ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0147 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0149 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0148 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 148 : วิชาคลื่นยักษ์

ไม่กี่วันให้หลัง โต๊ะของฉินหยุนก็เต็มไปด้วยกระดาษจำนวนหลายแผ่น

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนที่เขาทำความเข้าใจในช่วงที่ศึกษาวิชาคลื่นยักษ์ พวกมันเหล่านี้วางกระจัดกระจาย จำเป็นต้องได้รับการจัดเรียงเสียใหม่

“ตราบเท่าที่เราเชี่ยวชาญพื้นฐานได้ ก็น่าจะพอใจได้แล้ว เราต้องทำให้ได้!” ฉินหยุนกล่าวอย่างมั่นใจกับตนเอง

ในอีกหลายวันให้หลัง เขามุ่งเน้นแต่การศึกษาเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์

ศิษย์ผู้อื่นในหุบเขาต่างก็เก็บตัวฝึกฝนเคล็ดวิชาของตัวเอง เพราะอีกไม่นานแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องยกระดับพลังเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ!

มีแต่ต้องผ่านการทดสอบจึงสามารถไปจากสถาบันซานเสวียน และมุ่งหน้าสู่สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนได้ มีเพียงเดินบนเส้นทางนี้พวกเขาจึงจะมีโอกาสได้ก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด!

ไม่เช่นนั้น ด้วยพละกำลังของพวกเขา การก้าวขึ้นสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดจะกลายเป็นเรื่องยากเย็น และไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น

ภายในห้อง ฝ่ามือของฉินหยุนประทับกับผนังขณะส่งถ่ายกำลังภายในเข้าไป มันปล่อยออกเป็นคลื่นกระแทก

เขาพึมพำกับตัวเอง “หากอาจารย์หยางอยู่ที่นี่ เราคงจับเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ได้ในเวลาอันสั้นแล้ว ตอนนี้เรากลับต้องใช้เวลาถึงสิบวันกว่าจะสำเร็จถึงขั้นต้น”

“ตอนนี้ เราทำได้เพียงแค่ปล่อยคลื่นกระแทกออกมาครั้งหนึ่ง เราต้องปล่อยคลื่นกระแทกออกมาให้ได้อย่างน้อยสามครั้งถึงจะเรียกว่าดีได้”

วิชาคลื่นยักษ์ ทราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสามารถสร้างคลื่นกระแทก ก็นับได้ว่าสำเร็จขั้นต้น คลื่นกระแทกที่สองและสามจะเป็นความยากขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง พลังอำนาจของเคล็ดวิชาจะยิ่งแข็งแกร่งรุนแรงมากขึ้น

ที่ขั้นกลาง จะสามารถปลดปล่อยคลื่นกระแทกได้สี่ ห้า หรือว่าหกครั้ง

ฉินหยุนฝึกฝนเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์อย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นเพียงแค่คลื่นกระแทก แต่มันทรงพลังยิ่ง เป็นเพราะมันเกิดขึ้นจากกำลังภายในที่ใช้ออกผ่านเคล็ดวิชา

ไม่เพียงแต่เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ เขายังฝึกฝนวิชายุทธ์อื่นด้วย

เขาได้ฝึกฝนหมัดอ่อนเปลวเพลิง และก้าวอัคคีเมฆาจนถึงขั้นสมบูรณ์! ทว่า การเรียนรู้จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ มันไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจ แต่ศักยภาพทางร่างกายและพื้นฐานการฝึกฝนต้องแข็งแกร่งพอด้วย

ฝ่ามือพันอาชาและวิชาหานซานยังคงก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง พวกมันเป็นเคล็ดวิชายากเรียนรู้ นั่นจึงทำให้พลังที่ได้รับไม่ธรรมดาเช่นกัน

ฉินหยุนทำความรู้และเข้าใจเพื่อเรียนรู้วิชายุทธ์หลากหลายด้วยตนเอง เป็นผลให้เขายิ่งมายิ่งมีความเข้าใจลึกล้ำต่อเคล็ดวิชาฝึกฝน มันจะยิ่งทำให้ง่ายต่อการเข้าใจเมื่อเขาเรียนรู้เคล็ดวิชาอื่นในภายหน้า

เป็นเพราะหยางฉีเย่ว์บ่อยครั้งจะอ่านตำราวิชายุทธ์นานาประเภท เพราะแบบนั้นนางจึงมีความเข้าใจที่ดีต่อวิชายุทธ์ที่ค่อนข้างยาก

“ในที่สุดก็สำเร็จขั้นต้น วิชาคลื่นยักษ์ที่เราใช้จะนำมาซึ่งคลื่นกระแทกสามครั้ง” หลังฉินหยุนปลดปล่อยกำลังภายใน คลื่นกระแทกสามวงจึงบังเกิด พวกมันเป็นคลื่นที่ทะลักพุ่งออกด้านหน้าด้วยพลังทรงอำนาจ

เขากล่าวเย้ยหยันตัวเอง “พอมาคิดแล้ว มันถึงกับทำเอาเราต้องใช้เวลาครึ่งเดือนกว่าจะเชี่ยวชาญพื้นฐานได้!”

เขารู้สึกว่า หากหยางฉีเย่ว์อยู่ที่นี่ เพียงห้าวันตนก็สามารถใช้คลื่นกระแทกสามครั้งได้แล้ว

ในอดีตที่ผ่านมา เป็นเพราะหยางฉีเย่ว์ชี้แนะ เขาจึงสามารถเรียนรู้วิชาฝ่ามือพันอาชาและวิชาหานซานได้อย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เขาเชี่ยวชาญฝ่ามือพันอาชาแล้ว และยังสามารถใช้กำลังภายในเพื่อโจมตี นี่เสมือนการใช้พลังของม้านับพันตัวพุ่งออก ทว่าก็ต้องใช้กำลังภายในไม่ใช่น้อย

และความเชี่ยวชาญของวิชาหานซานนั้น สามารถปลดปล่อยพละกำลังที่สามารถเคลื่อนขุนเขาได้ ถือว่าเป็นพละกำลังที่ทรงอำนาจยิ่ง

“เราเชี่ยวชาญวิชายุทธ์พวกนี้ดีแล้ว ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราอีก แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างหากต้องต่อสู้กับขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด” ฉินหยุนครุ่นคิดกับตนเอง

ที่เขาคุ้นเคยด้วยที่สุดก็คือวิชาวายุสังหารหกกระบวนท่า และวิชามังกรหลอม เป็นเขาใช้งานพวกมันบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงเรียนรู้พวกมันและเชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็ว

เคล็ดวิชาฝึกฝนที่เขาสามารถเรียนรู้ ไม่มากก็น้อยสำเร็จไปแล้ว ตอนนี้เหลือเวลาอีกสิบวันก่อนถึงการทดสอบ!

“เหลืออีกสิบวัน แต่ยังรู้สึกเหมือนมีเวลาไม่พออยู่เลย การทดสอบครั้งนี้จะต้องมีคนเล็งเป้าพวกเราเป็นแน่ ดังนั้นเราต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถผ่านการทดสอบไปได้”

ฉินหยุนไม่เป็นกังวล เขามั่นใจมากว่าจะต้องมีคนเข้ามาขวางตนเองอย่างแน่นอน คนของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนและตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามนั้น ไม่ปรารถนาได้เห็นเขาเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนอย่างถึงที่สุด

เขาได้ศึกษาวิชายุทธ์มาตลอดยี่สิบกว่าวันโดยไม่ได้พักเลยสักนิด กระนั้น เขาก็ยังคงมีความกังวลว่าตนจะไม่อาจผ่านการทดสอบครั้งนี้ หากเป็นแบบนั้นเขาก็ต้องรอโอกาสหน้าอีกครึ่งปีด้วยกัน

“ยังมีเวลาอีกกว่าสามหรือสี่เดือนก่อนพิธีอภิเษกสมรสจะเริ่มต้นขึ้น ไว้เวลานั้นมาถึง พวกนั้นจะต้องตอแยเราแน่ โดยเฉพาะกับนังโฉดชั่วจักรพรรดินี นางจะต้องทำให้มั่นใจว่าเราจะได้เข้าร่วมเพื่อรับชมบุตรชายของนางแต่งงานกับเชี่ยวเย่ว์หลาน”

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนกำลังแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ เขาปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาและทำให้น้ำร้อนขึ้น นี่ก็เผื่อเป็นการผ่อนคลายร่างกาย

การผ่อนคลายเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งยังช่วยฟื้นฟูร่างกาย

อย่างกะทันหัน เขามองที่โทเทมราชสีห์สวรรค์บนแขน เขาอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงคำพูดของราชสีห์อัคคีทองคำ

“จ้าวราชสีห์บอกว่า โทเทมราชสีห์สวรรค์จำเป็นต้องทำความรู้และเข้าใจ หมายความว่าเราสามารถรู้และเข้าใจอะไรบางอย่างจากมันได้?”

ด้วยสีหน้าสับสน เขามองสัญลักษณ์โทเทมราชสีห์สวรรค์บนแขนอย่างเงียบงัน คล้ายพยายามวิเคราะห์มันออกมา

ขณะนั้นเอง เป็นเขาไม่อาจละสายตาไปจากมัน กระทั่งน้ำในอ่างอาบน้ำกลับกลายเป็นเย็นเยือกดุจน้ำแข็งเขายังไม่รู้ตัว

“แปลก เหมือนเราจะเห็นราชสีห์ขยับได้!” ฉินหยุนไม่ทราบว่าทำไมตนถึงมีความรู้สึกเช่นนี้ มันทำเอาเขาลอบตื่นเต้นขณะสำรวจมองมันอย่างสนใจยิ่ง

หลายชั่วโมงให้หลัง เขาพลันได้ยินเสียงร้องคำราม!

“เสียงร้องคำรามราชสีห์ดังในหู!” ฉินหยุนสะดุ้งตื่นก่อนหลับตาลงอีกครั้ง ในจิตใจของเขา ภาพของโทเทมราชสีห์สวรรค์คือสิ่งฝังแน่น

โฮก! โฮก! โฮก!

เขาสามารถได้ยินเสียงคำรามร้องราชสีห์อย่างชัดเจนหลังวาดภาพโทเทมราชสีห์สวรรค์ภายในใจ เขากระทั่งเห็นเส้นสายเป็นรูปแบบของโทเทมราชสีห์สวรรค์ คล้ายนี่คือวิธีการใช้กำลังภายใน

เขาเร่งรีบจดจำความเปลี่ยนแปลงของโทเทมราชสีห์สวรรค์ยามเมื่อมันร้องคำราม

“แขนเราตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดของราชสีห์สวรรค์ บางทีเราอาจควบคุมและฝึกฝนเคล็ดวิชาของราชสีห์สวรรค์ได้!” ฉินหยุนเบิกตาโพลงขณะพิจารณานึกย้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อโทเทมราชสีห์สวรรค์ในใจ

ตามความเข้าใจของเขา เขาสามารถรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของโทเทมราชสีห์สวรรค์ และควบคุมพลังปราณให้สามารถไหลผ่านมาที่ลำคอ

เพียงอึดใจ กล้ามเนื้อที่ลำคอของเขาคล้ายอดไม่ได้จนต้องคำรามออกมา

“โฮก!”

เสียงคำรามนี้เปรียบดั่งเสียงราชสีห์คำราม!

ฉินหยุนตระหนก!

เขาไม่คิดว่าด้วยโอกาสครั้งนี้ เขาจะเรียนรู้เสียงคำรามราชสีห์ นอกจากนี้ยังไม่ใช่เพียงเสียงคำรามร้องธรรมดา มันยังเป็นคลื่นพลังภายในอันแข็งแกร่ง

“หากเสียงคำรามร้องนี้ปลดปล่อยออกระหว่างการประลองยุทธ์ มันน่าจะส่งผลกระทบไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว”

เขาอดใจไม่ไหว ความคิดเช่นนี้ทำเอาเขาตื่นเต้น เขาหลับตานิ่งขณะทำความรู้และเข้าใจโทเทมราชสีห์สวรรค์ต่อเนื่อง

“หากเราเรียนรู้มันได้อย่างต่อเนื่อง เราอาจสามารถใช้กำลังภายในเพื่อคำราม พลังของมันจะต้องยิ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่”

ไม่นานจากนั้น เขาได้ทำความเข้าใจต่อเคล็ดวิชายิ่งมายิ่งกระจ่างชัด นามของวิชานี้คล้ายประทับในใจฝังแน่น ‘เสียงคำรามราชสีห์สวรรค์ทะลวงนภา’

“ดูเหมือนเราจะได้รับมรดกสืบทอดของราชสีห์สวรรค์ของจริง! เราต้องทำความรู้และเข้าใจมันอย่างต่อเนื่อง บางทีอาจถึงขั้นเชี่ยวชาญกระบวนท่าอื่นได้อีก!”

ฉินหยุนสำรวจมองโทเทมราชสีห์สวรรค์ที่แขนต่อเนื่องยาวนาน เขาตั้งสมาธิมั่นกับการทำความรู้และเข้าใจวิชายุทธ์อื่นของราชสีห์สวรรค์

มรดกจากโทเทมเป็นสิ่งลึกลับยิ่ง มันเป็นเพียงแค่โทเทม แต่กลับบรรจุเปี่ยมล้นด้วยพลังงานลึกลับที่ทำให้คนผู้หนึ่งสามารถรู้และเข้าใจวิชายุทธ์จากมันได้

มรดกเช่นนี้ไม่เคยมีบันทึกไว้ในตำราเล่มใด เป็นเพราะมีโอกาสน้อยมากที่มนุษย์จะสามารถได้รับมรดกโทเทมสัตว์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด