ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0161 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0163 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0162 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 162 : ต้นไม้สมบัติตะวันดารา

มู่หรงต้าเหรินถูไม้ถูมือขณะดวงตาเป็นประกาย “สาวงามแห่งสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เทพบุตรผู้สง่างามมู่หรงมาเยือนแล้ว!”

ฉินหยุนกล่าวยิ้ม “แม่มดของท่านก็อยู่ที่นี่ ท่านต้องระวังให้ดี!”

แน่นอน กล่าวคำถึงเมิ่งเฟยหลิง มู่หรงต้าเหรินจึงเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน

โฮ่วฉิงเฟิงพาพวกเขาไปยังอาคารสามชั้นขนาดเล็กทางด้านตะวันตก อาคารนี้อยู่ใกล้ทางเข้าหลักของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนมากที่สุดแล้ว

ที่ชั้นแรก เป็นโถงเล็กเอาไว้ใช้รับรอง

“รอข้าที่โถงแห่งนี้ ข้าจะไปตระเตรียมนัดแนะอาจารย์แก่พวกเจ้า” โฮ่วฉิงเฟิงกล่าวบอก จากนั้นจึงออกจากโถงรับรองแห่งนี้ไป

ฉินหยุนและคณะนั่งอยู่ในโถงขณะสายตาสอดส่องไปทั่ว

เซี่ยอู๋เฟิงกล่าว “ดูเหมือนพวกเราคงไม่ได้อยู่ห้องเรียนเดียวกัน สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนจะต้องจัดแจงอาจารย์ที่เหมาะสมแก่พวกเรา”

ฮั่วจงเป็นกังวลไม่น้อยขณะกล่าวคำ “น้องหยุน ด้วยสภาพตอนนี้ของเจ้า ข้าสงสัยจริงว่าอาจารย์ที่มาจะรังเกียจเจ้าหรือไม่? หากพวกนั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการเจ้า ข้าจะจัดการให้เอง!”

ฉินหยุนยิ้มรับคำ “ท่านอย่าได้ห่วงข้า สภาพของข้าไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด! ขุมพลังจิตในร่างของข้ายังแข็งแกร่ง ว่าไป...”

เขานำเอาจี้ห้อยคอยหยกสีเขียวออกมา สิ่งนี้คือ “หยกวิญญาณเทวะ” ที่เย่ว์ข่ายเคยนำออกมาให้เห็น

ตอนเขาตัดแขนของเย่ว์ข่าย เป็นเขาลอบฉกชิงมันมา

“พี่ฮั่ว สิ่งนี้คือมรดกตระกูลท่าน รับไว้!” ฉินหยุนส่งหยกวิญญาณเทวะแก่ฮั่วจง

ฮั่วจงรับไว้อย่างตื่นเต้นยินดี จากนั้น เขาถอนหายใจ “แม้เป็นมรดกของตระกูลข้าที่ได้รับสืบทอด แต่ตระกูลฮั่วไม่เคยใช้พลังของหยกชิ้นนี้ได้เลย พวกเราไม่ทราบวิธีใช้งานมันด้วยซ้ำ! น้องหยุน เจ้าฝึกฝนจิตวิญญาณต้นกำเนิด และสถานการณ์ของเจ้าตอนนี้ไม่สู้ดีนัก ดังนั้นหยกชิ้นนี้ควรเป็นของเจ้า!”

เขาส่งหยกวิญญาณเทวะกลับคืนแก่ฉินหยุนและกล่าวเสริม “ตราบเท่าที่เจ้าไม่ปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของผู้อื่น ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถใช้งานหยกชิ้นนี้ได้ เจ้าต้องรับไว้ ข้าไม่ยินยอมให้ปฏิเสธ!”

เซี่ยอู๋เฟิงและมู่หรงต้าเหรินต่างก็พยักหน้าแก่ฉินหยุนให้เขารับเอาไว้

ฉินหยุนทำได้เพียงรับเอาไว้จริง ๆ หลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาค่อยเอ่ยถาม “หยกวิญญาณเทวะนี้มีวิธีใช้งานเป็นพิเศษหรือ? เชี่ยวหยางหลงเหมือนจะใส่ใจมันมาก แต่ก็คงคิดว่าหยกชิ้นนี้โดนพี่ใหญ่เซี่ยทำลายไปแล้ว”

ฮั่วจงสัมผัสกับหัวล้านเลี่ยนของตนเอง เขาคิดอยู่พักหนึ่งก่อนกล่าวคำออกมา “ปู่ของข้าได้บอกเอาไว้ ว่าเมื่อฝึกฝนจิตวิญญาณต้นกำเนิดแล้วเท่านั้น จึงสามารถใช้งานหยกวิญญาณนี้ได้ ข้าไม่ทราบเช่นกันว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไรกันแน่ กล่าวก็คือ มันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ฝึกจิตวิญญาณต้นกำเนิดได้”

ฉินหยุนเริ่มคิดอ่านวางแผนเตรียมหาเวลาศึกษามัน

โฮ่วฉิงเฟิงนำผู้อาวุโสสองท่านกลับมา หนึ่งคือคนที่ฉินหยุนคุ้นเคย เป็นตู้ก่วย

“เซี่ยอู๋เฟิง เจ้านับแต่นี้นับเป็นศิษย์ข้า ข้าจะคอยชี้แนะเจ้าเอง!” โฮ่วฉิงเฟิงกล่าวคำขึ้น เขาคือรองอธิการบดี ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทั้งนี้ตัวเขาเองยังฝึกฝนวิถีแห่งดาบ ดังนั้นจึงค่อนข้างเหมาะสมกับเซี่ยอู๋เฟิงเป็นอย่างยิ่ง

เซี่ยอู๋เฟิงพยักหน้ารับและกล่าวคำ “คำนับอาจารย์โฮ่ว!”

โฮ่วฉิงเฟิงยิ้มพึงพอใจยิ่ง เซี่ยอู๋เฟิงคือผู้ฝึกตนดาบ แต่เขากลับไม่ได้อหังการหรืออวดดี ไม่เหมือนบรรดาอัจฉริยะผู้อื่นเลยแม้สักนิด

เขามองไปยังชายชราที่ใบหน้ามีหนวดเครายาวและกล่าว “นี่คือคังฮู่ อาจารย์คังค่อนข้างเชี่ยวชาญวิญญาณยุทธ์สัตว์ ฮั่วจง ในเมื่อเจ้ามีวิญญาณยุทธ์วัวระดับทอง จงติดตามเขา!”

“เช่นกัน มู่หรงต้าเหรินก็ด้วย” ขณะโฮ่วฉิงเฟิงตะโกนชื่อนี้ออก เขาพลันรู้สึกตงิดใจ

เขาเป็นรองอธิการบดี แต่แล้วกลับต้องเรียกคนหนุ่มว่า “ต้าเหริน” ภายในล้วนอดไม่ได้ที่ลอบก่นด่าผู้ที่ตั้งชื่อนี้

*ผู้แปล : ต้าเหริน คือคำยกย่องบุคคล หรือหมายถึง ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ชื่อของมู่หรงต้าเหริน สะกดด้วนตัวอักษรจีนอื่น*

เขากล่าวต่อ “ติดตามอาจารย์คัง! ข้าไม่ทราบว่าวิญญาณยุทธ์ของเจ้าคืออันใด แต่ข้ารู้สึกได้ถึงร่องรอยวิญญาณยุทธ์สัตว์ เช่นนั้นวิญญาณยุทธ์ของเจ้าก็สมควรเป็นสัตว์ใดสักประเภทใช่หรือไม่?”

มู่หรงต้าเหรินหัวเราะออกและพยักหน้ารับ

ฮั่วจงยื่นมือออกตบเข้าที่ไหล่ของมู่หรงต้าเหริน เขาหัวเราะกล่าวคำ “พี่รองมู่หรง ข้าอยู่กับท่านมานานยิ่ง ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิญญาณยุทธ์ของท่านคืออะไร! แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่? รีบบอกต่อพวกเรา พวกเราจะช่วยเก็บเป็นความลับให้!”

ด้วยสีหน้าจริงจัง มู่หรงต้าเหรินกล่าวตอบ “วิญญาณยุทธ์ของข้าไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าต้องเก็บไว้เป็นความลับ ตอนนี้ข้าไม่อาจพูดกล่าวสิ่งใดได้ ดังนั้นโปรดอภัยให้ข้าด้วย!”

“ตามแต่สะดวก!” คังฮู่ลูบหนวดเคราใหญ่ยาวที่ใบหน้าและหัวเราะกล่าวคำ “ตราบเท่าที่เป็นวิญญาณยุทธ์สัตว์ เช่นนั้นติดตามข้าไม่นับเป็นเรื่องผิดพลาด!”

โฮ่วฉิงเฟิงมองทางฉินหยุนและเอ่ยคำ “เจ้าคงรู้จักอาจารย์ตู้อยู่แล้วใช่หรือไม่? ต่อให้วิญญาณยุทธ์และพลังธาตุของเจ้าแตกสลาย แต่พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งนัก ดังนั้นให้เขาเป็นอาจารย์ของเจ้าน่าจะดีกว่าใช่หรือไม่?”

“ขอรับ!” ฉินหยุนลอบยินดี ตู้ก่วยเชี่ยวชาญเรื่องพลังจิต หลังก้าวขึ้นสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เขาต้องเริ่มการฝึกจิตวิญญาณด้วยเช่นกัน

หากคนผู้หนึ่งสร้างรากฐานทางจิตที่มั่นคงได้ตั้งแต่ขอบเขตกายวรยุทธ์ พวกเขาเหล่านั้นจะมีความก้าวหน้าแบบก้าวทะยานกว้างใหญ่หลังก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

“เช่นนั้นก็ตามนี้... วิธีการฝึกสอนของอาจารย์แต่ละท่านล้วนแตกต่างกันไป เช่นกัน บ่อยครั้งต้องออกไปหาประสบการณ์ที่ภายนอก พวกเจ้าสามารถใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับอาจารย์ได้” โฮ่วฉิงเฟิงกล่าว

แม้โฮ่วฉิงเฟิงเป็นรองอธิการบดี เขาก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบถ่ายทอดวิชายุทธ์ของวิถีแห่งดาบด้วย

“อย่าได้กังวลไป ในภายหน้าพวกเจ้าจะได้พบเจอกันบ่อยครั้ง ปัญหาตอนนี้คือหาทางได้รับเหรียญผลึกมาโดยเร็ว อย่าได้ลืมเลือนค่าเล่าเรียนของภาคเรียนนี้ทั้งสิ้นหนึ่งล้านเหรียญผลึกเสียละ” โฮ่วฉิงเฟิงหัวเราะกล่าว

สำหรับฉินหยุนไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เขาสามารถขายยันต์ได้ แต่สำหรับเซี่ยอู๋เฟิงและคณะ นับเป็นเรื่องชวนปวดหัวแล้ว

มู่หรงต้าเหรินฝืนยิ้มออก “ก็ดี ด้วยใบหน้าของข้า หญิงงามหลายคนจะต้องยินดีส่งมอบเหรียญผลึกแก่ข้าแน่นอน”

“ไปกัน!” ตู้ก่วยยิ้มหันกล่าวกับฉินหยุน “ตามข้ามา!”

ฉินหยุนตามติดตู้ก่วยออกจากอาคาร ด้วยพลังอันใดไม่ทราบ ตู้ก่วยช่วยพาเขาลอยขึ้นกลางอากาศ พวกเขากำลังลอยทะยานสู่ทิศตะวันตกของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

จากบนกลางอากาศ เขาสามารถได้เห็นถึงความกว้างใหญ่ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน กล่าวได้ว่าเป็นเมืองขนาดเล็กแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

ในสถานที่แห่งนี้ ยังมีภูเขาสูงชันเสียดแทงถึงเมฆอยู่หลายแห่ง ยอดเขาหลายแห่งยังมีน้ำตกร่วงหล่นลงมา ส่งผลให้เกิดเสียงน้ำตามธรรมชาติ

บ้านพักของตู้ก่วยอยู่ในสวนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณทางตะวันออกไกลของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน นับว่าอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางยิ่ง

ภายในสวน มีต้นไม้หลายต้นที่ตั้งตรงหนาใหญ่ พวกมันเหล่านี้สูงกว่าร้อยเมตร และตรงกลางสวน ก็มีต้นไม้ขนาดใหญ่มากอยู่ต้นหนึ่ง

ต้นไม้ยักษ์นี้มีความสูงกว่าพันเมตร ทั้งยังมีรูขนาดเล็กบนลำต้นอยู่เต็มไปหมด หากมองเข้าไปให้ดี พวกมันเหล่านั้นคล้ายหน้าต่าง

ยอดของต้นไม้ใหญ่ยักษ์นี้แผ่ขยายกว้างประหนึ่งร่มที่ถูกกางออก ใบของต้นไม้เป็นสีขาวซีด นับว่าให้ความรู้สึกแปลกประหลาดยามมองดูไม่น้อย

“ข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่อาศัยอยู่ในต้นไม้นี่ นับจากนี้เจ้าเป็นอีกคนหนึ่งแล้ว!” แม้เขาจะเป็นชายชราร่างเตี้ยและหลังค่อม แต่กลับเป็นคนใจดียิ่งและพูดคุยด้วยง่าย

“อาจารย์ตู้ ต้นไม้นี้บดบังดวงตะวัน เรื่องนี้จะส่งผลต่อการดูดกลืนพลังวิญญาณหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนกล่าวถาม

“ฮ่าฮ่า ต้นไม้ของข้านี้ดียิ่งกว่าค่ายอาคมรวบรวมพลังเสียอีก!” ตู้ก่วยยิ้มตอบคำ “นามของต้นไม้นี้คือ ต้นไม้สมบัติตะวันดารา มันเติบโตมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว และต้นไม้สมบัติตะวันดาราต้นนี้ ก็สามารถดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวันเข้าสู่ตนเองได้ เมื่อเข้าไปด้านในต้นไม้ พวกเราจะสามารถสัมผัสถึงมันได้เอง”

ฉินหยุนนึกถึง “วิถีหัวใจตะวันดารา” ที่เขาได้ทำความรู้และเข้าใจมา เขาลอบสงสัยว่า นี่จะเป็นมรดกที่หลงเหลือไว้ โดยราชันยุทธ์หลันเซียวในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนแห่งนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด