ตอนที่แล้วGE207 รอยสักที่สมบูรณ์ ดาราปีศาจพิภพ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE209 ธิดาจักรพรรดิสวรรค์ [ฟรี]

GE208 วิชาแปลงหยินหยางขอบเขตที่ 2 วิชาคารม [ฟรี]


วิชาแปลงหยินหยางขอบเขตที่ 1 ระดับ 8

วิชาศพอสูรขอบเขตที่ 1 ระดับ 9

[** ถ้าจำไม่ผิดระดับวิชาทั้งสองจะสูงกว่านี้ ไม่มั่นใจว่าทำไมตอนนี้ถึงบอกระดับต่ำกว่าเดิม แต่ช่างมันเถอะ!]

ปราณ 190 เกราะ ปราณอสูร 28 เกราะ

ระดับพลังขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง สัมผัสเทพขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด ร่างกายขอบเขตกระดูกเงินขั้นสูงสุด หรือกึ่งกระดูกหยก!

อีกเพียงก้าวเดียวจะบรรลุขอบเขตกระดูกหยก!

หนิงฝานนั่งปรับลมหายใจพลางมองแหวนกระถางขัดเกลาที่สวมอยู่มือซ้าย

อสูรทั้งสองนาง… ผู้เป็นทาสรับใช้ของขุนพลอสูรลี่ป่าน!

ยามนี้ หนิงฝานสามารถสังหารพวกนางได้อย่างง่ายดาย!

แต่ยามนี้ คือโอกาสที่เขาเฝ้าตามหา โอกาสที่จะได้ยกระดับวิชาแปลงหยินหยางและปลดความสามารถที่ 2 ของสร้อยหยินหยาง

หากขัดเกลาผสานกับอสูรทั้งสองนางสำเร็จ เมื่อนั้นวิชาแปลงหยินหยางจะทะลวงระดับ!

วิชาแรกของสร้อยหยินหยางคือ การขัดเกลาผสาน แต่วิชาที่ 2 นั้นยังไม่อาจทราบ

“ออกมา!”

แหวนเปล่งแสง สตรีในร่างเปลือยเปล่าสองนางในสภาพหมดสติ ปรากฏตัวอยู่บนพื้นเบื้องหน้า

อสูรตนแรกมีนางว่า ‘หงยี่’ อีกนางมีนามว่า ‘จื่อฟา’ เรือนร่างของพวกนางเย้ายวนจนยากจะต้านทาน แต่ใบหน้ากลับอัปลักษณ์เกินทน… หนิงฝานพับแขนเสื้อ โบกมือเล็กน้อยในสายลมเย็นพัดพา ปลุกพวกนางตื่นจากหลับไหล

“ที่นี่...” หงยี่มองเห็นรอบข้างไม่ชัด นางหลับไหลมานานจึงยังไม่ตื่นตัวดี แต่จื่อฟากลับได้สติมากกว่า เมื่อนางเห็นใบหน้าหนิงฝาน แววตาแปรเปลี่ยนเคียดแค้น

“เจ้า!”

นางสัมผัสได้ว่าภายในห้องไม่มีข่ายอาคม มีหน้าฝานเพียงลำพังกับพวกนางที่เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มถึง 2 คน

ไร้ซึ่งความกลัว ไร้ซึ่งความกังวล ในสายตาของนาง หนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเท่านั้น

“ฮึ่ม! ถึงกลับกล้าปล่อยตัวพวกข้าออกมา 2 คนพร้อมกัน ประมาทซะจริง!”

จื่อฟาแลบลิ้นพร้อมกับตวัดลิ้นจนเกิดเป็นใบมีดวายุตรงเข้าหาหนิงฝาน ใบมีดวายุนี้ไม่คมเท่าดรรชนีกระบี่ของหนิงฝาน ไม่ใช่วิชาอสูรระดับสูงทั่วไป แต่ก็เพียงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ

แต่หนิงฝานกลับแสดงสีหน้าเรียบเฉย ขยับนิ้วเป็นท่าทางก่อนที่ใบมีวายุของนางจะสลาย!

การตอบโต้ของหนิงฝานทำให้นางได้รับบาดเจ็บไม่น้อย นางกระอักโลหิตคำโต สีหน้าแตกตื่นหวาดกลัว!

นางเคยเห็นวิชาที่หนิงฝานใช่มาก่อน เพียงแต่อานุภาพที่หนิงฝานเปล่งออกมานั้น ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทั่วไปจะทำได้

“จ… เจ้า! อ๊อก!!” ทั้งนางและหงยี่แทบไม่อยากเชื่อสายตา

“เป็นไปไม่ได้! นี่เจ้าบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางแล้ว! เป็นไปไม่ได้”

ต้องมีอะไรผิดแน่!

ในอดีตหนิงฝานยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ!

แม้วิชาเย้ายวนของหนิงฝานยากจะต้านทาน แต่พวกนางก็มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก หนิงฝานจะจัดการพวกนางไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน เขาต้องทุ่มสุดตัวเพื่อเอาชนะพวกนาง

แต่ตอนนี้ แค่หนิงฝานขยับมืออเล็กน้อย จื่อฟาก็บาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่งระดับเทียบเท่าขุนพลอสูรของพวกนาง!

“พี่ฟง เราหนีกันเถอะ!”

หงยี่คว้าจื่อฟาและทะยานหนีเต็มกำลัง

ใครใช้ให้หนิงฝานประมาท เรียกพวกนางออกมาโดยไม่วางข่ายอาคมไว้ก่อน

แต่ชั่วพริบตานั้น ร่างหนิงฝานกลับแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเทาเข้าประชิดพวกนาง

เมื่อรู้สึกตัวอีกที พวกนางก็ล้มตัวนอนบนเตียง ขนาบข้างหนิงฝานโดยไม่อาจเคลื่อนไหว

“ปล่อยพวกข้าไปเถอะ!”

หนิงฝานเย้ยหยัน

เหตุที่เขาไม่วางข่ายอาคมเพราะไม่จำเป็น!

อสูรด้อยค่าอย่างพวกนางคิดจะรอดพ้นจากเงื้อมมือ… ฝันไปหรือเปล่า?

“เป็นไปได้ยังไง! เจ้าใช้วิชาอะไรทำพวกข้าดิ้นไม่หลุด! เป็นไปไม่ได้ ขนาดนายท่านยังทำแบบนี้ไม่ได้!”

“ถึงลี่ป่านจะทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำไม่ได้เหมือนมัน… พวกเจ้าไม่มีทางรอดพ้นจากเงื้อมมือข้าไปได้ ข้าจะดูดซับพลังพวกเจ้า!”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงกล้าพูดแบบนี้! นายท่านของข้าแข็งแกร่ง หากเจ้ากล้า...” นางกล่าวไม่ออก

แม้ใบหน้าของนางดูอัปลักษณ์ แต่เรือนร่างของนางเย้ายวนอย่างที่สุด

“ถ้าข้ากล้า… แล้วจะเป็นยังไง!”

หนิงฝานบีบหน้าอกจื่อฟาอย่างแรง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างจนทำให้นางแทบอยากตาย

“ปล่อย! ปล่อยเดี๋ยวนี้!”

แววตานางเคียดแค้นชิงชัง แม้ยามนี้นางจะเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่ร่างกายกลับเริ่มไร้กำลัง… แม้หน้าตาอัปลักษณ์ แต่เรือนร่างที่งดงามเย้ายวนนั้น ก็ชวนให้เกิดอารมณ์อย่างที่สุด

เมื่อครู่หนิงฝานใช้วิชาตรึงร่างกับนาง ทำให้นางไม่อาจขยับเคลื่อนไหว นางทำได้เพียงมองดูหนิงฝานกระทำกับหน้าอกของตนอย่างไร้หนทางขัดขืน

แม้จะมีอาภรณ์ขวางกั้นระดับร่างกายและมือ แต่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มอย่างนางกลับรู้สึกราวกับมือของหนิงฝาน สัมผัสร่างกายของตนจริงๆ

สารเลว...

นางรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เหตุใดนางต้องติดตามหนิงฝานเพื่ออัฐิสวรรค์ จนทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

“ถ้าเจ้ายังไม่หยุด นายท่านของข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่! ยามนี้ท่านก็อยู่ในแคว้นจินแห่งนี้เช่นกัน”

“นายท่าน? แคว้นจิน? อา… เจ้าคงไม่รู้ว่านายท่านของเจ้ากลับไปโลกอสูรแล้ว ฉะนั้น มันจะทำอะไรข้าได้”

หนิงฝานเย้ยหยัน แส้อัสนีโลหิตปรากฏในมือ

แส้ของหนิงฝานทำมาจากเอ็นมังกรอัสนี แม้หนิงฝานจะชำระล้างกลิ่นอายจนแทบไม่เหลือ แต่ก็ยังมีกลิ่นอายเล็กน้อยหลงเหลืออยู่… ไม่ผิดแน่ กลิ่นอายนี้เป็นของขุนพลอสูร!

“นี่เจ้าดึงเส้นเอ็นมังกรของนายท่านออกมา! สารเลว! ข้าจะฆ่าเจ้า!” นางดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต จนพ้นจากพันธะนาการ แล้วกัดเข้าที่ลำคอของหนิงฝานอย่างแรง

ดูเหมือนนางจะเทิดทูนขุนพลอสูรมาก กระทั่งหลุดจากพันธะนาการของหนิงฝาน

แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ที่นางเคารพเทิดทูนกลับไม่เห็นคุณค่าชีวิตของผู้รับใช้อย่างนาง ดูเหมือนนางจะมอบความเทิดทูนผิดคน

“ตอนนี้มันยังไม่ตาย แต่ข้าไม่ปล่อยมันไว้แน่”

“เจ้ากล้าคิดร้ายกับนายท่าน ข้าจะฆ่าเจ้า!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา

“ข้าได้ยินมาว่า ขุนพลอสูรจะทำลายใบหน้าของสตรีที่มันไม่ชอบ แต่หากชอบ ก็จะนำไปเป็นอสูรบำบัดความใคร่ และพวกเจ้าทั้งสองคนก็คงถูกมันทำลายใบหน้ามาจนเสียโฉม”

“ไม่! ไม่ใช่… นายท่านไม่ได้ตั้งใจ” สีหน้าจื่อฟาดูราวกับหวนนึกถึงเหตุการ์ณ์ที่น่าสะพรึงกลัว

แต่หงยี่กลับตรงกันข้าม นางแสดงสีหน้าเศร้ามอง

น้ำตาแห่งความทุกข์หลั่งไหลอาบแก้มพวกนาง

พวกนางรู้ว่านายท่านของตนหนีไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังเทิดทูน

“ช่างน่าสนใจ… แต่ไม่ว่าพวกเจ้าจะรู้สึกยังไง ก็ไม่เกี่ยวกับข้า พวกเจ้าเป็นได้แค่กระถางขัดเกลา”

“เจ้า!” พวกนางอุทานขึ้นพร้อมกัน

“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ถามว่าข้ากล้าหรือเปล่า… ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กล้าหรือไม่กล้า แต่อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่าต่างหาก... ยามนี้ข้าต้องการกระถางขัดเกลา แล้วพวกเจ้าก็เป็นกระถางขัดเกลาของข้า นั่นคือชะตากรรมที่พวกเจ้าไม่อาจเลี่ยง… หากพวกเจ้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ข้าจะคงระดับพลังไว้ให้ที่แก่นทองคำขั้นต้น และจะไม่สังหารพวกเจ้า!”

“ไม่มีทาง! พวกข้าเป็นบ่าวของนายท่าน มีเพียงนายท่านเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะคู่ควรกับพวกข้า…!”

หนิงฝานจ้องมองหงยี่และจื่อฟา

“พวกเจ้าไม่มีทางเลือก!”

หนิงฝานค่อยปลดอาภรณ์ของจื่อฟาแต่ละชิ้น เผยให้เห็นหน้าที่ขาวนวลและงดงาม

นางใบหน้าแดงก่ำ แม้จะอายแต่ก็ทำได้เพียงแค่หลับตา นางรู้ว่าหนิงฝานกำลังจ้องหน้าอกนาง

แต่ในขณะนั้น มือของหนิงฝานกลับเคลื่อนลงไปที่ท้องน้อย จนทำให้นางสั่นเทาไปทั้งร่าง

น้ำตาไหลรินอาบแก้ม นางอยากอ้อนวอนให้ผู้เป็นยายมาช่วย  แต่นางก็รู้ดีว่าต่อให้ทำเช่นใด นางก็ไม่มีโอกาสหนี

นางรู้ว่านายท่านของนางเลือดเย็น แต่นางยังคงไม่อาจลืม

นางไม่ลืมว่านายท่านของนางเป็นผู้ทำลายใบหน้าที่นางภาคภูมิใจ

ไม่นานนัก นางก็รู้สึกบริเวณอวัยวะเพศ ก่อนจะมีความรู้สึกเข้ามาแทน

น้ำตาไหลรินเป็นสาย ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า และผิดหวังที่ผู้เป็นนายทิ้งไป

“ข้าอยากตาย… ข้าไม่อยู่ด้วยใบหน้าอัปลักษณ์แบบนี้ ยามนี้ข้าไร้ผู้เป็นนายแล้ว… ข้าอยากตาย!” นางฝืนกัดปลายลิ้น แต่นางรู้ดีว่าต่อให้กัดไป ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มอย่างนางย่อมไม่ตาย

แต่ในชั่วลมหายใจนั้น หนิงฝานกลับสอดนิ้วเข้าไปในปากของนาง กันไม่ให้นางกัดลิ้นตัวเอง

“ถึงเจ้าจะไร้เป้าหมายในการมีชีวิต แต่หากเจ้ามีชีวิต เจ้าก็ยังหาเป้าหมายได้ อย่างน้อยๆ หากเจ้าเป็นดอกไม้ ข้าก็ยังได้ชื่นชมความงาม… ถึงเจ้าจะเป็นศัตรูของข้า แต่หากเจ้าช่วยข้ายกระดับพลัง ข้าก็จะหาทางฟื้นฟูใบหน้าให้”

“ฟื้นฟูนใบหน้า?” แววตานางเป็นประกายและเปี่ยมไปด้วยความหวัง

“โอสถผันแปรที่ 5… โอสถคืนโฉม! ถึงมันจะไม่ใช่โอสถที่เกี่ยวกับความงามโดยตรง แต่ก็ช่วยเจ้าฟื้นฟูใบหน้าได้… หากมีเวลาข้าจะปรุงมันให้”

เมื่อนางเริ่มคืนสติ นางก็เริ่มรับรู้ความรู้สึกจากร่างกายได้

“ข้าเจ็บ… เบาๆหน่อย”

จื่อฟาเป็นสตรีที่ไม่เหมือนสตรีทั่วไป นางสามารถหลุดจากพันธะนาการของวิชาตรึงร่างได้ หรือต่อให้ตรึงร่างของนางได้นั้น อานุภาพของวิชาก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะนางมีจิตใจที่แน่วแน่ และปรานาอย่างแรงกล้าว่าจะหลุดจากพันธะนาการให้ได้

หากหนิงฝานฝืนดูดซับพลังจากนาง อย่างมากก็จะได้ปราณเพิ่มเพียง 1 เกราะ

แต่หากนางยอมร่วมมือและบรรลุจุดสูงสุดของความสุข หนิงฝานจะได้ 20 เกราะโดยไม่ยาก

ดังนั้น การจะทำให้ผ่อนคลายและยอมร่วมมือ เขาต้องหาทางปลอบนาง และชี้เส้นทางให้นางใหม่

ไม่แปลกที่มีคำกล่าวว่า หากสตรีใดหัวใจแหลกสลาย สตรีผู้นั้นก็ง่ายจะชักจูง

“ข้าต้องทำยังไง ถึงจะช่วยเจ้าขัดเกลาผสานได้ง่ายขึ้น...” นางกล่าวถาม นางไม่ขัดขืนแล้ว ต่อให้หนิงฝานเป็นศัตรูและดูดซับพลังนาง แต่เขายังให้สัญญาว่าจะไว้ชีวิต ซึ่งเทียบกันแล้ว จิตใจของหนิงฝานสูงส่งกว่าขุนพลอสูรมาก

แม้จะให้นางทำใจรักหนิงฝานไม่ได้ แต่ยามนี้นางต้องเป็นกระถางขัดเกลาของเขาอย่างไร้ทางเลือก

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่อาจหันหลังกลับ มีแต่ต้องก้าวเดินต่อไป...

“ทำใจให้สบาย...”

หนิงฝานใช้ดรรนีคลายหยินกับนาง จนลมหายใจของนางถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ

นางกอดหนิงฝานแน่น สองข้าหนีบเอวหนิงฝานไม่ปล่อย

นางไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเหมือนอัสนีกำลังแล่นไปทั่วร่างของนาง

สองมือที่สวมกอดศัตรูไม่วาง ทำให้ความรู้สึกซับซ้อนปรากฏขึ้นในใจ

ความสัมพันธ์เช่นนี้คืออะไร...

ความสัมพันธ์เดียวระหว่างทั้งคู่คือศัตรู แต่ยามนี้กลับต้องมาร่วมรักกัน...

“ขัดเกลาผสานกับกระถางขัดเกลาที่อัปลักษณ์อย่างข้า…  คงลำบากใจเจ้าน่าดู”

“อาจารย์ข้ากล่าวไว้ว่า… หากปิดไฟ ไม่ว่าผู้ใดก็เหมือนกัน! แต่สำหรับเจ้าแล้ว เจ้างดงามยิ่งกว่าสตรีมากมายที่ข้าได้พานพบ”

“อืม...”

ความรู้สึกซับซ้อนเพิ่มพูน สองมือยังกอดหนิงฝานไม่วาง พลางรับแรงกระแทกอย่างต่อเนื่อง

แม้จิตใจของนางไม่ได้ชื่นชอบหนิงฝาน แต่ร่างกายกลับยอมรับเขา

ผ่านไประยะหนึ่ง นางกลับเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมหนิงฝาน ขยับโยกเอวอย่างต่อเนื่อง

ผ่านไปอีกระยะ หนิงฝานใช้ดรรชนีคลายหยินกับหงยี่ ดึงนางเข้ามาร่วมศึกอีกคน

เสียงครางกระเส่าแห่งความสุขดังสะท้อน

ปราณอสูรยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในที่สุด วิชาแปลงหยินหยางก็บรรลุขอบเขตที่ 2!

เคล็ดความและรายละเอียดของวิชาในขอบเขตที่ 2 ดังสะท้อนก้องอยู่ในทะเลสติหนิงฝาน

“‘วิชาคารม’ เมื่อกล่าวสิ่งใดออกไปจะส่งผลต่อความรู้สึกในใจของอีกฝ่าย สามารถล้วงความลับจากสตรีได้… ผู้ใดคิด...เรารู้... วิชาอันแนบเนียนไร้ซึ่งร่องรอยใดๆให้สัมผัสถึง ราวกับจิตใจบุรุษที่ยากหยั่งถึง แต่หากจะกล่าวให้สตรีใดเป็นกระถางขัดเกลาตน สตรีผู้นั้นต้องมีระดับพลังที่ไม่สูงกว่าตนเกินหนึ่งขอบเขตใหญ่”

หนิงฝานตกตะลึง

วิชาอะไรกันถึงได้ท้าทายสวรรค์ขนาดนี้

วิชาขัดเกลาผสานคือวิชาที่เปรียบได้ดั่งไม้แข็ง ส่วนวิชาคารมเปรียบได้ดั่งไม้อ่อนเช่นนั้นหรือ?

เพียงคำกล่าวก็สามารถทะลายความรู้สึกด้านลบที่สตรีมีต่อตน กระทั่งสุดท้าย ทำให้นางตกหลุมรักตนได้!

หนิงฝานขมวดคิ้ว วิชานี้ไม่สมกับวิถีทางของเขา

แม้สตรีที่เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก หากตนบรรลุขอบเขตเดียวกัน เพียงพูดคุยก็คลายความเป็นปฏิปักษ์ กระทั่งกลายเป็นสนิทสนมกับพวกนางได้โดยง่าย

ต้องลอง!

หนิงฝานกระตุ้นสร้อยหยินหยาง พลังสายหนึ่งแผ่ออกจากร่างของเขา เข้าไปยังทะเลสติของพวกนางอย่างเงียบงัน

จื่อฟากล่าวขึ้น “ข้าอยากตายไปพร้อมๆกับเจ้า...”

หงยี่กล่าว “เจ้าเก่งกาจ… ข้ารู้สึกสบายมาก...”

จื่อฟายังไม่ยอมหนิงฝานทั้งใจ ผิดกับหงยี่ที่มอบกายให้หนิงฝานแล้ว

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยน วิชานี้ช่างท้าทายสวรรค์!

แบบนี้แล้วเขาก็สามารถล้วงความลับจากอีกฝ่ายได้ง่ายๆ

“ขนาดวิชาแปลงหยินหยางขอบเขตที่ 2 ยังท้าทายสวรรค์ขนาดนี้ ถ้าเป็นขอบเขตที่ 3 จะขนาดไหน...”

“วิชาในขอบเขตที่ 3 จะทำให้เข้าติดใจจนลืมไม่ลง… เจ้าจะเปิดโลกหยินได้ เป็นนายของที่นี่ ได้ครอบครองอนุสรณ์เพลิง... จะเป็นบุรุษหรือสตรี หากเจ้านำคนเหล่านั้นเข้ามาในโลกหยิน ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีอะไร เจ้าจะล่วงรู้ทั้งหมด”

เสียงของหลั่วโยว่ดังขึ้น

“ท่านรู้ได้ยังไง?”

“ทำไมข้าจะไม่รู้… ข้าเห็นอนุสรณ์เพลิงอยู่ทุกวัน วิชาเซียนมากมายก็อยู่ในอนุสรณ์นี้… จะว่าไป ข้าเผลอหลับไปไม่นาน เจ้าก็บรรลุวิชาแปลงหยินหยางขอบเขตที่ 2 แล้ว...”

หนิงฝานไม่กล่าวคำ เขากระตุ้นสร้อยหยินหยาง เพื่อลองค้นความลับจากหลั่วโยว่

แต่ก็ไม่สำเร็จ… แม้ปราณของนางจะลดลงไปมาก แต่วิชาคารมก็ยังไม่ได้ผล

หนิงฝานเลิกคิดเรื่องวิชา และตั้งใจขัดเกลาผสานกับจื่อฟาและหงยี่ต่อ

ปราณอสูรของหนิงฝานบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ตาซ้ายแปรเปลี่ยนเป็นดาราสีเขียวเข้ม

เพียงคิด ดาราก็เปล่งประกาย...

ดาราที่ปรากฏอยู่ในตาซ้ายของซัวหมิงคือ ‘ดาราแห่งป่า’

เมื่อหนิงฝานคิดจะเคลื่อนไหว ปีกสีเขียวก็ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลัง ปีกคู่นี้คือปีกวายุอัสนีที่เสริมพลังด้วยปราณอสูรช่วยให้หนิงฝานเคลื่นที่ได้เร็วขึ้น

ยามนี้หนิงฝานมีดาราครบ 3 แล้ว

หนิงฝานเก็บปีก นิ่งเงียบชั่วขณะ

หนิงฝานขบคิดถึงเรื่องที่ตนเองทำไปมาก ทั้งสังหารอย่างเลือดเย็น… ทั้งดูดซับพลังอย่างไร้หัวใจ แต่นั่นคือเส้นทางของผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมที่ต้องเดินฝ่าไป...

“ไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่เปลี่ยน...”

วันคืนผันผ่าน หนิงฝานยิ่งเติบใหญ่สมบูรณ์

แม้มนุษย์จะมีแปรเปลี่ยนไปบ้าง แต่สำหรับจื่อเฮ่อ… หลานเหม่ย… และชู่ซวนเชียนสื่อ หนิงฝานจะไม่ลบพวกนางออกไปจากใจเด็ดขาด

โดยเฉพาะกับจื่อเฮ่อ

นางเป็นทั้งชีวิตของหนิงฝาน

“จื่อเฮ่อ… แม้ข้าจะเป็นปีศาจ แม้ข้าจะดูไม่เปลี่ยนไป แม้ข้าจะชั่วมากมาย แต่พอคิดถึงเจ้า...ข้าก็คิดถึงรอยยิ้มของเจ้า”

หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย บิดยืดกายคลายเมื่อย

หนิงฝานเป็นปีศาจเต็มตัว แต่ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ย่อมไม่มีผู้ใดดูออก

หนิงฝานเป็นเหมือนกระบี่ในฝัก ซึ่งฝักกระบี่นั้นคือจื่อเฮ่อ

แล้วจิตใจของหนิงฝานก็บรรลุระดับตามปราณทัน!

“ดีหล่ะ… จิตใจข้ายกระดับตามทันแล้ว สมควรแก่เวลาให้ทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง… ตอนนี้ข้ามีปราณ 190 เกราะ ยังขาดอีก 110 ก็จะทะลวงระดับได้อย่างราบรื่น นั่นหมายความว่า ข้าต้องหากระถางขัดเกลาขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มให้ได้อีก 6 คน ส่วนการบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด ต้องใช้ปราณถึง 1,500 เกราะ และยิ่งจะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ ต้องใช้ปราณถึง 10,000 เกราะ… แค่จะทะลวงดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดก็ยากแล้ว ต้องหากระถางขัดเกลาในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มถึง 500 คน แต่สตรีในโลกนี้ก็มีจำกัด… แม้ในทะเลส่วนในจะมีสตรีมากมาย แต่ใช่ว่าจะหาได้ถึง 500 คน”

หนิงฝานยิ้มอย่างไร้หนทาง

ดูเหมือนการจะบรรลุตัดวิญญาณจะกลายเป็นเรื่องยากแล้ว

นั่นทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณมีน้อย...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด