ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0112 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0114 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0113 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 113 : หัวหน้าหน่วยทั้งสอง

อวี้เซินคือผู้นำหน่วย เขาทั้งแข็งแกร่งและได้รับความเคารพ เมื่อฮั่วจงเห็นท่าทีอหังการของอีกฝ่ายจึงมองด้วยสายตาเปี่ยมด้วยเจตนาคิดสังหาร เขากำไม้คทายาวในมือเอาไว้แน่นเตรียมพร้อมต่อสู้ทุกชั่วขณะ!

น้ำเสียงของเซี่ยอู๋เฟิงแผ่วเบาและเย็นเยือก “หมาป่าทั้งหมดนั่นพวกเราฆ่าไปแล้ว! พวกเราโดนพวกมันล้อม ถ้าไม่ฆ่า เจ้าอยากให้มันฆ่าพวกเราหรือ? กับเรื่องนี้เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่?”

อวี้เซินชักดาบออกพร้อมโบกมันไหวให้เห็น นี่คือท่าทีของการข่มขู่และคุกคาม เขาแค่นเสียงโพล่งขึ้น “เป็นพวกเราเจอฝูงหมาป่านั่นก่อน ส่งพวกมันมาแล้วพวกเราจะไม่เอาความกับพวกเจ้า”

“แล้วถ้าไม่?”

เซี่ยอู๋เฟิงยิ้มยะเยือก แม้เขาไม่มีอาวุธในมือ แต่ร่างของเขากำลังเผยออร่าดาบชวนสะพรึงกดดัน ทั้งน้ำเสียงยังคมกริบเสมือนดาบที่ทำให้เสียวสันหลังวาบ

อวี้เซินขมวดคิ้ว พวกเขามีกันกว่าสี่สิบคน หากสู้กับสี่คนตรงหน้าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ทว่า พวกเขาต่างก็รู้จักกันดีไม่ใช่น้อย

ทุกคนที่นี้ล้วนรู้ว่าศิษย์พี่อย่างเซี่ยอู๋เฟิงนั่นน่าสะพรึงเพียงใด!

“หากเจ้าไม่คิดส่งมอบมันออกมา พวกเจ้าทุกคงหมดโอกาสกลับไปที่สถาบันซานเสวียนแล้ว เพราะต้องถูกฝังร่างทิ้งไว้ที่นี่!” เด็กหนุ่มในชุดสีดำถือแส้ยาวในมือประกาศน้ำเสียงมืดหม่นและคมกล้า

เขาคือหัวหน้าของอีกหน่วยหนึ่ง ผู้คนเรียกหาเขาเป็นหัวหน้าตี้ ถึงกับได้รับตำแหน่งหัวหน้า เขาย่อมต้องไม่ใช่อ่อนแอแน่

“ต่อให้พวกเราต้องตาย พวกเราก็จะลากหัวหน้าหน่วยอย่างพวกแกสองคนตายตามไปด้วย!” ฮั่วจงโกรธเกรี้ยว เขาเสียบแทงไม้คทายาวปักกับพื้นจนเกิดเป็นแรงกระแทกสะเทือน

ฉินหยุนครุ่นคิดไปครู่หนึ่งค่อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราล้วนเป็นมนุษย์ ควรใช้วิธีที่มีอารยธรรมกว่านี้!”

“เอาแบบนี้เป็นอย่างไร พวกเราส่งตัวแทนออกมาแข่งกัน ถ้าพวกเราแพ้ ไม่เพียงแต่จะมอบร่างของหมาป่าฝูงนั้นให้ แต่ยังจะให้ร่างของสัตว์ปีศาจอีกห้าสิบตัวให้ด้วย”

“นี่เจ้ายังมีอีกห้าสิบตัว?” อวี้เซินลอบตระหนก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ

ศิษย์ผู้อื่นล้วนไม่เชื่อเช่นกัน เพราะกระทั่งพวกเขาสองหน่วยรวมกันหลายสิบคน ยังเพิ่งสังหารไปได้ราวห้าสิบตัว และนี่คือผลลัพธ์รวมของสองหน่วย

“ไม่เชื่อหรือ? งั้นมองโดยรอบให้เต็มตา ที่นี่มีแต่เลือดหมาป่าหรือ?” มู่หรงต้าเหรินยิ้มยะเยือก “ที่นี่เคยเป็นรังของสัตว์ร้ายมาก่อน เป็นพวกเรายึดเอาไว้ได้”

หากเป็นการประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เซี่ยอู๋เฟิง ฉินหยุน และอีกสองคนล้วนมั่นใจเปี่ยมล้นว่าสามารถเอาชนะได้

“ฉินหยุน ในเมื่อเจ้าเป็นคนเสนอ เช่นนั้นเจ้าจะลงแข่งด้วยตนเอง?” อวี้เซินรู้สึกว่าข้อเสนอนี้คุ้มค่าจึงกล่าว “หากข้าแพ้ ข้าจะไม่ตอแยเรื่องฝูงหมาป่านั่นอีก แต่หากข้าชนะ ทำตามคำพูดเจ้าว่าด้วยแล้วกัน”

ฉินหยุนพยักหน้ารับด้วยท่าทีสงบ เขายิ้มกล่าว “ตามนั้น!”

ทุกคนล้วนทราบว่าวิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนตายแล้ว พละกำลังของเขาต้องถดถอยลงอย่างมหาศาล นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอวี้เซินถึงเลือกประลองกับฉินหยุน

“หัวหน้าอวี้คือหนึ่งในสิบอันดับแรกของสถาบันซานเสวียน กับเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าอย่างหมอนั่นคงไม่นับเป็นอาหารว่างด้วยซ้ำ!”

“ฉินหยุนเคยภูมิอกภูมิใจกับวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงไม่ใช่น้อย แต่ครานี้มันคงจบสิ้นแล้ว มั่นหน้าเกินเหตุยิ่งนัก”

“หัวหน้าอวี้ครอบครองห้าชีพจรวิญญาณ ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์ระดับทอง โดยพื้นฐานพรสวรรค์ทางชีพจรวิญญาณ ก็นับว่าเป็นสามอันดับแรกของสถาบันซานเสวียนแล้ว!”

กลุ่มคนเริ่มวิพากวิจารณ์กันออกรส

ฉินหยุนแสร้งทำหูหนวกมองอย่างเฉยชาที่กระบี่งดงามในมือของอวี้เซิน เขาเอ่ยถาม “ในการประลองวิชายุทธ์คิดใช้อาวุธด้วย?”

“แน่นอนว่าข้าต้องใช้อาวุธ... ข้าจะโยนหินนี่ เมื่อมันกระทบกับพื้นคือเริ่มการต่อสู้” หลังอวี้เซินกล่าวคำจบ เขาโยนหินในมือขึ้นฟ้า

ฉินหยุนและอวี้เซินอยู่ห่างกันราวยี่สิบเมตร พื้นที่โดยรอบนับว่าเพียงพอให้พวกเขาได้แสดงฝีมือในการต่อสู้

หลังก้อนหินร่วงหล่นกับพื้น อวี้เซินเป็นฝ่ายบุกเข้าโจมตีด้วยกระบี่ในมือ พลังที่ปกคลุมรอบตัวกระบี่คือเปลวเพลิง ทั้งยังมีพลังอำนาจไม่ใช่น้อย

พอฉินหยุนเห็นคมกระบี่เข้าใกล้ เขาจึงค่อยมั่นใจว่านี่เป็นอาวุธวิญญาณครึ่งขั้น นอกจากนี้ค้อนหลอมในมือเขายังเป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำ นับว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่า

เขาหวดค้อนผ่านอากาศอยู่หลายครั้ง คลื่นพลังเป็นผลให้เกิดฝุ่นดินหนาเข้าปกคลุมอวี้เซิน

ปริมาณฝุ่นที่ปกคลุมพื้นที่มันพอทำให้จำกัดการมองเห็นได้!

การโจมตีอันงดงามของอวี้เซินพลันถูกทำลายเพราะฝุ่นดิน เขาทำได้เพียงสะบัดกระบี่ในมืออย่างหงุดหงิดเพื่อกระจายฝุ่นดินที่ปลิวเข้าหาตนให้พ้นทาง

ขณะอวี้เซินโบกฝุ่นดินให้พ้นทาง เขาก็เห็นฉินหยุนทะยานร่างเข้ามา!

การกระทำนี้เพียงพอให้ทั้งสองหน่วยตัวแข็งทื่อ เพราะฉินหยุนรวดเร็วเกินกว่าจะเชื่อได้ลง!

เมื่อฉินหยุนทะยานเข้าหา ค้อนนั้นพลันฟาดหวดตั้งตรงลงอย่างรุนแรง ร่างของอวี้เซินตอบสนองโดยธรรมชาติด้วยการตั้งกระบี่แนวขวางรับไว้!

ค้อนเมื่อปะทะกับคมกระบี่ มันเกิดเสียงดังสนั่น!

กระบี่ยาวของอวี้เซินแตกหัก ทั้งร่างถูกโจมตีด้วยคลื่นพลังงานที่ตัวกระบี่รับเอาไว้ไม่หมดจนสะท้าน อวัยวะภายในหลายแห่งได้รับบาดเจ็บ ท้ายที่สุดจึงค่อยกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

“ด้วยพละกำลังแค่นี้ ยังมีหน้าทำตัวเป็นหัวหน้าหน่วยด้วยหรือ?” ฉินหยุนแค่นเสียงเย้ยหยันพร้อมเตะอวี้เซินกลับไปด้วยลูกเตะรุนแรง จากนั้นจึงเป็นศิษย์น้องในหน่วยของเขาต้องเร่งร้อนเข้ามารับตัวไว้

อวี้เซินเอามือกุมหน้าอกที่แทบแตกออกเป็นเสี่ยงอย่างไม่ยอมรับความจริง เขาอายุมากกว่าฉินหยุนหลายปี แต่แล้วกลับต้องพ่ายแพ้จนถึงขั้นกระอักเลือดออก นี่เป็นความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวชเกินไปแล้ว

ศิษย์ผู้อื่นในหน่วย พวกเขาล้วนใจหายวาบ หากวิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนไม่ตาย เขาคงเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ผิดคาด แต่เพราะทุกคนล้วนเชื่อว่าวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงที่เป็นพละกำลังหลักแก่ฉินหยุนตายไปแล้ว พวกเขาจึงไม่เชื่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้

พละกำลังของฉินหยุน มันไม่ได้ยิ่งหย่อนลงไปแม้สูญเสียวิญญาณยุทธ์ นี่แตกต่างจากที่ข่าวลือกล่าวอ้างมหาศาลแล้ว!

“พอใจหรือยังละ!” มู่หรงต้าเหรินตะโกนถาม

“เดี๋ยว!”

ตี้เว่ยพลันกล่าวคำพร้อมก้าวเดินออกมา “อวี้เซินก็แค่ตัวแทนหน่วยของพวกเขา เขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอเป็นตัวแทนพวกเราทั้งหมด! หากข้าชนะ ข้อเสนอนั่นจะยังคงตกเป็นของหน่วยข้าแต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้ไม่เปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่?”

เซี่ยอู๋เฟิงยังคงมั่นใจในพละกำลังของสหายร่วมรบ เขายิ้มกล่าว “ตามนั้น! แล้วคราวนี้เจ้าอยากประลองกับใครเล่า?”

ตี้เว่ยชี้นิ้วที่ฉินหยุน “ฉินหยุน ข้าขอท้าเจ้าประลอง ไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธ! ค้อนของเจ้าคือค้อนราชันยักษ์วิญญาณ แม้เป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำ แต่ศักยภาพของมันเทียบเท่ากับอาวุธวิญญาณระดับกลาง เรื่องนี้ไม่ยุติธรรม”

ค้อนที่ทัดเทียมได้กับอุปกรณ์วิญญาณระดับกลาง ผู้อื่นล้วนไม่แปลกใจเลยที่อวี้เซินจะบาดเจ็บหนักเพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียว!

หลังได้ยินเช่นนี้ ทุกคนค่อยโล่งใจขึ้นมากันบ้าง

อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็อายุเพียงสิบห้า ทั้งยังมีชีพจรวิญญาณเพียงหนึ่ง วิญญาณยุทธ์ก็เพิ่งตายจาก หากถึงแบบนี้ยังแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าหน่วยพวกเขา ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินจะกล่าวแล้ว

ตี้เว่ยหยิบก้อนหินขึ้นโยนไปกลางอากาศ

ทันทีเมื่อหินตกกระทบกับพื้น ทั้งสองทะยานตัวออกราวลูกธนูหลุดจากคันธนูเข้าหากันและกัน!

ขณะที่ทั้งสองเตรียมปะทะกันนั้นเอง ฉินหยุนยื่นฝ่ามือออกมา ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะปลดปล่อยกำลังภายใน จึงไม่ได้คิดอะไรอื่นให้มากความ

แต่แล้ว ฝ่ามือของฉินหยุนที่ยื่นออกกลับไม่ใช่กำลังภายใน แต่มันเป็นอสนีบาตที่ป่าเถื่อน!

อสนีบาตรวดเร็วและดุดัน ราวกับอสรพิษอันเหี้ยมโหดคิดเข้ากัดกินศัตรู การโจมตีอย่างกะทันหันนี้ทำให้ตี้เว่ยต้องแตกตื่น!

ตู้ม!

เมื่ออสนีบาตฟาดเข้าใส่ แรงระเบิดรุนแรงจึงตามมา มันเผาแขนของตี้เว่ยจนดำเมี่ยมทั้งยังมีควันเหม็นฟุ้งลอยทั่ว!

หลังกระเด็นถอยกลับหลายสิบเมตร ตี้เว่ยกระแทกพื้น ใบหน้าเผยความหวาดกลัวยิ่ง เขาถึงขั้นอดผวากับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้ หากโดนโจมตีเข้าที่ศีรษะ เขาคงตายไปแล้ว!

ทุกคนต่างมองตี้เว่ยอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง

ตี้เว่ยที่แข็งแกร่งแต่กลับพ่ายแพ้แก่ฉินหยุนผู้ซึ่งไม่มีแม้กระทั่งวิญญาณยุทธ์!

“เจ้า... เจ้าโกง! นี่ต้องเป็นเจ้าใช้อาวุธวิญญาณแล้ว! วิญญาณยุทธ์ของเจ้าตายไปแล้ว ทำไมถึงใช้อสนีบาตออกมาได้กัน?!” ตี้เว่ยกุมไหล่ตัวสั่นขณะตะโกนทักท้วงอย่างไม่อาจยอมรับผลที่เกิดขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด