ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0128 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0130 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0129 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 129 : ตู้ก่วย

ศิษย์กว่าห้าสิบคนจากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน พวกเขาล้วนอายุราวยี่สิบปี ใบหน้านั้นเปี่ยมด้วยความภาคภูมิ ไม่เพียงแต่มองเหยียดศิษย์ของสถาบันซานเสวียน พวกเขาไม่แม้กระทั่งเห็นสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนแห่งอื่นในสายตา

“มีเพียงศิษย์จากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนและหลิงเสวียนที่มา!” ฮั่วจงกล่าว น้ำเสียงนี้ค่อนข้างดัง ดังนั้นบรรดาศิษย์ของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนล้วนได้ยิน

ศิษย์ใบหน้ายาวของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนแค่นเสียงกล่าวคำ “พวกเรามาก็เพราะพลังจิตของพวกเราแข็งแกร่งพอ พลังจิตของผู้มาจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนล้วนอ่อนด้อย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาไม่มา”

พลังจิตที่แข็งแกร่งก็นับเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง ดังนั้นกลุ่มคนจากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนจึงอวดดีได้เพียงนี้

ศิษย์ทุกคนในหุบเขารวมตัวกันที่ลานฝึกวิชายุทธ์ ฉับพลัน ผู้อาวุโสหลังค่อมในชุดสีดำจึงทะยานกายโผล่ออกมา ด้านหลังของเขาคือกัวเจิ้ง รองอธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน และลั่วเค่อที่เป็นรองอธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน

เมื่อฉินหยุนได้เห็นผู้อาวุโสหลังค่อม เขาก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสถึงความหวั่นเกรง ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินที่อยู่ข้างกายเขา ใบหน้านั้นเผยความหวาดกลัวเช่นเดียวกัน

เซี่ยอู๋เฟิงยังต้องหลั่งเหงื่อออก

กระทั่งศิษย์จากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนกว่ายี่สิบคน ก็ยังเผยสีหน้าหวั่นเกรง

ชายชราหลังค่อมกล่าวคำ “ข้าคือตู้ก่วย อาจารย์จากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนที่มีความถนัดทางพลังจิต! แม้ศิษย์ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนเราจะไม่มีผู้ใดครอบครองพลังจิตที่ควรค่า แต่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อสอนต่อพวกเจ้าทั้งหมดถึงเคล็ดวิชาพลังจิต เช่นนั้นพวกเจ้าจึงค่อยสามารถรับมือกับวิญญาณสัตว์ร้ายได้”

ตู้ก่วยเดิมทีตัวเตี้ยและหลังค่อม เป็นผลให้เขาดูร่างกายเล็กยิ่ง ทว่า ใบหน้านั้นไม่คล้ายมีรอยเหี่ยวย่นมากนัก คิ้วขาวราวหิมะนั้นเหยียดยาวออก มันแทบลากยาวจนถึงแก้ม ดวงตาเล็กคู่นั้นก็ทอประกายแสงเจิดจ้า เป็นผลให้เขาดูเป็นชายชราที่อ่อนโยนผู้หนึ่ง

หลังเขาปล่อยแรงกดดันทางจิต เขาจึงกล่าวต่อ “สถาบันซานเสวียนมีศิษย์กว่าสองร้อยคน ข้าจะคัดเลือกคนด้วยตนเอง มาดูกันว่าใครกันที่มีพลังจิตกล้าแกร่ง”

บรรดาศิษย์จากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนล้วนขมวดคิ้ว! พวกเขามองเหยียดต่อศิษย์ของสถาบันซานเสวียน ทั้งยังคิดว่าพวกเขาเหล่านี้คือภาระทั้งสิ้น

“อาจารย์ตู้ หากไก่อ่อนผู้หนึ่งร่วมทางกับพวกเรา เช่นนั้นขอได้โปรดอย่ากล่าวโทษพวกเราหากพวกเขาเกิดตายตกไป” เด็กหนุ่มคนหนึ่งกล่าวคำขึ้น

“ข้าย่อมไม่กล่าวโทษ...” ตู้ก่วยหัวเราะลั่น “เช่นกัน พวกเจ้าทั้งหมดต้องผ่านการทดสอบพลังจิตของข้าก่อนจึงค่อยสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาของข้าได้”

การทดสอบพลังจิต มันไม่ได้สร้างแรงกดดันใดต่อศิษย์ของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน พวกเขาล้วนสามารถผ่านการทดสอบถึงได้มารวมตัวกันที่ตรงนี้

พวกเขาตั้งแถวกันรอคอยให้การทดสอบเริ่มต้น

ตู้ก่วยนำเอาหินขนาดเล็กสีขาวออกมาจำนวนมาก จากนั้นจึงวางเรียงมันลงกับพื้น “ข้าขัดเกลาหินก้อนนี้ขึ้น นามของมันคือศิลานภาลอยล่อง เพื่อให้หินลอยขึ้นกลางอากาศ พวกเจ้าต้องใช้พลังจิต”

“อืม... กล่าวโดยง่าย พวกเจ้าต้องทำให้หินก้อนนี้ลอยได้อย่างต่ำก็ยี่สิบก้อนจึงคู่ควร แต่หากพวกเจ้าคิดอยากไปจัดการวิญญาณสัตว์ร้ายพวกนั้น ข้าก็ขอเพิ่มมาตรฐานเป็นสามสิบก้อน”

ศิษย์ของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนเริ่มเข้ารับการทดสอบ แม้พวกเขาอวดดีมากเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตู้ก่วยก็ต้องสำรวม

ฉินหยุนรับชมเรื่องราวจากด้านข้างอย่างจริงจัง เขาคาดหวังว่าตนจะได้ทดสอบบ้าง เพื่อจะได้ทราบว่าพลังจิตของตนอยู่ระดับใดแล้ว

ผู้ทดสอบคนแรกนามหงอวี้ เขามาจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน เขายืนอยู่เคียงข้างก้อนหินสีขาวนับร้อย จากนั้นจึงค่อยใช้พลังจิตปกคลุมพวกมัน

ไม่ช้า ศิลานภาลอยล่องจำนวนหนึ่งจึงลอยขึ้นสู่อากาศ

พอหงอวี้ได้เห็นดังนี้ เขาถึงกับเผยสีหน้าอึกอัก เขาปลดปล่อยพลังจิตมากขึ้นเพื่อปกคลุมศิลานภาลอยล่องบนพื้น จากนั้นอีกสิบก้อนค่อยลอยขึ้นตามไป

“แค่สิบแปดก้อน!” ตู้ก่วยส่ายศีรษะ

กัวเจิ้งเผยสีหน้ากระดาก “ผู้อาวุโสตู้... เรื่องนี้... หงอวี้ถือว่ามีพลังจิตไม่เลว!”

ตู้ก่วยส่ายศีรษะกล่าวคำ “ไม่ได้ ระดับของเขายังไม่สูงพอ เขาไม่อาจเรียนรู้เคล็ดวิชาฝึกฝนพลังจิตจากข้าได้”

หน้าผากของหงอวี้เปี่ยมด้วยเม็ดเหงื่อ ใบหน้าแดงก่ำ กระนั้นแล้วศิลานภาลอยล่องก้อนอื่นก็ไม่อาจลอยขึ้นกลางอากาศเพิ่มได้อีก รวมแล้วก็ได้แค่สิบแปดก้อน!

เขาถึงกับไม่ผ่านการทดสอบพลังจิตของตู้ก่วย!

ความอวดดีของศิษย์จากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนตอนนี้พลันตื่นตระหนก!

ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมที่นี่ถึงไม่มีศิษย์จากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน มันเป็นเพราะพวกเขาไม่อาจผ่านการทดสอบโหดหินตรงหน้านี้ได้!

“ต่อมา!” ตู้ก่วยตะโกนขึ้น

ผู้ที่ก้าวขึ้นรับการทดสอบครั้งนี้เป็นหญิงสาวสวมใส่ชุดสีแดงดึงดูดเสน่ห์ นางเพียงยกศิลานภาลอยล่องได้ยี่สิบก้อน หากเป็นในช่วงเวลาปกติ เท่านี้ถือว่าเพียงพอ แต่เพื่อรับมือกับวิญญาณสัตว์ร้ายในขณะนี้ นางต้องทำให้ได้สามสิบก้อนเสียก่อน ดังนั้นนางก็ไม่ผ่านคุณสมบัติ!

นับตั้งแต่เริ่มต้น สองคนล้มเหลวไปแล้ว เรื่องนี้ทำเอาบรรดาศิษย์ของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนกังวลกันยิ่ง การทดสอบของตู้ก่วยเข้มงวดมาก ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือไร้คุณสมบัติเท่ากับคัดออก นับว่าเป็นการฉีกหน้าพวกเขาอย่างรุนแรง

หลังทดสอบต่อเนื่องไปหลายคน ทั้งหมดล้วนไม่ผ่าน

เด็กหนุ่มคนหนึ่งตอนนี้ก้าวเดินออกด้วยสีหน้าอวดดีและเย็นเยือก เขาคล้ายเปี่ยมด้วยความมั่นใจราวกับตนผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว!

“อู๋โยวเสิน ในสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนถือว่าเขามีพลังจิตแข็งแกร่งที่สุดแล้ว เพราะเขามาจากตระกูลที่เชี่ยวชาญพลังจิต เขาย่อมต้องผ่านการทดสอบนี้ไปได้!” คนผู้หนึ่งกล่าว

อู๋โยวเสินเดินเข้าไปตรงกลาง และทันทีเมื่อเขาปลดปล่อยพลังจิต ศิลานภาลอยล่องจึงลอยขึ้นสู่อากาศ ไม่ช้ามันก็ลอยขึ้นมากถึงยี่สิบห้าก้อน!

ทุกคนพอได้เห็นดังนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานชมกันไม่ขาดปาก

สีหน้าของอู๋โยวเสินเริ่มจริงจังขึ้นมา เขาครวญครางเสียงเบาขณะเพิ่มพลังจิตเข้าไป จากนั้น ศิลานภาลอยล่องอีกสองก้อนจึงลอยขึ้นกลางอากาศ...

“ยี่สิบเจ็ด!”

“ยี่สิบเก้า! ขาดอีกแค่หนึ่ง!”

ทันใดนั้นเอง ศิลานภาลอยล่องอีกห้าก้อนจึงลอยขึ้นกลางอากาศ

“สามสิบสี่ วิเศษยิ่งนัก!”

ศิษย์จากสถาบันซานเสวียนล้วนอุทานออกด้วยความตื่นตะลึง

ทั่วทั้งร่างของอู๋โยวเสินเปี่ยมด้วยเหงื่อไหลหลั่ง ชัดเจนว่าเขาพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว แม้สีหน้าซีดเผือด แต่ความอวดดีที่ใบหน้าหาได้จางหายไปไม่ ถึงกับสามารถผ่านบททดสอบของตู้ก่วย เขาย่อมสมควรภูมิอกภูมิใจแล้ว

ตู้ก่วยพยักหน้ารับและกล่าว “อู๋โยวเสินผ่าน ต่อไป!”

ไม่นานจากนั้น กว่าสี่สิบคนที่เหลือของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนก็เริ่มเข้าทดสอบกันทีละคน ทีละคน

มีศิษย์หลายคนที่ครอบครองพลังจิตทรงพลัง และมีหลายคนเช่นกันที่อายุถึงยี่สิบห้าปีหรือเกินกว่านั้นแล้ว

ตอนนี้ มีเพียงสิบห้าคนที่ผ่านการทดสอบ

นอกจากอู๋โยวเสิน พวกเขาที่เหลือทำได้เพียงยกศิลานภาลอยล่องสามสิบก้อน กระทั่งยกให้ขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งก้อนก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา

“ถึงคราวเชี่ยวเย่ว์เหม่ยแล้ว นางนับว่าอ่อนเยาว์ที่สุด ข้าสงสัยจริงว่านางจะผ่านการทดสอบได้หรือไม่”

“นี่ก็นานแล้วสินะ นางยังคงเป็นหญิงงามเช่นที่เคยเป็น”

“นางอายุเพียงสิบสี่ปี แต่กลับอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว พลังจิตของนางย่อมต้องแข็งแกร่ง เหมือนอย่างพี่สาวของนาง พรสวรรค์ล้วนสูงกันทั้งคู่!”

ทันทีเมื่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ยก้าวเดินออกไป ทุกคนล้วนสนทนากันถึงเรื่องนี้ นางนับเป็นเด็กสาวโฉมงามผู้หนึ่ง และนางยังแข็งแกร่ง ดังนั้นแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คน

ใบหน้างดงามของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเย็นเยือกขณะนางก้าวเดินสู่ตรงกลางศิลานภาลอยล่อง

นางฮึมฮัมเล็กน้อยขณะปล่อยพลังจิตออกมา ศิลานภาลอยล่องจำนวนมากพลันลอยขึ้น!

ศิลานภาลอยล่องหลายสิบก้อนลอยขึ้นกลางอากาศ ทั้งยังมีอีกไม่น้อยค่อย ๆ ลอยตามขึ้นไป อย่างกะทันหัน เสียงฮือฮาพลันปะทุจากฝูงชน พวกเขาล้วนอึ้งทึ่ง!

ใบหน้าของตู้ก่วยยังเปี่ยมด้วยความประหลาดใจขณะกล่าว “ห้าสิบห้าก้อน และ... ยังไม่ได้ลงมือเต็มกำลังเสียด้วย!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพียงปลดปล่อยพลังจิตชั่วครู่ก่อนถอนกลับอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ต่อหน้านาง ผู้เข้าทดสอบที่เหลือล้วนเสียกำลังใจกันทั้งสิ้น

“เด็กน้อย จงแสงพลังจิตทั้งหมดของเจ้าออกมา!” ตู้ก่วยหัวเราะ

“ข้าไม่อยาก มันเหนื่อย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียงตอบกลับเดินไปด้านข้าง “ไม่ว่าข้าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด ข้าก็แค่ศิษย์ของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน มีอันใดให้ท่านต้องยุ่งเกี่ยวกับข้ากัน?”

“หากพรสวรรค์พลังจิตของเจ้าดีเยี่ยม เช่นนั้นข้าจะมอบเคล็ดวิชาอีกหนึ่งให้ได้เรียนรู้!” ตู้ก่วยหัวเราะร่วนขณะกล่าวคำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด