103 ปลอบโยนจิตใจและลดความเจ็บปวด
103 ปลอบโยนจิตใจและลดความเจ็บปวด
การเสริมสร้างร่างกายให้ดีขึ้นนั้นเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา มันไม่สามารถรู้ได้ว่าฤทธิ์ของตัวยานั้นจะส่งผลออกมาเมื่อไหร่ ดังนั้น การรักษาลูกชายของโจวฉงนั้น ก็ถือว่าเป็นการช่วยให้หวังเย้าได้ทดสอบความรู้และความสามารถของตัวเอง และได้สังเกตุผลลัพธ์ของตัวยาได้อีกด้วย แน่นอนว่าสุขภาพของเด็กชายนั้นจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ หวังเย้าก็ตั้งใจว่ายังไงเขาก็จะต้องทำให้สุขภาพของเด็กชายดีขึ้นมาให้ได้
หวังเย้าทำงานจนถึงกลางดึกและไม่ได้ทานมื้อค่ำ เขาเขียนทุกอย่างที่เขาคิดได้ลงไป
ฉันสามารถนำการรักษาคนไข้แต่ละโรคลงใส่ไปและเขียนเป็นหนังสือให้แพทย์คนอื่นได้อ่านอีกด้วย หวังเย้าคิด
หนังสือสมุนไพรจีนสมัยโบราณก็ถือว่าเป็นบันทึกรายละเอียดโดยสรุปเอาไว้ของแพทย์แผนจีนในสมัยก่อนเช่นกัน แต่หวังเย้านั้นได้ใช้สมุนไพรราก ซึ่งถือว่าเป็นสมุนไพรหายากและมีแค่เพียงบนเนินเขาหนานชานเท่านั้น ดังนั้น บันทึกการรักษาของเขาอาจจะไม่มีประโยชน์สำหรับคนอื่นสักเท่าไร
แล้วอยู่ๆหวังเย้าก็คิดขึ้นมาได้ว่า บางทีสมุนไพรรากอาจจะสามารถเติบโตที่อื่นได้ด้วยเช่นกัน ถ้าหากมีข้อกำหนดที่สมุนไพรต้องการครบก็อาจจะเป็นไปได้
ตั้งแต่ที่เขามีระบบอยู่กับตัว นี่จึงเป็นครั้งแรกที่หวังเย้ามีความคิดแบบนี้ สมุนไพรรากนั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าสมุนไพรทั่วไปมาก มันจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ หากสามารถส่งต่อวิธีการปลูกสมุนไพรรากจากรุ่นสู่รุ่นได้
แต่นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหวังเย้า มันต้องใช้การตัดสินใจที่รอบคอบและไม่ควรรีบร้อน การเร่งรีบอาจจะทำให้เกิดปัญหากับทั้งตัวเขาเองและคันในครอบครัวของเขาด้วย และนั้นไม่ได้สิ่งที่หวังเย้าต้องการ
หวังเย้ายังคงฝึกพลังฉีและอ่านคัมภีร์แม้ว่าเขาจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม เขาอยู่ในช่วงที่ยุ่งและเงียบสงบไปพร้อมๆกัน
...
ในห้องพักของโรงแรมในเหลียนชาน โจวฉงสังเกตุเห็นว่าใบหน้าของลูกชายของเขานั้นเริ่มมีสีสันขึ้นมา แววตาของเด็กชายยังดูสดใสขึ้น นั้นได้ทำให้โจวฉงตื่นเต้นมาก
“โจวหวูคัง ลูกรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” โจวฉงถาม
“ผมรู้สึกอุ่นแล้วก็สบายขึ้นมากเลยครับ” โจวหวูคังพูด
“เยี่ยม! หมอหวังสุดยอดมาก!” โจวฉงพูด
ลูกชายของเขายังดื่มยาของหวังเย้าได้ไม่ถึงครึ่งเลย แต่กลับเริ่มที่จะรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว ช่างเป้นหมอที่มหัศจรรย์อะไรอย่างนี้! โจวฉงคิด
“ยังไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม?” โจวฉงยังคงกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของตัวยา
“ครับ” โจวหวูคังพูด
“ดี! ดีมาก!” โจวฉงพูดอย่างตื่นเต้น
หวังเย้าไปที่โรงแรมที่โจวฉงและลูกชายของเขาพักอยู่หลังจากนั้นอีกสามวันตามที่ได้บอกเอาไว้ และได้ตรวจดูอาการของโจวหวูคัง เขาจับชีพจรของโจวหวูคัง และพบว่าชีพจรของเขานั้นมั่นคงมากขึ้น ซึ่งก็หมายความว่าในสามวันที่ผ่านมานี้สุขภาพของเขาค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ แต่ในส่วนอื่นๆนั้นยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
จากการจับชีพจรของโจวหวูคัง ทำให้หวังเย้ารู้ได้ว่าซุปเป่ยหยวนของเขานั้นส่งผลดีกับตัวของโจวหวูคัง ซุปเป่ยหยวนนั้นช่วยปรับเปลี่ยนร่างกายของเด็กชายไปในทางที่ดีขึ้น ระบบได้แสดงถึงความมหัศจรรย์ของมันให้เห็นอีกครั้งหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะซุปเป่ยหยวนซึ่งมีประโยนช์สามารถใช้ได้กับหลายๆโรค
“เธอยังมีปัญหาเรื่องการนอนหลับและยังปวดหัวกับท้องอยู่รึเปล่า?”
“ครับ” โจวหวูคังตอบเสียงเบา
นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย! หวังเย้าคิด
แพทย์แผนจีนในสมัยโบราณได้พูดเอาไว้ว่าอาหารนั้นดีกว่ายา และการนอนก็ดีกว่าอาหาร คนที่นอนหลับไม่สนิทจึงมักจะเป็นคนที่มีสุขภาพไม่ดี
หวังเย้าได้คิดเกี่ยวกับวิธีที่จะช่วยให้โจวหวูคังนอนหลับได้ดีขึ้นมาหลายวัน เด็กชายนั้นอ่อนเพลียจากโรคนอนไม่หลับ(insomnia)และระบบภูมิคุ้มกันของเขาไม่สามารถทำงานได้ปกติเพราะการนอนหลับที่ไม่พียงพอ
หวังเย้าคิดเกี่ยวกับสาเหตุของอาการนอนไม่หลับของโจวหวูคังได้สองอย่าง สาเหตุแรกคือแขนที่มีปัญหาของเขาซึ่งเป็นมานานแล้ว นาฬิกาชีวิตของเขาต้องรวนเพราะการนอนไม่หลับเป็นระยะเวลาที่นาน สาเหตุที่สองก็คือ ยาที่เขากินเข้าไปเป็นจำนวนมาก มีทั้งยาเม็ดและยาสมุนไพร ยาที่กินเข้าไปนั้นไม่ได้ช่วยรักษาเขา แต่มันได้ทำร้ายสุขภาพของเขาและอวัยวะของเขา ด้วยร่างกายที่ยังเด็กของเขานั้น ทำให้เขาไม่สามารถรองรับยาจำนวนมากกว่ายี่สิบขนานได้ เขาเป็นเหมือนกับต้นไม้ที่ยังเติบโตไม่เต็มที่และเป็นโรค นอกจากมันจะติดโรคแล้ว มันยังได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้ทำลายโรคด้วย
หวังเย้าคิดเอาไว้สองทางที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพในการนอนของโจวหวูคัง ในระยะสั้น เขาจำเป็นต้องทำให้จิตใจของโจวหวูคังสงบลงและลดความเจ็บปวดที่แขนของเขา
เด็กชายที่น่าสงสารต้องรับความกดดันจากอาการเจ็บป่วยของโรคและการเข้ารับการรักษาหลายๆแบบ โรคที่เป็นเริ่มส่งผลเสียกับระบบประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวและนอนไม่หลับเรื่อรัง หวังเย้าต้องลดความกังวลและความกดดันของเด็กชาย และเขาก็มีสมุนไพรที่เหมาะกับอาการนี้อยู่
โจวหวูคังนั้นได้รับยาหลายขนานเพื่อรักษาโรคมาเป็นเวลานาน ซึ่งได้ส่งผลเสียกับอวัยวะของเขาและสร้างความเจ็บปวดในหลายส่วนของร่างกาย อวัยวะที่ได้รับผลกระทบจากยานั้นสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยซุปเป่ยหยวน แต่ความเจ็บปวดนั้นไม่ใช่เพียงเวลาสั้นๆจะหายได้ถึงแม้ว่าโจวหวูคังนั้นต้องการยาแก้ปวด แต่หวังเย้าก็ยังคิดไม่ออกว่ายาแก้ปวดแบบไหนถึงจะช่วยได้
ไม่ว่าหวังเย้าจะวางแผนการรักษาเอาไว้ยังไง เขานั้นต้องรักษาโจวหวูคังอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพราะร่างกายของเด็กชายนั้นอ่อนแอมากอยู่แล้ว
หวังเย้าได้อยู่กับโจวฉงและโจวหวูคังสักพักเพื่อดูว่าพวกเขาได้ปฏิบัติตามที่เขาได้เคยแนะนำเอาไว้รึเปล่า และเขาก็ได้ปฏิเสธคำเชิญทานอาการค่ำกับโจวฉงด้วย