ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0163 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0165 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0164 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 164 : วิญญาณเทวะเก้าจันทรา

หลังได้รับสร้อยข้อมือเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเฟยหลิงค่อยยิ้มยินดีออกมา นางกล่าวขอบคุณต่อฉินหยุน หากชี่เม่ยเหลียนไม่อยู่ที่นี่ นางอาจทำมากกว่าแค่พูดเพื่อแสดงความสนิทสนมต่อฉินหยุนแล้วก็เป็นไปได้

นางถามออก “น้องหยุน แม้พลังธาตุของเจ้าสลาย แต่เหมือนเจ้ายังดูดีและสบาย ๆ อยู่เลยนะ หมายความว่าเจ้าสบายดีใช่หรือไม่?”

ฉินหยุนยิ้มตอบกลับ “พี่เฟยหลิงมีสายตาที่ดี ข้าสบายดี วางใจได้! ว่าแต่คิดไปร่วมนั่งสนทนาจิบชากันหรือไม่?”

“คงไม่ ข้ายังมีอีกหลายเรื่องต้องไปทำ! เสี่ยวเม่ยเหลียนเพิ่งกลับมา น่าจะว่างอยู่นะ”

เมิ่งเฟยหลิงนำเอาบัตรใบหนึ่งออกมาและส่งให้ฉินหยุน “บัตรใบนี้มีอยู่สองแสนเหรียญผลึก รับมันไปก่อน ไว้ข้าหามาได้มากกว่านี้จะนำมาเพิ่มให้”

ฉินหยุนไม่รับ ทั้งยังเผยรอยยิ้มซุกซน เขาหัวเราะกล่าวคำ “พี่เฟยหลิง ท่านบอกข้าไม่ใช่หรือว่าจะจ่ายให้ด้วยร่างกาย? ตอนนี้กลับจ่ายเป็นเหรียญผลึก นี่ไม่ห่างเหินเกินไปหรือ?”

เมิ่งเฟยหลิงบุ้ยปากก่นด่าออกมา “เจ้ามารน้อย... เจ้ากลายเป็นคนเลวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ย่อมได้ ข้าจะจ่ายให้เจ้าด้วยร่างกายของข้าในภายหน้า อย่าให้ข้ารอนานจนเกินไปละ!”

นางเลียริมฝีปากตนเองขณะเผยท่าทีเย้าเสน่ห์ออกมา มือนั้นยื่นไปสัมผัสใบหน้าของฉินหยุนขณะยัดบัตรเหรียญผลึกในมือ นางหัวเราะคิกคักก่อนจากไป

ชี่เม่ยเหลียนยิ้มบาง “พี่หยุน พี่เฟยหลิงเหมือนจะดูแลท่านเป็นอย่างดี พวกผู้ชายในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนหลายต่อหลายคนโดนนางละเล่นด้วยจนหมดสภาพ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ามารังแกข้าที่ใกล้ชิดกับนางที่นี่เลย”

ฉินหยุนกอดเอวบางของนางเอาไว้ก่อนจะยิ้มกล่าว “ให้ข้าพาเจ้าขึ้นไปหาที่นั่งสนทนาก่อนแล้วกัน!”

เขาใช้พลังจิตยกร่างตนเองขึ้น แม้มีชี่เม่ยเหลียนในอ้อมแขน เขาก็ยังบินขึ้นได้ง่ายดาย เขาไม่รู้สึกคล้ายว่าพลังจิตจะถดถอยแต่อย่างใดเลยด้วยซ้ำ

หากเป็นก่อนหน้า เรื่องนี้คงยากกระทำ เว้นแต่จะมีอุปกรณ์วิญญาณอย่างเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ขี่ดาบบิน กระนั้นมันก็ต้องรอให้เขาเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาเทวะควบคุมจนถึงขั้นกลางเสียก่อน

ไม่ช้า ฉินหยุนจึงพาชี่เม่ยเหลียนไปยังถ้ำต้นไม้ที่สูงจากพื้นกว่าสามร้อยเมตร

ชี่เม่ยเหลียนไม่เข้าไป กลับกัน นางเพียงนั่งที่ปากทางเข้าของถ้ำต้นไม้เพื่อรับชมความงดงามของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนจากด้านบน ดวงตากลมโตงดงามตอนนี้แทบไม่กระพริบยามต้องแสง ภาพฉากที่งดงามทำให้นางยินดีก่อนจะประทับพวกมันเก็บไว้ในใจ

ฉินหยุนนั่งเคียงข้าง เขากำลังมองนางยิ้มหวานอย่างใสซื่อ เขารู้สึกยินดีจากใจ มันทำให้เขานึกย้อนไปถึงตอนยังเป็นเด็ก

“ตอนข้ายังเด็ก พี่หยุนก็พาข้าขึ้นต้นไม้เช่นนี้ ตอนนี้ต้นไม้ที่ท่านพาข้าขึ้นมาทั้งสูงและใหญ่โตกว่าครั้งนั้นมากนัก นี่หมายความถึงพี่หยุนแข็งแกร่งขึ้นแล้ว” ชี่เม่ยเหลียนหันกลับมาพูดด้วยทั้งรอยยิ้ม

ฉินหยุนพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้จึงเอ่ยถามออกไป “เสี่ยวเม่ยเหลียน เจ้ารู้เรื่องแผนที่หลุมฝังเซียนหรือไม่?”

เมื่อได้ยินดังนี้ ชี่เม่ยเหลียนพยักหน้ารับ นางลืมตาและหลับตา ขนตาแพยาวนั้นสั่นเล็กน้อย แสงสว่างสีขาวปรากฏที่ฝ่ามือ ผ้าผืนหนึ่งค่อยปรากฏออกจากฝ่ามือของนาง

นางกล่าวจริงจัง “สิ่งนี้คือแผนที่หลุมฝังเซียน แม่ของข้าบอกไว้ว่า แม่ของพี่หยุน และแม่ของพี่เย่ว์หลานกับเย่ว์เหม่ยก็มีอีกหนึ่ง”

ฉินหยุนพานางเข้าไปในห้องหลัก จากนั้นจึงนำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนของตนเองออกมากางไว้บนโต๊ะ

ได้เห็นดังนี้ ชี่เม่ยเหลียนจึงกล่าวคำ “แผนที่หลุมฝังเซียนของข้าเดิมทีใหญ่กว่านี้ แต่หลังจากหยดเลือดลงไป มันก็กลายเป็นขนาดแค่ราวผ้าเช็ดหน้า หลังจากนั้น เส้นโคจรทั้งหมดในร่างของข้าจึงเปิดออก อัตราการดูดกลืนพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าเลยทีเดียว”

เหตุผลว่าทำไมนางถึงยอมเปิดเผยความลับ ก็เพราะนางเชื่อฉินหยุนอย่างหมดใจ

ฉินหยุนกล่าว “เชี่ยวเย่ว์หลานก็เพิ่มพูนพลังตนเองแบบก้าวทะยานได้ ก็เพราะแผนที่หลุมฝังเซียนเช่นกัน! เสี่ยวเม่ยเหลียน เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้ดี อย่าได้ให้ผู้อื่นล่วงรู้ถึงเรื่องนี้”

ชี่เม่ยเหลียนพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น แม่ของข้าบอกเอาไว้ว่า เรื่องนี้ให้บอกได้แต่กับพี่หยุนเท่านั้น โอ้จริงด้วย พี่หยุน พี่กับพี่เย่ว์เหม่ยจะแต่งงานกันเมื่อไหร่หรือ?! ข้าได้ยินว่าจักรวรรดิเทียนเชี่ยวไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ข้าก็หวังว่าพวกท่านจะไม่โดนพรากแยกจากกันนะ กับภรรยาที่ดีเช่นนี้ท่านต้องพยายามให้มากเข้าไว้!”

ฉินหยุนยิ้มรับ “เด็กโง่ เย่ว์เหม่ยอายุใกล้เคียงกับเจ้า นางเป็นเพียงเด็กสาวซุกซน นางแค่แสร้งทำดีต่อข้า เพื่อที่นางจะได้ออกห่างจากบรรดาพี่ชายของนาง และหลบเลี่ยงการโดนบังคับแต่งงานจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยวก็เท่านั้น”

“โอ้!”

ชี่เม่ยเหลียนอึ้งไปครู่ นางขมวดคิ้วคล้ายคิดอันใดอยู่ แต่เหมือนนางก็เข้าใจกับการกระทำของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้

ใบหน้าของนางเปี่ยมด้วยความกังวลขณะกล่าวคำ “จักรพรรดินีแห่งเทียนชี่ก็อยากขายข้าให้แต่งออก นานมาแล้ว นางส่งองค์ชายรัชทายาทมาหาข้าเพื่อจัดแจงเรื่องให้ข้านัดดูตัวกับผู้คน นางกล่าวว่าต้องการให้พวกเขารับชมข้าก่อนจึงค่อยตัดสินใจ โชคดีที่พี่เฟยหลิงช่วยหยุดคนกลุ่มนั้นเอาไว้และบอกต่ออาจารย์ หลังจากนั้นพวกมันจึงไม่กล้ากลับมาอีก”

องค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนชี่ก็อยู่ที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน!

สีหน้าของฉินหยุนพลันกลายเป็นมืดมนขณะกล่าวคำ “อย่าห่วงไป เจ้าอยู่ที่นี่พวกมันจะไม่กล้ารังแก! เจ้าจำเซี่ยอู๋เฟิงได้หรือไม่? อาจารย์ของเขาคือรองอธิการบดีของที่นี่ และเซี่ยอู๋เฟิงก็เป็นพี่ชายที่ข้านับถือ!”

ชี่เม่ยเหลียนดูประหลาดใจ “แน่นอนว่าข้าจำได้ เป็นพี่เซี่ยที่เกลี้ยกล่อมให้ข้ามาที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนแห่งนี้ เขาทั้งใจดีและช่วยดูแลข้าเป็นอย่างดีเลยทีเดียว”

ขณะที่นางกล่าวคำจบนี้เอง ผืนผ้าในมือนางพลันลอยขึ้น จากนั้น มันส่องแสงสว่างสีขาววาบออก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหนังผืนใหญ่อย่างแผนที่ของฉินหยุน

หลังร่อนลงที่แผนที่ของฉินหยุน เสียงเบาเสียงหนึ่งจึงดังขึ้นจากภายใน

“เสี่ยวหยุน? เสี่ยวเม่ยเหลียน? พวกเจ้าหรือ?” เสียงนี้กระจ่าง อ่อนโยน และเสนาะหู เป็นเสียงของเซี่ยฉีโหรว!

“พี่สาว! เป็นพวกเราเอง!” ฉินหยุนเร่งรีบตอบกลับอย่างยินดี “พี่สาว ตอนนี้ท่านอยู่ที่ใด? ท่านพบเจอเรื่องราวยากลำบากหรือไม่?”

“พี่ฉีโหรว เสียงของท่านยังคงงดงามไม่เปลี่ยน!” หลังดึงสติกลับมาได้ ชี่เม่ยเหลียนจึงตอบกลับ

นางเคยพบอีกฝ่ายครั้งยังเด็ก

เซี่ยฉีโหรวหัวเราะ “แผนที่หลุมฝังเซียนอยู่ในมือเจ้า ข้าก็วางใจ ตอนนี้ข้าปลอดภัยดี ไม่ได้พบเจอปัญหาแต่อย่างใด อย่าได้ห่วงเรื่องข้า!”

ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยคำ “พี่สาว เมื่อครั้งที่ข้าไปยังแม่น้ำเมฆมังกรก่อนหน้านี้ ข้าได้เจอกลุ่มวิญญาณสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ มีราชันวิญญาณสัตว์ร้ายรวมอยู่ด้วย พวกมันบอกว่า ข้าที่ครอบครองวิญญาณเทวะเก้าตะวันจะถูกสังหารโดยผู้ครอบครองวิญญาณเทวะเก้าจันทรา เรื่องนี้หมายความถึงอะไร? ที่หลุมฝังเซียนเกิดปัญหาขึ้นหรือ?”

“เด็กโง่ อย่าโดนมันหลอก! วิญญาณเทวะเก้าจันทรางั้นหรือ? ข้าจะสังหารเจ้าไปเพื่ออะไร?” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะตอบกลับ “อย่านำคำพูดพวกมันมาใส่ใจ”

ฉินหยุนจึงทราบว่าตอนนี้วิญญาณเทวะเก้าจันทราตกอยู่ในมือของเซี่ยฉีโหรว เรื่องนี้ทำเอาเขาสบายใจขึ้นได้ไม่น้อย

ชี่เม่ยเหลียนเอ่ยถาม “พี่ฉีโหรว พวกเราจะค้นหาสถานที่ซึ่งฝังกระดูกเซียนผ่านแผนที่หลุมฝังเซียนได้จริงหรือ?”

เซี่ยฉีโหรวหัวเราะ “แน่นอน แต่ว่า พวกเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ! เมื่อใดที่พวกเจ้าแข็งแกร่ง จงร่วมมือกันเพื่อมายังแดนฝังเซียน เจ้าต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเสี่ยวหยุน อย่าได้คิดรังแกเสี่ยวเม่ยเหลียน เลิกกันเท่านี้ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ครั้งหน้า!”

หลังเสียงจางหาย ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถามอีกหลายคำ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด

“ดูเหมือนข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว จะได้ร่วมทางกับพี่หยุนไปหลุมฝังเซียน” ชี่เม่ยเหลียนกล่าวมาดมั่น

แผนที่หลุมฝังเซียนของนางตอนนี้ แปรเปลี่ยนกลับเป็นผืนผ้าเช็ดหน้าและกลับเข้าฝ่ามือ มันผสานกับกายเนื้อและหายวับเข้าไป

“เสี่ยวเม่ยเหลียน หากองค์ชายรัชทายาทเทียนชี่มาหาเจ้าอีกครั้ง จงบอกต่อข้า” ฉินหยุนกล่าวย้ำ “ข้าจะจัดการมันให้เอง”

“แน่นอน!” ชี่เม่ยเหลียนพยักหน้ารับรัวเร็ว

ฉินหยุนพานางขึ้นหลังก่อนจะใช้ก้าวอัคคีเมฆาทะยานขึ้นท้องฟ้าสูง เขากำลังออกจากป่าสมบัติเพื่อไปส่งนาง

ขณะที่เขากำลังเดินทางกลับสู่ต้นไม้สมบัติตะวันดารา ตู้ก่วยก็ไล่ตามหลังเขาเดินทางกลับมาเช่นกัน

ฉินหยุนเอ่ยถาม “อาจารย์ตู้ ท่านกลับมาแล้ว? สองวันที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

ตู้ก่วยเผยสีหน้าดำมืดและกล่าวตอบ “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดของหลานชายของผู้นำตำหนักศักด์สิทธิ์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เป็นเพราะการร่วงหล่นของตำหนักดวงดาว พวกเขากลับไปปลุกวิญญาณร้ายจำนวนมหาศาลในหลุมฝังเซียนเข้า”

ฉินหยุนเดาได้แต่แรกแล้วว่าความผิดปกติจำนวนมากในเทือกเขาเมฆมังกร มันจะต้องเกี่ยวข้องกับตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม

สีหน้าของตู้ก่วยเปี่ยมด้วยโทสะขณะสบถคำออก “ที่แย่ยิ่งกว่าคือ ไอ้พวกสารเลวตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามนั่นตั้งใจก่อเรื่องนี้ขึ้น! พวกมันต้องการปลุกวิญญาณร้ายจำนวนมากและจับพวกมันเอาไว้ เพื่อให้พวกมันสามารถเข้าไปสำรวจในหลุมฝังเซียนได้ ช่างเป็นกลุ่มคนสารเลวชั่วช้ายิ่งนัก หากวิญญาณร้ายบินลัดผ่านแม่น้ำเมฆมังกรออกมา ความเสียหายก็เกินจะคาดคิดได้แล้ว”

ฉินหยุนถอนหายใจ “หลุมฝังเซียนดึงดูดพวกมันถึงเพียงนั้น?”

ตู้ก่วยแค่นเสียง “ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามกลับมาที่นี่ ก็เพราะพ่ายแพ้เสียหายรุนแรง ครั้งต่อสู้กับสำนักอื่นในแดนยุทธ์อ้างว้าง หากพวกมันได้รับวัตถุจากหลุมฝังเซียน พละกำลังของพวกมันจะพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว”

“อะไรอยู่ในหลุมฝังเซียนกันแน่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะมีสิ่งตกทอดจากเซียนอย่างเคล็ดวิชา ยาอายุวัฒนะ อุปกรณ์เซียน และสิ่งอื่นอีกหลายอย่าง” ตู้ก่วยกล่าวขณะนำฉินหยุนกลับไปยังถ้ำต้นไม้

ฉินหยุนเพียงทราบว่าหลุมฝังเซียนเป็นตำนานและคงอยู่มานานยิ่ง มันมีอยู่ตั้งแต่ยุคของราชันยุทธ์หลันเซียวแล้วด้วยซ้ำ

หลังจากตู้ก่วยให้ฉินหยุนนั่ง เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉินหยุน พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งยิ่ง หากเจ้าฝึกฝนอย่างหนักที่พื้นที่นี้ เจ้าจะสำเร็จได้หลายสิ่งอย่าง! ตอนนี้ข้าจะคอยชี้แนะเจ้าให้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทวะควบคุม! นี่คือเคล็ดวิชาพลังจิตซึ่งแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าครอบครองแล้ว”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาเริ่มสนทนาถึงเรื่องความยากลำบากที่พบระหว่างการเรียนรู้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม

เมื่อตู้ก่วยได้ยินคำถาม สีหน้านั้นต้องเผยออกซึ่งความประหลาดใจ “นี่เจ้าเรียนรู้ได้รวดเร็วนัก เจ้าเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เพียงนี้เลยหรือ? ระดับของเจ้าช่างน่าทึ่ง!”

“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแข็งแกร่งกว่าข้าอีกขอรับ นางเชี่ยวชาญวิชาเทวะควบคุมถึงขั้นกลางแล้ว” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“เด็กสาวผู้นั้นมีวิญญาณยุทธ์เกี่ยวข้องกับพลังจิต เป็นปกติที่นางจะรวดเร็วยิ่งกว่า! ในวันนั้น ระหว่างการทดสอบพลังจิต นางไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ ช่างเป็นเด็กสาวที่ซุกซนยิ่ง” ตู้ก่วยยิ้มกล่าว “หลังข้าแนะแนวเจ้าถึงเคล็ดวิชาเทวะควบคุม ข้าจะเรียกเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมาที่นี่และเปิดค่ายอาคมขัดเกลากระดูกให้พวกเจ้า”

“ขอรับ!” ฉินหยุนกำลังคาดหวังจะได้เข้าสู่ค่ายอาคมขัดเกลากระดูกอยู่พอดี

ตู้ก่วยจริงจังและอดทนขณะอธิบายเคล็ดวิชาเทวะควบคุมอย่างต่อเนื่อง ฉินหยุนก็สมกับที่มีความรู้และเข้าใจสูง เขาสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ราวกับทุกลมหายใจที่ผ่านไปเขาก็สามารถเข้าใจที่ผู้อื่นต้องใช้เวลานานได้

กว่าจะจบเรื่องก็ตกดึกแล้ว พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน

ฉินหยุนกลับถ้ำต้นไม้ของตนเองและพักอยู่สองชั่วโมงจนค่อยฟื้นฟูพลังกลับมาได้ จากนั้น เขาจึงฝึกฝนวิชาเทวะควบคุม ด้วยสิ่งนี้มันจะทำให้พลังจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นและใช้งานได้มากมายหลากหลายยิ่งขึ้น

4.5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด