ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0120 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0122 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0121 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 121 : ชิงแขน

“พี่ใหญ่เซี่ยจะไม่เป็นอะไรจริง?”

ฉินหยุนยังคงกังวล ศัตรูที่เซี่ยอู๋เฟิงเผชิญหน้าครั้งนี้ทรงพลังยิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์จากตำหนักดวงดาวที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ทั้งยังมีมนุษย์เหล็กอีกหลายตัว

มู่หรงต้าเหรินขมวดคิ้ว “ดูเหมือนพวกเราคงต้องเตรียมตัวเผื่อกรณีเลวร้ายเอาไว้ หากมีเรื่องเกิดขึ้นกับพี่ใหญ่เซี่ยจริง พวกเราจะต้องให้ไอ้พวกสารเลวเหล่านั้นต้องชดใช้ด้วยเลือด”

สีหน้าฉินหยุนหนักอึ้งขณะนั่งลงเก้าอี้ไม่พูดกล่าวแม้ครึ่งคำ

ทั้งฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินล้วนเป็นเช่นเดียวกัน พวกเขานั่งในโถงหลักของบ้านโดยไม่พูดกล่าวคำใดอีก พวกเขากำลังรอให้ผู้อำนวยการไป่กลับมา

ตกดึก ความมืดและลมหนาวเย็นเข้าปกคลุมพื้นที่ในหุบเขา

ฉินหยุนและพรรคพวกยังคงนั่งกันจนถึงดึกดื่นโดยไม่พูดกล่าวคำใดกันออกมา

อย่างกะทันหัน พวกเขาได้ยินเสียงดังจากนอกบ้านหิน ทันใดนั้น พวกเขาเร่งรีบออกไป ที่เขาได้เห็นคือผู้อำนวยการไป่ที่ช่วยพยุงเซี่ยอู๋เฟิงก้าวเดินเชื่องช้าเข้ามา

พอได้เห็นเซี่ยอู๋เฟิง ฉินหยุนและคณะค่อยถอนหายใจได้โล่งอก เพราะอย่างน้อยเซี่ยอู๋เฟิงก็ยังมีชีวิตรอด

เซี่ยอู๋เฟิงตอนนี้สวมใส่ชุดคลุมสีขาวของผู้อำนวยการไป่ ใบหน้านั้นซีดเผือด เบื้องใต้เสื้อคลุมสีขาว พวกเขามองเห็นว่ามีแต่ไหล่ขวาหาได้มีแขนไม่!

“พี่ใหญ่!” เมื่อฮั่วจงได้เห็นเซี่ยอู๋เฟิงสูญเสียแขน เขาถึงกับคำรามลั่นด้วยความโกรธแค้น

ฉินหยุนและมู่หรงต้าเหรินเร่งรีบเดินเข้ามาช่วยพยุงเซี่ยอู๋เฟิง

“ผู้อำนวยการไป่ คนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเล่า?” ฉินหยุนถามน้ำเสียงทุ้มลึก เขากำลังพยายามสะกดความโกรธไว้จนร่างกายสั่นเทิ้ม

“อุปกรณ์ผังธาตุแสงของเจ้าก็หายไป! ไอ้เวรพวกนั้นหรือ?” มู่หรงต้าเหรินเผยสีหน้าดำมืด เขาเองก็กำลังอดกลั้นโทสะเอาไว้ไม่ให้ระเบิดออก

“ข้าจะไปบดขยี้ตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!” ฮั่วจงกลับระเบิดความโกรธ เขาคว้าไม้คทาออกมากำไว้แน่นเตรียมทะยานกายออกไป

“สงบกันก่อน!” น้ำเสียงอ่อนแรงของเซี่ยอู๋เฟิงดังขึ้น

ฉินหยุนและคณะเงียบเสียงลง พวกเขากำลังอดกลั้นความโกรธขณะเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน

เมื่อเข้ามาแล้ว ผู้อำนวยการไป่จึงกล่าวคำขึ้น “แขนขวาของเซี่ยอู๋เฟิงโดนคนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามชิงเอาไป ตอนข้าไปถึง ก็ช่วยไว้ได้แค่แขนข้างซ้ายที่ยังไม่โดนนำเอาไป”

“ไอ้พวกสารเลวตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามนั่นไปไหนแล้ว? ข้าจะไปฆ่าพวกมัน!” ฮั่วจงเมื่อได้ยินดังนี้ ความโกรธของเขาพลันปะทุอีกครั้งหนึ่ง

ผู้อำนวยการไป่รู้สึกว่าเรื่องนี้เกินจะช่วย ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามถือเป็นขั้วอำนาจที่พวกเขาไม่อาจต่อกรด้วยได้

เขาถอนหายใจและกล่าว “พวกนั้นอยู่ในหุบเขา”

เซี่ยอู๋เฟิงกล่าวยะเยือก “พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน... สิบปียังไม่สายเกินไปสำหรับให้สุภาพบุรุษได้แก้แค้น เมื่อใดที่พวกเราแข็งแกร่งขึ้นในภายหน้า พวกเราจะไปสะสางหนี้แค้นครั้งนี้กับพวกมัน!”

ผู้อำนวยการไป่ถอนหายใจ “บรรดาศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ไม่ใช่ศิษย์ของสถาบันซานเสวียน ข้าไม่อาจเข้ายุ่งเกี่ยว ตอนนี้ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามส่องสว่างราวดวงตะวัน พวกเราไม่อาจทำอะไรพวกมันได้!”

เพราะเหตุนั้นตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามจึงมีท่าทีอหังการไม่ยิ่งหย่อน กระทั่งเผาบ้านแล้วปล้นจนหมดในเวลากลางวันพวกมันก็ล้วนกระทำ!

มู่หรงต้าเหรินเอ่ยคำอย่างกราดเกรี้ยว “แล้วพวกเราจะปล่อยไปแบบนี้?”

ผู้อำนวยการไป่ส่ายหน้า “หากข้ายืนกรานเรื่องนี้ พวกมันจะปลดข้าออก ไม่ว่าพวกมันจะพูดอันใดออกมา ข้าทำได้เพียงแต่อดทนจนกระทั่งพวกเจ้าเข้าสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน จากนั้นข้าค่อยไปจากที่นี่ ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อำนวยการคนใหม่ที่พวกมันส่งมาก่อเรื่องแก่พวกเจ้า”

ฉินหยุนและคณะรู้สึกได้ว่าผู้อำนวยการไป่มีเจตนาคิดปกป้อง แต่พละกำลังที่เขากระทำได้นั้นเป็นไปอย่างจำกัด

เซี่ยอู๋เฟิงถอนหายใจกล่าว “ผู้อำนวยการ ท่านควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วขอรับ”

ฉินหยุนยังคงเงียบ ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามทรงพลังอำนาจยิ่ง ด้วยพละกำลังของพวกมัน พวกเขาไม่อาจยืนหยัดต้านรับ

หลังผู้อำนวยการไป่จากไปแล้ว เซี่ยอู๋เฟิงจึงกล่าว “ข้านั้นเกลียดชังตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามยิ่งกว่าพวกเจ้าทุกคน แต่เพราะพวกเรายังอ่อนแอ พวกเราไม่อาจต่อต้านพวกมัน เมื่อใดที่พวกเราแข็งแกร่งขึ้น พวกเราจะต้องทวงหนี้แค้นครั้งนี้!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับกล่าวคำ “ขอบคุณพี่ใหญ่เซี่ย ท่านไปพักก่อน! ข้าจะนำอุปกรณ์ธาตุแสงของข้าให้ท่านเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว เมื่อพวกเราเข้าสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนในภายหน้า ข้าจะคิดหาทางนำแขนของท่านกลับคืนมา”

เซี่ยอู๋เฟิงเปลี่ยนไปใส่ชุดอุปกรณ์ธาตุแสงของฉินหยุน ทั้งยังย้ำต่อฉินหยุนและคณะว่าอย่าคิดทำอะไรบุ่มบ่าม จากนั้นเขาจึงค่อยเข้าห้องไปฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

มู่หรงต้าเหรินกัดฟันกรอด “พวกเราจะปล่อยไอ้เวรพวกนั้นไปทั้งแบบนี้?”

ฉินหยุนขมวดคิ้ว เขาไม่กล่าวคำใด เพียงแต่ยืนนิ่งต่อหน้ากำแพงบ้าน

ฮั่วจงเองก็โกรธ เขาถึงขั้นกระทืบเท้าทุนแรง พื้นบ้านเกิดขึ้นเป็นหลุมยุบตัวลง เขากล่าวอย่างโกรธแค้น “ข้าจะทำให้ไอ้สารเลวพวกนั้นต้องกลายเป็นชิ้นเนื้อ!”

เซี่ยอู๋เฟิงมีชีพจรวิญญาณเพียงสอง ทั้งยังไม่มีวิญญาณยุทธ์ แต่ด้วยความพยายามอย่างหนัก เขาถึงขั้นประสบความสำเร็จได้จนเป็นอย่างทุกวันนี้ แต่แล้วคราครั้งนี้ต้องสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง นับเป็นความเสียหายร้ายแรงมหาศาล

ฉินหยุนและคณะนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยจิตใจหนักอึ้ง พวกเขายังเอาแต่เงียบจนกระทั่งรุ่งสาง

ดวงตะวันส่องแสง ฝนหยุดตกลงแล้ว

อย่างกะทันหัน เสียงอื้ออึงพลันดังจากด้านนอกของตัวบ้าน

“ฉินหยุนจงออกมาเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงอหังการตะโกนดังขึ้น

“เป็นคนจากตำหนักดวงดาว!” เซี่ยอู๋เฟิงเร่งร้อนออกจากห้อง หลับพักผ่อนทั้งคืนด้วยผังธาตุแสง อาการเขาดูดีขึ้นไม่ใช่น้อย

“ไอ้เวรพวกนั้นยังกล้ามา! ข้าจะฆ่าพวกมันเสียที่นี่!” ฮั่วจงพลันยืนขึ้นกล่าวโกรธแค้น

“พวกมันมาหาข้า!” ฉินหยุนเร่งรีบออกไปก่อนเป็นคนแรก

มู่หรงต้าเหรินยิ้มยะเยือกกล่าวคำ “ศิษย์ของตำหนักดวงดาวยังอหังการได้เพียงนี้ทั้งที่มาอาศัยพักในสถาบันซานเสวียน!”

ฉินหยุนเปิดประตูก้าวเดินออกไป เขาได้เห็นกลุ่มศิษย์กว่าสิบคนของตำหนักดวงดาวอยู่หน้าบ้าน

ด้านหลังพวกเขา มีอาจารย์จากตำหนักดวงดาวร่วมทางมาด้วย เขาคือชายวัยกลางคนที่จับตัวเซี่ยอู๋เฟิงเอาไว้ก่อนหน้านี้ เป็นผู้ฝึกตนกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด

ผู้อำนวยการไป่ไม่ได้เข้ามาใกล้ กลับกัน เขาเพียงรับชมเรื่องราวจากระยะไกลด้วยสีหน้าดำมืด...

อาจารย์และศิษย์คนอื่นของสถาบันซานเสวียนต่างก็กลับมากันแล้ว พวกเขาตอนนี้กำลังคิดรับชมเรื่องสนุกต่อหายนะที่จะบังเกิดกับผู้อื่น

“มีเรื่องอะไร!” ดวงตาของฉินหยุนเปี่ยมด้วยเจตนาฆ่าฟัน น้ำเสียงนี้ยะเยือก

“ข้าส่งมนุษย์เหล็กไปสังหารเจ้า แต่แล้วข้ากลับโดนตัดการเชื่อมต่อ เป็นเจ้าฆ่ามัน?” เด็กหนุ่มจากตำหนักดวงดาวกล่าวถามด้วยโทสะเปี่ยมล้น

เด็กหนุ่มผู้นี้นามว่าเก๋อตง อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก และสวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม นี่หมายความถึงสถานะของเขาต้องสูงถึงระดับหนึ่งอย่างแน่นอน

“เป็นความผิดของเจ้าที่ส่งมนุษย์เหล็กติดตามสังหารข้า แต่แล้วตอนนี้พอเจ้าติดต่อมันไม่ได้ แล้วมันเกี่ยวข้องอันใดกับข้ากันเล่า?” ฉินหยุนปฏิเสธทั้งยังตะโกนอย่างไม่ไว้หน้า

“มนุษย์เหล็กของข้าไล่ล่าเจ้า แต่เจ้าตายหรือ? เจ้าไม่ได้ตาย เจ้าต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการที่ทำให้ข้าสูญเสียมนุษย์เหล็ก! หากเจ้าไม่อาจชดใช้ เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยความตาย!” ใบหน้าของเก๋อตงเปี่ยมไปด้วยความต่ำช้าและโฉดชั่ว ดวงตานั้นเผยออกซึ่งประกายความเหี้ยมโหดเกินจะกล่าว

บรรดาศิษย์ชั้นยอดของตำหนักดวงดาวล้วนมีท่าทีอหังการและไม่สนใจซึ่งกฎเกณฑ์ใด

ฉินหยุนกำหมัดแน่น จนแทบส่งเสียงกระดูกแตกร้าว เขากำลังสะกดข่มความโกรธเอาไว้!

หากฮั่วจงไม่โดนรั้งตัว เขาย่อมต้องพุ่งเข้าปะทะไปแล้ว

อาจารย์จากตำหนักดวงดาวกล่าวถามเสียงเย็น “ฉินหยุน เจ้ารู้ถึงมูลค่าของมนุษย์เหล็กหรือไม่? ตอนนี้เพราะไล่ตามเจ้า มนุษย์เหล็กถึงหายตัวไป เจ้าต้องชดใช้!”

“คิดจริงหรือว่าไอ้เศษเหล็กนั่นจะไล่ตามจนสังหารข้าได้? แล้วครั้งนี้ยังให้ข้าชดใช้?” ฉินหยุนโพล่งคำ เส้นเลือดที่หน้าผากของเขาสูบฉีดจนใบหน้าแดงก่ำ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

เก๋อตงหัวเราะใส่ “เดิมพวกเราไม่คิดสังหารเจ้า พวกเราเพียงต้องการฉีกแขนเจ้าออกมา แล้วใครบอกให้เจ้าวิ่งหนีหายไปเสียอย่างนั้น เพราะแบบนั้นข้าจึงต้องส่งมนุษย์เหล็กไปไล่ล่าเอาตัวเจ้ากลับมา เรื่องนี้เป็นความผิดเจ้า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด