ตอนที่แล้วGE228 เขาโม่หลัว [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE230 ห้ามทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ [ฟรี]

GE229 เอาชนะทหารศิลา [ฟรี]


ภายในวังหยก… หนองฝานนั่งมองเกราะสีเงิน คิ้วขมวดมุ่น

เขาโม่หลัว...

หนิงฝานไม่รู้จักสถานที่แห่งนั้น แต่ดูเหมือนสู่ลู่ฉานจะรู้เรื่องเป็นอย่างดี

“ที่มันเคารพข้าขนาดนั้นอาจเป็นเพราะ...”

เมื่อสู่ลู่ฉานได้คำตอบที่น่าพอใจจากหนิงฝานแล้ว ไม่ว่าหนิงฝานจะขอสิ่งใดเพิ่ม มันก็ไม่ปฏิเสธ

นอกจากกระถสงขัดเกลาระดับดวงจิตแรกเริ่ม 12 นาง และชุดเกราะพิภพครบชุด ชายชรายังให้หยกสวรรค์อีก 50 ล้าน ตำรับโอสถผันแปรที่ 4 อีก 20 ชนิด ตำรับโอสถผันแปรที่ 5 อีก 5 ชนิด ผลไม้แห่งเต๋าดวงจิตแรกเริ่ม 3 ผล และโอสถปฐมสวรรค์อีก 50 เม็ด

นอกจากนี้ยังมีโอสถรักษาอีกนับไม่ถ้วน

แร่วิญญาณชั้นสูง และแร่วิญญาณธาตุเพลิงที่เหมาะกับการนำมาเสริมสมบัติหรืออาวุธธาตุเพลิง เพียงแต่แร่เหล่านี้ยังไม่อาจใช้กับแส้อัสนีของเขาได้ เพราะมันเป็นคนละธาตุกัน แต่ถึงแร่วิญญาณเหล่านั้นจะยังไม่เป็นประโยชน์ หนิงฝานก็ไม่คิดจะคืนให้

ที่สำคัญ เขายังได้สมบัติสวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์มาอีก 2 ชนิด

ที่น่าแปลกกว่านั้น ชายชรายังมอบนมมารดาพิภพที่เตรียมเป็นรางวัลหลังภารกิจสำเร็จให้เขา เขาได้เกือบจะทุกสิ่งยกเว้นก็แต่หัวใจแห่งมารดาพิภพ

นมมารดาใต้พิภพ 200 หยด… เทียบเท่ากับปราณ 2000 เกราะ

หากเขาดูดซับพวกมันทั้งหมด เขาอาจทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด!

เพียงแต่การจะดูดซับพวกมันต้องใช้เวลา

เมื่อขบคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว วิธียกระดับพลังที่เร็วที่สุดคือการขัดเกลาผสาน

หนิงฝานนำสตรีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มคนหนึ่งออกมาจากแหวน และกล่าวอย่างเรียบเฉย

“ข้าจะดูดซับพลังเจ้า แต่จะเหลือพลังให้เจ้าอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำ”

“ขอบคุณนายท่านที่เมตตา...”

ผ่านไป 5 ชั่วยาม หนิงฝานก็ดูดซับพลังของกระถางขัดเกลา 12 คนที่ได้มาใหม่จนครบ กระทั่งได้ปราณ 215 เกราะ รวมทั้งหมดเป็น 675 เกราะ

เหตุผลที่หนิงฝานได้ปราณน้อยกว่าที่คาด เพราะในระหว่างการขัดเกลา มีปราณบางส่วนรั่วซึมออกไป ทำให้ผลของการขัดเกลาผสานไม่ดีนัก

แต่การจะได้ขัดเกลาผสานกับสตรีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มนั้นไม่ใช่เรื่อง่าย

กระถางขัดเกลาดวงจิตแรกเริ่มในนิกายปีศาจสำราญก็นำมาหมดแล้ว ในทะเลส่วนนอกแห่งนี้ นอกจากเกาะมุกหยกฟ้า คงหาสตรีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้ยาก

ศพนางสวรรค์อยู่ไม่ห่างกายหนิงฝาน

ยามนี้ เขาเปิดประตูออกไปสูดอากาศภายนอก

เมื่อปราณยกระดับ เขาก็สัมผัสกับสิ่งรอบข้างได้ชัดเจนมากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มส่วนใหญ่จะเน้นไปกับการยกระดับพลังเป็นอย่างแรก เมื่อไปถึงจุดตีบตันก่อนจะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ จึงค่อยให้ความสนใจกับการทำความเข้าใจกับธรรมชาติแวดล้อม เพื่อเตรียมสร้างเจตจำนงค์เทพ แต่หนิงฝานกลับตรงกันข้ามกันคนเหล่านั้น

ก่อนงานประมูลจะเริ่ม มี 2 สิ่งที่หนิงฝานต้องทำ

อย่างแรกคือฝึกดรรชนีกระบี่ที่ 2!

และอย่างที่สองคือหลอมสร้างสมบัติ!

หนิงฝานเอื้อมมือไปเบื้องหน้า โคจรวิชาดึงวิญญาณ

สิ่งที่เขาดึงออกมายามนี้ ไม่ใช่จิตวิญญาณของเกาะปีศาจสำราญแห่งนี้ แต่เป็นพลังงานที่ได้จากแร่ใต้ดิน

เกาะปีศาจสำราญมีขนาดใหญ่ มีพลังงานมากมายพอให้เขาฝึกดรรชนีกระบี่

กลุ่มก้อนพลังงานจำนวนมหาศาลก่อตัวเป็นลูกกลมเหนือฝ่ามือขวา ก่อนจะเคลื่อนพวกมันผสานเข้าไปในร่าง

ชั่วพริบตานั้น คนบนเกาะปีศาจสำราญปั่นป่วนโกลาหน ผู้เชี่ยวชาญมากมายสัมผัสได้ว่าปราณบนเกาะลดลงอย่างฉับพลัน

แต่จะมีก็แต่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่ทราบว่ามีผู้ดึงเอาพลังงานของเกาะออกมา

ใครกันที่ใช้วิชา?

สู่ลู่ฉานและเหยียนซ่งสื่อปรากฏตัวเหนือท้องนภา ก่อนหน้านี้หนิงฝานขอชายชราแล้วว่าจะดูดซับพลังบางส่วนของเกาะ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของหนิงฝาน แต่ก็อดตกตะลึงไม่ได้

ยามนี้ ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอีก 4 คนปรากฏตัวบนท้องนภา คิ้วขมวดแน่น

ทั้ง 4 พยายามแผ่สัมผัสเทพฝ่าสนามพลังแม่เหล็กบนเกาะ เพื่อค้นหาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผู้ใด

เมื่อหนิงฝานผสานพลังเข้าร่าง เขาก็เข้าสู่โลกหยวนเหยาของตนเองทันที

เหตุการณ์ที่ตนสร้าง จะยอมให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเห็นได้อย่างไร?

ภายในโลกหยวนเหยา… พลังงานห้อมล้อมกายหนิงฝาน จนทำให้ร่างของเขาราวกับถูกสร้างขึ้นจากทองคำ

หนิงฝานโคจรพลังไปยังนิ้วที่สองของมือขวา เพื่อฝึกดรรชนีกระบี่

ดรรชนีแรกทำลายขุนเขา

ดรรชนีที่สองขยี้สวรรค์!

หนิงฝานนั่งขัดสมาธิ พลังงานค่อยๆไหลซึมเข้าสู่นิ้วมือข้างขวาอย่างช้าๆ ส่งผลให้มันเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน

ยามนี้ หนิงฝานยังคงฝึกฝนดรรชนีกระบี่ที่สองไม่สำเร็จ ราวกับยังมีกำแพงบางอย่างขวางกั้น

เขาขบคิดนับร้อยพัน จนสุดท้ายก็รู้ว่าตนเองยังขาดสิ่งใดไป

บางทีการต่อสู้อาจช่วยให้เข้าใจดรรชนีกระบี่มากขึ้น

ศพนางสวรรค์ถอยห่าง หนิงฝานหยุดดูดซับพลังและสะกดมันไว้ในร่าง จากนั้นนำศิลาก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า

แล้วทันใดนั้น ศิลาก้อนนั้นก็แปรเปลี่ยนทหารศิลา

“ทหารศิลารับคำสั่ง!”

มันยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่หนิงฝานกลับมอบคำสั่งอย่างจริงจัง ทั้งแรงกดดันยังทำให้มันตื่นตะลึง

“เป็นแรงกดดันที่ทรงพลังมาก! เกือบจะเทียบเท่าผู้เชี่ยวตัดวิญญาณ ทั้งๆที่เจ้ายังเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสุดท้าย… ทำไมเจ้าถึงมีแรงกดดันที่ทรงพลังขนาดนี้...”

แต่แล้วทหารศิลาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่คุ้นเคย มันคือโลกที่อยู่ในแหวนหยวนเหยาของนายหญิงน้อยของมัน แต่ยากนี้มันได้กลายเป็นของหนิงฝาน แต่ยังคงมีกลิ่นอายของนางหลงเหลืออยู่

“นี่มัน… โลกหยวนเหยาของนายหญิงน้อย! เป็นไปไม่ได้ ทำไมมันถึงอยู่ในมือเจ้า! แล้วนายหญิงน้อยข้าหล่ะ!”

“นางปลอดภัยดี ส่วนข้าก็เป็นนักปรุงโอสถของวิหารสาบสูญตามที่ได้ให้สัญญากับเจ้า อีกอย่าง ข้ายังได้ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บ ไม่ว่าข้าจะขอสิ่งใด นางย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว”

หนิงฝานโกหก เพราะเขามีหยกที่บันทึกภาพของนางในยามที่น่าอับอายที่สุดเอาไว้

ทหารศิลาสัมผัสโลหิตที่หน้าผากของมัน หยดโลหิตนี้เป็นของเป่ยเซี่ยวเหมิน เป็นสิ่งที่ทำให้สัมผัสรู้ถึงตัวตนของนาง

เมื่อโลหิตยังอยู่ดี มันก็สบายใจ ไม่ว่าหนิงฝานจะโอ้อวดขนาดไหน มันก็รู้ว่าหนิงฝานไม่โกหก

หนิงฝานขมวดคิ้ว ทหารศิลาไม่ได้เคารพเขาเลยแม้แต่น้อย หากปล่อยไว้จะเป็นปัญหา

หากเอาชนะมันได้ มันก็จะกลับมานับถือเขาเหมือนกัน

“สู้กับข้า!”

ตาขวาหนิงฝานปรากฏดาราพิภพ ปราณปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏ ก่อกำเนิดเป็นภูเขาปีศาจขนาดยักษ์ โดยมีหนิงฝานยืนอยู่บนยอด

“สู้กับข้า!”

ดวงตาทหารศิลาเบิกกว้าง แรงกดดันที่หนิงฝานแผ่ออกมา ทำให้มันยากจะต้านทาน

สิ่งที่ทหารศิลาเห็น หนิงฝานในยามนี้ไม่ใช่คน แต่เป็นภูเขายักษ์...เป็นภูเขาปีศาจ

“นี่มัน...เจตนาปีศาจ! ไม่ใช่แค่ระดับ 8 … ไม่ใช่ระดับ 7… แต่เป็นระดับ 6! ข้าแค่หลับไหลไปไม่นาน เด็กนี่กลับให้กำเนิดเจตนาปีศาจระดับสูงได้ในเวลาอันสั้น”

เมื่อตอนที่ทหารศิลาหลับไหล หนิงฝานเพิ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่ผ่านไปไม่นาน ปราณของเขากลับเพิ่มพูนไปมาก ทั้งยังให้กำเนิดเจตจำนงค์ปีศาจด้วย

แรงกดดันที่หนิงฝานแผ่ออกมาทำให้ร่างกายของทหารศิลาสั่นอย่างรุนแรง เมื่ออยู่ต่อหน้าเจตจำนงค์ปีศาจนั้น เจตจำนงค์ขุนเขาของมันดูราวกับไม่ควรค่าให้กล่าวถึง

“สู้กับข้า!”

หนิงฝานมองทหารศิลา เขาพยายามให้อีกฝ่ายสู้ด้วย เพื่อจะได้เข้าใจดรรชนีกระบี่ที่ 2 มากขึ้น

แววตาของหนิงฝานทำให้ทหารศิลาไม่อาจขัดขืน

“ได้!”

ที่มันยอมรับคำสั่งหนิงฝานเพราะ อย่างแรกคือต้องทำตามคำสั่ง แต่อีกอย่างคือมันอยากประลองพลังกับหนิงฝาน เพราะมันไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะแข็งแกร่งกว่ามัน

ยังไงซะ มันก็มั่นใจว่าจะชนะ

“ข้าเกิดมาเพื่อสู้อยู่แล้ว!”

ทหารศิลากระทืบพื้น ร่างกายขยายใหญ่ เป็นยักษ์สูง 700 จ้าง มันคิดว่ามันสามารถซัดหนิงฝานให้ร่วงลงจากยอดเขาได้ แต่กลับกลายเป็นว่า เรื่องที่มันคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

ไม่ว่ามันจะขยายร่างขนาดไหน มันกลับรู้สึกราวกับมันคือมดตัวจ้อย

เพราะแม้ร่างกายของมันจะสูงใหญ่กว่า 700 จ้าง แต่แรงกดดันที่ด้อยกว่ามัน ทำให้มันรู้สึกเล็กจ้อย

“ทลาย!” หนิงฝานกล่าว ร่างของทหารศิลาพังทะลายแตกสลาย

“เจตจำนงค์ปีศาจอะไรกัน… ภูเขาอะไรกัน ถึงทำให้ร่างกายข้าแตกสลายได้”

ทหารศิลาประหลาดใจ มันรู้สึกราวกับว่า ภูเขาเบื้องหน้าจะขยายใหญ่ไปตามศัตรู

หากมันสัมผัสไม่ผิด มันคิดว่าภูเขาขนาดใหญ่ลูกนี้ แผ่กลิ่นที่เหมือนกับรอยสักที่มันสลักให้หนิงฝาน...

ยามนี้ทหารศิลาไม่ประมาทหนิงฝาน

หากเป็นเมื่อก่อนมันคงรับมือได้ แต่ยามนี้มันน่าจะเอาชนะไม่ได้แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญดวงดวงจิตแรกเริมขั้นสูงกลับแสดงความเมตตาต้องผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ

“สู้กับข้า!”

หนิงฝานออกจายอดเขา ชี้นิ้วไปยังทหารศิลา

ดรรชนีทำลายภูเขา!

ทุกสิ่งในโลกหยวนเหยาถูกดูดซับพลังงานไป

ภาพภูเขาขนาดยักษ์เมื่อครู่ก็หายไป พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นหมอก ผสานเข้ารวมกับสิ่งรอบบ้าง

แม้ยามนี้ทหารศิลาจะสัมผัสได้ว่า ร่างกายหนิงฝานนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็อยู่เพียงขอบเขตกระดูกหยกเงินขั้นสูดสุด

หนิงฝานและทหารศิลาต่อสู้ด้วยหมัด เมื่อทั้งสองเข้าปะทะ แขนและมือของทหารศิลาแตกละเอียด

ร่างกายขนาดยักษ์ของมันหดเหลือเพียง 10 จ้าง

“นี่เจ้าบรรลุขอบเขตกระดูกหยกแล้วเหรอ!”

ไม่ผิดแน่ หนิงฝานเบื้องหน้ามันบรรลุขอบเขตกระดูกเงินแล้ว

หนิงฝานไม่ได้ตอบ

หากหนิงฝานไม่บรรลุขอบเขตกระดูกเงิน ก็สามารถใช้งานได้เพียงบางสิ่งเท่านั้น

ดรรชนีกระบี่แรก ทำลายภูเขา เป็นการรวบรวมพลังจากพื้นพิภพ ก่อตัวเป็นกระบี่จู่โจม แค่นี้ก็สามารถสร้างความเสียหายของทหารศิลาได้ แต่เมื่อเสริมเจตจำนงค์ปีศาจเข้าไป ทหารศิลาย่อมไม่พ้นบาดเจ็บ

“เมื่อครู่มันภูเขาโม่หลัว… ตระกูลปีศาจยักษ์ช่างยิ่งใหญ่… ไม่แปลกที่สู่ลู่ฉานยอมมอบทั้งนมมารดาใต้พิภพและเกราะสีเงินให้ อีกอย่าง ยังย้ำกับข้าว่าเกราะสีเงินนี้เป็นของท่านชวี่ หากข้าจะยกระดับเจตจำนงค์ปีศาจ ข้าต้องสืบรู้เรื่องของเขาโม่หลัวก่อน ทหารศิลาไม่น่าจะรู้จักเขาโม่หลัว แต่น่าจะรู้จักเผ่าปีศาจยักษ์… ถ้าได้เข้าไปทะเลส่วนในเมื่อไหร่ ข้าจะเดินทางไปเผ่าปีศาจยักษ์เพื่อไขข้อข้องใจ”

หนิงฝานขบคิด เหยียบย่างนภา พลางมองที่ปลายนิ้วของตน

นิ้วที่สองยังไม่เปล่งแสง หมายความว่ายังไม่อาจใช้ดรรชนีกระบี่ที่สองได้

ยังไม่พอ… แค่นี้ยังไม่พอ...

“ต่ออีกรอบ!”

หนิงฝานพุ่งทะยาน พลางใช้ดรรชนีกระบี่ทำลายภูเขาใส่ทหารศิลาซ้ำ

เมื่อรู้ว่าหนิงฝานบรรลุขอบเขตกระดูกหยก ทหารศิลาไม่กล้าประมาท มันเร่งโคจรวิชาคุ้มกายระดับตัดวิญญาณ สร้างเป็นเกราะสีแดงทั่วร่าง ซึ่งทรงพลังพอจะป้องกันดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานได้

ดรรชนีกระบี่แรกยังไม่ทรงพลังพอจะทำลายเกราะสีแดงนั่นได้

ด้วยความที่หนิงฝานและทหารศิลาสู้กันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ใช้สิ่งใดแอบแฝง ทำให้การต่อสู้ดำเนินยาวไปถึง 1 วัน 1 คืน โดยยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ

แต่ยิ่งนานไป นิ้วที่สองของมือขวาก็เริ่มเปล่งแสงมากขึ้นเรื่องๆ ราวกับมันกำลังจะทะลวงจุดตีบตัน

ดรรชนีแรกทำลายขุนแขา เอาศัยพลังจากภูเขามาจู่โจมศัตรู

ดรรชนีที่ 2 ขยี้สวรรค์ แต่จะทำอย่างไร?

ต้องทำยังไงถึงจะบดขยี้สวรรค์ได้...

ยามนี้หนิงฝานแลกหมัดกับทหารศิลา เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกัน ทหารศิลาถูกซัดปลิว หนิงฝานก็ไม่ต่างกัน

การต่อสู้ที่รุนแรงดำเนินมาถึง 1 วันเต็ม หนิงฝานเกือบจะถึงขีดจำกัดของตน ทหารศิลาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก

ครั้งแรกที่ทั้งสองพบกัน หนิงฝานต้องทุ่มสุดตัวเพื่อต้านรับทหารศิลาให้ได้ 3 ลมหายใจ

แต่ยามนี้ หากทหารศิลาไม่ใช่วิชาสังหารสวรรค์ของเป่ยเซี่ยวเหมิน ก็ยากที่จะรับการจู่โจมของหนิงฝานได้

ยิ่งหนิงฝานแข็งแกร่งขึ้นเร็วมาก ก็ยิ่งมีศัตรูมากเป็นเงาตามตัวเป็นเหล่งรวม

“ซัวหมิงเจ้าแข็งแกร่งมาก! เจ้าสามารถต่อกรกับข้าได้อย่างสูสี ซึ่งอาจพอรับมือกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั่วไปได้ แต่ไม่ว่ายังไง เจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้ หากข้าใช้วิธีของนายหญิงน้อย เจ้าแพ้ข้าแน่”

หนิงฝานรู้ว่าทหารศิลาพูดความจริง เพราะเขาไม่ได้มีวิชาระดับตัดวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงต้องฝึกดรรชนีกระบี่ที่สองให้สำเร็จ

หนิงฝานยืนมองปลายนิ้วเงียบๆ

ยามนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะใช้ดรรชนีกระบี่ที่ 2 ได้ หนิงฝานจึงเริ่มขบคิดทบทวน

และแล้วเขาก็คิดออก

ระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ ทำให้หนิงฝานเข้าใจบางอย่าง หากจะขยี้สวรรค์ก็ต้องหาสวรรค์ให้พบก่อน

ดวงตาขวาหนิงฝานเปล่งประกาย  ปราณปีศาจที่น่าสะพรึวกลัวก่อตัวเป็นภูเขาปีศาจขนาดใหญ่

หนิงฝานที่ยืนอยู่บนยอดเขา สลายปราณ สลายแรงกดดัน จิตใจใสกระจ่างราวกับวารี

แหงนหน้ามองท้องนภาอันไพศาล ราวกับกำลังค้นหาสิ่งใด

ในเมื่อไม่อาจมองเห็นสวรรค์ ทำอย่างไรจึงจะบดขยี้สวรรค์ได้

แม้จะแหงนมองท้องนภาที่เชื่อว่าสวรรค์อยู่เบื้องบน ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

แม้จะเหม่อมองโดยไม่อาจหาคำตอบ แต่จิตใจที่จดจ่อกลับกระจ่างใสมากขึ้นเรื่อยๆ

สายตาเคลื่อน จ้องมองไปยังผืนสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุด ในใจกลับปรากฏบางสิ่ง

“มหาสมุทรไร้สิ้นสุด… สวรรค์เองก็ไร้ที่สิ้นสุดเช่นกัน...”

โลกหยวนเหยา โลกที่มืดมิด แม้จะมีดวงดาราแต่งแต้ม แต่มันยังคงมืดมิดดั่งเก่า

หากมหาสมุทรเป็นสีดำ ก็สามารถแต่งแต้มสีสรรค์ให้มันได้เช่นกัน

หนิงฝานเหงยหน้ามองท้องนภาอีกครั้ง

“แม้สวรรค์จะมองไม่เห็น แต่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่! แม้เราอยู่ในผืนพิภพ แม้กลางวันจะมองไม่เห็นดวงดารา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่… หากเทียบสวรรค์เป็นดารา...ก็ยังไม่พอ เทียบเป็นจันทรา...ก็ยังไม่พอ หากจะกล่าว ทั้งตะวัน จันทรา และดารา ทั้งหมดอาจเป็นสวรรค์”

นักพรตคือจันทรา จักรพรรดิคือตะวัน ทวยเทพคือดารา

ประโยคนี้สะท้อนก้องอยู่ในใจหนิงฝาน

ทุกสิ่งหลอมรวม มหาสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุดจะเปลี่ยนสี

“แม้สวรรค์จะแข็งแกร่งทรงพลัง แต่ข้าจะทำลายมันเอง”

ความคิดนี้ดังก้องอยู่ในใจหนิงฝาน

หนิงฝานทำปากขมุบขมิบราวกับท่องบางสิ่ง

แม้จะรวบรวมพลังงานในธรรมชาติโดยรอบ ก็ยังไม่มีอำนาจมาพอที่จะทำลายสวรรค์

หนิงฝานขยับนิ้วเป็นท่าทาง พลังมิติอันไร้ที่มาถูกดึงดูเข้าสู่ร่าง

เจตจำนงค์ปีศาจผสานควบรวม ทำให้ได้พลังสายหนึ่งที่ทรงพลังอย่าบอกไม่ถูก

“ไป!”

พลังสายนั้นพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา เคลือบฉาบดวงตะวันจนกลายเป็นสีดำ พลังแห่งสวรรค์ค่อยๆก่อตัว

ปราณ หรือ พลังดั้งเดิม เป็นพลังของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและขอบเขตที่ต่ำกว่า

พลังแห่งสวรรค์ หรือ พลังสวรรค์ คือปราณของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตัดวิญญาณ

ดวงตะวันสีดำสนิทเปล่งแสงสีดำเป็นสาย

“แม้ไม่อาจสัมผัสได้ถึงสวรรค์ แต่ข้าจะบดขยี้มัน!”

หนิงฝานพุ่งทะยาน เหยียบย่างไปตามเส้นแสงสีดำ ตรงเข้าหาทหารศิลา

เมื่อหนิงฝานสัมผัสเส้นแสงสีดำ ความรู้สึกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง

ปลายนิ้วที่สองข้างขวาเปล่งแสง เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ใช้พลังสวรรค์!

“ข้าทุ่มทั้งหมดในดรรชนีนี้… รับมือ!”

“เข้ามา!”

แววตาทหารศิลาเผยเจตนาต่อสู้อย่างเต็มเปี่ยม

เมื่อครู่ที่เส้นแสงสีดำปรากฏ มันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง แม้มันไม่รู้ว่าแสงเหล่านั้นคืออะไร แต่มันรู้ว่าไม่ธรรมดา

ไม่ว่ายังไงมันก็จะสู้!

ท้องนภาเหนือศีรษะทหารศิลา ปรากฏดาราโลหิต 7 ดวง

ดาราทั้งหมดโคจรผสานเป็นหนึ่ง ก่อนผสานเข้ากับร่างของทหารศิลา และโคจรมายังนิ้วเพื่อเตรียมใช้ดรรชนี

วิชาดรรชนีของทหารศิลานี้ ทรงพลังกว่า 7 ฝ่ามือผสานของเหยียนซ่งสื่อหลายเท่าตัว

และสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ในพริบตา!

วิชานี้คือวิชาระดับตัดวิญญาณ เป็นวิชาที่สร้างดวงดารา 7 ดวงเพื่อสร้างพลังสวรรค์ อานุภาพของมันจึงรุนแรงไม่ธรรมดา

ดรรชนีของทหารศิลาสั่นเทา ดรรชนีของหนิงฝานก็สั่นเทา ราวกับเจ็ดดาราโลหิตของทหารศิลา และดวงตะวันทมิฬของหนิงฝาน จะมีระดับทัดเทียมกัน

“หากเจ้าไม่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้!” ทหารศิลาตวาดลั่นราวกับอัสนีฟาดฝ่า จนทำให้โลกหยวนสั่นสะเทือน

“เข้ามา!”

ปลายนิ้วหนิงฝานเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า แต่เมื่อเริ่มผสานพลังกับเส้นแสงสีดำ แสงสีทองก็กลายเป็นสีดำ

ชั่วพริบตานั้น เพลิงสีดำทมิฬลุกโหมเบื้องหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

ทหารศิลาสั่นสะท้าน ราวกับมันดูแคลนวิชาของหนิงฝานเกินไป

แม้มันจะทุ่มจู่โจมเต็มกำลัง แต่หนิงฝานกลับไม่หวาดกลัว

เมื่อดรรชนีเปล่งแสงเต็มที่ แสงเหล่านั้นก็กระจายตัว!

เส้นแสงจำนวนมหาศาลโดยรอบหมุนวน ผสานกับเพลิงทมิฬเบื้องหน้า ก่อตัวเป็นพายุเพลิงทมิฬขนาดใหญ่ ราวกับเสาค้ำยันท้องนภา

เมฆโดยรอบสลายตัว แผ่นฟ้าราวกับกำลังถูกบดขยี้ หนิงฝานชี้นิ้วไปเบื้องหน้าพลางกล่าว

“ขยี้สวรรค์!”

ทหารศิลาสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง จึงเร่งใช้ดรรชนีที่รวบรวมพลังไว้เข้าปะทะทันที

ทหารศิลาสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง หากมันไม่สามารถรับดรรชนีของหนิงฝานได้ มันจะบาดเจ็บสาหัส หรืออาจจะถึงตาย!

ดรรชนีสีแดงฉานพุ่งเข้าปะทะพายุเพลิง แต่ในชั่วอึดใจ พายุเพลิงปั่นทำลายดรรชนีสีแดงจนมันไม่อาจต้านทาน

ทหารศิลาตกตะลึง วิชาดรรชนีเมื่อครู่คือวิชาที่ทรงพลังที่สุดของมัน แต่กลับหักล้างอานุภาพของพายุเพลิงได้เพียง 3 ใน 10 ส่วน

พายุเพลิงตรงเข้าหาร่างทหารศิลา แม้มันจะมีเกราะที่สร้างจากวิชาระดับตัดวิญญาณ แต่ก็ยังถูกทำลายไม่อาจต้านทาน

ถึงอย่างนั้น เกราะของมันยังไม่อาจหักล้างอานุภาพของพายุได้หมด เมื่อพายุสัมผัสร่างของมัน พายุเพลิงแปรเปลี่ยนเส้นแสงสีดำจำนวนมหาศาล ทะลวงร่างของมันจนแตกสลาย ทั้งยังกลายเป็นรังไหมห่อหุ้มร่างของมันไว้

ทหารสิลาตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ

เมื่อครู่หนิงฝานสลายดรรชนี แปรเปลี่ยนให้มันกลายเป็นรงดักแด้หุ้มร่างของทหารศิลา เพื่อป้องกันความเสียที่อาจจะถึงแก่ชีวิต หากหนิงฝานไม่รั้งดรรชนีเอาไว้ ทหารศิลาคงรอดยาก

“ข้า… แพ้แล้ว”

ทหารศิลาฝืนยิ้ม ตัวมันที่เกิดมาเพื่อต่อสู้ ก่อนหน้ามันยังทรงพลังจนหนิงฝานต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรับมือให้ได้ 3 ลมหายใจ แต่ยามนี้กลับกลายเป็นผู้ที่สามารถสังหารมันได้

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง เอาชนะผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้...หากเรื่องนี้แพร่ออกไป หากเหล่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นพบหนิงฝาน คงเร่งถอยห่าง

“ดรรชนีที่สอง… แม้จะทรงพลัง แต่ส่งผลกระทบกับผู้ไม่น้อย...”

โลหิตสีดำไหลรินที่มุมปาก แต่แววตาเผยกลับแสดงออกถึงความตื่นเต้น

เขาสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้!

หากจะกล่าว ทหารศิลาแข็งแกร่งเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอันดับต้นๆของทะเลส่วนนอก แต่สุดท้าย ก็ยังไม่สามารถรับดรรชนีที่สองของหนิงฝานได้...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด