เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0150 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 150 : ไข่มุกกักเก็บพลัง
เมื่อฉินหยุนได้ยินนามเชี่ยวหยางหลง เขาอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น อีกฝ่ายคือคู่หมั้นของหยางฉีเย่ว์!
ผู้อำนวยการจางมองรอบไปยังบ้านไม้เหล่านั้นบนภูเขาและกล่าว “ผู้คนส่วนใหญ่มาที่นี่ก็เพราะเจ้า พวกเขาอยากเห็นว่าเจ้าเติบโตขึ้นเพียงใด! พวกเขาล้วนคิดว่าวิญญาณยุทธ์ของเจ้าตายจากไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงอยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าพลังของเจ้าถดถอยจริงหรือไม่”
ทุกคนต่างทราบ ว่าศิษย์ทั้งหมดที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ คือโอกาสสุดท้ายของพวกเขาทั้งหมดแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงคิดใช้โอกาสนี้ มาเพื่อรับชมพละกำลังของฉินหยุน เพื่อให้ผ่านการทดสอบเข้าสู่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ผู้อื่นจะต้องสำแดงพลังออกอย่างเต็มที่ระหว่างการทดสอบอย่างแน่นอน!
เมื่อฉินหยุนกลับถึงในถ้ำ เซี่ยอู๋เฟิงพบว่าสีหน้าเขาเปลี่ยนไป
“น้องหยุน ภายนอกเกิดอะไรขึ้น? เหมือนเจ้าไม่มีความกังวลใจอันใดแล้ว กลับเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้!” เซี่ยอู๋เฟิงยิ้มอ่อนกล่าวถาม
ฉินหยุนยิ้มรับคำ “ภายนอกมีผู้คนมากมายยิ่ง! อาจารย์ของข้าจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงเองก็มาที่นี่ ด้วยนางเฝ้ามอง ข้าจึงไม่คิดกังวลใจอันใดอีกต่อไป!”
ในอดีต ครั้งเขาเข้าร่วมการประลองยุทธ์หรือการทดสอบ หยางฉีเย่ว์จะคอยรับชมเขาจากด้านข้าง นั่นถือเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจแก่เขาอย่างมหาศาล
เซี่ยอู๋เฟิงเองก็ทราบ ว่าอาจารย์ของฉินหยุนคือหยางฉีเย่ว์ นางเป็นหญิงที่พรสวรรค์เปี่ยมล้น ด้วยอายุยังเยาว์ นางกลับก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้ว
“นับว่าดี! เจ้าจงเชื่อมั่นในพละกำลังของตนเองเข้าไว้ จงมั่นใจว่าจะผ่านการทดสอบครั้งนี้”
ฉินหยุนกลับเข้าห้อง เขาอยากทำความคุ้นเคยระหว่างตนเองกับวิชายุทธ์มากมายที่มีอยู่ให้มากกว่านี้จนกระทั่งถึงเวลาสุดท้าย เขาต้องการมั่นใจว่าจะสามารถใช้งานพวกมันได้พร้อมทุกเมื่อในทุกช่วงเวลา
สามวันให้หลัง มู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงค่อยออกจากห้องของพวกเขา
หลังพวกเขาทราบถึงความเปลี่ยนแปลง พวกเขาคล้ายได้รับแรงใจผลักดันอย่างรุนแรง นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายสำหรับพวกเขาแล้วที่จะได้เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
เหมือนเช่นเคย ฉินหยุนสวมใส่ชุดสีดำ ขณะที่เซี่ยอู๋เฟิงสวมใส่ชุดสีขาว มู่หรงต้าเหรินสวมใส่ชุดงดงามเช่นเคย เป็นชุดหรูหราสีแดงที่ประดับด้วยผ้าต่วนและแพรไหม
ชายร่างใหญ่อย่างฮั่วจงสวมใส่ชุดผ้าป่านเนื้อหยาบ มันทำให้เขารู้สึกถึงความหยาบกระด้าง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดสวมใส่ชุดที่ดีนักแต่อย่างใด
ผู้อำนวยการไป่แจ้งต่อพวกเขาแล้วว่าห้ามสวมใส่อุปกรณ์ผังธาตุแสง ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่เก็บพวกมันเอาไว้
การทดสอบย่อมต้องเป็นการประลองวิชายุทธ์ เขายังไม่ทราบข้อเปรียบเทียบ แต่เรื่องราวต้องไม่ใช่ง่ายอย่างแน่นอน เพราะมันคือการเข้าร่วมทดสอบเป็นหน่วย
“ไปกัน!” เซี่ยอู๋เฟิงก้าวเดินออกนำหน้า เขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจ สีหน้านั้นสงบนิ่ง หาได้มีร่องรอยของการขาดความมั่นใจแม้สักนิดแม้สูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง
ฉินหยุน ฮั่วจง และมู่หรงต้าเหรินล้วนไม่รู้สึกกังวลใจอันใดเช่นกัน พวกเขาก้าวเดินอย่างมั่นคงออกจากถ้ำ
ภายนอก หลายหน่วยตั้งแถวรอกันแล้ว พวกเขาตอนนี้จำนวนไม่ได้เยอะอย่างครั้งฉินหยุนเข้าร่วมสถาบัน เหตุผลหลักก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบที่ภายนอก มีหลายผู้คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
ทั้งสิบหน่วยรวมกันแล้วจำนวนคนยังน้อยกว่าสองร้อย
ฉินหยุนหันมองภูเขารอบด้านหุบเขา เขาได้เห็นบ้านไม้วิจิตรหลายหลังกระจายตัวกันอยู่ ผู้คนเหล่านั้นต่างมารับชมการประเมินผลในคราวนี้ ทว่าเลือกที่จะรับชมจากระยะไกล
เมื่อเห็นพวกเขาออกมากันพร้อมแล้ว ผู้อำนวยการไป่จึงกล่าวคำ “ทุกหน่วยจงฟังให้ดี การทดสอบรอบแรกกำลังจะเริ่ม เพียงพวกเจ้าผ่านการทดสอบทั้งสามรอบไปได้จึงจะสามารถเข้าเลือกสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนที่เลือก”
“สำหรับการทดสอบในรอบแรก พวกเจ้าต้องเติมเต็มไข่มุกเม็ดใหญ่ด้วยกำลังภายใน จงทำให้เสร็จสิ้นภายในเวลาธูปไหม้ เช่นกัน พวกเจ้าต้องอดทนต่อบททดสอบพละกำลังเพื่อเป็นการตัดสินกำลังภายในที่บรรจุในไข่มุก”
“นำเอาไข่มุกกักเก็บพลังออกมา!”
ไข่มุกกักเก็บพลังมีขนาดใหญ่ มันกว้างราวสองเมตรเห็นจะได้ มันโปร่งใสจนเห็นทุกอย่างทะลุ นี่เปรียบดั่งไข่มุกผลึกแก้วขนาดใหญ่
ที่บนภูเขา ในบ้านไม้หลังใหญ่ มีโถงแห่งหนึ่งกว้างขวาง ที่แห่งนี้ประกอบด้วยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าและขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พวกเขาล้วนนั่งในโถง
หยางฉีเย่ว์ ผู้อำนวยการจาง และต้วนเฉียนต่างอยู่ที่นี่ รวมถึงอาจารย์เว่ย พระยาเยี่ยน และข้าราชบริพารเฒ่าแห่งเทียนฉิน พวกเขาล้วนรวมตัวกันที่นี่อย่างจงใจ
หยางฉีเย่ว์เข้าร่วมตำหนักตะวันออกวิญญาณสีคราม ทั้งยังได้กลายเป็นศิษย์ของตำหนักตะวันออก นางสวมใส่ชุดสีน้ำเงินเข้ม สีหน้านางตอนนี้เย็นเยือก งดงาม และเปี่ยมไปด้วยพลัง
ด้วยสายตาเย็นเยียบของนาง นางหันมองไปยังอาจารย์เว่ยผู้ซึ่งเดินมาทางที่นางกำลังนั่งอยู่
“คุณหนูหยาง... ฉินหยุนครั้งหนึ่งเป็นศิษย์ท่าน ดูเหมือนท่านมั่นใจในตัวเขามาก สนใจพนันกับข้าหรือไม่? ข้าพนันว่าหน่วยของเขาไม่อาจผ่านการทดสอบรอบแรกได้! ด้วยอัตราหนึ่งต่อห้าตามแต่ท่านคิดลง นี่เป็นข้าต่อให้ท่านแล้ว” อาจารย์เว่ยเข้ามากล่าวคำสุภาพ ทว่าน้ำเสียงคิกคักนั้นกลับไม่ใช่
เมื่อต้วนเฉียนได้ยินดังนี้ เขายิ้มกล่าว “อาจารย์เว่ย เรื่องนี้นับว่าน่าสนใจนัก ให้ข้าเข้าร่วมได้ด้วยหรือไม่?”
ผู้อำนวยการจางหัวเราะกล่าว “ข้าก็ด้วย!”
พระยาเยี่ยนแค่นเสียงขึ้น “พวกมันก็แค่สี่คน หน่วยของฉินหยุนคงไม่อาจเติมเต็มพลังงานแก่ไข่มุกกักเก็บพลังขนาดใหญ่นั่นได้ภายในเวลาหนึ่งธูปไหม้อย่างแน่นอน พวกท่านล้วนคิดกันจริงหรือว่ามันจะผ่านการทดสอบรอบนี้ได้?”
“ข้าพนันห้าพันเหรียญม่วง นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี!” น้ำเสียงของหยางฉีเย่ว์ยังคงเย็นเยียบ นางเปี่ยมด้วยความมั่นใจขณะแค่นเสียงกล่าวคำ “หากท่านจ่ายตามอัตราต่อรองห้าเท่าไม่ได้ ข้าจะตัดหัวคนแทนเงิน!”
อาจารย์เว่ยพลันสั่นกลัว ห้าพันเหรียญม่วง นี่หมายถึงห้าล้านเหรียญผลึก หากเขาแพ้ เท่ากับว่าต้องจ่ายคืนกลับไปยี่สิบห้าล้านเหรียญผลึก!
เขาตกปากรับคำโดยทันที “ย่อมได้!”
เขาปฏิเสธที่จะให้ต้วนเฉียนและผู้อำนวยการจางเข้าร่วม หากเพียงเดิมพันกับหยางฉีเย่ว์ เขายังพอจ่ายได้ไหวหากพ่ายแพ้ แต่หากรวมผู้อำนวยการจางและต้วนเฉียน เขาคงไม่อาจรับไหว
หยางฉีเย่ว์นำห้าพันเหรียญม่วงออกมาส่งให้แก่อาจารย์เว่ย น้ำเสียงเย็นชากล่าว “รับไป!”
เมื่อพระยาเยี่ยนเห็นดังนี้ เขายิ้มกล่าว “อาจารย์เว่ย ยินดีล่วงหน้าแล้วสำหรับโชคลาภ!”
ต้วนเฉียนหัวเราะ “พระยาเยี่ยน ท่านสนใจเล่นกับข้าสักครั้งหรือไม่เล่า?”
“หากท่านต้องการเล่น ก็ย่อมได้ ข้าให้อัตราหนึ่งต่อห้า ท่านต้องการลงเดิมพันกับข้าหรือ?” พระยาเยี่ยนเองก็คล้ายคิดอยากสร้างผลกำไร เพราะเขาเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าต้วนเฉียนจะต้องแทงข้างฉินหยุนอย่างหน้ามืดตามัว
โดยเฉพาะหยางฉีเย่ว์ นางไม่คล้ายคิดด้วยซ้ำที่นำเอาห้าล้านเหรียญผลึกออกมาเพื่อเดิมพัน!
“ข้าเองก็จะลงเดิมพันห้าพันเหรียญม่วง!” ต้วนเฉียนหัวเราะกล่าว
พระยาเยี่ยนยิ้มขณะรับเหรียญม่วงจากต้วนเฉียน เขารู้สึกคล้ายว่านี่สมควรเป็นของตนไม่หลุดลอยไปที่ใดแล้ว
“การประเมินผลครั้งนี้ หน่วยของฉินหยุนเสียเปรียบยิ่ง หน่วยอื่นมีคนมากกว่าสิบกันทั้งนั้น หน่วยของฉินหยุนมีกันแค่สี่คน เรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องยากเย็นนักที่คิดเติมเต็มไข่มุกกักเก็บพลังภายในเวลาหนึ่งชั่วธูปไหม้ กระทั่งเป็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดจำนวนสี่คน ยังไม่น่าทำได้ด้วยซ้ำ”
อาจารย์เว่ยยิ้มกล่าว “เพราะเหตุนั้นข้าจึงมั่นใจว่าจะชนะ! ฉินหยุนมีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง เซี่ยอู๋เฟิงก็มีเพียงสอง โชคชะตาของหน่วยพวกเขาคือไม่มีวันผ่านการประเมินผลครั้งนี้ได้!”
ชั่วขณะนี้เอง ผลึกแก้วทรงกลมขนาดใหญ่พลันเคลื่อนไปอยู่ตรงหน้าของแต่ละหน่วย
เซี่ยอู๋เฟิงเป็นกังวลว่าจะมีคนคิดใช้กลลวงต่อพวกตน ดังนั้นเขาจึงเลือกหนึ่งในนั้นด้วยตนเอง การกระทำเช่นนี้ค่อยทำให้เขารู้สึกวางใจขึ้นได้บ้าง
หนึ่งในหัวหน้าหน่วยแค่นเสียงกล่าวดังลั่น “ต่อให้เพิ่มธูปอีกสักสอง พวกเจ้าก็ไม่มีทางเติมเต็มไข่มุกกักเก็บพลังได้ทัน ยอมแพ้เสียแต่ตอนนี้จะได้ไม่เสียหน้า!”
อีกทางหนึ่ง เซี่ยอู๋เฟิงและฉินหยุนยังคงมีอาการสงบ แม้ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินพบว่าเป็นเรื่องยาก แต่พวกเขาก็มั่นใจในพละกำลังของตนเอง
ที่ลานฝึกฝนแห่งนี้ ผลึกแก้วทรงกลมกว้างกว่าสองเมตรทั้งสิ้นสิบลูกต่างเรียงรายกัน ผลึกแก้วแต่ละลูกจะล้อมไว้ด้วยกลุ่มศิษย์ของแต่ละหน่วย พวกเขากำลังรอสัญญาณเริ่มการทดสอบ
หลังธูปถูกจุดขึ้นในอึดใจ ผู้อำนวยการไป่พลันประกาศเริ่มการทดสอบรอบแรก!