ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0099 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0101 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0100 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 100 : ประตูจารึก

การลงทะเบียนแข่งขันแปรธาตุสิ้นสุดลง สุดท้ายแล้วตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามก็ไม่ได้ส่งอาจารย์จารึกอาวุโสลง

สำหรับคนหนุ่มสาว พวกเขาลงทะเบียนกันเรียบร้อย หากพวกเขาไม่จ่ายค่าลงทะเบียน เช่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายออกพ้นจากตำหนักจารึกเทวะ

ต้วนเฉียนยิ้มชั่วร้าย เป็นผลให้บรรดาอาจารย์จารึกอาวุโสต่างต้องอึ้งอยู่ภายใน ตำหนักจารึกเทวะถึงกับไม่ยอมอ่อนข้อให้ตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม

อาจารย์เว่ยค่อนข้างยินดีไม่น้อย เพราะเขาคือคนมีโอกาสสูงที่สุดซึ่งจะได้รับชัยชนะจากการแข่งขันครั้งนี้ จากท่าทียินดีเผยออกผ่านใบหน้า ราวกับว่าเขาได้รับอัคคีร่วงหล่นไปแล้วก็ไม่ปาน

เขาครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับแพลทินัม หากเขาได้รับมันมา เมื่อนั้นวิญญาณยุทธ์จะเลื่อนสู่ระดับทองม่วง

อาจารย์จารึกอาวุโสท่านอื่นก็เป็นกังวลเมื่อคิดเช่นนี้

บรรดาอาจารย์จารึกทั้งหมดเริ่มนำเอาเตาหลอมพร้อมแท่นหลอมออกมา เด็กหนุ่มสาวจากตำหนักดวงดาวล้วนมีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ชัดเจนว่าสถานะของพวกเขาย่อมสูงล้ำกว่าพวกที่ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะวิถียุทธ์

เตาหลอมของฉินหยุน ไม่ต้องสงสัยกันเพราะมันแย่ที่สุด เพราะเป็นเพียงแค่อุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้น เตาหลอมของผู้อื่นอย่างน้อยก็เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับต่ำ กระทั่งเป็นระดับกลางก็มีให้เห็น

เรื่องนี้ดึงความสนใจพร้อมเสียงหัวเราะลั่นจากอาจารย์จารึกผู้อื่นไม่ใช่น้อย

ต้วนเฉียนกล่าว “เวลาในการแข่งขันคือสี่ชั่วโมง!”

เพียงแค่สี่ชั่วโมง!

ทุกผู้คนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามถึงกับเผยดวงตาเบิกออกกว้าง ราวกับขวัญผวา

เหลียงซั่วจินกล่าวด้วยน้ำเสียงจองหองเช่นเดิม “ระยะเวลาการแข่งขันนี้ไม่สั้นเกินไปหรือ?”

ต้วนเฉียนหันมองอาจารย์เว่ยและกล่าว “อาจารย์เว่ย ท่านคิดว่าสั้นเกินไปหรือไม่?”

อาจารย์เว่ยขมวดคิ้ว “จริงที่ออกจะสั้นไปบ้าง แต่ในเมื่อนี่เป็นกฎที่ตั้งโดยตำหนักจารึกเทวะ พวกเราก็ได้แต่ยอมทำตามแล้ว”

ต้วนเฉียนมองเหลียงซั่วจินที่คล้ายกล่าวต่อไม่ออกขณะยิ้มกว้างให้เห็น “ในอดีต ระยะเวลาการแข่งขันเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น เท่ากับว่าสี่ชั่วโมงคราวนี้ไม่ได้น้อยไปแต่อย่างใด!”

หัวใจฉินหยุนเริ่มหนักอึ้ง เขารู้สึกถึงแรงกดดันรุนแรง เขาเกือบจะบอกออกไปเช่นกันว่าระยะเวลาน้อยเกินไป แต่พอคิดว่าเป็นการแข่งขันที่เตรียมไว้สำหรับอาจารย์จารึกอาวุโส เขาก็ทำได้เพียงแต่ยอมรับ

ในช่วงบ่าย ผู้อาวุโสหลายท่านจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามมาถึง พวกเขาล้วนเป็นอาจารย์จารึกอาวุโสจากทั้งตำหนักตะวันออก ตำหนักตะวันตก ตำหนักทิศเหนือ และตำหนักทิศใต้

เมื่อผู้เยาว์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามพบเห็นพวกเขามาถึง พวกเขาต้องเร่งร้อนเข้ากล่าวทักทาย

“ตำหนักจารึกเทวะของเจ้ายังคงเป็นเช่นเดิม อกตัญญูอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยจริง ๆ” ผู้อาวุโสจากตำหนักทิศใต้แค่นเสียงกล่าวเย็นเยือก เขานำเอาเตาหลอมและค้อนหลอมออกมาพร้อมกล่าว “เตาหลอมและค้อนหลอมเหล่านี้คืออุปกรณ์วิญญาณระดับสูง อาหรง จัดแจงด้วย!”

ผู้อาวุโสทุกคนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เริ่มนำเอาอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงกันออกมาพร้อมส่งมอบแก่ผู้เยาว์ เรื่องนี้ทำเอาอาจารย์เว่ยและผู้อื่นล้วนริษยา

แน่นอน ว่าเตาหลอมและค้อนหลอมของอาจารย์เว่ยก็ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ มีเพียงเตาหลอมของฉินหยุนที่ยิ่งมายิ่งแย่กว่าเก่า เพราะมันเป็นแค่อุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้น นี่จึงเป็นอีกครั้งที่ศิษย์จากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเย้ยหยันต่อเขา

“ฉินหยุน พรสวรรค์วิถีจารึกของเจ้านั้นดีเยี่ยม ในอนาคตเจ้าคิดอยากมาเยือนตำหนักตะวันออกของพวกเราหรือไม่? ข้าคือผู้อาวุโสนอกแห่งประตูจารึกตำหนักตะวันออก นามข้าคือเวิงเชี่ยวฮัว!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินถึงข้างกายฉินหยุนและกล่าวถาม

ฉินหยุนเองก็ได้เห็น ว่าไม่มีศิษย์ของตำหนักตะวันออกในหมู่ศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเข้าร่วมการแข่งขันเลย

เวิงเชี่ยวฮัวเป็นผู้อาวุโสจากตำหนักตะวันออกแห่งสำนักจารึก ก็เพียงมาที่นี่เพื่อรับชมเรื่องสนุกเพียงเท่านั้นเอง

“ประตูจารึกตำหนักตะวันออกก็มีแต่เจ้า กระทั่งเตาหรือค้อนหลอมยังไม่มีให้นำออกมาด้วยซ้ำ นี่เจ้ายังคิดรับคนงั้นหรือ? นอกจากนี้ ฉินหยุนมีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งตะวัน ในอนาคตยากคาดเดานักว่าเขาจะก้าวเดินต่อในวิถียุทธ์ได้อีกนานเพียงไร” ผู้อาวุโสจากตำหนักทิศใต้แค่นเสียงเย้ย

“ข้านึกว่าเป็นพวกเจ้าเสียอีก ที่บอกว่าเขาคงยากก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก หรือนั่นข้าจำผิดพลาดไป? แต่แล้วตอนนี้เขาก็อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว บางทีอาจเหนือล้ำกว่าพวกเจ้าก็ได้ยามเมื่อเวลาผันผ่าน!”

ผู้อาวุโสอีกคนแค่นเสียงกล่าวคำ “ประตูจารึกนั่นไม่มีแม้สักคนได้เข้าไปสู่ภายใน มีเพียงแต่เจ้าเป็นผู้อาวุโสนอก ทั้งยังคิดฝืนรับคนเข้าสำนักนอกเสียอีก และเจ้า จนกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่อาจผ่านการทดสอบได้ด้วยซ้ำ! กระทั่งว่าเจ้าคิดอยากรับฉินหยุนเป็นศิษย์ เขาก็คงไม่หน้ามืดเลือกเจ้าอย่างแน่นอน!”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวพวกนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว สีหน้าทั้งเจ็บปวดและหดหู่ เป็นเขาถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่นั่น เขาแทบคิดเดินออกไปให้พ้นจากที่นี่

ผู้อาวุโสอีกหนึ่งแค่นเสียง “เจ้านี่มีบุตรชายสามคน หลานชายอีกสองคน ทั้งหมดล้วนเสียชีวิตไประหว่างการทดสอบเข้าประตูจารึก การทดสอบเข้าประตูจารึกของตำหนักตะวันออกนับได้ว่าทั้งยากเข็ญและน่าสะพรึง เส้นทางให้ถอยยังไม่มี เพราะแบบนั้นประตูจารึกของตำหนักตะวันออกจึงโรยรา นี่จึงเป็นผลให้ผังลึกล้ำที่ล้ำค่าจำนวนมากที่เหลือภายในนั้นไร้ซึ่งผู้สืบทอด”

ฉินหยุนมองผู้อาวุโสเวิงที่โดดเดี่ยวจนเกิดความหวั่นไหว ฉับพลันนั้น เขาก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา

ประตูจารึก ชื่อของมันฟังดูก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยแล้ว ทั้งนี้เป็นเวลาหลายปียังไม่เคยมีผู้ใดได้ผ่านเข้าไป มันจะต้องถูกผนึกไว้จนฝุ่นเกาะเป็นแน่

แต่ว่า เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งก่อนจึงค่อยสามารถไปที่แห่งนั้น อย่างไรแล้วเขาก็วางแผนที่จะเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนก่อน เรื่องหลังจากนั้นไว้ค่อยตัดสินใจทีหลัง

การแข่งขันจัดขึ้นที่โถงหลัก ด้วยต้วนเฉียนและผู้อาวุโสอีกจำนวนหนึ่งจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามทำหน้าที่เฝ้ามอง ไม่มีผู้ใดกล้าคิดคดโกงเป็นแน่

ต้วนเฉียนเริ่มสั่งให้กลุ่มคนนำเอาเหล็กจำนวนมากขึ้นมาบนลาน จากนั้นจึงเริ่มแบ่งจัดวางให้อาจารย์จารึกแต่ละคน

เหล็กหนักหลายร้อยกิโลกรัมเหล่านี้ มูลค่าก็ราวหลักร้อยเหรียญผลึก พวกมันดูสภาพหยาบกระด้าง พวกมันทั้งหมดถูกวางไว้เป็นกองข้างอาจารย์จารึกแต่ละคน

หลังอาจารย์จารึกทำการขัดเกลาพวกมัน เมื่อนั้นมันจะแปรเปลี่ยนเป็นเหล็กวิญญาณ ที่สามารถดูดซับกำลังภายในอย่างลื่นไหล อีกทั้งยังมีความเหนียวแน่นของตัววัสดุที่เพิ่มมากขึ้น

“การแข่งขันแปรธาตุประจำปีนี้ เริ่มได้!” ต้วนเฉียนเป็นผู้ประกาศเริ่มงานเสียงดังก้อง พร้อมกันนี้ก็มีการตีระฆังทองแดงร่วมด้วย

นับตั้งแต่เริ่ม ตำหนักจารึกเทวะพลันโดนคลื่นความร้อนเข้าท่วมท้น อาจารย์จารึกแต่ละท่านเริ่มทำการใส่เปลวเพลิงของตนลงในเตาหลอม

เตาหลอมที่ดีไม่ใช่เพียงแค่เสริมอัคคีไฟให้กับอาจารย์จารึก แต่มันยังช่วยดูดซับพลังวิญญาณเข้าไปพร้อมเสริมศักยภาพให้ดียิ่งขึ้น

มีการกล่าวว่า เตาหลอมระดับสูงสามารถเพิ่มพูนพลังอำนาจเปลวไฟของอาจารย์จารึกได้นับสิบเท่า!

เตาหลอมของฉินหยุนเป็นแค่อุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้นที่มีผังแปรธาตุแกะสลักเอาไว้

หลังทำการดูดซับเปลวเพลิงเข้าสู่ผังวิญญาณ มันจะเริ่มปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรงออกมา โดยจะมีผังวิญญาณอีกส่วนหนึ่งช่วยเสริมพลังของเปลวเพลิงให้รุนแรงยิ่งขึ้น

นับเป็นเรื่องดีที่เขามีเปลวเพลิงระดับทองม่วง ไม่เช่นนั้นคงโดนผู้อื่นทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นแล้ว

เพราะเตาหลอมส่วนใหญ่ที่นี่แทบจะเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงกันทั้งสิ้น เหล็กหนักก้อนละหนึ่งร้อยจินทั้งหมดจึงถูกเผาไหม้จนแดงฉานแทบในทันที ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มนำออกจากเตาหลอมก่อนจะเริ่มขั้นตอนถัดไป

ตึง ตึง ตึง ตึง... แทบจะพร้อมเพรียงกัน เสียงค้อนทุบเหล็กสีแดงฉานดังก้องสะท้านทั่วห้องโถงขนาดใหญ่แห่งนี้

มีเพียงฉินหยุนที่ยังไม่ได้เริ่ม นี่ทำเขาตระหนักได้ถึงความแตกต่างของอุปกรณ์วิญญาณแต่ละระดับ

กระทั่งว่าเปลวเพลิงเขามีระดับสูงและร้อนแรง รวมทั้งผังแปรธาตุยังเป็นผังวิญญาณระดับสูง กระนั้นเขาก็ยังโดนผู้อื่นทิ้งห่าง

“งั้นก็มีทางเดียว!” ฉินหยุนขมวดคิ้วขณะลอบปลดปล่อยกำลังภายในเข้าสู่เปลวเพลิง มันเริ่มไหลหลั่งสู่เตาหลอมพร้อมเสียง ‘ฟึ่บ’ ดังขึ้น

วิธีการนี้จะช่วยเสริมพลังอำนาจของเพลิงในเตาหลอมได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็มีผลเสียอยู่ นั่นก็คืออัตราการใช้พลังภายในจะถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว

ฉินหยุนไม่ต้องการถูกทิ้งห่างจนเกินไป ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการนี้ และนี่ก็เป็นเขาไม่มีทางเลือกอื่นเหลือแล้วด้วย

ทั้งนี้เป็นเพราะเขามีพลังธาตุสองแห่ง ทั้งยังมีสร้อยข้อมือวิญญาณเทวะเก้าตะวัน พลังธาตุของเขายังมีจิตวิญญาณต้นกำเนิดที่สามารถดูดซับพลังวิญญาณเก้าตะวันสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

“ฉินหยุนเหมือนจะจนตรอกแล้ว หลังใช้กำลังภายในแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงคงทนได้อีกไม่นานนัก และการหลอมเหล็กในขั้นตอนถัดไปยังต้องใช้กำลังภายในอีกมาก” ผู้อาวุโสจากตำหนักใต้กล่าวขึ้น

“ได้เวลาให้เอาอาคมธงออกมาใช้งานแล้ว!” ผู้อาวุโสอีกหนึ่งคนพลันกล่าวขึ้น

เหลียงซั่วจินนับว่าเยาว์วัยที่สุดในบรรดาอาจารย์จารึกของฝ่ายเขา พลังภายในที่เขามีสะสมเอาไว้นับว่าอ่อนด้อยกว่าผู้อื่น ดังนั้นสิ่งที่เขาเตรียมมาแต่แรกจึงถูกใช้งาน มันเป็นธงขนาดเล็กกว่ายี่สิบผืน ตอนนี้มันกำลังตั้งเรียงรายรอบตัวเขาเป็นค่ายอาคมธง สิ่งนี้ถูกใช้งานเพื่อเสริมพลังอำนาจการดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวัน

ฉินหยุนรู้สึกอิจฉายิ่ง ค่ายอาคมธงนับว่าเป็นวิธีการปราดเปรื่องที่นำมาใช้งานตอนนี้ และกระบวนการขัดเกลาอาคมนี้ขึ้นยังซับซ้อนอย่างยิ่ง

ไม่เพียงแต่ศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามที่มีอาคมธง อาจารย์เว่ยและผู้อาวุโสท่านอื่นล้วนก็มีเตรียมเอาไว้ใช้งานเช่นเดียวกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด