ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0160 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0162 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0161 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 161 : สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

หยางฉีเย่ว์มองที่ฉินหยุน นางถอนหายใจบางเบาออกมา “ด้วยสหายที่แข็งแกร่ง ในภายหน้าเจ้าไม่น่าจะโดนรังแกอันใดอีก พวกเขาจะกลายเป็นผู้ที่คอยช่วยดูแลเจ้า! และข้า... ข้าเองก็มีเรื่องของตนเองต้องสะสาง ดังนั้นจึงไม่อาจอยู่ร่วมกับเจ้าไปตลอดทางได้!”

“อาจารย์อย่าได้กังวล ข้าจะต้องลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง!” ฉินหยุนยิ้มให้

ฝูงชนต่างได้เห็นว่าเขาไม่คล้ายบาดเจ็บแต่อย่างใด ด้วยความจริงที่ว่าพลังธาตุระเบิดแตกสลาย ถือว่าเป็นเรื่องแปลกนักที่เขายังอารมณ์ดี เป็นเพราะไม่ว่าเรื่องนี้หากเกิดขึ้นกับผู้ใด พวกเขาจะไม่มีวันยิ้มออกได้หากต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าว

จ้าวฉวนก้าวเดินเข้ามา “ฉินหยุน หากเจ้าโดนขับไล่จากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนในภายหน้า จงมาที่ตำหนักจารึกเทวะของข้า! ด้วยภูมิความรู้ระดับเจ้า เจ้าจะได้กลายเป็นอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ของตำหนักจารึกเทวะเรา เจ้าจะยังได้ศึกษาในวิถีจารึกและกลายเป็นอาจารย์จารึกได้”

ฉินหยุนยิ้มและพยักหน้ารับ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นมาก รูขนาดใหญ่ที่ท้องตอนนี้ก็เริ่มรักษาตัวเองไปไม่ใช่น้อยแล้ว เป็นเพราะเส้นโคจรเหลืองดำของเขา อัตราการฟื้นฟูจึงรวดเร็วยิ่ง

ทุกคนต่างนึกย้อนได้ว่า ฉินหยุนคือผู้เชี่ยวชาญผังวิญญาณระดับสูงจำนวนมาก ลำพังเพียงเรื่องนี้ก็พอให้เขามีหนทางที่ดีในอนาคตได้แล้ว!

หลังจากเชี่ยวหยางหลงสงบใจลงได้ สีหน้าตอนนี้กลับกลายเป็นเย็นเยือก เขาเกลียดชังทั้งเซี่ยอู๋เฟิงและฉินหยุนเข้ากระดูกดำ เป็นเพราะอีกฝ่ายสังหารลูกน้องที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาไป!

เขาก้าวเดินถึงข้างกายฉินหยุน และนำเอาสร้อยข้อมือมิติเก็บของออกมา จากนั้นจึงโยนมันใส่ฉินหยุนและกล่าวเย็นเยือก “ขยะเช่นเจ้าอย่าได้คิดเข้าใกล้เย่ว์เหม่ยอีก เจ้าไม่คู่ควรกับนาง เจ้าเก็บสร้อยข้อมือพัง ๆ นี่ไว้ดูต่างหน้าก็แล้วกัน!”

ฉินหยุนรับสร้อยข้อมือมิติเก็บของ ที่เขามอบให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมาถือ กล่าวได้ว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่ง แต่มันกลับอยู่ในมือของเชี่ยวหยางหลง!

“เหตุใดสร้อยข้อมือของนางถึงได้อยู่กับเจ้า?” ฉินหยุนถือสร้อยข้อมือดังกล่าวไว้ถามเสียงเย็นเยือก

“ข้าคือพี่ชายของนาง! ด้วยพรสวรรค์ของนาง นางสมควรต้องได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดี แต่ตอนนี้มันกลับพังเพราะเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าจักรวรรดิเทียนเชี่ยวสูญเสียไปมากเพียงใด?” เชี่ยวหยางหลงกล่าวโกรธแค้น จากนั้นจึงมองทางหยางฉีเย่ว์กล่าวเสียงเย็นเยือก “เจ้าเองก็ควรอยู่ให้ห่างจากมัน เจ้าเป็นคู่หมั้นข้า!”

หยางฉีเย่ว์เผยสีหน้าดำมืด นางยืนขึ้นก่อนทะยานร่างหายไปจากที่นี่

ฉินหยุนยิ่งเดือดดาล!

ผู้คนล้วนทราบ ว่าหยางฉีเย่ว์เกลียดเชี่ยวหยางหลงมากมายเพียงใด! เมื่อนางอยู่กับฉินหยุนก่อนหน้านี้ สีหน้าของนางอ่อนโยน แต่พออยู่กับเชี่ยวหยางหลง มันกลับกลายเป็นเย็นเยือก

“เหอะ!” เชี่ยวหยางหลงแค่นเสียงก่อนจะบินหายไปเช่นกัน

กัวเจิ้งเดินเข้ามาและแค่นเสียงเหยียดหยาม “ฉินหยุน อย่าได้คิดเป็นศัตรูกับเชี่ยวหยางหลง ไม่เพียงเขาเป็นอาจารย์ใหญ่อันทรงเกียรติของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน เขายังเป็นองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิเทียนเชี่ยว ทั้งยังเป็นศิษย์ของผู้นำตำหนักตะวันตก เขาจะได้กลายเป็นจ้าวตำหนักในภายหน้า! และเจ้า ก็เพียงแค่คนที่มีผังวิญญาณระดับสูง เจ้าไม่แม้กระทั่งจะมีพลังธาตุและวิญญาณยุทธ์หลงเหลือด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่าฮ่า”

พระยาเยี่ยนเดินเข้ามาเช่นกัน เขาเผยรอยยิ้มกล่าวคำออก “ฉินหยุน ในอีกสามหรือสี่เดือนนับจากนี้ พิธีอภิเษกสมรสระหว่างองค์ชายรัชทายาทและเชี่ยวเย่ว์หลานจะจัดขึ้น! เจ้าคงคิดว่าได้ทะยานขึ้นไปแล้ว แต่กลับต้องย้อนกลับลงมาเช่นนี้... เจ้าก็ยังเป็นได้แค่องค์ชายยากไร้ที่โดนข้านำเอาเส้นวิญญาณออกจากร่าง!”

ฉินหยุนมองอย่างเฉยชาและรอให้อีกฝ่ายกล่าวจนจบคำ เขาค่อยตอบ “ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ข้ายังมีชีวิตรอด ข้ายังมีผังวิญญาณระดับสูงในครอบครอง แต่แล้วหลานชายเจ้านั้นเล่า เยี่ยนชิงหยู ชื่อนี้กระมัง? มันยังไม่ตื่นเลยไม่ใช่หรือ? โอ้ใช่ ยังมีเรื่องหลานสาวสุดที่รักของเจ้าอีก ชื่อว่าอะไรนะ เยี่ยนหยุนหรือ? จำได้ว่าตายไปแล้วนี่! ผู้สืบทอดสวรรค์ประทานแก่เจ้าล้วนไม่มีชีวิตหลงเหลือ แล้วตอนนี้ยังคิดพล่ามอะไรไร้สาระกับข้าอีกงั้นหรือ?”

พระยาเยี่ยนโดนแทงเข้าใจดำ เขาจึงต้องถอนตัวกลับด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความโกรธแค้น!

ฉินหยุน ผู้ซึ่งสวมใส่อุปกรณ์ผังธาตุแสง ตอนนี้เขาอาการดีขึ้นแล้ว ใบหน้าแม้ยังซีดขาวแต่ก็สามารถยืนขึ้นได้!

เรื่องนี้ทำเอาหลายผู้คนตื่นตะลึง บุคคลที่เพิ่งสูญเสียพลังธาตุ กลับสามารถเดินไปมาได้ราวกับไม่ได้เกิดอันใดขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่คล้ายมีร่องรอยความโศกปรากฏที่ใบหน้านั้นแม้สักนิด

ช่างเป็นความแข็งแกร่งที่ควรค่าแก่การนับถือ!

พลังที่เซี่ยอู๋เฟิงเพิ่งปล่อยออกโดยดาบแห่งชีวิต มันใหญ่หลวงนัก กระทั่งขายังเกือบไร้สิ้นเรี่ยวแรง หากไม่ใช่เพราะโฮ่วฉิงเฟิงโคจรพลังภายในช่วยเหลือ เขาคงเป็นลมไปแล้ว

โฮ่วฉิงเฟิงกล่าว “พวกเจ้าทั้งหมดล้วนผ่านการทดสอบ พวกเรายินดีต้อนรับสู่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ค่าเล่าเรียนนั้น... หนึ่งล้านเหรียญผลึกต่อปี! ในปีแรกข้ายินดีให้พวกเจ้าหยิบยืมก่อนได้!”

“แพงอะไรขนาดนั้น? นี่คุ้มค่าหรือ?”

โฮ่วฉิงเฟิงยิ้มกล่าว “ย่อมต้องคุ้มค่า เมื่อเข้าไปแล้วพวกเจ้าจะได้รับรู้เอง! ยกตัวอย่าง ทุกเดือนพวกเจ้าจะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ค่ายอาคมรวบรวมพลังวิญญาณ และสามารถซื้อหาหลายสิ่งอย่างที่ภายนอกไม่อาจหาซื้อ เช่นกัน ยังมีอาจารย์ที่คอยชี้แนะและทำให้เจ้าสามารถก้าวทะยานอย่างยิ่งใหญ่ได้!”

ลั่วเค่อจากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนแค่นเสียงตอบ “เหล่าโฮ่ว สำหรับฉินหยุนที่ประสบเรื่องราวเช่นนั้น เจ้ายังไม่คิดปฏิเสธมันอีกหรือ? ถือว่าเจ้านั้นช่างใจกว้างยิ่งนัก หากเป็นข้า ข้าไม่มีทางรับมันเข้าร่วมแน่ นี่จะกลายเป็นการทำให้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสถาบัน มันจะกลายเป็นมลทิน!”

ฉินหยุนแค่นเสียงในลำคอตอบกลับ “เยี่ยนชิงหยูจากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนเล่า? ท่านคิดหรือไม่ว่ารับขยะเช่นนั้นที่โดนข้าจัดการไปได้จะเป็นมลทิน ดูเหมือนจะกลายเป็นมลทินรอยใหญ่ของสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนเลยด้วยซ้ำนี่? นั่นสินะ อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงของสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนก็แค่นั้นหรือนี่? ฮ่าฮ่าฮ่า”

ลั่วเค่อโกรธเกรี้ยว จมูกแทบสั่นเทิ้ม เขาตะโกนเสียงเย็นเยือก “เจ้ากล้าดีบังอาจทำลายอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นนั้น ข้าจะจดจำหนี้แค้นครั้งนี้เอาไว้!”

“เหตุใดต้องโกรธแค้นกับขยะเช่นเยี่ยนชิงหยู? ท่านควรเป็นคนใจกว้างนะ ไม่กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงสถาบันแล้วหรือ?” ฉินหยุนหัวเราะตอบกลับ

“เจ้า...” ลั่วเค่อโกรธแค้น แต่เขาไม่อาจกล่าวคำใด เขาทำได้เพียงหันกายกลับและจากไปเท่านั้น

ผู้คนในหุบเขาก็เริ่มกระจายตัวกันไป วันนี้ คือการทดสอบครั้งสุดท้ายของสถาบันซานเสวียน พวกเขาทำได้ก็แค่กระจายตัวกันออกไปทั่วสารทิศอย่างไร้จุดหมาย

ได้เห็นหุบเขากลับกลายเป็นไร้ชีวิตชีวา ผู้อำนวยการไป่ถอนหายใจอย่างนึกเศร้า อย่างไรแล้วเขาก็อยู่ที่นี่มาเป็นเวลาตั้งหลายปี

ท้องฟ้าตอนนี้เป็นสีแดงขณะดวงตะวันทั้งเก้ากำลังละขอบฟ้าทางตะวันตก แสงตะวันงดงามสาดส่องเป็นประกายแห่งความเศร้าโศก คล้ายกับพวกมันเองก็เศร้าใจที่สถาบันซานเสวียนจะคงอยู่เพียงแค่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว

“ไปกัน ข้าจะพาเจ้าไปยังสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน!” โฮ่วฉิงเฟิงนำเอารถม้าคันใหญ่ออกมา

หลังจากฉินหยุนและคณะขึ้นไปโดยสาร รถม้ากลับกลายเป็นลอยขึ้นกลางอากาศ มันทะยานผ่านท้องฟ้าสีแดงฉานมุ่งหน้าสู่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน!

สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนไม่ได้ตั้งอยู่ในอาณาเขตของประเทศแห่งใด แต่มันกลับอยู่ใกล้เทือกเขาเมฆมังกร เป็นทะเลสาบหมื่นดาราที่อยู่ใกล้เทือกเขาเมฆมังกร

ทะเลสาบหมื่นดารามีขนาดใหญ่โตยิ่ง พื้นผิวของทะเลสาบนั้นเปรียบดั่งกระจก ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มด้วยหมู่ดาว ผิวทะเลสาบที่เปรียบดั่งกระจกนั้นจะสะท้อนประกายแสงดาววิบวับออกมา เพราะเหตุนี้จึงมันจึงถูกตั้งชื่อขึ้นเป็นทะเลสาบหมื่นดารา

ที่ตรงกลางของทะเลสาบหมื่นดารา มีเกาะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ กล่าวได้ว่ามันมีการสร้างเมืองและสิ่งปลูกสร้างหลายแห่งขึ้นบนเกาะแห่งนั้นอย่างยิ่งใหญ่

ที่ปลูกสร้างอยู่บนเกาะแห่งนั้นคือสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนถูกล้อมเอาไว้ด้วยกำแพงสูงและหนา ภายนอกนั้นงดงามและสง่า โครงสร้างสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ให้ความรู้สึกถึงความสง่างามในรูปแบบดั้งเดิมทั้งสิ้น สวนหย่อมหลายแห่งและศาลาต่างทำให้บรรยากาศร่มรื่น

ที่แห่งนี้มีสิ่งปลูกสร้างขนาดยักษ์ที่รองรับผู้คนได้จำนวนมหาศาล

ยกตัวอย่าง โรงฝึกสามารถบรรจุคนได้มากถึงหนึ่งหมื่น อัฒจันทร์ผู้ชมที่อยู่ภายในก็เป็นชั้นซ้อนเรียงกัน ลานประลองยุทธ์เบื้องล่างกว้างหลายร้อยเมตร ด้วยความกว้างระดับนี้จึงทำให้ผู้คนสามารถใช้วิชายุทธ์ออกได้โดยไม่ต้องสนใจว่าจะติดขัดด้านความกว้างของพื้นที่หรือไม่

ฉินหยุนและคณะตอนนี้เข้ารับเหรียญตรายืนยันตัวตนที่ทางเข้า พวกเขากำลังมองไปยังลานกว้าง แค่เพียงตรงนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นแล้ว

เซี่ยอู๋เฟิงและคณะต้องทุกข์ตรมมานานหลายปีในสถาบันซานเสวียน วันนี้ ในที่สุดพวกเขาก็จะได้ย่างเท้าผ่านประตูบานนี้เข้าไป!

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด