืดกลางค่ำคืน พวกเขาเหล่านี้มาถึงเทือกเขารอบนอกของเทือกเขาเมฆมังกรในเวลาเพียงไม่นาน

ภูเขาที่เรียงรายชั้นแล้วชั้นเล่าของเทือกเขาเมฆมังกรปรากฏแก่สายตา ทุกครั้งที่ฉินหยุนมาถึงบริเวณพื้นที่รอบนอก เขาจะรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ที่สะกดข่มอย่างบอกไม่ถูก

“วิญญาณสัตว์ร้ายก็มาถึงพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาเมฆมังกรแล้ว เมื่อเข้าไปแล้วให้ระมัดระวังตัวให้ดี” ตู้ก่วยกล่าวเตือน

“ขอรับอาจารย์!” ฉินหยุนพยักหน้ารับหนักแน่น

ตู้ก่วยตบไหล่ฉินหยุนก่อนกล่าวคำว่า “เจ้าเข้าไปได้แล้ว เนื่องด้วยสถานการณ์ของเจ้าที่ไม่เหมือนใคร ข้าจะสู้เพื่อเจ้าให้ได้ยกเว้นการทดสอบในภาคเรียนนี้ แล้วในภาคเรียนหน้าค่อยให้เจ้าได้เข้าร่วมการทดสอบเหมือนศิษย์ผู้อื่น”

หลังกล่าวลากับตู้ก่วยเรียบร้อย ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเริ่มทะยานกายเข้าสู่ภูเขาลูกตรงหน้า

“พี่ชาย ท่านไม่อาจรับการทดสอบเหมือนศิษย์ผู้อื่น นี่จะกลายเป็นเรื่องเสียหายยิ่ง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบินด้วยดาบของนาง คิ้วนั้นขมวดมุ่นขณะกล่าวคำ

ฉินหยุนสับสนจึงเอ่ยถาม “ข้าจะเสียหายอันใด? ไม่ใช่ว่าสบายกว่าเก่าหรือ?”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวตอบ “การผ่านบททดสอบ สิ่งที่จะได้รับคือรางวัลแต้มเสวียน มันสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชาต่าง ๆ เม็ดยา หรือสิทธิ์การเข้าค่ายอาคมฝึกฝน ภายใต้เงื่อนไขโดยปกติ มีเพียงต้องเข้าร่วมการทดสอบเท่านั้นจึงสามารถได้รับแต้มเสวียนจำนวนมากเป็นรางวัล”

ครั้งฉินหยุนแรกเข้าสถาบันซานเสวียน เขาก็ได้เรียนรู้เรื่องรางวัลที่ได้รับ ก็คือแต้มเสวียน นี่หมายความว่าระบบแต้มเสวียนคงอยู่ร่วมกับสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนมานานยิ่งแล้ว

เขาเอ่ยถาม “ก็มีวิธีอื่นที่สามารถได้รับแต้มเสวียนไม่ใช่หรือ? ยกตัวอย่าง หากข้าหลอมอุปกรณ์ขึ้น หรือช่วยหลอมอุปกรณ์วิญญาณ นั่นก็น่าจะเป็นไปได้ใช่หรือไม่?”

“เรื่องนี้... ข้าไม่แน่ใจนัก แต้มเสวียนเป็นระบบพื้นฐานของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม ท่านสามารถไปยังร้านค้าแต้มเสวียน เพื่อใช้งานบัตรผลึกแต้มเสวียนได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำบัตรผลึกแต้มเสวียนโปร่งแสงออกมาในฝ่ามือ เมื่อนางทะลวงพลังจิตเข้าไป มันจะเผยคำ ‘หนึ่งแสน’ ออกมา แปลว่านางมีหนึ่งแสนแต้มเสวียน

“หนึ่งแสนแต้มเสวียน นี่ถือว่าน้อยหรือมาก?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“น้อยนัก การแลกเปลี่ยนเม็ดยาวิญญาณคุณภาพสูงจำเป็นต้องใช้อย่างน้อยก็หลายล้านแต้มเสวียน เดิมข้ามีอยู่เก้าล้านแต้มเสวียน แต่ก็เพิ่งใช้พวกมันไปจนหมดสิ้น” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแลบลิ้นออกเผยความน่ารักที่มี “ตรงนี้จะมีการจัดอันดับรายการแต้มเสวียนของศิษย์ในสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน และผู้ที่อยู่อันดับหนึ่งตอนนี้ก็คือเจ้าเต่าในกระดองอย่างเชี่ยวหยางหลง เฮอะ!”

เชี่ยวหยางหลงนับเป็นพี่ชายต่างแม่ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย แต่นางหาได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชายไม่ ทั้งยังเกลียดเข้ากระดูกดำ ครั้งล่าสุดเชี่ยวหยางหลงฉกชิงสร้อยข้อมือไปจากนาง เป็นผลให้นางโกรธจนแทบคิดเข้าไปท้าทายอีกฝ่าย

“อันดับแต้มเสวียนหรือ? น่าสนใจนัก!” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยถาม “เช่นนั้นแล้วอันดับสองคือใครกัน?”

“อันดับสองคืออาจารย์หยางฉีเย่ว์ของท่าน! อันดับสามคือพี่สาวข้า อันดับสี่เป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนชี่ ชี่อวี้ และอันดับห้าก็คือฉินเจิ้งเฟิง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวตอบ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด