เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0103 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 103 : พลังการหลอม
ฉินหยุนไม่ได้โกงแต่อย่างใด เพราะทุกขั้นตอนการทำล้วนเห็นกันทั่ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาผู้อาวุโสของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พวกเขาจับตามองอยู่ตลอด หากฉินหยุนคิดโกง เขาย่อมไม่อาจปกปิดจากสายตาของบรรดาผู้อาวุโสเหล่านั้นไปได้
ทางด้านฉินหยุนตอนนี้ก็สับสน เพราะอะไรคุณภาพเหล็กวิญญาณที่เขาหลอมขึ้นถึงเหนือล้ำกว่าผู้อื่น?
หลังจากพิจารณาให้ดีแล้ว เขาค่อยเชื่อว่าเป็นเพราะพลังปราณของตนแตกต่างจากผู้อื่น มันเกิดขึ้นจากการดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวัน ดังนั้นเขาจึงมีพลังปราณกักเก็บไว้มากกว่าผู้อื่น
ดังนั้น แม้เขาอ่อนด้อยกว่าอาจารย์เว่ยและผู้อื่น แต่พลังวิญญาณที่กักเก็บไว้ในพลังภายในของเขานับว่าเหนือล้ำกว่าผู้อื่นหลายต่อหลายเท่า รวมเข้ากับศักยภาพเหนือล้ำของเขาที่เผยออกให้เห็นยามหลอมเหล็กวิญญาณ เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาเหนือกว่าอาจารย์เว่ยแล้ว
เหลียงซั่วจินมองอาจารย์จารึกท่านอื่นสนทนากัน พวกเขาส่วนใหญ่ต่างหารือกันว่าฉินหยุนเหนือกว่าอาจารย์เว่ยได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพูดกล่าวสิ่งที่คิดออกมา “ฉินหยุนโกง! แต่พวกเราไม่รู้ว่าเขาโกงได้อย่างไร!”
อาจารย์เว่ยเร่งรีบกล่าวเสริม “สมควรเป็นเช่นนั้นแล้ว ยามพวกเราทำการหลอมเหล็กวิญญาณ พลังภายในของพวกเราที่ใช้ออกคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดหรือไม่ก็เก้า แต่ฉินหยุนเป็นเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก ดังนั้นพลังภายในของเขาจึงสมควรอ่อนด้อยกว่าพวกเราจึงจะถูก”
เขาหันควับมองฉินหยุนและตะโกนขึ้น “ฉินหยุน จงบอกต่อข้า เจ้าโกงโดยหลบรอดสายตาพวกเราได้อย่างไร?”
เหลียงซั่วจินลอบยินดี ตราบเท่าที่เขาปรักปรำว่าฉินหยุนโกงได้ ศักยภาพของเขาในการแข่งขันครั้งนี้ก็จะไม่ถูกนับว่าน่าเกลียดอีกต่อไป
ชายชราจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามกล่าวเสียงยะเยือก “ตำหนักจารึกเทวะต้องมีคำตอบในเรื่องนี้ อย่างไรแล้วพวกเราล้วนจ่ายค่าลงทะเบียนกันถ้วนหน้า! ไม่เช่นนั้นก็จงคืนค่าลงทะเบียนของพวกเรากลับคืนมา!”
ในเมื่อเกี่ยวข้องกับเงิน อาจารย์จารึกท่านอื่นจึงร่วมผสมโรงด้วย พวกเขาเหล่านี้ต้องการคำอธิบาย หรือไม่ก็คืนเงินค่าสมัครกลับมา
เพราะพวกเขารู้ว่าตนไม่มีโอกาสได้รับอัคคีร่วงหล่นแล้ว อย่างน้อยค่าลงทะเบียนแปดแสนเหรียญทองได้รับกลับคืนก็ไม่นับว่าแย่
โดยเฉพาะกับตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พวกเขานั้นจ่ายออกไปหนักที่สุด พวกเขาย่อมไม่คิดกลับไปมือเปล่าแน่
ต้วนเฉียนมองด้วยสายตายะเยือกต่ออาจารย์จารึกทั้งหลายในที่นี้พร้อมกล่าวขึ้น “ย่อมได้ ข้าจะให้คำอธิบาย!”
“เพื่อเป็นการยืนยันต่อทุกท่านว่าข้าไม่ได้กล่าวโดยไร้หลักฐาน ก็จะขอใช้วิธีการที่ทุกคนล้วนคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพื่อทดสอบคุณภาพพลังค้อนหลอมของฉินหยุน”
ต้วนเฉียนนำเอาหินโปร่งแสงสิบก้อนออกมาและกล่าว “สิ่งเหล่านี้คือผลึกแก้วรวบรวมพลัง พวกมันเหล่านี้แข็งแกร่งขนาดที่แม้แต่ข้าก็ไม่อาจทำลายพวกมันจนแตกได้ในการทุบเพียงครั้งเดียว หลังจากผลึกแก้วโดนแรงปะทะด้วยพลังงานทรงพลัง มันจะดูดซับพลังงานเข้าไป ยิ่งพลังงานที่ดูดซับเข้าไปมากเพียงใด น้ำหนักของมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
ผลึกแก้วรวบรวมพลังเป็นสิ่งหาได้ยาก โดยหลักแล้วจะใช้งานเพื่อรวบรวมพลังการหลอมที่ปลดปล่อยออกจากผังแปรธาตุ หากเป็นพลังงานชนิดอื่น มันจะไม่สามารถรวบรวมเอาไว้ได้
ต้วนเฉียนนำผลึกแก้วสองก้อนวางไว้บนแท่นหลอมและกล่าวขึ้น “อาจารย์เว่ย ฉินหยุน ขอให้แต่ละคนรับผลึกแก้วไปคนละก้อน จากนั้นให้ทุบผลึกแก้วด้วยค้อนหลอมทั้งสิ้นสิบครั้ง แล้วมาดูกันว่าผลึกแก้วจะหนักขนาดไหน!”
อาจารย์เว่ยนำผลึกแก้วทั้งสองมาชั่งน้ำหนักด้วยตนเอง พวกมันล้วนน้ำหนักเท่ากัน
หลังอาจารย์จารึกท่านอื่นได้เห็นดังนี้ พวกเขาพยักหน้ารับ นับว่าวิธีการนี้ได้รับการยอมรับ
อาจารย์เว่ยทุบผลึกแก้วอยู่สิบครั้ง พร้อมกันนี้ ผลึกแก้วแปรเปลี่ยนเป็นสีแพลทินัมพร้อมส่องประกายแสงออกมา
เมื่อเสร็จเรียบร้อย เขาจึงนำส่งต่อต้วนเฉียนให้ชั่งน้ำหนัก
“ผลึกแก้วมีชั้นหนาสองชั้น พลังการหลอมได้เพิ่มน้ำหนักของผลึกแก้วขึ้นสองเหลี่ยง” จากนั้น เขาจึงนำตราชั่งให้อาจารย์เว่ยได้รับชม
อาจารย์เว่ยเลือกชั่งน้ำหนักมันด้วยตนเองก่อนยืนยันซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
อาจารย์จารึกท่านอื่นล้วนลอบประหลาดใจ พลังการหลอมของอาจารย์เว่ยถึงกับทำได้สองเหลี่ยง
ระดับนี้ถือว่าดีเยี่ยม หากเป็นอาจารย์จารึกท่านอื่น อย่างน้อยก็คงต้องทุบกว่ายี่สิบครั้งถึงจะได้น้ำหนักเท่านี้
“ฉินหยุน คราวเจ้าแล้ว!” อาจารย์เว่ยกล่าวเร่ง
ฉินหยุนนำค้อนราชันยักษ์วิญญาณของตนออกมาและทุบเข้าใส่ผลึกแก้วโปร่งแสงทั้งสิ้นสิบครั้ง ตลอดทั้งสิบครั้งคือการใช้กระบวนท่ามังกรหลอมหกกระบวนผ่านกำลังภายในวนซ้ำ
หลังทำการหลอม ผลึกแก้วโปร่งแสงจึงทอประกายสีทองม่วงออกมา ชัดเจนว่านี่เป็นพลังการหลอมที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง!
“ท่านชั่งด้วยตนเอง!” ต้วนเฉียนผายมือให้อาจารย์เว่ยซึ่งอยู่คนละฝั่งกับฉินหยุน
อาจารย์เว่ยใช้สายตาแทบมองทะลุผลึกแก้วสีทองม่วงด้วยสีหน้าน่าเกลียด ทว่า เขาก็ก้าวเดินเข้าไปเพื่อชั่งน้ำหนักผลึกแก้วซึ่งฉินหยุนส่งมอบมาให้
“เก้า... เก้าเหลี่ยง!” มือของอาจารย์เว่ยสั่นเทิ้มขณะขานน้ำหนัก พลังการหลอมของฉินหยุนถึงกับมีประสิทธิภาพสูงเพียงนี้...
ผู้อาวุโสหลายคนถึงกับส่งเสียงร้องฮือฮากันออกมา!
เหลียงซั่วจินมองฉินหยุนซึ่งยังสงบใจอยู่ด้วยความเกลียดชัง นี่เป็นเพราะโชคชะตาของเขาไม่อาจหนีพ้นจากตัวตลกแล้ว พร้อมกันนี้ เขายังอิจฉาต่อพละกำลังของฉินหยุนอย่างรุนแรง
ถึงตอนนี้ อาจารย์จารึกหลายท่านต่างมองเหลียงซั่วจินด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความปรามาส
“ฉินหยุน นี่คืออัคคีร่วงหล่น!” ต้วนเฉียนยิ้มให้พร้อมส่งไข่มุกเม็ดใหญ่แก่ฉินหยุน ภายในเม็ดไข่มุก มันมีเปลวเพลิงสีขาวถูกผนึกเอาไว้
อุกกาบาตอัคคีในตำนาน ผู้ได้รับมันไปครองคือฉินหยุนที่อายุเพียงสิบห้าปี ทั้งนี้เขาคือผู้ที่ครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง!
บรรดาอาจารย์จารึกอาวุโสเผยความกระดากใจ เป็นปกติที่พวกเขาพ่ายแพ้ต่ออาจารย์เว่ย แต่ครั้งนี้พวกเขาทุกคนไม่มีเว้นแม้แต่อาจารย์เว่ยได้พ่ายแพ้ต่อเด็กอายุสิบห้า!
ผู้อาวุโสจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเองก็อิจฉารุนแรงขณะจ้องมองไข่มุกในมือฉินหยุน พวกเขาแทบคิดปล้นฆ่าฉินหยุนที่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ
เพราะวัตถุนั้นคือสิ่งที่สามารถเสริมอำนาจวิญญาณยุทธ์ไฟให้เพิ่มระดับได้อีกขั้นหนึ่ง ความล้ำค่าของมันแทบไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ!
อาจารย์เว่ยกล่าวคำ “ฉินหยุน จงผสานรวมกับอัคคีร่วงหล่นที่ตรงนี้! พวกเราต้องการได้เห็นว่าอุกกาบาตอัคคีนี้เป็นของแท้หรือไม่?”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย อันที่จริงพวกเขาอยากเห็น ว่าวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงจะวิวัฒนาการเป็นอะไรหลังฉินหยุนผสานรวมกับอัคคีร่วงหล่น
ต้วนเฉียนพยักหน้าให้ฉินหยุนเช่นกัน
คณะคนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามที่เตรียมไปจากที่นี่ พวกเขายังต้องคิดหยุดรอให้ฉินหยุนผสานรวมเสร็จสิ้นเสียก่อน
“วิธีใช้งานคือ ให้บีบมุกผลึกจนแตกออก อัคคีร่วงหล่นจะเข้าสู่ร่างกายเจ้าและผสมผสานกับวิญญาณยุทธ์ของเจ้า” ต้วนเฉียนอธิบาย “กล่าวโดยสรุป ขั้นการผสานรวมจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพียงสองชั่วโมงก็สมควรเสร็จสิ้นแล้ว”
ทุกคนล้วนอยากเห็น ว่าหากวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของฉินหยุนเลื่อนไปอีกระดับจะกลายเป็นสิ่งใด
ฉินหยุนทราบว่านอกจากวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงยังมีสีดำอันลึกลับ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยสงสัยในเรื่องนี้มากนัก เขาเพียงแต่ตื่นเต้นที่วิญญาณยุทธ์ของตนจะก้าวขึ้นถึงขีดสูงสุด!
ด้วยคำแนะนำของต้วนเฉียน เขากระทำตาม บีบไข่มุกจนแตก ถึงตอนนี้ลูกไฟขนาดเล็กภายในไข่มุกพลันไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา
อุกกาบาตอัคคีเข้าสู่แก่นแท้ของวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ทั้งยังเริ่มทำการต่อสู้กับวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง
ฉินหยุนเร่งรีบนั่งขัดสมาธิกับพื้นและหลับตาลง เขาปล่อยจิตใจตนเองให้สงบ ไม่คิดรับการรบกวนจากโลกภายนอกอีกต่อไป
ทุกคนรับชมเงียบงัน พวกเขาเกลียดชังฉินหยุนแรงกล้า แต่พวกเขาไม่มีตัวเลือกอื่นใดเหลือนอกจากยอมรับและนับถือ เป็นเพราะอีกฝ่ายสามารถกระทำได้ด้วยมือของตนเอง หลังผ่านการเติบโตในสภาพอันโหดร้ายมาห้าปี เขาถึงกับสร้างความประทับใจได้มากมายเพียงนี้
ภายในตำหนักจารึกเทวะ ทุกคนล้วนเฝ้ารออย่างเงียบงันขณะมองที่ฉินหยุน
ตอนนี้ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว ไม่ช้าท้องฟ้าจึงเริ่มมีความมืดเข้าปกคลุม ตำหนักจารึกเทวะพลันลุกโชนสว่างขึ้น แสงสว่างปกคลุมทั่วทั้งโถงหลักแห่งนี้ให้เห็นทุกอย่างได้อย่างชัดแจ้ง
สองชั่วโมงผ่านพ้น...
คิ้วคล้ายขมวดเล็กน้อย ในที่สุดฉินหยุนก็ลืมตา สีหน้าของเขาน่าเกลียดคล้ายเผชิญกับความหวาดกลัว
เหงื่อไหลหลั่งแทบท่วมกาย เขาผู้ซึ่งสงบเยือกเย็นมาตลอด แต่แล้วตอนนี้กลับมีสภาพที่คล้ายคนกำลังอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง!