เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0133 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 133 : เคล็ดวิชาเทวะควบคุม
มันมีบันทึกจากตู้ก่วยภายในตำราวิชาเทวะ ซึ่งมันทำให้ง่ายต่อการอ่าน
ผ่านไปนานไม่น้อย ในที่สุดพวกเขาก็จดจำทุกอย่างได้
“บอกต่อข้าว่าเจ้าเข้าใจว่าอย่างไร!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสะกิดฉินหยุนเบามือ “นี่เจ้าฝันกลางวันอะไรอยู่? พูดเร็วเข้า!”
“ข้ากำลังคิดว่าจักรวรรดิเทียนเชี่ยวจะคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องที่ข้าทำอะไรเจ้า พวกเขาต้องต่อต้านข้าแน่นอน หรือไม่ใช่? ข้าทำให้เชี่ยวหลางพิการไปแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งยังนำร่างราชสีห์เหมันต์กลับมาด้วย พวกเขาเกลียดชังข้ามานานยิ่งแล้ว ตอนนี้เจ้ายังก่อเรื่องซ้ำอีก...” ฉินหยุนเป็นกังวลเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลอกตาแค่นเสียง “เจ้าเพิ่งยั่วยุตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามไป เหตุใดต้องหวาดกลัวจักรวรรดิเทียนเชี่ยวของเรา? เจ้าคือว่าที่ปรมาจารย์จารึกในอนาคต เจ้าควรมีความมั่นใจในตัวเองบ้างสิ!”
“แต่คราวนี้ข้าไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ทั้งยังไปก่อร่างสร้างความเกลียดชังต่อจักรวรรดิเทียนเชี่ยว นอกจากนี้ชื่อเสียงของข้ายังป่นปี้ นี่ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่!” พอฉินหยุนคิดได้ดังนี้ เขารู้สึกไม่สบายใจยิ่ง
“ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับหญ้าหัวใจลึกล้ำไปหรือไร?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบุ้ยปากกล่าว
“ก็ได้ ข้ายอมรับ อย่างน้อยข้าก็ได้ไอ้นั่นมา!” ฉินหยุนถอนหายใจ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียงเบา “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้จนเกินไป บรรดาตระกูลทรงอำนาจทั้งหมดรวบรวมเงินไปครั้งคิดชิงตัวพี่สาวข้าแล้ว ต่อให้พวกเขาไม่ได้ข้า ก็แค่รู้สึกเสียดายเท่านั้นเอง”
“ทำไมกันเล่า? เจ้าไม่ได้แย่กว่าพี่สาว แต่ทำไมเจ้าถึงไม่มีค่า?” ฉินหยุนสำรวจมองเชี่ยวเย่ว์เหม่ย “แม้ว่าจะเล็กไปบ้างก็ตามที”
“พวกมันอยากแย่งชิงตัวพี่สาวข้าไปไม่ใช่เพราะพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความลับหลุมฝังเซียนในกายนาง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยคำชวนตกตะลึงต่อฉินหยุน
แผนที่หลุมฝังเซียน แท้จริงอยู่ในมือของเชี่ยวเย่ว์หลานนี่เอง!
ฉินหยุนเองก็มีส่วนหนึ่งของแผนที่หลุมฝังเซียนอยู่ในครอบครอง ฉินหย่งเหอเป็นคนมอบมันแก่เขา!
แผนที่หลุมฝังเซียนในมือของเชี่ยวเย่ว์หลานย่อมไม่ใช่ส่วนที่สมบูรณ์ แต่กระนั้นก็มีหลายคนต่อสู้เพื่อแย่งชิง!
“เจ้ารู้เรื่องหลุมฝังเซียนหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าฉินหยุนแปรเปลี่ยน
“ข้าเคยได้ยินมา... เพราะอะไรของสำคัญเช่นนั้นถึงอยู่กับพี่สาวเจ้า?” ฉินหยุนคิดว่าของชิ้นนั้นสมควรอยู่ในมือของจักรพรรดิแห่งเทียนเชี่ยวด้วยซ้ำ
หากมันอยู่ในมือของเชี่ยวเย่ว์หลาน เขาเพียงช่วยเหลือนางและเอ่ยปาก เขาก็ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับทั้งราชวงศ์เทียนเชี่ยว!
“แผนที่หลุมฝังเซียนไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ตอนพี่สาวข้ายังเยาว์ นางเผลอหยดเลือดลงบนตัวแผนที่หลุมฝังเซียน และแผนที่ดังกล่าวได้ผสานรวมเข้ากับกายนาง เป็นผลให้นางไม่อาจนำมันออกมาได้อีก ข่าวคราวนี้เพิ่งถูกแพร่กระจายหลังพี่สาวข้าเข้าร่วมกับตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“แล้วทำไมจักรวรรดิเทียนเชี่ยวไม่รักษาไว้? แผนที่หลุมฝังเซียนถือเป็นของล้ำค่า!” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“มันก็แค่ส่วนเดียว ไม่มีค่าเลยสักนิด ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกสามส่วนที่เหลือไปอยู่ที่ไหน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบุ้ยปาก “แต่ไอ้พวกหน้าโง่เหล่านั้นคิดว่าแค่เศษเสี้ยวของแผนที่หลุมฝังเซียน ก็น่าจะพอให้พวกมันหาหลุมฝังเซียนได้พบ”
ฉินหยุนพลันสงสัยต่อชี่เม่ยเหลียน นางคงได้รับแผนที่ดังกล่าวด้วยวิธีการนี้ ในเมื่อนางถือกำเนิดในตระกูลต่ำต้อย มารดาเป็นเพียงหญิงรับใช้ นางจึงไม่มีทรัพยากรการฝึกฝนมากมายนัก ทว่า ด้วยอายุเยาว์เพียงนั้น นางกลับสามารถฝึกได้ถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกและเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนได้!
เป็นไปได้มากที่นางจะมีความก้าวหน้าทะยานแบบนั้นเพราะหยดเลือดผสานรวมกายเข้ากับแผนที่หลุมฝังเซียน!
ฉินหยุนคิดอยากโยนเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกจากห้องเสียเดี๋ยวนี้ เพื่อทำการหยดเลือดที่แผนที่หลุมฝังเซียนและรอคอยรับชมผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
“กลับมาพูดถึงเรื่องเคล็ดวิชาเทวะควบคุมกันดีกว่า พวกเราต้องฝึกฝนสิ่งนี้โดยเร็ว และเมื่อเข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรจะได้ไปลงมือสังหารวิญญาณสัตว์ร้ายพวกนั้น” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “หากข้าฆ่าได้มาก ข้าก็จะได้รับรางวัล!”
“แล้วข้าเล่า? ข้าเองก็อยากได้รางวัลนะ” ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถาม
“เจ้า... ไปขออาจารย์ตู้เอา!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงเริ่มแลกเปลี่ยนความรู้และเข้าใจต่อเคล็ดวิชาเทวะควบคุม
หลังเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้รับฟัง นางหัวเราะร่า “ความรู้ความเข้าใจต่อวิชายุทธ์ของเจ้าสูงล้ำนัก เข้าใจได้รวดเร็วยิ่ง”
นางเริ่มอธิบายส่วนที่นางเข้าใจออกมา
หลังฉินหยุนรับฟัง เขาจึงยิ้มกล่าว “ความสามารถรู้และเข้าใจของเจ้าก็ดีไม่น้อยไปกว่าข้า! เหมือนว่าเจ้าไม่ใช่พึ่งแต่โชคจึงเข้าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกได้!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหันควับมอง “เจ้าสิคนที่มีโชคตั้งแต่เริ่มฝึกฝน!”
นางนำดาบเล่มหนึ่งออกมา จากนั้นจึงเริ่มใช้พลังจิตเพื่อควบคุม
ทางด้านฉินหยุน เขานำเอาหนังสัตว์จำนวนมากออกมาและเริ่มทำการตัด
พอเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเห็น นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นั่นเจ้าทำอะไร?”
“ทำยันต์น่ะสิ! ข้าต้องขัดเกลายันต์สะกดวิญญาณไว้บ้าง!” ฉินหยุนตอบ “ข้ามีผังวิญญาณสะกดวิญญาณ และพอจะขัดเกลาพวกมันได้จำนวนหนึ่ง ข้าสงสัยนักว่าพวกมันจะสามารถทำอะไรวิญญาณสัตว์ร้ายพวกนั้นได้หรือไม่”
“เช่นนั้นเจ้าก็ทำยันต์ไป ข้าจะเรียนรู้เคล็ดวิชาเทวะควบคุมและวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร จากนั้นค่อยสอนต่อเจ้าก็แล้วกัน” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถือดาบในมือขณะเริ่มการฝึกฝน
เคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหารถือเป็นเคล็ดวิชาที่ทำให้สามารถใช้พลังจิต เพื่อโจมตีร่วมกับวัตถุการโจมตีทางกายภาพ
สำหรับเชี่ยวเย่ว์เหม่ย นี่ไม่ได้ยากเย็นแต่อย่างใด ด้วยพลังจิตแกร่งกล้าของนาง นางสามารถจับหลักของวิชาได้ง่ายดาย
ทั้งคืนผ่านไปเร็วยิ่ง!
“เคล็ดวิชาเทวะควบคุมยากนัก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกระทั่งฝึกทั้งคืน ยังทำได้เพียงใช้พลังจิตควบคุมดาบให้ลอยไปมา
หากนางคิดต้องการควบคุมดาบบินให้โจมตี มันสมควรเป็นเรื่องยากเย็นยิ่ง
“ใช้เวลาของเจ้าไป!” ฉินหยุน ตอนนี้กำลังขัดเกลายันต์สะกดวิญญาณออกมาจำนวนหนึ่ง
“พวกเราจะออกไปในอีกสามวัน ข้าต้องเชี่ยวชาญมันโดยเร็ว” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียง “เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าอยากรู้นักว่าการสังหารวิญญาณสัตว์ร้ายจะยากเย็นสักเพียงใด”
“หากจัดการไม่ได้ก็หนี! มันไม่สำคัญว่าเจ้าจับหลักวิชาอื่นได้ดีเพียงใด ที่เจ้าควรเชี่ยวชาญคือวิชาตัวเบา เช่นนั้นจะได้หลบหนีอย่างรวดเร็ว” ฉินหยุนยิ้มอธิบายสุดยอดวิชา
กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง!
ช่วงเช้าตรู่ กระดิ่งที่ภายนอกดังขึ้น
“ไปกัน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแหละนะ!” ฉินหยุนถอนหายใจก่อนเปิดประตูหินออกสู่ภายนอก
เมื่อถึงห้องโถง เขาจึงได้เห็นมู่หรงต้าเหรินกำลังยิ้มหัวเราะคิกคัก
“อรุณสวัสดิ์น้องสะใภ้ อรุณสวัสดิ์น้องหยุน!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าวทักทาย
ขณะที่ฉินหยุนคิดอยากอธิบายอะไรสักอย่าง เขาหันไปมองเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงได้เห็นเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง... นี่นางตั้งใจกระทำเมื่อครู่ก่อนออกมา!
เขาแทบอธิบายอะไรไม่ได้ ด้วยสภาพนี้พูดไปจะมีใครเชื่ออีกกัน?
กลุ่มศิษย์ตอนนี้รวมตัวกันที่ด้านนอก เมื่อพวกเขาเห็นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเดินกันออกมา พวกเขาล้วนอิจฉาจนแทบคลั่งตาย
“ฉินหยุนมีเส้นผมยาวติดตามตัว ไม่ มันต้องไม่ใช่!”
“มีกลิ่นของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ตัวมันด้วย!”
“เฮ้อ ชิงสุกก่อนห่าม! พวกเขาถึงกับทำเช่นนี้ จักรวรรดิเทียนเชี่ยวคงไม่ทำอะไรอื่นนอกจากฆ่าฉินหยุนให้ตายตกแล้ว!”
“ฉินหยุนกับเชี่ยวเย่ว์หลานเคยหมั้นหมายกันมาก่อน แต่กลับมีสัมพันธ์อันดีกับน้องสาวด้วยหรือนี่ เฮ้อ...”
ทุกคนต่างคิดว่าเรื่องนี้เกินจะเชื่อ แต่สภาพที่เห็นทำให้พวกเขาได้แต่ถอนหายใจ
พอฉินหยุนได้ยินบทสนทนามากมาย เขารู้สึกใจแทบสลาย นี่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยแม้สักนิด!
เขาจ้องมองเชี่ยวเย่ว์เหม่ย และพบว่าใบหน้านางตอนนี้เปี่ยมด้วยความภูมิอกภูมิใจ
“ฉินหยุน เจ้าทำอะไรต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย?” กัวเจิ้งก้าวเดินเข้ามาตะโกนถามเกรี้ยวกราด
“ที่ข้าทำต่อนางคือข้าไม่ได้ทำอะไร!” ฉินหยุนมีโทสะตั้งแต่แรกเริ่มเดินเข้ามา พอกัวเจิ้งระเบิดโทสะต่อเขา มันจึงทำเอาเขาคิดอยากระเบิดโทสะออกไปเสียบ้าง
กัวจิ้งคือรองอธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า! อัจฉริยะหลายคนของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนล้วนให้ความเคารพแก่เขา แต่แล้วฉินหยุนกลับอวดดีได้เพียงนี้!
“เจ้า... ทราบหรือไม่ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีตัวเลือกนายน้อยจากตระกูลผู้มีชื่อเสียงมากมาย...”
“ไม่ใช่ธุระท่าน!”
“นางคือศิษย์ของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน นาง...”
“ไม่ใช่ธุระท่าน!”
เป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ธุระของกัวเจิ้ง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ใช่บุตรสาวเขาเสียหน่อย!
กัวเจิ้งคิดอยากฆ่าฉินหยุนเสียที่ตรงนี้ เพราะเขาลอบติดต่อกับตระกูลชั้นสูงหลายแห่งและต้องการเห็นว่าพวกเขาจะเสนออะไรเพื่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ย หากเขาทำได้สำเร็จ เขาจะได้ผลรับประโยชน์มหาศาลยิ่ง แต่แล้วตอนนี้... ฉินหยุนกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลับไปอยู่ร่วมกันมาตลอดทั้งคืน!