ตอนที่แล้วตอนที่ 17 ตัดสินพลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19 ยักษ์ซิลิกอน

ตอนที่ 18 ไร้ขีดจำกัด


ผู้บ่มเพาะยีนชั้น16คือผู้ใช้คลื่นพลังจิต มันน่าเสียดายที่เฟิงหลินไม่มียีนพลังจิตและดังนั้นเขาจึงไม่อาจเรียนรู้มันได้เลย

เขาใช้เวลาพักฟื้นร่างกายก่อนตรงไปชั้น17

ฉากจำลองในชั้นนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้างไร้สิ้นสุด ไม่มีแรงโน้มถ่วงและร่างกายจะลอยได้อย่างอิสระเหมือนใบไม้ที่ลอยตามลม

ปฏิกิริยาของพลังนั้นสวนกลับกัน ไม่มีอะไรในสภาพแวดล้อม และเฟิงหลินก็ไม่อาจสัมผัสกับวัตถุใด เขาทำได้แค่ลอยนิ่ง ไม่อาจทำอะไรได้

ยิ่งกว่านั้นเขายังสวมชุดอวกาศคับแน่น เห็นได้ชัดว่าเป็นการจำลองฉากต่อสู้ในอวกาศ

จู่ๆคนที่สวมชุดอวกาศก็พุ่งเข้ามาหาเขา

ซึ่งแตกต่างจากที่เฟิง หลินที่ไม่อาจยินได้ ความสามารถยีนของอีกฝ่ายดดูเหมือนจะช่วยให้เขาควบคุมแรงโน้มถ่วงได้ ทำให้ใช้สนามแรงโน้มถ่วงของดาวอื่นเพื่อเคลื่อนไหวนอกอวกาศได้อย่างอิสระ นี่ถือเป็นบ้านของอีกฝ่าย

ฝ่ายตรงข้ามคล่องแคล่ว ว่องไว เหมือนปลาที่แหวกว่าย

เฟิง หลินเสียเปรียบ

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีประสบการณ์การต่อสู้มานาน เขาก็ไม่ใช่มือใหม่เหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไป ตอนนี้เขามีประสบการณ์ที่ชัดเจน

เป็นเรื่องปกติที่เขาจะเสียเปรียบ แต่จิตใจของเขาต้องไม่สับสนวุ่นวาย

เฟิง หลินสงบลงและจดจ่อกับการป้องกันเป็นอย่างแรก

ในตอนนี้ การศึกษาภาคบังคับ 12 ปีของยุคสมัยดวงดาวถูกนำมาใช้

การใช้เทคโนโลยีตัวหนอนช่วยให้มนุษย์สามารถเดินทางข้ามอวกาศได้เช่นเดียวกับที่มนุษย์โลกใช้รถไฟหรือเครื่องบินในการเดินทาง

เทคนิคการเดินบนอวกาศเป็นเทคนิคที่ทุกโรงเรียนจะมอบให้นักเรียนทุกคนฟรีๆ

หลังจากความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยก่อนหน้า เฟิงหลินก็เรียนรู้วิธีการใช้ชุดอวกาศนี้อย่างรวดเร็ว

เขากดปุ่มและแก๊สก็พุ่งออกมาจากใต้ฝ่าเท้า แรงต่อต้านทำให้เขาสามารถเดินได้อย่างอิสระในอวกาศ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนคู่ต่อสู้ แต่เฟิง หลินก็เริ่มตอบโต้ได้

นอกเหนือจากความสามารถในการควบคุมแรงโน้มถ่วงและการเคลื่อนไหวได้อย่างว่องไวแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ของอีกฝ่ายยังไม่แข็งแกร่งนัก

หลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือดเป็นเวลาสิบนาที เฟิง หลินก็จงใจเปิดเผยจุดอ่อน บังคับให้ทำอีกฝ่ายโจมตีและจากนั้นก็ใช้ร่างกายเข้าไปจับคู่ต่อสู้ไว้ จากนั้นเขาก็บีบคอคู่ต่อสู้ด้วยกำลังอันแข็งแกร่งของเขา

ท้ายที่สุด ปัจจุบันพลังของเฟิง หลินอยู่ที่ 1.8 – สูงกว่าคู่ต่อสู้ของเขาอยู่0.1  แม้นจะเล็กน้อย แต่ก็ไม่ควรมองข้าม ในสถานการณ์วิกฤติ มันคือตัวตัดสิน

โชคดี เฟิง หลินคือคนที่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย

ศักยภาพทางพันธุกรรม + 12%

แม้ว่าการต่อสู้จะรุนแรง แต่ก็ไม่มีเทคนิคที่เกี่ยวข้องและศักยภาพที่ได้รับนั้นต่ำมาก

เขาไม่สามารถเรียนรู้ "ศิลปะการลอยตัว" ของวิชายุทธ์ยีนเช่นกัน เขาไม่หยุดและเดินต่อไปยังชั้น18

สถานะพลังของชั้น18อยู่ที่ 1.8  ในที่สุดเขาก็มาถึงชั้นที่มีระดับเดียวกับเขา

คราวนี้ มันเป็นดาวที่ปกคลุมด้วยความมืดต

จักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลและเต็มไปด้วยสิ่งพิเศษ อะไรก็เกิดขึ้นได้ที่นั่

ในโลกนี้ไม่มีแสงไฟจากดวงดาวตลอดทั้งปีและความมืดนั้นก็หนาวเย็นและน่าขนลุก พื้นผิวของดาวเคราะห์นั้นปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง และทะเลน้ำแข็งไร้สิ้นสุด

ขณะที่เฟิง หลินเข้ามาที่นี่ เขาพลันรู้สึกถึงความเย็นที่เจาะเข้าไปในไขกระดูก อากาศติดลบกว่า 70 องศาเซลเซียส ด้วยลมหนาวที่พัดเข้ามาหาทำให้เขารู้สึกราวตัวกำลังจะแข็ง

เขารู้จักที่นี่ มันเป็นดาวเคราะห์ไวกิ้ง!

นี่เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์เพียงไม่กี่แห่งที่ตกเป็นอาณานิคมของมนุษย์ในสมัยดวงดาวที่ไร้ดวงอาทิตย์ ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแร่ธาตุหายากทุกชนิด มนุษย์จึงได้ครอบครองมัน ตลอดทั้งปีแร่ธาตุจะถูกใช้เป็นแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า

ลมเยือกแข็งเหมือนมีดที่ตัดเฉือนผิวหนัง

คู่ต่อสู้ของเฟิง หลินเป็นชายผิวขาวที่ดูไม่รู้สึกอะไรกับความหนาว ราวกับว่าความหนาวเย็นสุดขั้วนี้ที่สามารถทำให้คนตายได้เป็นแค่สายลมอุ่น ๆ ที่พัดเข้าหาเขา

นี่คือชาวไวกิ้ง พวกเขามักจะพูดว่าจะมีสายเลือดไวกิ้งโบราณ พวกเขาครอบครองสถานที่นี้และตั้งอาณานิคมที่นี่สร้างอิทธิพลเล็ก ๆ ที่เป็นอิสระของมนุษย์ระหว่างดวงดาว

“ไอหนู แกกล้าเข้ามาอยู่ในดาวไวกิ้งของเราได้อย่างไร?”ชาวไวกิ้งยิ้มเยาะอย่างโหดเหี้ยม เขาจ้องมองเฟิง หลินด้วยดวงตาสีแดง เขาดูโหดร้ายมาก

ในวินาทีต่อมา เขาก็ต่อยหมัดหนึ่งออกมาและอากาศเย็นในบริเวณใกล้เคียงก็บีบอัดกันเป็นตรีศูลที่แหวกอากาศมา

วิชาตรีศูลน้ำแข็ง!

ชาวไวกิ้งกระหายเลือดและดุร้าย ใช้วิชายุทธ์ยีนที่ดัดแปลงและพัฒนาตามธรรมเนียมไว้กิ้ง พวกเขาล่าและฆ่าวาฬน้ำแข็งบนดาวเคราะห์นี้

ตรีศูลเจาะทะลุท้องฟ้าและแหวกผ่านหมู่เมฆ

อย่างไรก็ตามเฟิง หลินกลับไม่กลัว“ฝ่ามือวัชระ!”

เขาใช้หมัดวัชระสะกดอสูร ขยับร่างกายเพื่อกระตุ้นยีนหินในร่างกายของเขา

ฝ่ามือของเขาแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก โชคดีที่เขาแข็งแกร่งมากจึงสามารถจัดการกับตรีศูลได้ด้วยหมัดเดียว

อย่างไรก็ตามความเย็นเหมือนจะทำให้เลือดของเขาหยุดไหล

เฟิง หลินหมุนเวียนพลังงานและเลือดเพื่อบรรเทาความเย็นด้วยความร้อน

เมื่อเห็นว่าการโจมตีครั้งแรกไม่ได้ผล ไวกิ้งก็เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น เขาไม่หยุดมือนิ่ง เขายังกระโจนเข้าหาเฟิง หลินเหมือนเสือดุร้าย

สภาพอากาศที่หนาวเย็นมีผลกระทบอย่างมากต่อมนุษย์ คนธรรมดาจะพบว่ามันยากที่จะต้านทานและความกล้าหาญในการต่อสู้ของพวกเขาจะลดลง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างดุเดือดของชาวไวกิ้งพวกเขาจะพบว่าตัวเองตกอยู่ในช่องแคบที่น่ากลัว

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของเฟิง หลิน แม้ว่ายีนทั้งสองที่เขาปลุกขึ้นมานั้นจะเป็นยีนชั้นต่ำ แต่ทั้งคู่ก็เป็นยีนที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย นอกจากนี้เฟิง หลินยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและร่างกายของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่อ่อนแอเลยเมื่อเทียบกับชาวไวกิ้งนี้

สภาพแวดล้อมเยือกแข็งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก

แม้ว่าวิชาตรีศูลน้ำแข็งจะดุร้ายมาก แต่ยีนหินของเขานั้นสูงถึง7หน่วยและด้วยผิวที่แข็งแกร่งและกระดูกที่เหมือนเหล็ก ร่างกายของเขาจึงไม่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับอาวุธธรรมดา

ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าการโจมตีของไวกิ้งจะรุนแรง แต่เขาไม่เร็ว

และเฟิง หลินเร็วกว่ามาก!

อาจกล่าวได้ว่าเฟิง หลินเป็นผู้ชนะโดยธรรมชาติเมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้ ยังจำเป็นต้องคิดถึงผลลัพธ์อยู่อีกไหม?

เฟิง หลินยังไม่หยุดต่อย การชกของเขาเหมือนฟ้าที่ร้องเปรี้ยงๆ ก่อให้เกิดเป็นลมหนาวที่ระเบิดออกมา ในท้ายที่สุดเฟิง หลินก็สับคอของชายคนนั้นทำให้เขาสลายตัวเป็นเพียงพลังงาน

ศักยภาพทางพันธุกรรม + 22%

"เขาชนะอีกแล้ว!"

"ภายใต้สภาวะที่เลวร้ายเช่นนี้ เขากลับมีความกล้าหาญมากถึงเพียงนั้น!"

“จากการต่อสู้ของเขาดูเหมือนว่ายีนที่นักเรียนคนนี้ปลุกขึ้นมานั้นจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาโดยปกติแล้วพวกมันถือเป็นยีนระดับต่ำ แต่ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ล่ะ”

...

เมื่ออาจารย์เห็นภาพนี้ พวกเขาพลันรู้สึกตกใจอย่างมากและใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อและสับสน

พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าเฟิง หลินจะผ่านชั้น16มาได้ด้วยซ้ำ แต่เขากลับพุ่งสูงมาอีกสองชั้น ทำให้ทุกคนประหลาดใจ

"ดาวเคราะห์ไวกิ้งไม่สามารถหยุดเขาได้เช่นกัน?" หัวหน้าอาจารย์หญิงพูดพึมพำผิดปกติเล็กน้อย

สายตาของเธอจ้องมองไปยังอีกจุดหนึ่งที่จ้าว ไคต่อสู้อยู่ น่าประหลาดใจเขายังคงอยู่ในชั้น18 ของหอต่อสู้ลวงตา

อย่างไรก็ตามการต่อสู้ของจ้าว ไคนั้นแย่มากเมื่อเทียบกับของเฟิง หลิน แตกต่างกันเหมือนสวรรค์กับโลก

ยีนที่ถูกปลุกขึ้นของจ้าว ไคคือยีนไฟและยีนโลหะ และมีพลังในการควบคุมไฟและโลหะ

แต่เมื่อเปลวไฟในการควบคุมของเขาเจอลมหนาวมันก็ดับทันที

โลหะที่มีความทนทานสูงมากถูกแช่แข็งเหมือนแก้วที่เมื่อสัมผัสจะแตก

ฝีมือเขาน่าอับอายมาก เขามีพลังถึง 2.2 แต่เขากลับไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีพลังเพียง1.8ได้ เปรียบเทียบอะไรกับเฟิง หลินไม่ได้เลย แม้แต่อาจารย์ที่ดูแลก็ไม่สามารถทนดูได้

ในทางกลับกันการแสดงของเฟิง หลินจะทำให้เธอได้รับความเคารพ

เมื่อมีการเปรียบเทียบว่าผู้ที่อ่อนแอกว่าโดดเด่น

หัวใจของเธอเริ่มเอนเอียง

วิชาตรีศูลน้ำแข็งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ตั้งใจให้เป็นรางวัลสำหรับชั้น18 - ถูกเปิดเผยและมันใช้ยีนน้ำแข็ง ตามปกติแล้วเฟิง หลินก็ยังไม่สามารถเรียนรู้มันได้

"ดูเหมือนว่าการพยายามเรียนรู้วิชายุทธ์ยีนฟรีจะยากเล็กน้อย!" เฟิง หลินถอนหายใจด้วยความโชคร้ายของเขาในขณะที่เขาเตรียมที่จะมุ่งหน้าไปยังชั้นต่อไป

ทันใดนั้นเท้าของเขาก็ปวกเปียกและเกือบจะทรุดลงกับพื้น

ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอีกแล้ว?

เฟิง หลินโกรธมากรู้สึกราวกับว่าเขาได้ถึงขีดจำกัดแล้วและไม่สามารถไปต่อได้

"มันจะจบตรงนี้จริงๆหรอ?" เขาคิดในใจ ใจของเขาเริ่มหวั่นไหว

อย่างไรก็ตามด้วยการเปลี่ยนแปลงในจิตใจ เขาส่ายหัวและโยนความคิดที่ขี้ขลาดออกไปในทันที

เขาอยู่ในชั้น18แล้วและเหลืออีกสองชั้นก็ถึงชั้น20 แล้ว

นี่เป็นเส้นแบ่งเขตอีกครั้ง!

พลังการต่อสู้ของคู่ต่อสู้ในชั้น20 อยู่ที่ 2.0 ถ้าเขาสามารถผ่านระดับนั้นไปได้ นั่นหมายถึงความสามารถของเขาจะช่วยให้เขาไปอยู่ในระดับกลางของชั้นเรียน

ตอนนี้เขามีจุดพันธุกรรมอีกจุดหนึ่ง เขาจะสามารถฟื้นคืนถ้าเขาเพิ่มแต้มนั้นและเขาจะสามารถดำเนินการต่อได้!

เฟิง หลินตัดสินใจใช้จุดอย่างเด็ดขาด

=======

ชื่อ : เฟิง หลิน

พลัง : 1.9

ยีนลิง : 10

ยีนหิน : 8

ศักยภาพทางพันธุกรรม: 52%

=======

ยีนหินเพิ่มเป็น 8 หน่วย!

แคร่ก แคร่ก!

กระดูกของเขามีเสียงแตกชัดเจนดังออกมาราวกับประทัดและผิวของเขามีเนื้อสัมผัสที่เหมือนหยก อย่างไรก็ตามเมื่อมองเข้าไปใกล้ๆจะเห็นได้ว่ามีลายอยู่ทั่วผิวของเขา เขาสะบัดผิวหนังของเขาด้วยนิ้วมือและเกิดเสียงดังเหมือนเคาะโลหะ

นี่เป็นเงื่อนไขเมื่อยีนหินแข็งแกร่งขึ้นจนใกล้ถึงขีดจำกัดงั้นหรอ?

เฟิง หลินคิดว่ามันไม่น่าเชื่อ

ในขณะที่เขายังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มันอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่ลึกลับ

เขาเหลืออีกสองแต้มจนกว่าจะถึงระดับสูงสุงของยีนหิน เมื่อมันเกิดขึ้น เขาก็จะผสานยีนเป็นระดับสูงขึ้น

เฟิงหลินมองไปยังหอต่อสู้ลวงตาชั้นสูงขึ้น และก็เกิดประกายความทะเยอทะยานในตา

ในชั้น19 เมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1.9 มันเป็นการต่อสู้ระหว่างคนในระดับเดียวกัน

สิ่งต่างๆกลายเป็นเรื่องง่ายอย่างไม่คาดคิด

คู่ต่อสู้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะการลอบสังหาร เขาสวมเสื้อผ้าสีดำและใบหน้าของเขาถูกปกปิดราวกับว่าเขาเป็นนินจาญี่ปุ่น เขาสามารถซ่อนตัวเหมือนเงาและเฟิง หลินก็ไม่รู้ว่าเขามียีนอะไร

คู่ต่อสู้เช่นนี้มีแนวโน้มที่จะลอบจัดการอย่างระมัดระวังและเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ

อย่างไรก็ตามผิวของเฟิงหลินกลับแข็งเกินคาด ราวกับว่าอาวุธที่ไม่สามารถทะลุผ่านหรือเจาะได้

แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีพลังสูงถึง1.9 แต่ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้เปรียบกว่าเฟิง หลินมากนัก

ในท้ายที่สุดเฟิง หลินก็จงใจเปิดเผยจุดอ่อนและปล่อยให้ตัวเองถูกโจมตี จากนั้นเขาก็คว้าคอของคู่ต่อสู้และขยี้มันอย่างรุนแรงจนได้รับชัยชนะมาอย่างง่าย

ศักยภาพทางพันธุกรรม + 16%

คราวนี้ศัตรูของเขาไม่สามารถป้องกันได้และถูกควบคุม ดังนั้นเฟิง หลินจึงไม่ได้รับศักยภาพทางพันธุกรรมมากนัก

วิชานินจาเงามืดต้องปลุกยีนเงาขึ้นมา มันน่าเบื่อและไม่ยุติธรรมเท่าที่ควรเพราะเฟิง หลินก็ยังไม่สามารถเรียนรู้วิชายุทธ์ยีนนี้ได้

"แม้แต่นินจาญี่ปุ่นก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้! ทุกคนตกตะลึง ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนพบว่ายากที่จะจัดการเพราะพวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับการเคลื่อนไหวที่เข้าใจยากของนินจาได้ พวกเขาไม่คาดหวังว่าเฟิง หลินจะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

ทุกอย่างเหมือนภาพลวงตา

ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขา ต่อสู้ข้ามระดับกับคนที่มีพลังมากกว่าถึง 0.4 และยังประสบความสำเร็จ!

ทุกคนต่างก็อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

ขีดจำกัดของเฟิง หลินละ?

นี่คือสิ่งที่เฟิง หลินต้องการรู้

แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ แต่เฟิง หลินรู้ว่าด้วยการเพิ่มจุดพันธุกรรม พลังเขาจึงอยู่ที่1.9แล้ว

ชั้นต่อไปคือชั้น20 ซึ่งจะแตกต่างจากเดิม

สำหรับเฟิง หลินนี่คือความหมายที่แท้จริงของการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขา ยิ่งกว่านั้นเขาไม่มีจุดพันธุกรรมให้ใช้ได้อีก

นั่นหมายความว่าเขาได้สูญเสียไพ่ตายครั้งสุดท้ายไปกับหอคอย นี่จะเป็นการแข่งขันที่ยากลำบากแน่นอน

ไม่ว่าเขาจะสามารถมุ่งหน้าไปสู่ชั้นที่สูงขึ้นได้หรือไม่นั้นทั้งหมดขึ้นอยู่กับศึกนี้!

เขานั่งขัดสมาธิควบคุมลมหายใจและปล่อยให้ตัวเองฟื้นสภาพ  หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังชั้น20ของหอต่อสู้

สิ่งที่เฟิง หลินคาดไม่ถึงก็คือคราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาคือ ...

เอเลี่ยน?

ไม่สิ ควรเรียกว่า ...

คนที่มาจากต่างดาว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด