ตอนที่แล้วตอนที่ 202 สลักร่างพยัคฆ์มังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 204 สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ขั้นสูงสุด

ตอนที่ 203 หลิงจื่อโลหิต


ตอนที่ 203 หลิงจื่อโลหิต

 

เซี่ยวเฉินได้บรรลุถึงระดับเทียบเท่าชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สองของสลักร่างพยัคฆ์มังกรไปเรียบร้อยแล้ว, ‘ร่างแกร่งทรงพลัง,เพิ่มเลือดโลหิตและพลังฉีอย่างมหาศาล’ และ ‘ก่อเกิดพลังศักดิ์สิทธิ์,ตัดภูเขาสะบั้นหินผา’

 

TL:เซี่ยวเฉินได้ฝึกฝนร่างกายไปจนเทียบเท่าสองชั้นแรกแล้ว ทำให้ตอนเริ่มฝึกฝนสลักร่างพยัคฆ์มังกรจึงข้ามไปที่ชั้นสามเลย

 

ดังนั้น,เมื่อเขาบ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกร,เขาจึงไม่พบอุปสรรคใดๆ เขาสามารถบ่มเพาะไปถึงชั้นที่สองได้ในทันที จากนั้น,เขาก็เริ่มบ่มเพาะชั้นที่สามของมัน,พยัคฆ์คำรามสะเทือนไพร,อำนาจเหนืออสูรนับร้อย

 

ทักบ่มเพาะพลังนั้นแตกต่างจากทักษะต่อสู้ พวกมันไม่ต้องการความเข้าใจระดับสูง;เพียงแค่ต้องทำตามวิธีการไปเท่านั้น การมีร่างกายที่ดีนั้นหมายถึงการมีความสามารถที่ดีพร้อมผู้ที่มีความสามารถดีพร้อมก็จะบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วผู้ที่มีความสามารถต่ำหน่อยก็จะช้าลง

 

หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน,ในที่สุดเซี่ยวเฉินก็บ่มเพาะพลังสลักร่างพยัคฆ์มังกรถึงชั้นที่สาม เหตุผลหลักที่ทำให้เซี่ยวเฉินบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วเช่นนี้ก็คือเขาได้วางรากฐานร่างกายมาอย่างดี หากคนทั่วไปมาบ่มเพาะพลังนี้,ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถเพียงใด,มันก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นเดือนๆ

 

หลังจากที่บ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกรมาถึงชั้นที่สาม,เซี่ยวเฉินต้องทำเพียงหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะพลัง,และกระดูกของเขาก็ส่งเสียง ‘กรอบแกรบ’ ออกมา กล้ามเนื้อแขนขาทั้งสี่ของเขาสงวนพลังเอาไว้,แต่พวกมันเต็มไปด้วยพลังระเบิด

 

เมื่อเซี่ยวเฉินชกออกไป,นอกจากสายลมที่มาจากกำปั้นของเขา,มันยังมีเสียงพยัคฆ์คำราม เสียงคำรามดังและกังวาน;มันช่างทรงพลังอย่างมาก มันเหมือนกับพยัคย์คำรามออกมาและสั่นสะเทือนป่าจริงๆ,สัตว์อสูรนับร้อยไม่หาญกล้าที่จะท้าทาย

 

เมื่อเขาสำเร็จถึงขั้นที่สาม,มันมีผลประโยชน์ตามมา ความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นอีก 500 กิโลกรัม การจู่โจมเต็มกำลังของเขาสามารถขึ้นไปได้ถึง 4,000 กิโลกรัม

 

จุดปราณจุดที่สี่บนแขนของเขา,จุดเน่ยกวน,ทันใดนั้นก็เปิดออก

 

หลังจากนี้,เซี่ยวเฉินก็ใช่เวลาทั้งวันไปกับการเสริมสร้างพื้นฐานของสลักร่างพยัคฆ์มังกร จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนทีกษะหมัดระดับปฐพีขั้นต่ำ—หมัดพยัคฆ์มังกร

 

ทักษะต่อสู้นั้นแตกต่างจากทักษะบ่มเพาะพลัง;พวกมันพึ่งพาความสามารถในการเข้าใจของผู้ฝึกฝน ผู้ฝึกฝนต้องคิดเกี่ยวกับเนื้อหาแก่นแท้ของทักษะต่อสู้และดึงพลังที่สมบูรณ์ของมันออกมา

 

กระบวณท่าแรกก็คือพยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา เซี่ยวเฉินไม่เคยเห็นพยัคฆ์ร้ายที่แท้จริงมาก่อน เขาไม่สามารถเข้าใจถึงท่วงท่าและกระแสพลังของพยัคฆ์ร้าย เป็นผลให้เมื่อเขาฝึกฝนมัน,เขารู้สึกว่ามันไม่เป็นไปอย่างราบลื่น

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,และเขาจำได้ว่าหลังจากที่เข้ามาในโลกใต้พิภพ,ในป่าแรกที่เขาข้ามมา,เขาได้เจอกับสัตว์อสูรวิญญาณระดับห้า—พยัคฆ์เพลิงคลั่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า

 

เซี่ยวเฉินใช้คาถาแรงโน้มถ่วงและเริ่มมองหาไปทั่วทุกที่ เมื่อตอนที่เขาลอยอยู่ในอากาศ,เขาได้ยินเสียงคำรามดังสะท้อนไปมา

 

หลังจากที่เขามุ่งหน้าเข้าไป,เซี่ยวเฉินก็ยินดีที่พบว่ามันคือพยัคฆ์เพลิงคลั่งที่กำลังออกล่าอาหาร

 

วันเวลาผ่านไป,เซี่ยวเฉินไม่ได้ทำอะไร เขาเพียงแค่เว้นระยะห่างออกมาและสังเกตการณ์ทุกการเคลื่อนไหวของพยัคฆ์เพลิงคลั่ง

 

สองวันผ่านไป

 

สามวันผ่านไป…

 

ในพริบตาเดียว,เซี่ยวเฉินได้เอ้อระเหยลอยไปลอยมาอยู่ในป่าแห่งนี้เจ็ดวันเต็ม เหมือนกับวันแรก,เซี่ยวเฉินไม่ได้ลงมือทำอะไร เขาเพียงสังเกตการณ์ชีวิตของพยัคฆ์เพลิงคลั่ง,ทุกท่วงท่าที่มันทำ

 

เขาเหมือนจะเป็นบ้าราวกับเขาได้กลายร่างไปเป็นพยัคฆ์เพลิงคลั่ง หมัดพยัคฆ์มังกร? พยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา? เขาได้ลืมเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไปนานแล้ว

 

ในช่วงบ่ายของวันนี้,เซี่ยวเฉิน,ผู้ที่เป็นบ้ามาหนึ่งอาทิตย์,ทันใดนั้นก็ร้องคำรามขึ้น เขากระโดดลงจากยอดของต้นไม้,ราวกับว่าเขาคือพยัคฆ์ตัวใหญ่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดตื่นกลัว;กลุ่มนกบินออกจากหมู่ต้นไม้

 

เซี่ยวเฉินชกหมัดออกไปกลางอากาศ ก่อนที่หมัดของเขาจะได้ลงถึงพื้น,สายลมหนาแน่นจากกำปั้นของเขาเป่ากองใบไม้ร่วงที่อยู่บนพื้น ใบไม้ที่ร่วงหล่นเติมเต็มไปในอากาศ ในที่สุด,เขาก็ลงมาถึงพื้นดิน

 

ในวินาทีถัดไป…เกิดเป็นเสียงดังสนั่น,เกิดหลุมใหญ่ขนาด 20 เมตรปรากฎขึ้นบนพื้น ฝุ่นหินดินควันนับไม่ถ้วยถูกตบลอยขึ้นไปในอากาศ,บดบังท้องฟ้าเอาไว้ จากนั้นพวกมันก็ตกลงมาราวกับลูกเห็บ

 

“ฟู่!” ในจังหวะนี้,มีสายลมกรรโชก ดินหินในอากาศกลายเป็นผุยผงเมื่อลมพัดผ่าน มันกลายเป็นว่าหมัดของเซี่ยวเฉินได้มาถึงจุดที่เขาเข้าใจรายละเอียดของทักษะอย่างถ่องแท้ เศษหินดินพวกนี้ทั้งหมดถูกทำลายจากภายใน

 

เป็นบ้าไปกว่าหนึ่งอาทิตย์เต็มและได้บรรลุในทันที,นี่คือกระบวณท่าแรกของทักษะหมัดระดับปฐพีขั้นต่ำ—พยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา ในท้ายที่สุด,เซี่ยวเฉินก็สามารถบ่มเพาะมันจนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

 

เซี่ยวเฉินถอนหมัดกลับมาและยืนตัวตรง เขาใช้พลังปราณค่อยๆปัดฝุ่นที่ลงมาบนตัวของเขา เขาเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข พลังอำนาจของทีกษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นต่ำไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง

 

ตอนนี้เขาได้เรียนรู้กระบวณท่านี้แล้ว,เขาจะมีไพ่ตายอีกใบไว้ใช้ในการต่อสู้ระยะประชิด,นอกเหนือจากเบี่ยงร่างกระแทก ด้วยวิธีนี้,เขาสามารถดึงความแข็งแกร่งของร่างกายของเขามาเป็นข้อได้เปรียบ

 

ภายในพิภพใต้ดิน,ทุ่งสมุนไพรธรรมชาติ

 

เซี่ยวเฉินซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้หนาทึบ,ซ่อนกระแสพลังทั้งหมดของเขาไว้ เขาจ้องมองไปที่ลิงปีศาจกระหายเลือด  500 เมตรห่างออกไป

 

ลิงปีศาจกระหายเลือดคือสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุด มันเทียบเท่ากับระดับขอบเขตนักบุญ มันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณประเภทวานร สติปัญญาของมันส่งกว่าเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรวิญญาณทั่วไป

 

มันมีพละกำลังที่น่ากลัว,ไหวพริบและสติปัญญาที่ดี ลิงปีศาจกระหายเลือดมันยากที่จะรับมือด้วย

 

มีการของหลิงจือโลหิตอายุเกือบ 300 ปี มันเป็นสมุนไพรที่เสริมสร้างร่างกายได้เป็นอย่างดี หลิงจื่ออายุ 300 ปี มันเพียงพอสำหรับเซี่ยวเฉินที่จะฝึกฝนในตลอดระยะเวลานี้ ไม่สามารถเสริมสร้างกำลังของเซี่ยวเฉินไปได้อีก 250 กิโลกรัม  เซี่ยวเฉินถูกมันดึงดูดเป็นอย่างมาก

 

กระบวนท่าที่สองของหมัดพยัคฆ์มังกร,พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนคือทักษะต่อสู้ประเภทป้องกัน เหมือนกับก่อนหน้านี้,เซี่ยวเฉินไม่สามารถเข้าใจมันได้ภายในระยะเวลาสั้น ดังนั้นเชื้อจึงปล่อยมันไปก่อน เขากลับไปที่แผนดั้งเดิมของเขาที่จะมองหาสมุนไพรที่สามารถเสริมสร้างเลือดโลหิตและพลังฉีของเขาได้

 

หลิงจื่อโลหิตอายุ 300 ปีคือเป้าหมายแรกของเขา

 

ลิงปีศาจกระหายเลือดสูงประมาณ 5 เมตรเมื่อมันยืนตัวตรง มันเดินลาดตระเวนไปรอบๆหลิงจื่อโลหิตอย่างระมัดระวัง ดวงตาแดงก่ำของมันจ้องมองไปในพื้นที่โดยรอบพร้อมกับเจตนาฆ่าฟัน

 

ภายใต้อิทธิพลที่แข็งแกร่งของลิงปีศาจกระหายเลือด,สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 จำนวนหนึ่งที่กำลังจ้องมองหลิงจื่อโลหิตก็หนีไปไกล

 

เซี่ยวเฉินเคยมาที่นี่แล้วเมื่อ 2 วันก่อน เขาเห็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 ขั้นสูงสุด--หมาป่าปีกเงิน ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆโดยลิงปีศาจกระหายเลือดต่อหน้าต่อตาของเขา ฉากเลือดที่สาดไปทุกที่นั้นโหดร้ายเป็นอย่างมาก

 

เซี่ยวเฉินสังเกตการณ์ทุกการต่อสู้ของเล่นพิซซ่ากระหายเลือดเป็นเวลาสองวัน มันทำให้เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของมันเป็นอย่างดี

 

ลิงปีศาจกระหายเลือดจะพึ่งพาความรู้สึกที่แหลมคม,ความรวดเร็ว,พลังแขนที่มีน้ำหนักมากกว่า 5000 กิโลกรัมของมัน,เช่นเดียวกับขนของมัน,ที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า; คมมีดทั่วไปไม่สามารถตัดมันให้ขาดได้

 

เสียงฉันได้คำนวณอย่างรอบคอบ ถ้าเขาพึ่งพากำลังความแข็งแกร่งร่างกายของเขา,เขามีโอกาสเพียงครึ่งที่จะทำได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม,เมื่อเขารวมทักษะต่อสู้, ทักษะเคลื่อนไหว,และเพลิงแท้อัสนีม่วงของเขา,โอกาสของเขาจะเพิ่มขึ้นไปถึงเจ็ดในสิบส่วน

 

เซี่ยวเฉินกําเศษดินเล็กน้อยขึ้นมาจากที่ด้านล่างของพุ่มไม้ ด้วยความนึกคิดของเซี่ยวเฉิน,เขาใช้ออกคาถาสละชีพ กองดินในมือของเขาเปล่งแสงออกมา,ผ่านไปครู่หนึ่ง,มันกลายไปเป็นนกตัวเล็กบินออกไป

 

ด้วยระดับการบ่มเพาะพลังของเซียวเฉิน,เขาสามารถใช้อะไรก็ตามแต่เพื่อร่ายคาถาสละชีพสร้างสัตว์ตัวเล็กๆขึ้นมา อย่างไรก็ตาม,สิ่งที่สามารถจะนำไปใช้ในการต่อสู้ได้ยังคงต้องการสิ่งของที่มีพลังงานจิตวิญญาณเป็นพื้นฐาน

 

นกตัวน้อยเป็นวนอยู่บนท้องฟ้าก่อนที่จะตรงไปที่หลิงจื่อโลหิตด้านข้างลิงปีศาจกระหายเลือด หลังจากที่มันบินผ่านลิงปีศาจกระหายเลือดไป,มันก็พุ่งตรงไปที่หลิงจื่อโลหิต

 

ลิงปีศาจกระหายเลือดมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ มุมปากของมันยกขึ้นเผยเป็นรอยยิ้มน่ากลัว มันกระโจนขึ้นเบาๆและกลายเป็นแจ้งสีแดงก่ำ,มุ่งหน้าตรงไปที่นกตัวน้อย

 

“ป้าบ!”

 

เมื่อลิงปีศาจกระหายเลือดกวาดแขนของมันไปในอากาศด้วยพลังมหาศาล,สามารถมองเห็นได้ถึงระลอกคลื่นบางเบาปรากฏขึ้นในอากาศ อย่างไรก็ตาม,นกตัวน้อย เหมือนกับหยั่งรู้และได้เป็นสูงขึ้นไป,หลบฝ่ามือของมัน

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา หลังจากสังเกตการณ์มาสองวัน,เขาคุ้นเคยกับลิงปีศาจกระหายเลือดว่ามันกระโดดสูงได้เพียงใด;ด้วยการกระโดดตบเบาๆ,กระโดดด้วยแรงเล็กน้อย,หรือกระโดดเต็มกำลังของมัน

 

นกตัวน้อยบินหลบอย่างต่อเนื่อง ลิงปีศาจกระหายเลือดรู้สึกเจ็บใจและเกรี้ยวโกรธอย่างสมบูรณ์ มันไล่จับนกตัวน้อยที่กำลังบินตรงมาที่พุ่มหญ้าที่เซี่ยวเฉินกำลังซ่อนตัวอยู่

 

“ป้าบ! ป้าบ!”

 

ลิงปีศาจกระหายเลือดกระโดดด้วยพลังทั้งหมดของมัน;ร่างของมันลอยสูงขึ้นไป 50 เมตรในอากาศ ความเร็วของมันพุ่งถึงจุดสูงสุด;สามารถมองเห็นได้เพียงเส้นสีแดง นกตัวน้อยไม่สามารถหลบได้ทันเวลาแล้วถูกทุบจนแหลกเป็นผง

 

“ฟุ่ ฟิ่ว !”

 

ขณะที่ลิงปีศาจกระหายเลือดกำลังพึ่งพอใจและลงถึงพื้น,เซี่ยวเฉินก็กระโดดออกมาจากพุ่มหญ้า เขาคำรามออกมาเสียงดัง,ราวกับพยัคฆ์ได้เข้าสิงร่างของเขา เขาพุ่งเข้าหาลิงปีศาจกระหายเลือด

 

เซี่ยวเฉินคำนวณไว้อย่างดี มันเป็นจังหวะที่ลิงปีศาจกระหายเลือดได้กระโดดขึ้นไปเต็มกำลังและอยู่ระหว่างที่กำลังจะร่วงลงมา

 

มันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้กลางอากาศ ไม่มีทางที่จะหลบการโจมตีของเซี่ยวเฉินได้

 

“ปัง!”

 

ร่างใหญ่โตของลิงปีศาจกระหายเลือดถูกกระแทกกลับไปด้วยหมัดนี้ มันตอบสนองอย่างรวดเร็วและตีลังกากลางอากาศ มันลงถึงพื้นด้วยแขนขาทั้งสี่และลื่นไถลไปหลายเมตรก่อนที่จะตั้งตัวได้

 

“ซี่! ซี่!”

 

มีร่องลึกบนพื้นเมื่อลิงปีศาจกระหายเลือดพยายามใช้แขนขาทั้งสี่จับพื้นเอาไว้,ทำให้ฝุ่นควันลอยขึ้นไปทั่วทุกที่

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้หยุดคิด;เขาไม่ได้สนใจว่าลิงปีศาจกระหายเลือดจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่,หรือมันจะได้รับบาดเจ็บเท่าใด ในทันทีที่เขาชกไป,เขาได้ไล่ตามลิงปีศาจกระหายเลือดในทันที,พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

“ฉัวะ!”

 

ในทันทีที่ลิงปีศาจกระหายเลือดลงถึงพื้น, ร่างมนุษย์ก็บินทะลุผ่านกลุ่มควัน พร้อมกับเสียง ‘เฟี้ยว’ กลุ่มควันถูกเป่าหายออกไป ภาพร่างหมัดปรากฏขึ้น,พุ่งตรงไปที่ลิงปีศาจกระหายเลือด

 

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

ลิงปีศาจกระหายเลือด,ที่ตั้งตัวยืนขึ้นได้แล้ว,ขยับแขนของมันอย่างรวดเร็ว;มันรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันป้องกันกำปั้นของเซี่ยวเฉินเอาไว้ได้  หนึ่งคนและหนึ่งสัตว์อสูร….พวกเขาต่อสู้กันอย่างดิบเถื่อนที่สุดในพื้นที่เปิดโล่ง

 

ไม่มีทักษะต่อสู้ที่แพรวพราว,มีเพียงภาพหมัดลอยตัดไปมา,สร้างคลื่นกระแทกออกมาโดยรอบ ร่างทั้งสองวูบไหวไปรอบๆ;พวกเขารวดเร็วจนมองเห็นเพียงแค่เงา

 

“วู่!”

 

ลิงปีศาจกระหายเลือดร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราด มือขวาสีแดงของมันเปล่งแสงออกมา ความเร็วและความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นสองเท่าในทันที

 

“พยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา!”

 

เซี่ยวเฉินคำรามออกมาเสียงดังพร้อมกับหมุนเวียนสลักร่างพยัคฆ์มังกร  มีเสียงแตกกรอบแกรบดังมาจากกระดูกของเขา ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นสองส่วนในทันที,เพิ่มขึ้นถึง 5,000 กิโลกรัม ฉีและโลหิตทั่วทั้งร่างของเขาพลุ่งพล่านออกมา,เผาไหม้อย่างเร่าร้อน

 

เซี่ยวเฉินกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายต้อนรับมือสีแดงขนาดใหญ่ของลิงปีศาจกระหายเลือดอย่างไม่เกรงกลัว

 

ในวินาทีถัดมา,กำปั้นทั้งสองเข้าปะทะกันและส่งเสียงอันดังออกมา เกิดพลังเกือบจะ 10,000 กิโลกรัม เกิดระเบิดขึ้นในอากาศ;มันฟังดูราวกับเสียงฟ้าร้อง ทั่วทั้งทุ่งสมุนไพรสั่นสะเทือน

 

หากมีใครมาเห็นเข้า,พวกเขาควจะหัวเราะเยาะเย้ยเซี่ยวเฉินที่เอาพละกายไปวัดกับสัตว์อสูรวิญญาณ ทุกคนล้วนรู้ดีว่าลักษณะร่างกายของสัตว์อสูรดีกว่าของมนุษย์,ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือการฟื้นตัว

 

พวกเขาต่างเผ่าพันธุ์กัน;เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีข้อได้เปรียบที่แตกต่างกัน การต่อสู้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรวิญญาณที่พึ่งพากำลังกาย,นักบ่มเพาะพลังส่วนใหญ่จะใช้ทักษะต่อสู้เพื่อคว้าชัยชนะ ไม่มีใครโง่งมพอที่จะไปแข่งขันในเรื่องพลังกาย

 

“โซว! โซว! โซว!”

 

สัตว์อสูรวิญญาณหลายตัววิ่งเข้ามาจากระยะไกล พวกมันรออยู่ในบริเวณใกล้เคียง,กำลังมองดูเซี่ยวเฉินและลิงปีศาจกระหายเลือดฟัดกัน

 

สัตว์อสูรวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้โงเง่าเช่นกัน พวกมันกำลังรอจนกว่าทั้งสองจะบาดเจ็บและฉวยโอกาสนั้นเข้ามาแย่งชิงหลิงจื่อโลหิตอายุสามร้อยปี

 

หลังจากรับการโจมตี,สายโลหิตไหลออกมาจากมุมปากของเซี่ยวเฉิน เขาถอยหลังกับไปสิบก้าว ทุกก้าวทิ้งรอยเท้าลึกเอาไว้

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด