ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0134 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0136 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0135 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 135 : กระจก

หลังเชี่ยวเย่ว์เหม่ยสวมใส่สร้อยข้อมือ นางหันมองบรรดาศิษย์คนอื่นจากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน ล้วนเผยใบหน้าเปี่ยมด้วยความอิจฉา นางรู้สึกดีขึ้นมาโดยทันที ทั้งยังยินดีมากด้วย

แน่นอนว่า นางไม่อาจเผยตัวตนแท้จริงออกต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ไม่เช่นนั้นนางคงกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีไปแล้ว

นางเพียงเอ่ยคำเสียงเบา “ขอบคุณพี่หยุน”

หลังจากนั้น นางจึงหยดเลือดลงบนตัวสร้อยข้อมือ แสงสว่างสีขาววาบปรากฏ นี่เป็นการแสดงถึงความเป็นเจ้าของ

โดยทันที เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำกระเป๋าและดาบที่พกไว้กับกายเก็บใส่มิติภายใน

“สร้อยข้อมือมิติเก็บของ? กระทั่งอาจารย์หลายท่านยังไม่มีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของที่ดีเช่นนี้”

“ใช่ อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ยิ่งขนาดเล็กเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น! กระเป๋าใบใหญ่ที่ต้องแบกไปไหนมาไหนอย่างพวกเราถือว่าเลวร้ายยิ่ง! ที่ดีกว่านั้นก็เห็นจะเป็นสร้อยคอ แหวน และแหวนขนาดเล็กอะไรทำนองนั้น”

“นี่เรื่องบ้าอะไรกัน ฉินหยุนทำไมถึงมอบของล้ำค่าแบบนี้ได้โดยไม่มีท่าทีคิดอะไรมาก กระทั่งว่าเป็นผู้หญิงของตน แต่ก็ไม่ควรให้ง่ายปานนี้ไม่ใช่หรือ”

ตู้ก่วยหัวเราะขัดคำขึ้น “พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว หวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะมีชีวิตรอดกลับมาในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง”

ทั้งสามหน่วยออกเดินทางจากหุบเขามุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาเมฆมังกร พวกเขาทั้งมาดมั่นและมั่นใจ

ก่อนเขาออกไป เซี่ยอู๋เฟิง ฮั่วจง และมู่หรงต้าเหรินก็มาส่งเขาออกเดินทาง

หลังจากฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกจากหุบเขา พวกเขาเริ่มออกวิ่งด้วยฝีเท้ารวดเร็วยิ่ง

พวกเขารั้งท้ายอยู่ห่างจากสองหน่วยที่เหลือเพื่อหลบเลี่ยงการโดนลอบโจมตี

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยทราบว่าฉินหยุนมีศัตรูไปทั่ว นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์จารึกที่ครอบครองผังวิญญาณล้ำค่าไว้กับตัวจำนวนมาก กล่าวได้ว่าเขาเป็นจุดดึงดูดนักปล้นชิงชั้นเลิศ ดังนั้นนางจึงเป็นกังวลว่าอีกสองหน่วยที่เหลือจะเข้าโจมตีฉินหยุน

“จำไว้ด้วยว่าให้กลบรอยเท้าและออร่า พวกนั้นจะได้ตามรอยมาไม่ได้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “แม้ว่าพลังจิตของทั้งสองหน่วยนั่นไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพวกเรา แต่อย่างไรพวกมันก็เข้าสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนแล้ว ทั้งยังเริ่มการฝึกวัชระกระดูก หากพวกเราโดนพวกมันปิดล้อมโจมตี จะกลายเป็นเรื่องอันตรายยิ่ง”

“เย่ว์เหม่ย พี่สาวเจ้าอยู่ในสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน นางรับการฝึกที่แตกต่างจากศิษย์ทั่วไปงั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“พี่สาวควรเหมือนผู้อื่น แต่เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าใคร นางจึงเลือกวิธีการฝึกฝนที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าผู้ใด” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหยุดฝีเท้า นางเริ่มลบร่องรอยขณะสำรวจพื้นที่โดยรอบ นางระแวดระวังยิ่งกว่าฉินหยุนที่เป็นเป้าหมายเสียอีก

ฉินหยุนเองก็สำรวจโดยรอบเผื่อกรณีมีวิญญาณสัตว์ร้ายเข้าโจมตี

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยกมือของนางขึ้น จากนั้นจึงโบกสร้อยข้อมือที่ข้อมือของนางไปมาและหัวเราะ “สร้อยข้อมือมิติเก็บของนี้มอบให้ข้าจริง? อย่าได้คิดนำมันกลับคืนเชียว!”

“ต่อให้ข้าอยากได้มันคืน เจ้าก็ไม่คืนข้าอยู่แล้วนี่!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ก็เหมือนให้ซาลาเปาเนื้อแก่สุนัข มันกลืนลงท้องแล้วไม่มีทางได้คืน...”

“เจ้าสิสุนัข!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยฮึดฮัด “เร่งมือเข้า จะได้ไปกัน พวกเราอยู่ไม่ห่างจากพวกนั้นมากนัก... จริงด้วยสิ อาจารย์ตู้ไม่คล้ายบอกต่อพวกเราว่าจะหาวิญญาณสัตว์ร้ายได้อย่างไร”

ฉินหยุนไม่ทราบวิธีค้นหาพวกมันเช่นกัน ครั้งล่าสุดที่เข้ามาในเทือกเขา เขาไม่คล้ายสัมผัสถึงตัวตนสัตว์ปีศาจใดได้เลยด้วยซ้ำ

“ลองเข้าไปให้ลึกมากขึ้น ครั้งล่าสุดศิษย์จากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามโดนจัดการที่ส่วนลึกของเทือกเขา” ฉินหยุนกล่าว

พวกเขาใช้เวลากว่าครึ่งวันวิ่งเข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาเมฆมังกร หลังเดินทางผ่านทั้งภูเขาและป่าตลอดรายทาง ในที่สุดพวกเขาก็ถึงส่วนลึกในเทือกเขา

ต้นไม้บริเวณนี้ใหญ่กว่าพื้นที่รอบนอกเทือกเขา พวกมันล้วนสูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร บางต้นกระทั่งสูงถึงสองร้อยเมตร ความหนากว่าสิบเมตรยังมีให้เห็นเช่นกัน

“ที่นี่ต้นไม้ยักษ์เยอะมาก ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ข้าได้เข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาเมฆมังกร” ฉินหยุนกล่าว เขาระแวดระวังพร้อมปล่อยพลังจิตออกไปขุมหนึ่ง หากมีการเคลื่อนไหวใดเกิดขึ้นโดยรอบ เขาจะรับรู้ถึงมันได้ทันทีทันใด

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพูดขึ้น “หากข้าได้เข้าอาคมขัดเกลากระดูกสักครั้ง ข้าคงได้ก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด! อันดับหนึ่งในครั้งนี้ ข้าต้องคว้าเอาไว้ให้ได้”

ฉินหยุนลอบตระหนก เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอายุเพียงสิบสี่ปี หากนางก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดได้จริง เช่นนั้นพรสวรรค์ของนางจะยิ่งน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเชี่ยวเย่ว์หลานผู้เป็นพี่เสียอีก

“เย่ว์เหม่ย... หากพวกเราได้อันดับหนึ่ง พวกเราจะได้เข้าค่ายอาคมขัดเกลากระดูกร่วมกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “กรณีนั้น ค่ายอาคมขัดเกลากระดูกทำงานได้เพียงครั้งเดียวใช่หรือไม่?”

“อีกสองเดือนเจ้าจะเข้าร่วมการทดสอบประเมินผล พวกเรายังต้องอยู่ที่นี่สังหารวิญญาณสัตว์ร้ายทั้งเดือน! เพราะงั้นหลังพวกเราได้อันดับหนึ่ง ข้าก็แค่รอเจ้าสักเดือนหนึ่ง... แน่นอนว่าเจ้าต้องผ่านการทดสอบและเข้าสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนให้ได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงได้แต่เข้าค่ายอาคมขัดเกลากระดูกลำพังแล้ว”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถองสีข้างฉินหยุนขณะยิ้มให้ “ข้ากังวลนักว่าเจ้าจะไม่ผ่านการประเมินผล ได้ยินว่าการประเมินผลเดี๋ยวนี้ยิ่งมายิ่งยากมากขึ้น!”

“อย่าได้ห่วงเรื่องข้าเลย ข้าต้องได้เข้าค่ายอาคมขัดเกลากระดูกร่วมกับเจ้าแน่นอน” ฉินหยุนเม้มริมฝีปากก่อนกล่าวคำ “เลิกคุยแล้วมาตั้งใจคว้าอันดับหนึ่งก่อนดีกว่า! จนกระทั่งถึงตอนนี้พวกเรายังไม่เจอวิญญาณสัตว์ร้ายเลยสักตัวนะ!”

“คงเหลือทางเดียวแล้วละมั้ง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันนำเอากระจกออกมาบานหนึ่ง

กระจกบานนี้ขนาดราวฝ่ามือ ด้วยลวดลายเปลวเพลิงสีทองม่วง มันนับเป็นกระจกสีทองม่วงที่งดงามชิ้นหนึ่ง

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถือด้ามจับมันเอาไว้ นางมองในกระจกขณะฮัมเพลงไปด้วย

“กระจกนั่นคืออะไร?” ฉินหยุนเข้าไปสำรวจมอง ทว่า เขากลับต้องร้องอุทานออก “ทำไมไม่มีข้าสะท้อนในกระจก? นี่มันอะไรกัน!?”

“เพราะเจ้าไม่ใช่คน เจ้ามันเป็นวิญญาณชั่วร้ายยังไงละ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยสีหน้าจริงจังกล่าวคำ

ฉินหยุนพลันตะหนก ใบหน้าเปี่ยมด้วยความกลัว “เย่ว์เหม่ย เรื่องนี้... จริงหรือ?”

“ฮ่าฮ่า ก็ต้องไม่อยู่แล้ว ข้าแค่ล้อเล่น!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคัก “เหมือนเจ้าจะกลัวมากเลยนะ!”

“นางเด็กนี่!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะลอบสบถในใจ เมื่อครู่เขาถึงกับขวัญหนีเลยด้วยซ้ำ

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยังคงมองกระจกต่อ แต่แล้ว นางกลับขมวดคิ้ว นางจ้องมองฉินหยุนและกล่าวเสียงเบา “ฉินหยุน เจ้ามีสองวิญญาณยุทธ์?”

ฉินหยุนตระหนกทว่าภายนอกยังคงสงบและกล่าวตอบ “จะเป็นไปได้อย่างไร?”

“คนโกหก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเดินเข้าหาพร้อมหยิกเข้าที่แขนของเขา “เจ้ามีสองวิญญาณยุทธ์ จงบอกความจริงต่อข้า!”

“ข้าไม่ได้โกหกนะ!” ฉินหยุนไม่อาจยอมรับแม้ต่อให้ต้องตาย เขาเป็นกังวลว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอาจเปิดโปงเรื่องราวนี้ต่อผู้อื่น

“เจ้ากลัวข้าป่าวประกาศไปทั่วหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคาดเดาได้ถูกต้อง นางพลันเผยรอยยิ้มดูลึกลับออกมา “เหตุใดพวกเราไม่แลกเปลี่ยนกันเสียละ? ข้าจะบอกเจ้าว่าวิญญาณยุทธ์ของข้าคืออะไร เช่นนั้นเจ้าก็ต้องบอกว่าวิญญาณยุทธ์ที่สองของเจ้าคืออะไร!”

“ข้าไม่มีวิญญาณยุทธ์ที่สอง อย่าพูดจาไร้สาระ” ฉินหยุนหัวเราะตอบ

“อย่าได้คิดโกหกต่อข้า กระจกบานนี้สัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณรอบกายข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยกกระจกบานเล็กขึ้นในมือและกล่าว “ผ่านตัวกระจก ข้ารู้สึกได้ถึงดวงวิญญาณสามดวงในตัวเจ้า หนึ่งคือวิญญาณตัวเจ้าเอง อีกสองคือวิญญาณยุทธ์ของเจ้าแล้ว”

ฉินหยุนแตกตื่น เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถึงขั้นมีของวิเศษเพียงนี้ในครอบครอง เขาลังเลไปครู่ค่อยตอบคำ “ก็ได้ ข้ามีสองวิญญาณยุทธ์ก็ได้!”

“ไม่ประหลาดใจเลยที่เจ้าก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้ทั้งที่มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง นอกจากนี้เจ้ายังแข็งแกร่งยิ่ง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหยิกฉินหยุนไปที นางเผยยิ้มกล่าวคำ “ไอ้หน้าโง่เชี่ยวหลาง มันโดนเจ้าเล่นกลใช้วิญญาณยุทธ์ที่สองงั้นสิ? ข้าก็คิดอยู่แล้วว่ามันแพ้ได้แปลกเกินไป!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด