ตอนที่แล้วตอนที่ 363 สถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 365 เด็กบ้า ถ้าข้าไม่จัดการเจ้าวันนี้ ข้าคงไม่ได้แซ่ซวน

ตอนที่ 364 เตรียมสินสอดทองหมั้นสำหรับลูกสะใภ้ของพระองค์


ตอนที่ 364 เตรียมสินสอดทองหมั้นสำหรับลูกสะใภ้ของพระองค์

จางหยวนเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ เมื่อดึงแขนเสื้อของฮ่องเต้ เขากล่าวอย่างเงียบๆ “ฝ่าบาท องค์ชายอาจหมายความว่าพระองค์ต้องการเฉียนโจว”

ฮ่องเต้ยิ้มเยาะ “นั่นคืออาณาจักรของคนอื่น! แม้ว่ามันจะเป็นรัฐบริวารของราชวงศ์ต้าชุน แต่ข้าก็ไม่สามารถตัดสินใจขั้นสุดท้ายได้ !”

จางหยวนดึงแขนเสื้อของเขาอีกครั้ง “เข้าไปรับตำแหน่งแล้วก็ทำได้”

“บ้า !” ฮ่องเต้โกรธ เขากระทืบเท้าของเขาและเตะจางหยวน “ออกไปให้พ้นหน้าข้า !”

จางหยวนมองฮ่องเต้จากนั้นก็ถอยกลับไปสองสามก้าวไม่ขยับไปไกลมาก

เฟิงหยูเฮงผลักรถเข็นของซวนเทียนหมิงไปข้างหน้าเล็กน้อย และซวนเทียนหมิงเริ่มล้างสมองฮ่องเต้ “ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อแก่แล้ว และไม่หลงใหลในความเป็นเด็กเหมือนตอนท่านพ่อยังเด็ก แต่เพียงเพราะเสด็จพ่อไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไป ท่านพ่อยังมีพวกเราอยู่หรือเปล่า ครอบครัวซวนของเรามีรากฐานในการต่อสู้สงคราม เราต้องขยายรากฐานของเราต่อไป”

ฮ่องเต้สามารถเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของซวนเทียนหมิง เขาสนใจเรื่องของเฉียนโจว ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงไฟที่ตำหนักเซียงเมื่อไม่นานมานี้ องครักษ์เงาซึ่งคอยเฝ้าดูแลตำหนักเซียงได้มารายงานว่าก่อนเกิดไฟไหม้องค์หญิงใหญ่ได้เข้ามาในตำหนักเซียงอย่างลับ ๆ ขณะที่ถูกห่อไว้แน่น หลังจากนั้นองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันก็เข้าไปในตำหนักเซียง ต่อมาองค์ชายชุนก็เข้าไป ในเวลานั้นเขารู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โชคไม่ดีที่องครักษ์เงาของเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น องครักษ์เงาไม่สามารถค้นพบได้เพราะไม่มีใครสามารถเข้าห้องลับของซวนเทียนเย่ได้ มันอาจจะเป็น…

ฮ่องเต้เหล่ตามองเฟิงหยูเฮงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ทุบตีซวนเทียนเย่เพราะเขาทำร้ายมารดาของนาง อย่างไรก็ตามตอนนี้ได้หยิบยกเรื่องของเฉียนโจวขึ้นมา เป็นไปได้ไหมที่ผู้หญิงคนนี้ได้ยินอะไรบางอย่างในคืนนั้น ?

เฟิงหยูเฮงเห็นสายตาที่จ้องมองของฮ่องเต้ นางรู้ว่าทันทีที่ซวนเทียนหมิงแสดงความปรารถนาอย่างชัดเจนที่จะกำจัดเฉียนโจวจะนำไปสู่การที่ฮ่องเต้มีข้อสงสัย เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ยังคงเป็นอาณาจักร หากพวกเขาไม่มีเหตุผลที่ดี ราชวงศ์ต้าชุนก็ยกทัพไปโดยไร้เหตุผล

นางจับมือของซวนเทียนหมิง และกล่าวว่า “ณ จุดนี้ข้าจะไม่ซ่อนมันจากเสด็จพ่อ” นางหันไปทางฮ่องเต้ “ในเวลาที่องค์ชายหยูได้รับบาดเจ็บ เสด็จพ่อทรงทราบหรือไม่ว่าใครทำเพคะ ?”

ฮ่องเต้ตกใจ เขาไม่คิดว่าเฟิงหยูเฮงจะพูดถึงสิ่งนี้ในทันที อาการบาดเจ็บของซวนเทียนหมิงเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับเขามาโดยตลอด ในตอนแรกเขาสัญญากับพระชายาที่รักของเขาว่าเขาจะปกป้องบุตรชายคนนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ในตอนแรกเขาคิดว่าผู้ชายควรกล้าหาญ การนำทหารออกไปต่อสู้และจบลงด้วยการได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังเป็นเรื่องของความยิ่งใหญ่ แต่หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างถูกปิดบังอยู่ มีผู้เสียชีวิตไม่มากนักในหมู่ทหาร แต่หัวหน้าส่วนใหญ่ของพวกเขาได้รับบาดเจ็บในระดับนี้ ตรรกะแบบไหนกันนะ ?

ครั้งหนึ่งฮ่องเต้ได้ส่งผู้คนไปสอบสวน แต่พวกเขาพบเพียงว่าซวนเทียนหมิงถูกล้อมรอบที่ภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ เขาได้รับบาดเจ็บจากลูกธนู แต่พวกเขาไม่สามารถหาเบาะแสเพิ่มเติมได้

ตอนนี้เฟิงหยูเฮงพูดสิ่งนี้อีกครั้ง เขารู้สึกหดหู่ “เจ้าพบอะไร? เป็นไปได้หรือไม่…ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฉียนโจว ?”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ลูกสะใภ้เคยได้ยินองค์ชายสามคุยกับองค์หญิงคังอี้ กลุ่มที่รับผิดชอบในการโจมตีองค์ชายหยูของเขาคือกลุ่มนักแม่นธนูจากเฉียนโจว ข้อมูลของพวกเขามาจากผู้ให้ข้อมูลจากในกองทัพทางเหนือขององค์ชายสาม นอกจากนี้กลุ่มนักแม่นธนูก็เข้าสู่ราชวงศ์ต้าชุนโดยใช้ความสัมพันธ์ของเฟิงจินหยวน”

ฮ่องเต้หลับตาลงเล็กน้อย เหตุการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดหวัง แต่เขาไม่เคยพบหลักฐานเลย ตอนนี้เฟิงหยูเฮงพูดแล้วมันมีข้อพิสูจน์

ซวนเทียนหมิงถามนางว่า “บอกข้าว่าควรกำจัดเฉียนโจวหรือไม่ ?”

ฮ่องเต้พยักหน้า “มันควรจะทำ เพื่อทำร้ายหมิงเอ๋อของข้า ถึงแม้ว่าการกำจัดเฉียนโจวทั้งหมดนั้นจะไม่เพียงพอที่จะระงับความโกรธในใจของข้า”

ซวนเทียนหมิงหัวเราะ “อะไรคือจุดประสงค์ของการทำลายล้างอาณาจักร ! หากพวกเขาถูกกำจัดหมดสิ้น ใครจะเป็นคนปกครอง ?”

เฟิงหยูเฮงยิ้มเยาะ “ถ้าพวกเขาถูกกำจัด เราจะเก็บภาษีจากใคร ?”

ฮ่องเต้ตกใจ “พวกเจ้าทั้งสองเริ่มคิดเรื่องการเก็บภาษีหรือ ?”

ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน “ใช่”

“หลังจากนั้น ?” ฮ่องเต้ก็สนใจ จางหยวนก็สนใจเช่นกัน

เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า “นี่เป็นกระบวนการที่ช้า แต่ลูกสะใภ้คิดว่าจะทำสิ่งนี้ ก่อนอื่นต้องทำการหลอมเหล็กก่อน หลังจากที่เรามีอาวุธแล้วเราจะมีพื้นฐานสำหรับอำนาจอย่างแท้จริง มิฉะนั้นถ้าเราพึ่งจำนวนคนและยุทธวิธีในการต่อสู้เท่านั้น มันรู้สึกเหมือนเป็นการรังแกมากเกินไป ดูเหมือนจะเป็นอันตรายเกินไปสำหรับอาณาจักรขนาดใหญ่”

จางหยวนไม่สามารถยับยั้ง และกล่าวแทรก “อาณาจักรใหญ่ ๆ ไม่ทำสิ่งนี้หรือ ?”

ซวนเทียนหมิงกล่าวอย่างไร้ยางอายว่า “แล้วเราจะทำตัวแตกต่างจากอาณาจักรใหญ่อื่น ๆ”

ฮ่องเต้ก็เป็นด้วยเช่นกัน “หมิงเอ๋อพูดถูก !”

เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่าบิดา และบุตรชายคู่นี้คล้ายกันมาก นางจึงกล่าวต่อว่า “หลังจากที่มีการผลิตอาวุธแล้ว เราไม่จำเป็นต้องรีบเร่งดำเนินการเลย เราสามารถจัดการศัตรูจากภายใน ทำให้เกิดปัญหามากมายสำหรับพวกเขาจากภายใน เมื่อเฉียนโจวใกล้จะล่มสลาย เราสามารถแทรกแซงในนามของการช่วยราษฎรเฉียนโจวจากความทุกข์ยากสุดขีด… ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง จากความทุกข์ทรมานสุดขีด” 1

ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “กำแพงเมืองในเฉียนโจวล้วนสร้างขึ้นโดยใช้น้ำแข็งเป็นรากฐาน ถ้าเราไม่เริ่มจากข้างใน การโจมตีจะยากมาก”

ฮ่องเต้เริ่มให้ความสนใจ “ถ้าเช่นนั้นเจ้ามีความสามารถในการรับมือกับกลุ่มนักแม่นธนูหรือไม่”

ซวนเทียนหมิงชี้ไปที่เฟิงหยูเฮง และกล่าวว่า "ลูกสะใภ้ของท่านได้ฝึกกองทัพเจตจำนงค์ของสวรรค์ ถ้ามาเวลาฝึกมากขึ้นมันจะดีกว่ากลุ่มนักแม่นธนูของเฉียนโจวแน่นอน ! ”

“ดีมาก !” ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็ตบโต๊ะทำให้จางหยวนตกใจ “งั้นไปทำตามที่เจ้าพูด ! แต่…” เขาค่อนข้างงุนงง “เจ้าไม่ได้พูดว่าเจ้าต้องการได้รับค่าชดเชยหรอกหรือ  ? ทำไมเจ้าไม่เพียงขอค่าชดเชย เจ้ากำลังคิดจะได้ดินแดนของราชวงศ์ต้าชุนด้วย”

ซวนเทียนหมิงตะโกนอย่างเย็นชา “เอาดินแดนของราชวงต้าชุน ? เสด็จพ่อแน่ใจว่าจะมองโลกในแง่ดี”

ฮ่องเต้โกรธมาก “เจ้าพูดอย่างไร”

เฟิงหยูเฮงทำอะไรไม่ได้ นางตบไหล่ซวนเทียนหมิงเบา ๆ “พูดกับเสด็จพ่อดี ๆ”

ซวนเทียนหมิงได้จัดระเบียบความคิดของเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ถูกต้อง เฉีวนโจวจะไม่ถูกมอบให้กับราชวงศ์ต้าชุน จะต้องมอบให้อาเฮง”

ในขณะที่ฮ่องเต้ไม่สามารถตอบสนอง เขาเข้าใจผิดว่า “ให้ลูกสะใภ้ของข้าหรือ หืม นั่นไม่เหมือนกันหรือหมิงเอ๋อ อาณาจักรจะเป็นของเจ้าไม่ช้าก็เร็ว”

“ข้ารู้” ซวนเทียนหมิงเหลือบตา “อย่าพูดถึงว่าข้าต้องการอาณาจักรของเสด็จพ่อหรือไม่ เรามาพูดถึงอาเฮงของเราก่อน ในฐานะบิดา เสด็จพ่อจะไม่ให้สินสอดทองหมั้นกับนางได้อย่างไร ? และนั่นเสด็จพ่อจะต้องจ่าย !”

จางหยวนเข้าใจทันที “ความหมายขององค์ชายคือหลังจากที่ได้เฉียนโจวมา…มันจะมอบให้กับองค์หญิงแห่งมณฑลเช่นนั้นหรือพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้รู้สึกงุนงง สิ่งต่าง ๆ จะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เขาจ้องมองที่ซวนเทียนหมิง  ถึงเจ้าจะหลงใหลผู้หญิงก็อย่าทำแบบนี้ ! จากนั้นเขาจ้องมองที่เฟิงหยูเฮง นางเอายาเสน่ห์อะไรให้ลูกชายของเขากิน ?

ซวนเทียนหมิงเข้าใจบิดาของเขาเป็นอย่างดี เมื่อเห็นรูปลักษณ์นี้ เขารู้ทันทีว่าชายชราของเขาไม่มีความสุข นั่นก็เป็นจริงเช่นกัน มันเป็นรัฐบริพารที่ดี เพียงให้มันไปเพื่ออะไรก็ไม่มีเหตุผล แต่เขามีเหตุผลของตัวเอง “อันที่จริงแล้วสำหรับราชวงศ์ต้าชุน เฉียนโจวจะเปลี่ยนผู้ปกครอง นอกจากนี้ผู้ปกครองคนใหม่นี้จะมีความมั่นคงมากกว่าผู้ปกครองคนเก่า ผู้ปกครองคนก่อนแสดงความเมตตาออกมา ผู้ปกครองคนใหม่นี้จะร่วมมือกับราชวงศ์ต้าชุนอย่างเต็มที่ ลองคิดดูสิเมื่อท่านพ่อมอบบัลลังก์ให้ข้า และข้าแต่งงานกับผู้ปกครองของเฉียนโจวอย่างอาเฮง ทั้งสองอาณาจักรนี้จะกลายเป็นหนึ่งเดียว ! ไม่ว่าเสด็จพ่อจะคิดยังไง มันคงเป็นประโยชน์ของราชวงศ์ต้าชุนของเรา”

ฮ่องเต้กัดฟันด้วยความโกรธ “มีใครบ้างที่รีบเร่งที่จะกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากพ่อของพวกเขาจากไปแล้ว”

“เสด็จพ่อเป็นคนบอกว่าอาณาจักรนี้จะกลายเป็นของข้าไม่ช้าก็เร็ว !”

ฮ่องเต้พูดไม่ออก ในความเป็นจริงเขาเข้าใจเหตุผลนี้ แม้ว่าเฉียนโจวจะถูกมอบให้กับเฟิงหยูเฮงในอนาคต มันก็จะถูกมอบให้เป็นสินสอดทองหมั้น รัฐบริพารจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ต้าชุน สำหรับราชวงศ์ต้าชุนมันเป็นสิ่งที่ดี แต่…“ใช้ทหารของราชวงศ์ต้าชุนเพื่อต่อสู้แล้วที่ดินจะมอบให้กับพระชายาของเจ้า ? ลองคิดดูสิมันรู้สึกเหมือนเป็นการสูญเสีย”

“หา ?” ซวนเทียนหมิงเริ่มโกรธ “ใครทำธุรกิจกับท่านพ่อ แต่เดิมท่านพ่อจะต้องจ่ายค่าชดเชย ท่านพ่อลืมไปแล้วหรือ ?”

ฮ่องเต้ตกใจเมื่อจางหยวนเตือนเขาว่า “พวกมันคือค่าชดเชยพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้ต้องการทุบตีจางหยวนสำหรับคำพูดของเขา เขาเป็นขันทีหรือเขาอยู่ที่นี่เพื่อสร้างปัญหา ?

เขาไม่ได้คืนดีกัน เมื่อมองไปที่เฟิงหยูเฮงเขาถามนางว่า “หลังจากเฉียนโจวเปลี่ยนผู้ปกครอง เจ้าสามารถรับประกันได้ว่าสถานการณ์จะดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ ?”

เฟิงหยูเฮงไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “เราสามารถเขียนแผนการคร่าว ๆ ในตอนนี้เกี่ยวกับเครื่องบรรณาการประจำปีสำหรับราชวงศ์ต้าชุน นอกจากนี้เฉียนโจว และราชวงศ์ต้าชุนจะสามารถมีส่วนร่วมในการค้าขายได้ สถานที่เช่นเฉียนโจวนั้นยังไม่ได้รับการพัฒนามากไปกว่าราชวงศ์ต้าชุน ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ ข้าเชื่อว่าจะมีผลประโยชน์มากมายสำหรับราชวงศ์ต้าชุน”

ฮ่องเต้ชอบฟังคำเหล่านี้ เมื่อทั้งสามคนรวมตัวกัน และเริ่มตรวจสอบว่าพวกเขาสามารถสร้างรายได้จากเฉียนโจวในอนาคต

มุมปากของจางหยวนกระตุกจากการฟัง พวกเขาจัดการมันราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง สงครามยังไม่ได้ต่อสู้ แต่เจ้าทั้งสามเริ่มพูดคุยกันแล้วว่าจะแยกมันได้อย่างไร ? เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ ? ใช่ไหม ?

ความจริงพิสูจน์ว่าทั้งสามรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ดีมาก ทั้งสามพูดถึงสิ่งต่าง ๆ จนกว่าจะถึงเวลาสำหรับช่วงราชสำนักตอนเช้า

ในท้ายที่สุดฮ่องเต้ตบโต๊ะ “งั้นลองทำตามนั้น ! ข้าจะให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ กองทัพทางตะวันตกเฉียงเหนือของหมิงเอ๋อจะเป็นกำลังหลัก หากมีความต้องการให้กองทัพอื่นร่วมมือ เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้การสนับสนุน เมื่อวันนั้นมาถึงปัญหาการจัดการของเฉียนโจว เราจะลงมือทำและมอบให้กับอาเฮง”

เฟิงหยูเฮงคุกเข่าอย่างรวดเร็วและเคร่งขรึม เพื่อขอบคุณสำหรับความเมตตาของฮ่องเต้

จางหยวนอยู่กับฮ่องเต้ตลอดทั้งคืนและนอนไม่หลับ เขาง่วงมากแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกประทับใจเล็กน้อย แต่เขาต้องเตือนฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ถึงเวลาประชุมราชสำนักแล้วพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักหน้า “เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองคน…. ไปที่ตำหนักศศิเหมันต์ อย่าปล่อยให้เสด็จแม่ของเจ้าเป็นกังวล”

ทั้งสองตกลงกันแล้วหันหลังกลับ ฮ่องเต้มองไปที่เฟิงหยูเฮง และซวนเทียนหมิงจึงรีบถามจางหยวนว่า “ถ้าเราไปกับพวกเขา เราจะถูกไล่หรือไม่ ?”

จางหยวนส่ายหัว “ไม่พะยะค่ะ”

"จริงหรือ ๆ ? "

“ไม่ ฝ่าบาทจะไม่ถูกไล่ แต่ฝ่าบาทจะถูกเตะออกมาพะยะค่ะ”

“บัดซบ !” ฮ่องเต้คิดอีกครั้งในการนำขันทีคนใหม่ โบกมือของเขาด้วยความรำคาญ “เริ่มประชุมราชสำนัก ! ช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบเราสามารถใช้สิ่งเก่า ๆ นั้นเพื่อระบายเล็กน้อย !”

จางหยวนช่วยเขาที่โต๊ะ จากนั้นช่วยให้เขาเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมมังกรของเขา เมื่อสวมหมวกเขาถามว่า “เสนาบดีเฟิงยังคงคุกเข่าอยู่ข้างนอก ฝ่าบาททรงวางแผนรับมือกับเขาอย่างไรพะยะค่ะ ?”

ฮ่องเต้กล่าว “ให้เขาลุกขึ้น เพื่อเข้าประชุมราชสำนัก !”

“เสนาบดีเฟิงคุกเข่าอยู่ 1 คืน ให้เขาไปราชสำนัก...”

“แล้วยังไง?!” ฮ่องเต้พูดด้วยท่าทางที่เป็นความจริง “บุตรสาวของเขาก็คุกเข่าเหมือนกัน นางก็เป็นเด็ก เขาเป็นเสนาบดีของราชสำนักไม่ใช่หรือ ? เขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับเด็กสาวได้หรือ ?”

จางหยวนรู้ว่านี่ฮ่องเต้ที่ไม่มีเหตุผล เมื่อคิดถึงสิ่งที่เฟิงหยูเฮงพูดไว้ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถช่วยได้ แต่เริ่มเกลียดชังเฟิงจินหยวน “บ่าวรับใช้นี้จะให้คนช่วยพาเสนาบดีเฟิงไปราชสำนัก ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องโถงสวรรค์

ในอีกด้านหนึ่ง เฟิงหยูเฮงและซวนเทียนหมิงยืนอยู่หน้าประตูตำหนักศศิเหมันต์ นางกำนัลยิ้มและพูดกับทั้งสองว่า “พระชายาหยุนนอนดึก และตอนนี้ยังไม่ตื่นเลยเพคะ ก่อนนอนพระชายาให้บ่าวรับใช้ผู้นี้ให้บอกองค์หญิงแห่งมณฑลและองค์ชายให้อาบน้ำแล้วพักผ่อนก่อนเพค่ะ เมื่อองค์ชายและองค์หญิงตื่นแล้ว พระชายาหยุนก็คงตื่นแล้วเพคะ”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้า พระชายาหยุนหลับนานจริง ๆ ! นางมองไปที่ห้องที่นางกำนัลชี้ มันเป็นห้องที่นางเคยนอนหลับมาก่อน นางจึงพูดกับซวนเทียนหมิงว่า “ข้าจะทำตามที่เสด็จแม่สั่ง ข้าจะอาบน้ำก่อนแล้วนอน เจ้าควรไปทำสิ่งที่เจ้าต้องทำ !”

นางกำนัลรีบถาม “องค์ชายทรงรีบกลับมาจากค่ายทหารและไม่ได้นอนทั้งคืน ฝ่าบาทจะอาบน้ำแล้วก็นอนพักก่อนเพคะ”

“โอ้” เฟิงหยูเฮงเฮงพยักหน้า “งั้นพาเขาไป”

นางกำนัลสับสน “ไปไหนเพคะ ?”

“ไปห้องที่ที่เขาจะนอน !”

นางกำนัลวังชี้ไปที่ห้องนอน “ไม่ใช่ห้องนั้นหรือเพคะ ?”

ในที่สุดเฟิงหยูเฮงก็เข้าใจว่า “เราจะนอนด้วยกันใช่ไหม”

1 : วลีดั้งเดิมคือ "น้ำและไฟ" จากนั้น "น้ำแข็ง และความเย็น" ทั้งคู่หมายถึงความทุกข์ยาก / ความทุกข์ทรมาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด