ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGGS:บทที่ 2 ขยะจาก Panlong

GGS:บทที่ 1 สถานีขยะกาแลกติก


GGS:บทที่ 1 สถานีขยะกาแลกติก

 

"ป้าครับ."

 

“ลุงสามครับ”

 

“อาจิ้งกลับมาแล้วหรอ ตอนปีใหม่ไม่ได้กลับมานี่”

 

“พ่อแม่ไม่ได้กลับมาด้วยกันอย่างนั้นเหรอ”

 

“อาจิ้งดูดีขึ้นมากเลยนะตอนใส่แว่นเนี้ย ดูเหมือนเป็นเด็กเรียนมหาวิทยาลัยจริงๆเลยนะ”

 

ซูจิ้งลากกระเป๋าเดินทางของเขาและเข้าไปในหมู่บ้านและพบกับคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทีละคน หมู่บ้านตระกูลซูเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ และพวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แม้ว่าซูจิ้งจะแทบไม่ค่อยกลับมาหลังจากที่เขาเข้าโรงเรียนมัธยมในฐานะหนึ่งในสองนักเรียนของหมู่บ้านตระกูลซู เขาเป็นความภาคภูมิใจของชาวบ้านที่นี่เสมอ

หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมื่อหนึ่งปีที่แล้วซูจิ้งเปลี่ยนงานหลายงานมากๆ และเขาก็เจอกับงานที่น่าพอใจ เมื่อเขากำลังเริ่มดีขึ้นเขาก็ถูกไล่ออก

 

เพราะเขาทำให้หัวหน้าไม่พอใจ ซูจิ้งอยู่ในอารมณ์ที่แย่ เขาไม่ได้ออกไปหางานใหม่ คราวนี้เขากลับมาเพื่อพักผ่อนและปรับอารมณ์แย่ๆของเขาที่บ้านเกิด

 

“ในที่สุดนายก็จำได้สักทีว่าต้องกลับมา” ชายหนุ่มผู้มีผิวคล้ำและมีร่างกายกำยำใส่กางเกงขาสั้น มือทั้งสองข้างถือตะกร้าปลาสองตะกร้า

 

“อาเหลียง ได้ยินมาว่านายได้กลายเป็นพ่อแล้วอย่างนั้นเหรอ” ซูจิ้งยิ้ม ชายหนุ่มคนนี้คือซูเหลียง เขามีอายุเท่ากันกับซูจิ้ง เมื่อเขายังเป็นเด็กพวกเขาได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกัน เช่น ขโมยไก่และสุนัข อย่างไรก็ตามเขาแต่งงานไปเมื่อปีที่แล้วและมีลูกสาวคนหนึ่ง

 

“ฮ่าฮ่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนายถึงอ่อนหัดเหมือนลุง นายไม่เคยให้ของขวัญกับหญิงสาวมาก่อนเลย ทำไมนายไม่พาผู้หญิงกลับมาด้วยละ?” ซูเหลียงวางตะกร้าปลาอันหนักอึ้งสองตะกร้าลงแล้วหัวเราะออกมา

 

“ไม่ ฉันไม่มีแฟน” ซูจิ้งทำหน้าขมขื่น

 

“เฮ้เฮ้ ทำไมนายไม่ไปหาฉือชิงเพื่อคุยเรื่องสมัยก่อนล่ะ? ฉันได้ยินมาว่าเธอก็ยังไม่มีแฟนเหมือนกันนะ บางทีเธออาจจะยังรอนายอยู่ก็ได้” ซูเหลียงขยิบตาให้

 

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระที่นี่หน่า” ซูจิ้งกลอกตา แต่จดจำใบหน้าที่แสนหวานได้ เขาเห็นผู้หญิงที่สวยๆหลายคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แต่ใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่น่าจดจำที่สุดเสมอมา

 

ฉือชิงและซูจิ้งเป็นเพื่อนร่วมชั้นตั้งแต่อนุบาล ประถม และมัธยมต้น เธอเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งในโรงเรียน และได้รับการยอมรับว่าเป็นเหมือนดอกไม้ประจำโรงเรียน

 

ทั้งคู่เป็นคนที่เรียนดีที่สุด พวกเขากลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเพราะเคยพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ด้วยกัน และมีข่าวลือมากมายเพราะเพียงแค่พวกเขาสนิทกัน

 

ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของฉือชิงนั้นสูงกว่าคะแนนของซูจิ้งหลายเท่า เธอสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงได้หลายแห่ง

 

แต่เธอไม่ได้ไปเรียนเพราะพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ และพวกเขาต้องใช้เงินออมของครอบครัวในการรักษา เลยไม่มีเงินเหลือพอให้เธอไปเรียนที่มหาวิทยาลัย

 

ซูจิ้งมักจะไปที่บ้านของเธอบ่อยๆเพื่อช่วยเธอเป็นครั้งคราว ในตอนท้ายของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนถึงก่อนที่จะเข้าไปมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตามสถานะการเงินทางบ้านของเธอถูกจำกัด เขาจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก แม้ว่าหลังจากที่เขาเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว เขามักจะพูดคุยกับเธอใน QQ จากนั้นเธอก็เริ่มแปลกไปเรื่อยๆ

 

ผมได้ยินมาว่าครอบครัวของเธอจ่ายหนี้ใน 2 ปีที่ผ่านมา และพ่อของเธอก็สามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะยังยากจนอยู่ แต่ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

 

“อย่ารออีกเลยหน่า นายจะเสียใจนะถ้าเธอโดนคนอื่นขโมยหัวใจไปนะ ทำไมนายไม่มาที่บ้านฉันตอนเย็นนี้ล่ะ เราจะได้คุยกันมากกว่าในตอนนี้หาอะไรดีๆกินกัน แต่ตอนนี้ฉันต้องกลับไปทำปลาตากแห้ง” ซูเหลียงกล่าว

 

“ฉันเหนื่อยนิดหน่อยจากการนั่งรถหน่ะ ฉันว่าจะกลับไปนอนพักก่อน แต่พรุ่งนี้ช่วงเย็นๆค่อยมานั่งคุยกันดีกว่าไหม” ซูจิ้งโบกมือ หมู่บ้านตระกูลซูอยู่ใกล้กับทะเล ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวประมง เขารู้ว่าสิ่งที่ดีที่เหลียงพูดถึงนั้นต้องเป็นอาหารทะเลทุกชนิด

 

หลังจากบอกลาซูเหลียงแล้วซูจิ้งก็มุ่งหน้าไปที่บ้านของเขา และมองไปที่บ้านหลังเก่าที่กำลังพังลง ซูจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น :“บ้านของครอบครัวเราเป็นอย่างนี้ได้ยังไงกันนะ”

 

พ่อแม่ของซูจิ้งเป็นครูทั้งคู่ ในช่วงที่เขายังเรียนอยู่มัธยมต้นเขาย้ายไปอยู่ในเมือง ตอนแรกเขาซ่อมบ้านหลังนี้ทุกปี จากนั้นเขาก็จะกลับมาที่นี่ในวันปีใหม่เพื่อพักผ่อน หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะซ่อมบ้านหลังนี้อีกเลย เขากลับมาที่บ้านของลุงสองสามครั้ง ดังนั้นบ้านหลังเก่าของเขาเลยถูกทิ้งร้างไปเลย

 

เดิมทีซูจิ้งคิดว่าถึงบ้านแม้จะถูกทิ้งร้างแต่ก็ควรจัดระเบียบให้มันดูดีมากกว่าตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าบ้านหลังเก่าของเขาจะกลายเป็นซากปรักหักพัง

 

ซูจิ้งเกิดปวดหัวในขณะที่เขาหยิบกุญแจออกมาเพื่อเปิดประตูที่เต็มไปด้วยหญ้า แต่รูกุญแจที่เป็นสนิมไม่สามารถใส่กุญแจเข้าไปไขได้เลยแม้แต่น้อย เขากระชากอย่างแรงให้กุญแจที่ล็อคหลุด เขาเหวี่ยงกุญแจไปมาอย่างไร้ประโยชน์

 

ซูจิ้งไอหลายครั้ง เนื่องจากมีฝุ่นมากมายที่เกาะอยู่ เมื่อเห็นสภาพภายในมันก็ทำให้ซูจิ้งอยากร้องไห้อย่างไม่มีน้ำตา หลังคาแตก ถึงขั้นดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาโดยตรงอย่างไรก็ตามมีน้ำขังอยู่ภายในบ้านเยอะมากซึ่งน่าจะเกิดจากหลังคารั่วและฝนตกในวันก่อน ด้านซ้ายของชายคามีรังนกนางแอ่นตัวใหญ่และลูกนกนางแอ่นตัวเล็ก ๆ ร้องออกมา บนตู้มีแมวตัวหนึ่งปกป้องลูกแมวทั้งสามตัว มันยกขาและกางอุ้งมือออกเพื่อขู่ซูจิ้งด้วยฟันที่หัก ทั้งห้องมีกลิ่นแปลก ๆ

 

“เรากลับมาที่นี่เพื่อปรับอารมณ์ของเราหรือมาทรมาณตัวเองกันเนี้ย?”

 

ซูจิ้งถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และเดินตรงผ่านโถงหน้าและหลังบ้านไป บ้านหลังเก่าของเขาอยู่ใกล้ทะเล จากสนามหลังบ้านของเขาสามารถมองเห็นทะเลได้โดยตรง เมื่อใดก็ตามที่เขาเกิดอารมณ์ไม่ดี เขาชอบนอนบนพื้นหญ้าในสวนหลังบ้านและนอนดูทะเล

 

ถึงอย่างนั้นในครั้งนี้เขาแทบมองไม่เห็นทะเล เพราะหลังบ้านของเขามันรกและเต็มไปด้วยวัชพืชมากมาย มันเหมือนป่าดงดิบ ต้นลิ้นจี่และต้นส้มกำลังออกผล แต่มันก็ยังไม่สุก นอกจากนี้ยังมีต้นโลควอทและต้นพลัมซึ่งผ่านฤดูของมันมาแล้ว

 

“เราต้องทำความสะอาด ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ได้เลย”

 

ซูจิ้งพบว่าห้องส่วนใหญ่หลังคานั้นรั่ว โชคดีที่ห้องของเขาหลังคาไม่รั่ว เขาทำความสะอาดห้องอย่างระมัดระวังจากนั้นทำความสะอาดห้องอื่นและห้องนั่งเล่น

 

หลังจากเสร็จสิ้นกำารทำความสะอาดบ้านมันเป็นเวลาเที่ยงแล้ว ในตอนเย็นซูจิ้งเหนื่อยมาทั้งวัน เขาเพิ่งจะได้อาบน้ำและกินของว่างและนอนหลับ

ไปในช่วงเวลาตี 3 หรือตี 4 ซูจิ้งตื่นขึ้นเพราะพายุฝนฟ้าคะนองและมันทำให้เขาไม่สามารถนอนต่อได้อีก เพราะฝนตกหนัก ลมจึงทำให้กระเบื้องของบ้านเขาเกิดเสียงดังขึ้น ยิ่งเวลาตอนที่กระเบื้องหลุดออกมาจากชายคาบ้านนั้นมันเสียงดังมากเกินไป จึงทำให้เขานอนหลับต่อไม่ได้

 

“บูม”

 

ซูจิ้งก็ตกใจเพราะเสียงดัง

 

ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเสียงฟ้าร้อง แต่เมื่อเขารู้สึกถึงเสียงใกล้หูของเขา จึงทำให้เขาต้องลุกขึ้นและเดินไปดู เขาสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งแปลก ๆไป เขามองออกไปนอกหน้าต่างและเขาก็ตกใจในทันทีราวกับว่าเขาเห็นผีอย่างนั้นแหละ

 

เขาเห็นว่ามีกระแสน้ำวนขนาดใหญ่เหนือสนามหญ้าบ้านเขาซึ่งเหมือนมันหนอนในหนังที่เกียวกับวิทยาศาสตร์

 

จากศูนย์กลางของวังวนก็ปล่อยสิ่งต่าง ๆ มากมายหลั่งไหลลงมาที่สนามหลังบ้านของเขา ต้นไม้ลิ้นจี่และโลควอทถูกทับถมไปด้วยสิ่งเหล่านั้น

 

เขาไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า ซูจิ้งรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงหลายอย่างอยู่บนท้องฟ้า

 

“ฮ่าฮ่าสำเร็จ!”

 

“หลังจากทำงานหนักมาก ในที่สุดเราก็พบช่องว่างและอุโมงค์เวลาที่มั่นคงในเวลาและพื้นที่ที่ต่างกันสักที”

 

“ทดลองซ้ำสองสามครั้ง ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ในอนาคตขยะทั้งหมดจากมิติเวลาอวกาศทั้งหมดจะถูกส่งมายังอุโมงค์นี้…”

 

ด้วยการหายไปของวังวนเสียงในอากาศก็ค่อยๆหายไป

 

ฝนที่ตกหนักก็ค่อยๆหยุดและทั้งโลกกลับสู่สภาวะปกติ

 

ซูจิ้งบิดต้นขาของเขาอย่างหนักและความเจ็บปวดก็ทำให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน กองขยะมากมายในสนามหญ้าหลังบ้านของเขาก็เป็นหลักฐานที่บอกเขาว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตา