ตอนที่แล้วบทที่ 233 - ฉันได้ยินเสียงเธอ (1) [18-11-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 235 - ฉันได้ยินเสียงเธอ (3) [22-11-2019]

บทที่ 234 - ฉันได้ยินเสียงเธอ (2) [20-11-2019]


บทที่ 234 - ฉันได้ยินเสียงเธอ (2)”

พลังของเอลฟ์กับหมาป่าได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือไม่ก็สามเท่าจากก่อนหน้านี้ ต่อให้ในด้านเลเวลกับสกิลของพวกเขาจะด้อยไปบ้าง แต่อาวุธที่ยอดเยี่ยมก็จะช่วยเติมเต็มในช่องว่างเหล่านั้นได้!

นอกไปจากนี้พวกเขาทุกๆคนต่างก็มีเลเวลมากกว่า 150 เป็นอย่างน้อยจากการที่พวกเขาต้องพัฒนาขึ้นตามสภาพแวดล้อมของดาเรย์อีกด้วย

"ถ้าพวกเขาได้ค่าประสบการณ์จากการฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงการจะได้รับคลาส 4 มาก็ยังเป็นไปได้"

นี่ก็คือชายที่กำลังคิดในเรื่องบ้าๆภายในสงครามโลกชั้นสูง แต่ปัญหาคือเรื่องบ้าๆที่เขาคิดมันกลับเป็นจริงได้

"การรวมกันกับกองทัพมังกรจะทำให้เป็นกองกำลังที่น่ากลัว"

"พวกเด็กๆเป็นลูกน้องของมิล แต่ว่าฉันก็เห็นด้วยนะ"

กองกำลังของยูอิลฮานงั้นหรอ? ถ้าเป็นตัวเขาเมื่อห้าปีก่อนได้ยินแบบนี้ก็คงจะหัวเราะจนฟันหลุดแน่ ยังไงก็ตามสำหรับในตอนนี้มันเป็นจริงไปแล้ว พอได้เห็นการดิ้นรนปรับตัวของพวกเอลฟ์กับหมาป่านี้ได้ทำให้ยูอิลฮานหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็คิดบางอย่างได้

"สกิลปกครองก็ใกล้จะเชี่ยวชาญแล้ว... ฉันน่าจะรับพวกนี้มาเป็นลูกน้องอีกดีไหม?"

"ฉันเตรียมรายชื่อไว้แล้วค่ะ"

สมแล้วกับที่เป็นเอริเซีย เธอคนนี้ได้ยื่นกระดาษออกมาให้เขาทันทีแม้ว่าเขาจะพูดลอยๆก็ตาม จากรายชื่อที่มีของทั้งเอลฟ์กับหมาป่าที่มีความระเอียดอย่างมากทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่ได้เตรียมการภายในแค่วันสองวันแน่

"น่าทึ่งมาก"

"ขอบคุณค่ะ"

พอได้เห็นยูอิลฮานชมเอริเซีย คนอื่นๆก็ได้แอบกระซิบกัน

"หมาป่านั่นก็น่าสงสัยเหมือนกัน"

"ไม่เป็นไรหรอกเพราะเธอยังลำดับชั้นลูกน้องเจ้านายอยู่นะพี่สาว... จะเว้นก็แต่ว่ายูอิลฮานเป็นคนทำอะไรบางอย่างก่อน"

"หยุดนินทากันแค่นั้นแหละ"

ตอนนี้สกิลปกครองของยูอิลฮานอยู่ที่เลเวล 98 แล้ว ถึงแม้ว่าการจะเพิ่มเลเวลสกิลปกครองจะเป็นเรื่องยาก แต่ว่าลูกน้องของยูอิลฮานต่างก็มีทั้งความสามารถและการพัฒนาที่รวดเร็วทำให้สกิลนี้ของเขาเพิ่มเลเวลมาถึงขนาดนี้ได้ในเวลาสั้นๆ

แน่นอนว่าอีกสองเลเวลที่เหลืออยู่นั้นยากมากๆ แต่หากเขาได้รับเอาเอลฟ์กับหมาป่าเพิ่มและช่วยยกระดับความสามารถพวกเขาขึ้นมา บางทีการจะเชี่ยวชาญสกิลนี้ก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม นี่เป็นเหตุผลให้ยูอิลฮานอยากจะรับลูกน้องเพิ่มขึ้น

"เป็นเกียรติของผมที่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านจักรพรรดิ! ผมจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อท่าน!"

"อ่า ไม่หรอก ไม่ต้องขาดนั้นก็ได้"

"ผมจะพยายามให้ดีที่สุด"

ยูอิลฮานได้จัดการรับเอลฟ์ที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อไปสูงที่สุดตามลำดับ รวมไปถึงหมาป่าที่สามารถจะเปลื่ยนเป็นมนุษย์ก็ด้วยเช่นกัน เขาได้รับลูกน้องเข้ามาจนกว่าที่สกิลจะรับไม่ได้อีก

ถ้าหากว่ามีคนได้มาเป็นลูกน้องเขา คนๆนั้นก็จะได้รับการเพิ่มพลังขึ้นจากผลของสกิลปกครอง และมันยังไม่ใช่แค่นั้น คนๆนั้นก็จะยิ่งใกล้ชิดสนิทสนมกับยูอิลฮานมากขึ้นด้วย ดังนั้นจึงทำให้รับความภักดีของเอลฟ์ที่มากอยู่แล้วยิ่งไปสู่ระดับที่น่ากลัวขึ้นอีก

"ฟู่"

"ฉันอยากจะขยับตัวแล้ว"

"ฉันจะพิสูจน์ตัวเองให้ท่านจักรพรรดิเห็น"

การแจกจ่ายอุปกรณ์กับการรับลูกน้องเข้ามาใหม่ได้เสร็จลงในพริบตาเดียว เดิมทียูอิลฮานก็อยากจะให้เวลาพวกเขาไปพักกันบ้าง แต่ดูเหมือนพวกเขาจะคิดต่างออกไป พวกเขาอยากที่จะตอบแทนกับยูอิลฮาน และในเวลาเดียวกันยูอิลฮานก็อนุญาต

"ไปฝึกกันเลยล่ะกัน ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ 2 สัปดาห์"

"การที่คนพวกนี้อยากจะฝึกมากกว่าพักนี่ พวกเขาเป็นพวกโรคจิตงั้นสินะ"

พอเลียร่าได้ยินคำพูดของยูอิลฮาน เธอก็ได้คิดขึ้นว่าพวกเอลฟ์กับหมาป่าทุกๆคนนั้นได้กลายเป็นเหมือนเจ้านายของพวกเขาไปแล้ว แต่ว่าเธอก็ไม่กล้าพูดออกมา

"เยี่ยมล่ะ ถ้างั้นนี่จะเป็นการเริ่มฝึกต่อสู้ ฉันจะไม่ขอให้พวกนายแต่ล่ะคนไปสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเพียงลำพัง แต่ว่าถ้าเป็นพวกนายร้อยคนหรือพันคน พวกนายก็จะต้องเอาชนะสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมาให้ได้โดยไม่ต้องมีการเสียสละ เลียร่าจะเป็นคนรับหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนเอง"

"เอาล่ะ ฉันจะฝึกฝนพวกนายเอง!"

ครั้งหนึ่งเธอก็เคยเป็นคลาส 6 ต่อให้ในตอนนี้เธอจะตกมาอยู่คลาส 4 เธอก็ยังมีความสามารถอย่างดีเยี่ยม ถ้าเป็นตัวเธอ เธอจะสามารถสอนให้พวกเอลฟ์กับหมาป่าเข้าใจถึงพลังของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ เพราะแบบนี้ยูอิลฮานก็เลยปล่อยให้เลียร่าเป็นคนจัดการดูแล

ในเวลาเดียวกันกองทัพมังกรก็ได้ฝึกการต่อสู้ในระหว่างที่เอลฟ์กับหมาป่ากำลังก่อสร้างกันแล้ว

ในตอนที่การฝึกต่อสู้ได้เริ่มขึ้นจริงๆก็ได้มีทั้งเสียงตะโกนเชียร์และเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมา เสียงๆนี้ไม่ได้ต่างไปจากนรกเลย

[แล้วนายท่าน?]

"ฉันจะทำให้ป้อมปราการบริวารเสร็จสมบูรณ์

[...นายท่านจะเรียกมันแบบนี้จริงๆ?]

"อืม พอทำเสร็จเดี๋ยวจะเปลื่ยนชื่อ"

ยูอิลฮานได้มองไปที่ป้อมปราการอันใหม่และหยิบเอาหินพลังเวทย์คลาส 4 มาสร้างเป็นอาร์ติแฟคโดยไม่หวงเลย เขาได้ตั้งใจอย่างมากกับแผ่นกระโดด และบ่อพิษแต่ล่ะพ่อ จากนั้นก็ตามด้วยกับดักลมที่ยูมิลได้สร้างขึ้นด้วยเทคนิคของเขา นอกไปจากนี้เขายังเช็คดูสิ่งต่างๆที่จำเป็นอีกเป็นเวลาสามวัน

"เยี่ยม ตอนนี้มันพร้อมแล้ว"

[โอ้ หินพลังเวทย์คลาส 5 นายท่านคิดจะใช้มันกับป้อมปราการนี่?]

"ดีนะที่ยังมีเหลือไว้อยู่"

ยูอิลฮานได้หยิบเอาหินพลังเวทย์คลาส 5 ทั้งหมดสามก้อนออกมา

ก้อนแรกใช้อัพเกรดเกราะยูมิล ลมหายใจแห่งทอง ลมหายใจแห่งทองได้เพิ่มระดับขึ้นจากโกลาหลเป็นกึ่งเทพ พลังภายในหินพลังเวทย์ได้ผสมเข้ากันอย่างเป็นธรรมชาติ และหากยูมิลได้เก็บบันทึกมากพอ ลมหายใจแห่งทองของเขาก็ยังจะพัฒนาพลังขึ้นไปเป็นระดับเทพได้อีกด้วย

ส่วนอีกหนึ่งก้อนจะใช้ไว้สำหรับชิ้นส่วนใหม่ของเกราะยูอิลฮาน เกราะร่างมังกรเพลิงนรก เขาได้ใช้ร่างที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของคลาส 6 เจตจำนงแห่งความโกลาหลบวกกันกับหินพลังเวทย์คลาส 5 ทำเป็นถุงมือคู่หนึ่งขึ้นมา

เกราะร่างมังกรเพลิงนรกในตอนแรกที่เขาทำเขาก็คิดในเรื่องชิ้นส่วนใหม่ไว้แล้ว เกราะๆนี้จะปกคลุมถูกร่างเหนือผิวหนังองเขาดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างจะชิ้นอื่นๆเพิ่มขึ้นมาอีก และส่วนที่น่าทึ่งของเกราะร่างมังกรเพิลงก็คือสามารถจะเก็บชิ้นส่วนต่างๆเข้าไปได้และแชร์ความสามารถของมันออกมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังจะใช้เกราะร่างมังกรเพลิงนีเป็นตัวกลางในระบบการควบคุมชิ้นส่วนใหม่เพื่อป้องกันการปั่นป่วนของมานาได้อีกด้วย เป้าหมายของเขาก็ยังมีรองเท้า หมวก เกราะตัว และเกราะช่วงล่างอีกด้วย

เพราะแบบนี้หินพลังเวทย์สองก้อนก็ได้ถูกใช้ไปแล้วทำให้เหลืออยู่เพียงแค่ก้อนเดียวที่กำลังจะถูกเอามาไว้ใช้ในตอนนี้ เอามาใช้เพื่อสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่อีกอันที่เหมือนกับป้อมปราการลอยฟ้า

แต่ยังไงก็ตามในตอนที่เขากำลังจะเริ่มหัตถกรรมมานา เขาก็ลังเลไปอยู่ครู่หนึ่ง

"ฟู่"

[ไม่สมกับเป็นนายท่านเลยนะ]

"อ๊า ฉันก็แค่คิดนิดเดียวเอง"

ความคิดนั้นก็คือหากเขาไม่ติดอาวุธใหม่ให้กับเอลฟ์กับหมาป่า และถ้าเขาไม่ได้ให้พวกนั้นมาจัดการสร้างป้อมปราการนี้ จากนั้นเขาก็จัดการสร้างอุปกรณ์เล็กๆให้กับกองกำลังระดับสูงเล็กๆไว้สู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแทนล่ะ

[สายเกินไปที่จะมาเสียใจในเรื่องนั้นแล้ว]

"...ก็จริง ฉันก็แค่กลัวนิดๆนะ ความโกรธจากตอนที่ฉันเสียฟีเรียไปได้ลดลงไปแล้ว และในตอนนี้ฉันก็กลัวว่าฉันจะเสียพวกที่เหลือไปอีก..."

เขากระทั่งคิดว่าตัวเขานี้ขี้ขลาดจริงๆเลย เขาได้ทำมาจนถึงตอนนี้แล้วจะยังต้องลังเลอะไรอีก ถ้าป็นตัวเขาในอดีตก็คงจะไม่ลังเลใดๆในเรื่องคนอืนแล้ว... นี่คือความก้าวหน้าหรือการถอยหลังในฐานะมนุษย์กันนะ? แต่ไม่ว่ายังไงนี่ก็ตลกมาก

[เส้นทางนั้นพวกเขาเหล่านั้นได้เลือกเดินด้วยตัวเอง การลังเลของนายท่านจะเป็นการดูถูกความกล้าหาญของพวกเขา]

โอโรจิได้เริ่มดุยูอิลฮานที่คิดมากเกินไป คำพูดนี้ได้ฉีกกระฉากเศษเสี้ยวความลังเลสุดท้ายออกไป ยูอิลฮานได้ยกหินพลังเวทย์ขึ้นมาในทันที

"ฉันรู้ ฉันก็เป็นคนแบบนั้นเหมือนกัน ถึงฉันจะลังเลเพราะฉันรู้สึกเหมือนฉันบังคับให้พวกเขาทำแบบนั้นก็เถอะ..."

ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่ที่พวกคนอื่นๆกำลังฝึกอยู่ เอริเซีย มิไร และลูกน้องคนอื่นๆได้เข้าสู้กับเลียร่าอย่างไร้ปราณี พวกเขาแต่ล่ะคนต่างก็กัดฟันทนต่อสู้กับเธอ - นี่มันเหมือนกับตัวเขาในอดีตมาก

ยูมิล กองทัพมังกร เอลฟ์และหมาป่า ทุกๆคนที่อยู่ในบาเรียนี่ก็เหมือนกันกับเขา

ถึงเขาจะไม่รู้ว่านี่มันดีหรือแย่ แต่มันก็ทำให้เขายิ้มออกมา

"อ๊าาา ไม่สนแล้ว พวกเราทุกคนก็เกิดและตายกันอยู่แล้ว"

[พูดได้ดีถึงแม้ว่านายท่านจะไม่คิดปล่อยให้ใครตายเลยก็ตาม]

ยูอิลฮานได้ทำหัตถกรรมมานาโดยไม่สนใจคำพูดของเลียร่า ทั้งพื้นที่นี้ได้ได้ตอบสนองเข้ากับหินพลังเวทย์ด้วยการสั่นและเปล่งแสงออกมา

[ว้าว ฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังแชร์ความรู้สึกออกไป นี่ฉันควบคุมมันได้ด้วยเหมือนกันหรอ?]

"พยายามเข้า เมื่อไหร่ที่ฉันได้รับจิตวิญญาณคลาส 5 ที่เชื่อฟังมาฉันจะให้เขาช่วยเธอ"

[นี่มันเป็นไปได้ด้วย!]

"เธอก็รู้ว่าเธอพิเศษ"

อาร์ติแฟคกับดัก กำแพงป้อมปราการ และสิ่งต่างๆที่ทำขึ้นมาในพื้นที่ป้อมปราการแห่งนี้ได้รวมเป็นหนึ่งเยวกันด้วยการผสานกับมานาจากหินพลังเวทย์ ป้อมปราการบริวารนี้ได้ส่งเสียงดังสั่นขึ้นมาและเริ่มที่จะแยกจากพื้นดิน

ยังไงก็ตามยูอิลฮานไม่ได้จะทำให้มันลอย ถ้าเขาทำให้มันลอยขึ้นมา มันก็จะต้องออกไปนอกบาเรียที่เกิดจากนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาแน่

การสั่นสะเทือนได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น อาร์ติแฟคทั้งหมดในป้อมปราการได้ส่องแสงออกมาพร้อมๆกับมานา และในเวลาต่อมาจู่ๆการสั่นก็หยุดลงพร้อมข้อความที่ปรากฏขึ้นที่ม่านตายูอิลฮาน

[ป้อมปราการผู้พิทักษ์สีชาดได้เสร็จสมบูรณ์]

[ป้อมปราการผู้พิทักษ์สีชาด]

[ระดับ - กึ่งเทพ]

[ความทนทาน - 15,223,004/15,223,004]

[เงื่อนไขการใช้งาน - เป็นเจ้าของป้อมปราการลอยฟ้าผู้ทำลายล้าง หากป้อมปราการลอยฟ้าถูกทำลายมันจะบ้าคลั่ง]

[ออฟชั่น -

1.ขโมยพลังชีวิตและมานาจากผู้โจมตีมาฟื้นฟูความทนทาน

2.ดูดซับบันทึกจากสิ่งมีชีวิตต่างๆมาพัฒนาตัวเอง

3.สามารถเปิดใช้งานการบิน การเร่งความเรวเฉียบพลัน เพิ่มระดับความสูงเฉียบพลัน ลดระดับความสูงเฉียบพลัน

4.พลังโจมตีและพลังป้องกันของไอเทมทุกๆอย่างในป้อมปราการเพิ่มขึ้น 30%

5.พลังการฟื้นฟูของพันธมิตรที่อยู่ภายในป้อมปราการเพิ่มขึ้น 30%

6.ป้องกันการโจมตีที่เล็งเป้าไปที่ป้อมปราการลอยฟ้าผู้ทำลายล้างและจะเพิ่มพลังป้องกันของป้อมปราการขึ้นอีก 30%]

[หนึ่งในปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากชายผู้เดินในเส้นทางที่ไม่เคยมีมาก่อน ป้อมปราการนี้ได้เกิดขึ้นมาจากความคิดเรียบๆแต่เพราะแบบนี้ทำให้พลังของมันเหนือเกินกว่าจินตนาการ เมื่อปาฏิหาริย์และปาฏิหาริย์มาเจอกันก็จะทำให้เกิดตำนานขึ้น]

"เยี่ยม เป็นไปตามที่คิด"

[ตอนนี้ฉันยังขยับไม่ได้ใช่ไหม?]

"รอสักสิบวัน"

ยูอิลฮานได้เรียกเลียร่า เอลฟ์และหมาป่าเข้ามาในป้อมปราการ สนามรบหลักของพวกเขาเลยก็คือป้อมปราการนี้ ป้อมปราการผู้พิทักษ์สีชาด

"ท่านจักรพรรดิ เจ้านี่มันบินได้ด้วยสินะ?"

"บินได้ แต่ว่าสำหรับตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ใจเย็นก่อน"

ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานอาร์ติแฟคของป้อมปราการนี้ขึ้นมาและสั่งให้พวกเอลฟ์และหมาป่าสู้กันที่นี่ คราวนี้มีเพียงเลียร่าเท่านั้นที่เผชิญหน้ากับทุกๆคนด้วยความลำบาก

"อิลฮาน นายให้งานฉันเยอะไปแล้ว"

"เดี๋ยวฉันจะให้รางวัลทีหลังนะ ในตอนที่เรามีเวลา"

"ก่อนนายจะมีเวลาก็คงต้องรอเวลาเป็นรอยปีนั่นแหละ!"

มันก็แค่ไม่กี่ร้อยปีเองไม่ใช่หรอ? ยูอิลฮานได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่ไดพูดออกมา จากนั้นเขาก็จัดการทำงานชิ้นสุดท้ายภายในบาเรียนี้โดยที่มีเสียงจากลูกน้องเขาเป็นพื้นหลัง

สิ่งที่เขาทำนั่นก็คือการดัดแปลงวงเวทย์

[มีอะไรที่คนๆนี้ทำไม่ได้มั้งนะ...?]

[ข้าก็เคยคิดมาก่อนนะ แต่ว่าตอนนี้ข้าหยุดคิดไปแล้วล่ะ]

[เรื่องแบบนี้เคยเกิดมาก่อนงั้นสิน้า!?]

ด้วยการกระทำต่างๆของยูอิลฮานได้ทำให้มิสทิคกับโอโรจิสนิทกันมากขึ้น! ยังไงก็ตามไม่ว่าใครจะพูดยังไงยูอิลฮานก็สนแต่งานตรงหน้าเท่านั้น เขาได้วางมือลงบนพื้นและพยายามที่จะสัมผัสถึงวงเวทย์ที่ถูกติดตั้งอยู่ทั่วทั้งทวีป

"ก่อนหน้านี้ฉันได้แต่ใช้มันโดยไม่รู้หลักการเลย"

[...แล้วตอนนี้นายรู้หลักการแล้ว?]

"ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ"

ทันใดนั้นหินพลังเวทย์คลาส 4 ในมือของยูอิลฮานก็ดูจะเรืองแสงออกมาก่อนจะหายไป จากนั้นเองพื้นดินก็ได้เรืองแสงขึ้นสั้นๆ วงเวทย์ที่ฝังลึกอยู่ใต้ดินได้มีการเปลื่ยนแปลงขึ้นอยู่หลายนาที จากนั้นยูอิลฮานก็รู้สึกได้ถึงการเปลื่ยนแปลงนี้และยิ้มขึ้นมา

"ฉันยังแทรกแซงปรับแต่งมันได้อีก"

ปัญหาที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คือปริมาณมานาจำนวนมหาศาลที่จะต้องใช้ในการทำแบบนี้ แต่ว่ายูอิลฮานก็มีหินพลังเวทย์จำนวนมหาศาลที่เขาได้มาจากโลกอยู่เช่นกัน

"มาดูกันว่าใครจะชนะ!"

[นายท่าน ทุกวันนี้ท่านคิดว่าตัวเองเป็นตัวเอกหรือไงกันเนี้ย?]

[เขาอยู่ในวัยนั้น ปล่อยเขาไปเถอะ]

ยังไงก็ตามระหว่างที่การต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างความพลิกแพลงของยูอิลฮานกับประวัติศาสตร์ของทั้งอาณาจักรเอลฟ์กำลังจะเริ่มขึ้นนี้เอง

[ยูอิลฮาน?]

"...หืม?"

ได้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

เสียงๆหนึ่งที่เขาคิดว่าเขาไม่ได้ยินมานานแล้วก็ได้ดังขึ้นภายในหัวของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด