ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0103 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0105 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0104 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 104 : อัคคีสีขาว

ต้วนเฉียนเดิมใบหน้าประดับรอยยิ้ม แต่พอได้เห็นสีหน้าฉินหยุน เขาเริ่มตึงเครียดจนต้องเร่งร้อนเอ่ยถาม “ฉินหยุน เกิดอะไรขึ้น? วิญญาณยุทธ์ไฟทองม่วงเลื่อนระดับแล้วหรือยัง?”

“ข้า... ข้าไม่ทราบ พลังธาตุของข้าเดิมทีเป็นสีทองม่วง แต่ตอนนี้มันกลับเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ข้าไม่อาจพบเจออัคคีภายในพลังธาตุ!”

เหงื่อฉินหยุนยังคงไหลหลั่ง เขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง

เขาเรียกใช้งานพลังปราณสีขาว ทว่ามันกลับไม่ได้ปรากฏออกเป็นอัคคีเพลิง

ทุกคนลอบแตกตื่น พวกเขาต่างมองกันเองอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะกับอาจารย์เว่ย ใบหน้านั้นคล้ายปรากฏร่องรอยของความตื่นเต้นยินดี

ต้วนเฉียนเร่งรีบนำเจดีย์วิญญาณขนาดเล็กออกมา “ทดสอบวิญญาณยุทธ์!”

ฉินหยุนส่งพลังภายในเข้าสู่เจดีย์ แต่แล้ว มันกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลง!

“วิญญาณยุทธ์... ตายแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!” อาจารย์เว่ยถึงขั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นผลลัพธ์ของความโลภ มีวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงยังไม่พอใจคิดอยากเลื่อนระดับแก่มัน ทำการขัดขืนบังคับวิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วงให้เลื่อนระดับ เพราะแบบนั้นวิญญาณยุทธ์ถึงตายจาก!”

นี่เป็นเพียงการระบายโทสะของอาจารย์เว่ย ทว่าผู้อาวุโสของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามต่างก็คิดคล้ายกันนี้

“พลังธาตุของเจ้ายังอยู่ กำลังภายในก็ยังคงแข็งแกร่ง ทว่า มันไม่มีคุณลักษณะอีกต่อไป โดยหลักฐานแล้วนี่บ่งบอกว่าวิญญาณยุทธ์ของเจ้าตายไปแล้ว! เจ้าควรรู้ว่าคุณลักษณะของพลังภายในได้รับมาจากวิญญาณยุทธ์ พลังภายในของเจ้าตอนนี้กลับกลายไร้ซึ่งคุณลักษณะ ดังนั้นเจดีย์วิญญาณจึงไม่ตอบสนองแต่อย่างใด” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มกระตุกบนใบหน้า ชัดเจนว่าเขายินดีไม่ใช่น้อย

เมื่อเหลียงซั่วจินได้เห็นสีหน้าราวขี้เถ้าของฉินหยุน อารมณ์ของเขากลับกลายเป็นดีขึ้นมาทันตา เขาแค่นเสียงกล่าวเย้ย “มีวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงแล้วริอาจคิดไม่พอใจ นี่เรียกกรรมตามสนอง! ตัวเจ้ามีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งไม่พอ ตอนนี้ยังเสียวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ตอนนี้เจ้าไม่ต่างอะไรกับคนเป็นง่อยแล้ว!”

ฉินหยุดกัดฟันกรอด เขาไม่เชื่อเรื่องไร้สาระพวกนี้แน่ เป็นเพราะวิญญาณยุทธ์สั่นไหวของเขายังอยู่ เขายังสามารถใช้พลังภายในดังกล่าวได้

ส่วนทางด้านวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง เขาเองก็ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะอะไรหลังผสานรวมเข้ากับอุกกาบาตอัคคีถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น?

“ฉินหยุน กลับก่อนแล้วค่อยคุยกัน!” ต้วนเฉียนช่วยพยุงฉินหยุนลุกขึ้นพร้อมพาเขาออกไปจากโถงแห่งนี้

ยามพวกเขาพ้นระยะ ทั่วทั้งโถงพลันเปี่ยมลั่นด้วยเสียงหัวเราะ โดยเฉพาะอาจารย์เว่ยและเหลียงซั่วจิน

“พวกเราต้องรีบรายงานไปยังพระราชวังหลวงเทียนฉินแล้ว พวกเขาต้องยินดีไม่น้อยแน่ยามได้ยินเรื่องราวนี้” หนึ่งในอาจารย์จารึกหัวเราะออก

“ไป ไปพร้อมกันนี่แหละ!”

“ความบากบั่นของฉินหยุนที่ฝ่าฟันความลำบากตลอดห้าปีกลายเป็นสูญเปล่าแล้ว วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงคือสมบัติล้ำค่าที่สุดซึ่งเขาครอบครอง และตอนนี้มันตายจากไปแล้ว หมายความว่ามันจะไม่สามารถหลอมอุปกรณ์อะไรได้อีกต่อไป!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า... เป็นเพราะมีพรสวรรค์มากเกินไปจนได้รับชัยชนะในการแข่งแปรธาตุครั้งนี้ เพราะได้รับอัคคีร่วงหล่น จึงเป็นผลให้วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของมันต้องตายจาก ฮ่าฮ่าฮ่า!” อาจารย์เว่ยตอนนี้ทั้งยิ้มและหัวเราะราวคนคลั่ง

เพราะเรื่องวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของฉินหยุนตายจาก กลุ่มคนจึงก้าวเดินออกจากโถงพร้อมเสียงหัวเราะราวต้อนรับปีใหม่ก็ไม่ปาน

* * *

ต้วนเฉียนพาฉินหยุนเข้าสู่ห้องลับและบรรจงสำรวจพลังธาตุ มันกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีคุณลักษณะใดเจือปน

ต้วนเฉียนทำได้เพียงยืนเหม่อมองผนังห้องลับ กระทั่งเขายังแตกตื่นแทนไปด้วย “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?” เขาเอ่ยถามพร้อมถอนหายใจ

ฉินหยุนค่อย ๆ สงบใจลง ปาดเช็ดคราบเหงื่อ เขากล่าว “ท่านปู่ต้วน ขอข้าสงบใจก่อน บางทีสถานการณ์อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดเอาไว้”

“ย่อมได้ ตัวเจ้าย่อมเป็นเจ้ารู้ดีที่สุด ข้าหวังว่าจะเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดเล็กน้อย!” ต้วนเฉียนรับคำ

หากวิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนตายไปจริง เขาจะต้องรู้สึกผิดอย่างร้ายแรงเลยทีเดียว

หลังต้วนเฉียนออกไปแล้ว ฉินหยุนหลับตาลง จากนั้นจึงเริ่มปล่อยพลังธาตุของตัวเองผ่านทางจิตวิญญาณต้นกำเนิด เขายังสามารถปล่อยจิตวิญญาณต้นกำเนิดได้อย่างไหลลื่น

ทว่า จิตวิญญาณต้นกำเนิดนี้เกิดขึ้นเพราะแรงสั่นไหวสีดำ

“วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงยังไม่ตาย เรายังรู้สึกถึงมันได้อยู่!”

ฉินหยุนสงบใจลง เขาพยายามสัมผัสสถานการณ์ภายในตันเถียนของตนเองตอนนี้ เขาพบว่ามันยังมีการเชื่อมต่อบางเบาระหว่างตันเถียนและวิญญาณยุทธ์ไฟ ทว่า มันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนดังก่อน

เขานำเอาศิลาวิญญาณลอยล่องสีทองม่วงออกมาและทำการดูดกลืนพลังงานภายในศิลา จากนั้นจึงค่อยโคจรมันสู่ตันเถียน

“คงทำได้เพียงทดลองใช้ศิลาวิญญาณลอยล่อง มาดูกันว่าจะกระตุ้นวิญญาณยุทธ์ได้หรือไม่”

ทันทีที่พลังงานเข้าสู่ตันเถียน มันถูกดูดกลืนหายวับไปโดยพลังภายในสีขาวอย่างรวดเร็ว

ในชั่วเวลาเพียงสองชั่วโมง ศิลาวิญญาณลอยล่องสีทองม่วงก็โดนดูดกลืนพลังงานจนหมดสิ้น

เมื่อฉินหยุนลืมตาขึ้น เขาต้องลอบตระหนก “เหมือนที่คิด วิญญาณยุทธ์ไฟยังอยู่ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้... หลังดูดกลืนพลังงานจากศิลาวิญญาณลอยล่อง สัมผัสของมันยิ่งมาก็ยิ่งแรงกล้า เราต้องหาทางดูดกลืนพลังงานให้มากกว่านี้เพื่อเรียกให้วิญญาณยุทธ์ไฟกลับคืนมางั้นสินะ?”

ขณะมองที่พลังธาตุสีขาว เขาพลันรู้สึกได้ว่า พลังธาตุสีขาวดังกล่าวกำลังหล่อเลี้ยงวิญญาณยุทธ์ไฟที่แข็งแกร่ง!

ทว่า เป็นเพราะขาดแคลนพลังงานหล่อเลี้ยง วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงจึงมีสภาพ “ไร้ตัวตน” ระหว่างการเติบโต

“หมายความว่า หลังผสานรวมวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงกับอัคคีร่วงหล่น เราต้องหาแหล่งพลังงานมาหล่อเลี้ยงเพื่อควบแน่นและส่งต่อไปยังวิญญาณยุทธ์ให้มีกำลังขึ้นมา?” ตอนนี้เขาคิดได้เพียงแต่ข้อสรุปนี้แล้ว

หลังออกจากห้องลับ เขาพบว่าต้วนเฉียนกำลังเดินไปเดินมาทั่วโถงทางเดิน

“เป็นอย่างไรบ้าง?” ต้วนเฉียนเร่งร้อนเข้ามาถามไถ่

“ข้ารู้สึกว่าคล้ายมันขาดพลังงานขอรับ ระหว่างข้ากับวิญญาณยุทธ์ไฟยังมีการเชื่อมต่อกันอยู่” ฉินหยุนกล่าวการคาดเดาของตนออก “วิญญาณยุทธ์ยังอยู่ภายในบริเวณพลังธาตุขอรับ มันสมควรผสานรวมกับพลังธาตุเรียบร้อยแล้ว แต่พลังงานที่ต้องการเพื่อกระตุ้นมันขึ้นมายังขาดแคลนอยู่”

ต้วนเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในเมื่อระหว่างเจ้าและวิญญาณยุทธ์ไฟยังมีการเชื่อมต่อ ข้าก็วางใจแล้ว! เพราะไม่เคยมีกรณีที่วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงผสานรวมเข้ากับอุกกาบาตอัคคีมาก่อน จึงไม่มีผู้ใดทราบว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร! บางทีอาจเป็นอย่างที่เจ้าว่า ตอนนี้มันต้องการพลังงานเพื่อใช้หล่อเลี้ยงวิญญาณยุทธ์ไฟให้แข็งแกร่งขึ้น”

กระนั้น เขาก็ยังมีเรื่องให้กังวลจนต้องถอนหายใจ “วิญญาณยุทธ์ไฟของเจ้าไม่อาจถูกปลดปล่อยออกมาในช่วงเวลานี้ ไม่ใช่หมายความว่าพลังธาตุของเจ้าตอนนี้ไร้ซึ่งคุณลักษณะหรือ? เท่ากับว่าตอนนี้เจ้าไม่อาจเรียกใช้เปลวเพลิง!”

ฉินหยุนเองก็ปวดหัวกับเรื่องราวนี้เช่นกัน เขาล้มร่างลงนั่งกับเก้าอี้นุ่ม คิ้วยังคงขมวดกันมุ่น เขากล่าวด้วยสีหน้าขื่นขม “หากไม่มีเปลวเพลิง ข้าก็ไม่อาจขัดเกลาได้แม้แต่ยันต์!”

“เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่า ตัวเจ้ายังมีการเชื่อมต่อกับวิญญาณยุทธ์ไฟของตัวเอง แล้วมันเป็นการเชื่อมต่อแบบใดกัน?” ต้วนเฉียนจ้องมองฉินหยุนด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาค่อนข้างเป็นเดือดเป็นร้อนแทนขณะคิดพยายามหาคำตอบ

ฉินหยุนคิดอยู่พักหนึ่งและค่อยตอบ “ข้าสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของวิญญาณยุทธ์ไฟ ใช่ขอรับ ข้าต้องใส่พลังจิตเข้าไปสู่ตันเถียนจึงจะสามารถสัมผัสมันได้”

ต้วนเฉียนตบต้นขาตนเองกล่าวคำ “เช่นนั้นก็ลองดูกันว่าเจ้าสามารถใช้กำลังภายในและพลังจิตเพื่อควบแน่นเป็นเปลวเพลิงได้หรือไม่”

ฉินหยุนตอนนี้ก็คิดไม่ออกอยู่แล้วว่าควรทำอย่างไรต่อดี โดยไม่ต้องถามเหตุผล เขาลองทำอย่างที่ต้วนเฉียนบอกกล่าว

เขาเพ่งสมาธิขณะส่งมันไปยังพลังธาตุ มันผสานรวมเข้ากับพลังธาตุภายในกาย จากนั้น ด้วยเจตนาแรงกล้า มันก่อเกิดขึ้นเป็นเปลวเพลิง พลังธาตุของเขาเริ่มเคลื่อนไหวขณะเปลวเพลิงสีขาวทะลักออก

“ได้ผล!” ฉินหยุนผายฝ่ามือออกให้เห็นอัคคีสีขาวกำลังลุกโชน เขาถึงกับประหลาดใจระคนยินดี

“ถึงกับเป็นเช่นนี้ วิญญาณยุทธ์ไฟของเจ้ากำลังหลับใหลอยู่ ที่เจ้าต้องทำคือดูดกลืนพลังวิญญาณและปลดปล่อยเปลวเพลิง! อัคคีสีขาวของเจ้ารู้จักกันในนามจิตวิญญาณอัคคี ยิ่งพลังจิตแข็งแกร่งขึ้น ความน่ากลัวของตัวอัคคีก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”

ต้วนเฉียนตอนนี้วางใจได้แล้ว รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าชราที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันค่อยถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด