ตอนที่แล้วTZ3 พระสงฆ์ประหลาด (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTZ4 นักสู้แห่งสิบสองนักษัตริย์ (2)

TZ4 นักสู้แห่งสิบสองนักษัตริย์ (1)


 

พลังจากพระหนุ่มสายหนึ่งแทรกผ่านเข้าสู่ร่างฉีเยว่ จนทำให้ทั้งร่างสั่นเทาอย่างรุนแรง รู้สึกราวกับไฟฟ้าไหลผ่าน จากท่าทางที่ถือดีกลับพูดไม่ออก เหมือนตอนนี้ ได้มีนิ้วของพระพุทธองค์กดร่างไว้

 

“โยมดูเอาเองเถอะ” พระหนุ่มถอนมือแล้วถอยออกหนึ่งก้าว

 

ฉีเยว่ก้มหน้ามองหน้าอกตัวเอง จากเดิมเป็นแผ่นอกที่เกลี้ยงเกลา แต่ตอนนี้กลับมีเส้นแสงสีเงินและสีดำสลับกัน ดูน่าเกรงขาม ฉีเยว่ตกใจและพูดขึ้น “นี่...มันอะไรกัน?”

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนฉีเยว่จะไม่ได้ประหลาดใจคนเดียว พระหนุ่มก็ประหลาดใจเหมือนกัน “กิเลนดำ? คิดไม่ถึงว่าจะเป็นกิเลนดำ? อาตมากำลังจะปล่อยโยมไป แต่โชคชะตากลับเล่นตลก โยมคือกิเลนดำที่ทรงพลังที่สุดในเผ่าพันธุ์กิเลน คิดไม่ถึงจริงๆว่ากิเลนดำจะถือกำเนิดในยุคนี้!”

 

ฉีเยว่ที่ก้มมองหน้าอกตัวเอง เห็นเส้นแสงบนแผ่นอกเหมือนกับสัตว์ชนิดหนึ่ง มีดวงตาสีเงินเป็นประกายกำลังจ้องมองเขาอยู่ ตอนนี้ฉีเยว่รู้สึกเหมือนเลือดลมพุ่งพร่าน มีพละกำลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อขยายตัว อากาศหนาวที่เคยหนาว ตอนนี้ไม่หนาวอีกต่อไป

 

พระหนุ่มพูดด้วยความประหลาดใจ “ตอนนี้โยมจะตั้งใจฟังอาตมาได้หรือยัง?”

 

ฉีเยว่เงยหน้ามองพระหนุ่ม ดวงตาแสดงออกถึงความรู้สึกสับสน “ตั้งแต่สมัยเด็ก… ความปรารถนาสูงสุดของผมคืออยากเป็นคนที่เหนือกว่าคนทั่วไป ตอนนี้ดูเหมือนความฝันผมจะเป็นจริงแล้ว ถึงมันจะดูเหมือนความฝัน แต่ผมก็ไม่อยากให้มันหายไป… โชคชะตาของตัวร้ายที่จะมีผู้หญิงมากมายจนเลือกไม่ถูกกำลังจะมาถึง… ความรู้สึกนั้นน่าจะวิเศษไปเลย… ก่อนที่จะฟังเรื่องเล่าของท่าน ผมว่าท่านเองก็ต้องเป็นพระที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน”

 

หลังจากได้ฟังคำสาธยายของฉีเยว่ พระหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก “ดูเหมือนโยมจะขาดผู้หญิงไม่ได้เลยสินะ” ถึงน้ำเสียงของพระหนุ่มจะไม่ค่อยพอใจ แต่บรรยายกาศรอบตัวฉีเยว่ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

 

ฉีเยว่ยิ้ม “ก็โลกใบนี้สร้างผู้ชายและผู้หญิงมาเคียงคู่กัน การที่ทั้งสองฝ่ายจะดึงดูดกันก็ถือเป็นเรื่องธรรม… เอาเป็นว่าผมจะฟังสิ่งที่ท่านจะเล่า เพราะยังไงซะ ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับทิเบตอยู่แล้ว ถึงผมจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ก็จะขอฟังที่ท่านเล่า”

 

พระหนุ่มยิ้มและพูด “วัดศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีชื่อเสียงในทิเบต ถึงจะไม่ได้โด่งดังเหมือนวิหารโปตาลา แต่ก็มีความพิเศษของมัน พระที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นพระที่มีชื่อเสียง เมื่อ 10 ปีที่แล้ว พระที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งได้เดินทางผ่านมาที่นี่ เมื่อตอนนั้นอาตมายังเป็นแค่เด็ก ท่านบอกว่าให้อาตมาเป็นผู้สืบทอดต่อจากท่าน และได้ให้หนังสือเก่าแก่โบราณให้อาตมาเก็บไว้ และหลังจากนั้นมา อาตมาก็ได้ดูแลวัดแห่งนี้” พระหนุ่มมองฉีเยว่ด้วยสายตาจริงจัง “เมื่ออาตมาได้เป็นศิษย์ของพระผู้มีชื่อเสียง อาตมาจึงฝึกตนตามหลักคำสอนอย่างเคร่งครัด พระที่อยู่ที่นี่ทุกรูปล้วนเป็นผู้ปฏิบัติชอบ พวกท่านมีชื่อเสียง และเคร่งครัดในการปฏิบัติตน… น่าเสียงดายที่อาตมาไม่ได้มีชื่อเสียงขนาดที่จะทำให้โยมเชื่อถือได้ แต่สิ่งที่อาตมาบอกได้คือ พระนั้นไม่โกหก...”

 

“วัดใหญ่ขนาดนี้ ท่านดูแลคนเดียวเลยเหรอ? น่าประทับใจจริงๆ” ฉีเยว่ประหลาดใจกับสิ่งที่พระหนุ่มบอกเล่า พระหนุ่มมีอายุไล่เลี่ยกับตนเอง แต่กลับรู้สึกราวกับว่า พระหนุ่มผู้นี้คือมหาสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุด

 

พระหนุ่มยิ้มแล้วพูดอย่างสงบ “อาตมาชื่อ ‘เก๋อหลู่’ เมื่อครู่อาตมาพูดถึงกิเลน รอยสักที่ปรากฏอยู่แผ่นอกโยมคือกิเลน แต่จริงๆแล้ว รอยพวกนั้นไม่ใช่รอยสัก แต่เป็นสิ่งที่จารึกอยู่ในสายเลือดของโยม เป็นสายเลือดของกิเลน... กิเลนนั้นเป็นผู้นำแห่งเหล่าสรรพสัตว์นับหมื่น เป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคลและสงบสุข… กิเลนมีด้วยกันหลายประเภท กิเลนทั่วไปจะมีขนสีทอง ร่างกายสีเงิน แต่โยมไม่ใช่… โยมคือกิเลนที่พิเศษที่สุด และแข็งแกร่งที่สุดในหมู่กิเลน… กิเลนดำ! โยมรู้หรือเปล่าว่าโยมเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีสายเลือดกิเลนดำ”

 

“กิเลนดำ? ท่านกำลังจะบอกว่าผมเป็นกิเลนดำเหรอ? กิเลนน่าจะบินได้ ถ้าผมเป็นกิเลนจริงก็น่าจะบินได้เหมือนกัน!” ฉีเยว่พูดพลางก้มมองรอยสักที่หน้าอกอย่างพึงพอใจ “จริงๆผมก็ตั้งใจจะไปสักที่หน้าอกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เพิ่งดูหนังมังกรครามพยัคฆ์ขาวมา มันเท่มาก!”

 

เก๋อหลู่ประหลาดใจ “นี่โยมเอาสายเลือดกิเลนดำไปเทียบกับรอยสักแบบนั้นเลยเหรอ? แต่ก็เอาเถอะ อาตมาเชื่อว่าโยมมีสัญชาตญาณหยั่งรู้ อาตมาจะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน” พระหนุ่มกลัวว่าฉีเยว่จะพูดเรื่องไร้สาระ

 

“ในแถบตะวันออกเรามีคนกลุ่มผู้คุ้มกันอยู่กลุ่มหนึ่ง คนในกลุ่มมีไม่มากนัก ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ได้รับภารกิจจากรุ่นสู้รุ่น สืบทอดสายเลือดที่แข็งแกร่ง เพื่อทำหน้าที่ปกป้องตะวันออกแห่งนี้ คนกลุ่มนั้นมีทั้งหมด 12 คน แต่ละคนเป็นนักสู้ที่กล้าหาญโดยแบ่งออกตาม ‘12 ก้านดิน’”

 

“เดี๋ยวนะ! 12 ก้านดินคืออะไร?” ฉีเยว่สงสัย

 

“โยมไม่รู้จัก 12 ก้านดินเหรอ? อาตมารู้สึกอับอายแทนโยมจริงๆ โยมรู้จักจักรราศรีจีนหรือเปล่า? นักรบทั้ง 12 คนนั้นแบ่งแยกตาม 12 นักษัตริย์... 12 นักษัตริย์คือสัตว์ 12 ชนิดที่เกิดในปีที่ต่างกัน... นักสู้เหล่านั้นมีพลังเฉพาะตัว พวกนั้นแข็งแกร่งและทำหน้าที่ปกป้องตะวันออกของโลก”

 

ฉีเยว่พูดขึ้น “อ๋อ! ผมรู้จักนักษัตริย์ เมื่อตอนมัธยมผมได้เรียน มีหนูน้อยกับวัวหน้าเกลียดใช่มั้ย?”

 

พระหนุ่มพยายามไม่มองฉีเยว่เป็นคนโง่ “นักษัตริย์ของจีนมีสัตว์ประจำปีคือ หนู วัว เสือ กระต่าย มังกร งู ม้า แกะ ลิง ไก่ หมา และ หมู… นอกจากนี้ยังมี 10 กิ่งฟ้า แต่อาตมาจะไม่พูดถึง เพราะพูดไปโยมคงไม่เข้าใจ ตอนนี้ สิ่งที่โยมต้องรู้คือ เหล่านักสู้ 12 นักษัตริย์ทำหน้าที่ปกป้องตะวันออก”

 

“แล้วมันเกี่ยวกับผมยังไง? หรือผมจะเป็นหนึ่งในสิบสู้นั้น?” ฉีเยว่ค่อยข้างสนใจกับสิ่งที่พระหนุ่มกล่าว เพราะอย่างน้อย ตนเองก็ถือกำเนิดมาด้วยสายเลือดของสัตว์ที่ทรงพลัง

 

พระหนุ่มส่ายหน้า “เปล่า… อาตมาเคยตามหานักสู้เหล่านั้น แต่ยากที่จะพบเห็น แต่อาตมายังโชคดีที่ได้เจอถึง 3 คน… สิ่งที่ยากที่สุดคือให้ทั้งหมดมารวมตัวกัน แต่หากทั้งหมดรวมตัวกันได้ พวกเขาก็จะสามารถแสดงพลังที่แท้จริงได้ ดังนั้น 12 นักษัตริย์จึงต้องมีผู้นำ ผู้นำจะเป็นคนคอยสั่งว่าตอนไหนที่ทุกคนจะต้องมารวมตัวกัน ที่สำคัญ ผู้นำยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเหล่า 12 นักษัตริย์ด้วย” ขณะพูด พระหนุ่มจ้องมองลวดลายที่อยู่บนหน้าฉีเยว่

 

“นี่ท่านหมายความว่าผมเป็นผู้นำของ 12 นักษัตริย์งั้นเหรอ? แล้วกิเลนที่ท่านว่า เคยมีในตำนานมาก่อนหรือเปล่า?”

 

พระหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อย “มีบันทึกหลายเล่มที่บันทึกถึงตัวตนของกิเลนไว้ จึงอนุมานได้ว่ากิเลนนั้นมีอยู่จริง แต่ว่า...ตัวโยมที่มีสายเลือดกิเลนดำคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด… เมื่อตอนที่โยมนั่งรถไฟมาที่นี่ อาตมาสัมผัสได้ถึงสายเลือดของกิเลน จึงได้ตรวจสอบโยมไป… โยมยังจำความฝันได้หรือเปล่า? ความฝันของโยมคือพลังพุทธะที่อาตมาใช้ตรวจสอบโยม และปลุกสายเลือดกิเลนที่หลับไหล ก่อนหน้านี้โยมคงหลับยาวผิดปกติ นั่นเพราะร่างกายของโยมค่อยๆยอมรับสายเลือดกิเลน... ที่อาตมาพอโยมมาที่นี่ ก็เพื่อจะช่วยปลุกสายเลือดโยมให้ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด