ตอนที่แล้วบทที่ 215 - ฉันก็ด้วย (7) [12-10-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 217 - ฉันมาหาเธอแล้ว (1) [16-10-2019]

บทที่ 216 - ฉันก็ด้วย (8) [14-10-2019]


บทที่ 216 - ฉันก็ด้วย (8)”

ยูอิลฮานได้ให้กองทัพเด็กขึ้นมาบนป้อมปราการลอยฟ้าของเขา พวกเด็กๆต่างก็เข้ามาหายูอิลฮานกับเลียร่าอย่างระมัดระวังซึ่งขัดกับอายุพวกเขามากๆ แต่ในอีกด้านหนึ่งเด็กพวกนี้ก็ดูจะฝึกมาเป็นอย่างดี

และในเรื่องการฝึกนี้ กองทัพเด็กนี้ฝึกมาดีกว่ากองทัพใดๆในโลก

"...เพราะแบบนั้นผมก็เลยทำให้พวกนี้มาเป็นลูกน้องผม"

"แบบนี้นี่เอง"

ยูมิลได้เราทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นมาภายในดันเจี้ยนที่เขาไปติดอยู่ให้ยูอิลฮานฟัง นับจากตอนแรกที่เขาไปเจอเด็กๆได้ยังไง และเอกลักษณ์ของเด็กๆที่แค่กินเนื้อปีศาจก็เพิ่มเลเวลขึ้นได้ รวมไปถึงว่ายูมิลได้ดูแลเด็กพวกนี้ยังไงหลังจากได้รับสกิลปกครองมา

เรื่องที่เล่าออกมานี้เป็นเรื่องที่บ้าไร้สาระมากๆตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน ดูได้จากเด็กๆที่อยู่ตรงนี้เป็นคนพิสูจน์เป็นอย่างดี ยูอิลฮานได้หันไปหาเลียร่าที่มีสีหน้าไม่อย่างจะเชื่อเล็กน้อยเพราะตัวเธอคือคนที่ดูจะมีความรู้ที่สุดแล้ว

"เธอคิดยังไงล่ะ?"

"ถึงมันจะมีไม่บ่อยนัก แต่ว่าก็มีการกลายพันธ์อยู่ทุกที่ ด้วยสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้ที่เปลื่ยนไปอย่างต่อเนื่องเกินไป มันก็คงไม่แปลกหรอกกับการที่เด็กๆจะได้รับผลกระทบไปด้วย นอกจากนี้ด้วยการถูกวาปไปในนรกนั้นก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ร่างกายของเด็กๆได้ถูกปรับโครงสร้างไปด้วย"

"จริงดิ?"

"ใช่แล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดเด็กๆพวกนี้ก็ไม่ใช่มอนสเตอร์ เด็กๆพวกนี้ยังมีความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของมนุษย์อยู่"

เลียร่าได้ประกาศออกมาราวกับว่าเธออ่านความคิดของยูอิลฮานออก เขาได้ยิ้มแห้งๆและหยักหน้ารับ

"ฉันคิดเรื่องนั้นอยู่แว๊บหนึ่งเหมือนกัน นอกไปจากนี้ฉันก็มีวิธีตรวจสอบด้วย"

แค่เส้นผมเส้นหนึ่งก็มากพอจะเอามาตรวจสอบตัวตนของสมาชิกกองทัพนีได้แล้ว เขาได้เปิดใช้งานสกิลบันทึกและมองดูใกล้ๆ จากนั้นเขาก็ได้รับการยืนยันว่าเด็กพวกนี้เป็นมนุษย์ที่เกิดขึ้นมาจากชาวโลกสองคน

ถึงแม้ว่าเขาจะคิดเอาไว้แล้ว แต่มันมีปัญหาอยู่ที่สิ่งที่ทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงกับเด็กๆ

"...ไม่มีทางน่า"

"ทำไมงั้นหรอ? เพราะเลเวลสกิลต่ำเกินไปเลยทำความเข้าใจไม่ได้งั้นหรอ?"

"ไม่หรอก ฉันเข้าใจเป็นอย่างดีเลยต่างหาก ถึงแม้ว่าฉันจะอยากเชื่อว่าสกิลนี้ผิดพลาดเพราะเลเวลยังต่ำอยู่ก็ตาม..."

ตาของเลียร่าได้หรี่ลงมา ยูอิลฮานได้ตัดสินใจไม่รออีกต่อไป เขาได้พูดความจริงออกมา

"เจตจำนงแห่งความโกลาหล เป็นเพราะเจ้านั่นแหละ"

"หา?"

เลียร่าได้ถามกลับไป มันไม่ใช่เพราะว่าเธอได้ยินไม่ชัด แต่เพราะว่าเธอไม่อยากจะเชื่อคำๆนั้น ยูอิลฮานก็ยังยืนยันคำเดิมของเขาออกมา

"เป็นเพราะเจตจำนงแห่งความโกลาหลคลาส 6 นั่นแหละ เจ้าคนที่เกือบจะฆ่าเราทั้งสองคน เจ้านั่นได้เปลื่ยนยีนของเด็กๆให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยทำให้การหายใจของเด็กๆสามารถดูดซับมานาเข้าาได้ มิลเพียงแค่ช่วยยกระดับความเร็วในการพัฒนาของเด็กๆเท่านั้นเอง"

"มันไม่มีทางเป็นจริงได้สิ เจ้านั่นมันไม่ชอบมนุษย์ไม่ใช่หรอกหรอ?"

มันคงไม่มีคนบ้าที่ไหนจะไปมอบพลังให้กับคนที่ไม่ชอบนี่นา คำพูดของเลียร่าฟังดูแล้วเป็นเหตุเป็นผลที่สุดแต่ยูอิลฮานได้ส่ายหัวออกมา

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านั่นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าที่เด็กๆเป็นแบบนี้เพราะเจ้านั่นแน่นอน เจ้านั่นได้เพิ่มพลังให้กับเด็กๆด้วยพลังของโลกใบนี้เหมือนกับที่สร้างสิ่งมีชีวิตคลาส 5 ขึ้นมา นอกจากนี้ก็ยังแบ่งบันทึกของมันออกไปเสี้ยวหนึ่งด้วย... แม้ว่าการให้พลังจะต่างกัน แต่วิธีการเหมือนกันแน่นอน เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย"

"ไม่มีทางน่า"

ในจุดๆนี้แล้วสีหน้าของยูอิลฮานได้แปลกไป เขาได้ย้อนนึกไปถึงคำพูดที่เจ้านั่นได้พูดออกมากับตัวเองและเลียร่า ซึ่งทำให้เขารู้ได้ถึงเรื่องหนึ่ง

"จริงๆแล้วเจ้านั่นไม่ได้ปฏิเสธในการเอาชีวิตรอดระหว่างมนุษยชาติกับมอนสเตอร์ คนที่เจ้านั่นเกลียดจริงๆแล้วมีแค่ฉัน"

"นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะอิลฮาน นายก็แค่อยากจะเอาชีวิตรอดเหมือนกันนี่!"

ยูอิลฮานเมื่อหนึ่งพันปีก่อนก็ยังเหมือนกันกับมนุษย์คนอื่นๆ มอนสเตอร์ตัวอื่นๆและเจตจำนงแห่งความโกลาหล เขาก็เพียงแค่ดิ้นรนเอาชีวิตรอด ดังนั้นหากว่าเจตจำนงแห่งความโกลาหลอยากที่จะยอมรับในตัวมนุษย์ ถ้างั้นเจ้านั่นก็ต้องยอมรับในยูอิลฮานด้วยสิ ไม่เช่นนั้นมันก็ดูจะขัดแย้งในตัวเองไปหน่อยไม่ใช่หรอ?

"ไม่หรอก มันไม่ใช่แบบนั้น ปัญหาที่เจ้านั่นไม่ชอบฉันมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นหรอก"

คำพูดของเลียร่าก็ยังสมเหตุสมผลเหมือนอย่างเคย แต่ยูอิลฮานที่มั่นใจในความคิดแล้วได้ตอบกลับมาด้วยคำอธิบายง่ายๆ

"ในวงจรชีวิตน่ะการที่สิ่งโตกินกวางคือเรื่องปกติใช่ไหมล่ะ แต่ว่าหากว่าเพื่อนที่เป็นกวางถูกสิงโตนั่นฆ่าไปเธอก็ต้องโกรธอยู่แล้วใช่ไหม นี่มันก็น่าจะคล้ายๆกันนั่นแหละ บางทีเมื่อหนึ่งพันปีก่อนเจ้านั่นก็อาจจะเป็นสัตว์อะไรซักตัวที่เกือบจะถูกฉันทำร้ายไปก็ได้! จริงๆแล้วในท้ายที่สุดมันก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก ฉันทำร้ายเจ้านั่น เจ้านั่นก็แก้แค้นฉันแค่นั้นเอง"

"...ใช่ นี่มันคือเรื่องปกติมาก ถึงฉันจะไม่อยากเข้าใจก็ยังต้องเข้าใจ"

ใช่แล้ว เป้าหมายของความไม่พอใจของเจ้านั่นไม่ใช่มนุษยชาติแต่เป็นตัวยูอิลฮานเพียงคนเดียว มันไม่ได้เป็นเรื่องอุดมคติหรืออะไรยิ่งใหญ่ขนาดนั้น มันก็เป็นแค่ความแค้นส่วนตัวเพียงเท่านั้นเอง!

"แล้วถ้างั้น?"

เลียร่าได้สรุปเรื่องราวออกมาได้ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

"ดังนั้นในท้ายที่สุดเป้าหมายที่จะกำจัดของเจ้านั่นก็มีแค่นาย อิลฮานและไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนอื่นเลย? ทีนี้พอคิดย้อนกลับไปแล้วคนที่ขับไล่มนุษย์ออกไปก็คงจะเป็นตัวโลกเองไม่ใช่เจ้านั่นสิ..."

"มันก็อาจจะไม่ใช่แบบนั้นหรอก บางทีเจ้านั่นอาจจะอยากกลายเป็นจ้าวแห่งโลกนี้ พัฒนาโลกขึ้นมาตามที่ตัวเองชอบและชุบเลี้ยงกองทัพจากภายในนั้นล่ะมั้ง?"

หากว่าไม่ได้มียูอิลอัตราการรอดชีวิตของเด็กๆก็คงจะน้อยจนน่าเศร้าได้เลย

แต่ยังไงก็ตามเด็กที่พัฒนาด้วยตัวเองเพียงลำพังภายในนรกนั่นก็จะกลายเป็นตัวตนที่แกร่งเหมาะสมกับโลกนี้ นอกไปจากนี้เด็กๆก็ยังถูกมันแบ่งเสี้ยวของบันทึกออกไปทำให้เด็กๆก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเช่นเดียวกัน...

"เรื่องก็คงเป็นแบบนี้แหละ"

ในนาทีนี้แล้วเรื่องราวที่คลุมเครือมาตลอดก็ได้ชัดเจนขึ้น

"เจ้านั่นกำลังเตรียมตัวสำหรับโลกที่จะกลายเป็นโลกระดับสูงในแบบของตัวเอง"

"...นั่นก็คงจะจริงนั่นแหละ ทั้งเรื่องการสร้างมอนสเตอร์คลาส 5 ที่ข้อบกพร่องลดลงเรื่อยๆ และยังมีเรื่องของเด็กๆที่ถูกส่งไปในดันเจี้ยนนรกอีกด้วย..."

ยังไงก็ตามได้มีตัวแปลกที่ไม่อาจจะคำนวนได้อยู่สองตัวแปรซึ่งนั่นก็คือยูอิลฮานกับยูมิล ยูอิลฮานได้สร้างป้อมปราการลอยฟ้าขึ้นมากวาดล้างมอนสเตอร์ทั้งหมดบนโลกใบนี้ด้วยตัวเอง และยูมิลก็ได้กวาดล้างดันเจี้ยนนรกไปพร้อมๆกับการพัฒนาเด็กๆให้แข็งแกร่งขึ้น

ทั้งสองวิธีของสองคนนี้ได้ทำลายแผนของเจ้านั่นจนพังพินาศไปเป็นชิ้นๆ

"จ้าวแห่งโลกงั้นสินะ? ถ้าพูดถึงเรื่องตำแหน่งนั้นไม่ใช่ตอนนี้กลายมาเป็นของนาบกับมิลแล้วหรอ? นายได้นั่งบนบัลลังก์อย่างสวยงามเลยนี่นา"

"อะไรล่ะนั่น? ฉันไม่ต้องการล่ะ เอาคืนไปเลยไป"

ยูอิลฮานได้ส่ายหัวออกมาและมองไปที่เด็กๆอีกครั้ง เด็กๆที่อาจจะกลายไปเป็นกองกำลังของมอนสเตอร์ได้เปลื่ยนมาเป็นกองทัพของยูมิลแล้ว อย่างน้อยนี่ก็เป็นเรื่องดีกับลูกของเขา

ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่อาจจะยิ้มได้ตลอดเวลา

"แล้วถ้างั้น จำนวนของเด็กๆที่นี่รวมแล้วกี่คน...?"

"ครับ รวมก็ 9,300 คนครับ"

ที่เขายิ้มไม่ออกแล้วนั่นก็เพราะว่าจำนวนเด็กๆที่ยูมิลได้ช่วยเอาไว้มีน้อยมากๆ จำนวนของเด็กที่เกิดหลังจากมหาภัยพิบัติมันควรจะมีเยอะกว่านี้มากๆ แต่แล้วกลับมีคนรอดกลับมาได้แค่ 9,300 คนเท่านั้นเอง

นี่ขนาดว่ายูมิลได้เดินตระเวนไปทั่วดันเจี้ยนเพื่อช่วยเด็กๆแล้วด้วยนะ หากว่าสิ่งต่างๆเป็นไปตามที่เจตจำนงแห่งความโกลาหลคาดเดาไว้ล่ะก็ จำนวนของเด็กๆที่รอดกลับมาก็คงน้อยกว่านี้เป็นสิบเท่า

จำนวนของคนที่ล้มตายไปมีอยู่เหลือกว่าที่ยูอิลฮานคิดเอาไว้จนทำให้เขาเลิกที่จะคิดเรื่องนี้ในทันที มนุษย์ไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงได้แต่เดินหน้าต่อเท่าที่มีเท่านั้น

"...ดีแล้วมิล ทำได้ดีมาก"

"ครับ"

ในตอนยูอิลฮานชมมิลและลูบหัวเขา มิลชอบเป็นอย่างมาก

ด้วยมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลที่มีเลเวลกว่า 230 กับกองทัพขนาดใหญ่ 9,300 คน ตัวมิลที่มีอายุแค่ 6 ขวบกับจัดการเรื่องพวกนี้มาได้ก็สมแล้วที่เขาจะได้รับคำชมจากพ่อของเขา การที่ผลลัพธ์ออกมาได้ขนาดนี้เป็นเพราะความสามารถของมิลล้วนๆ

"ถ้างั้นนั่นคือครอบครัวของฮีโร่จริงๆดิ?"

"แต่ว่า 'ครอบครัว' คืออะไรอะ?"

"ฮืออ ผมก็อยากจะเจอแม่อะ"

เด็กๆทั้ง 9,300 คนได้วุ่นวายในทันทีเมื่อได้เห็นว่ายูอิลฮานกับเลียร่าไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ และยังได้เห็นมิลกำลังกอดกับยูอิลฮานอย่างยินดีอีกด้วย

"อิลฮาน จะปล่อยเด็กๆไว้แบบนั้นงั้นหรอ?"

"ไม่หรอก... ฉันคิดไว้แล้วล่ะว่าจะทำยังไง"

ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาแห้งๆเมื่อมองไปที่เด็กๆที่มีเลเวลสูงแต่ว่าก็ยังคงมีความเป็นเด็กอยู่ดี

เด็กๆพวกนี้ไม่อาจจะเอาแต่ระแวดระวังตัวเขาไปตลอดได้ เขาได้คิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ทันที...

"เอาล่ะ"

ยูอิลฮานได้พูดดังออกมาเพื่อให้ทุกๆคนได้ยินเสียง

"มากินข้าวกันก่อนดีกว่า"

ยูอิลฮานได้จัดการใช้ทุกๆอย่างที่นำมาทำอาหารได้เพื่อทำอาหารให้กับเด็กๆทั้ง 9,300 คน เขาได้จัดการกวาดล้างทุ่งไร่ที่ไร้เจ้าของมาทำสลัด ใช้ป้อมปราการยักษ์นี่เหวี่ยงแหลงไปจับปลา ใช้ถังยักษ์เป็นหม้อต้นซุปและย่างเนื้อ

เรื่องทั้งหมดนี้ได้เกิดขึ้นภายในเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ระหว่างเด็กๆกำลังเฝ้าดูปาฏิหาริย์นี้น้ำลายก็ไหลออกมาหลังจากเห็นของบนมือยูอิลฮาน นี่มันไม่ต้องสงสัยเลยในเมื่อเด็กๆทุกคนได้แต่กินเนื้อของปีศาจเป็นอาหารมาตลอด 3 ปี

[สกิลทำอาหารได้กลายเป็นเลเวล 98 อาหารที่ทำจะมีรสชาติดียิ่งขึ้น]

บางทีอาจจะเหมาะการทำอาหารชุดใหญ่นี้จึงทำให้เลเวลสกิลของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ยูอิลฮานได้ตั้งโต๊ะจำนวนนับไม่ถ้วนบนสวนในคฤหาสน์ของเขาอย่างพึงพอใจ

"เยี่ยม ในวันเดียวนี้ฉันก็น่าจะเชี่ยวชาญสกิลทำอาหารได้"

"งั่ม งั่ม... บันทึกนภานี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ แต่ก็ช่างเถอะ เนื้อนี่มันอร่อยมากฉันไม่สนแล้ว"

เลียร่าได้บ่นออกมาทั้งๆที่เนื้อเต็มปากของเธออยู่ อาจจะเพราะการที่เธอกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำก็ได้ถึงทำให้เธอหิวง่ายขึ้น ยูอิลฮานก็ดีดหน้าผากเธอไปทีหนึ่งทันที

"อย่ากินก่อนสิ ฉันยังตั้งโต๊ะไม่เสร็จเลยนะ"

"แต่ว่าถ้าเนื้อมันเย็นก็เสียดายแย่เลยนะ! นี่เป็นอาหารที่อิลฮานที่รักของฉันทำขึ้นมาเชียวนะ"

"ถ้างั้นก็หยุดกินแล้วก็มาช่วยฉันตั้งโต๊ะซะสิ"

"ค่ะท่าน"

แม้ว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันเหมือนอย่างปกติ แต่ว่าก็มีความรู้สึกเหมือนกับกำลังมีดอกไม้ฝุ้งกระจายอยู่รอบตัวทั้งสองคน สภาพบรรยากาศที่หวานชื่นนี้ไม่มีพื้นที่ให้มิสทิคเข้ามาล้อได้เลยแม้แต่นิด ยูมิลที่ได้ก่อนหน้านี้เอาแต่สนใจพ่อมาตลอดก็ยังสังเกตุเห็นถึงเลียร่าและตะโกนออกมา

"พี่สาวเลียร่าอ่อนแอลงล่ะ!"

"ไม่หรอก ฉันน่ะแกร่งขึ้นนะมิล ในด้านความรักน่ะ... โอ้ แล้วก็เรียกฉันว่าแม่สิ"

"แต่ว่าเรื่องพลังของพี่สาว..."

"ฉันแกร่งขึ้น! แล้วก็เรียกฉันว่าแม่สิ!"

เลียร่าได้กัดสลัดลงไปและพูดออกมาด้วยเสียงที่ทรงพลัง ยูมิลก็อยากจะพูดกลับไปเนื่องจากเขารู้ถึงพลังในคลาส 6 ของเลียร่าเมื่อก่อน แต่แล้วหลังจากได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของเลียร่าเขาก็ต้องยอมแพ้ แต่ในตอนนี้เองยูอิลฮานก็มาจัดการลงโทษเธอที่ขู่ยูมิล

"ฉันบอกให้ทำงาน"

"โอ๊ย"

พื้นที่ขนาดใหญ่ของคฤหาสน์มีกว้างพอที่จะตั้งโต๊ะไว้ให้สำหรับเด็กทั้ง 9,300 คน ในตอนแรกๆเด็กๆก็ยังลังเลไม่กล้ากิน แต่แล้วหลังจากได้เห็นยูมิลกินลงไปพวกเขาก็ไม่ห้ามใจอีกต่อไป

"ว้าว"

"ไมเห็นแข็งเลย"

"นี่มันอะไรอะ?"

"อร่อย!"

"เยี่ยมเลย กินกันให้จุใจเลยนะ"

มันใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่มื้ออาหารที่เงียบสงบจะกลายมาเป็นงานปาร์ตี้ที่วุนวาย ยูอิลฮานที่คาดเอาไว้ว่าเรื่องนีจะต้องเกิดขึ้นได้เสิร์ฟอาหารให้เด็กๆ พร้อมๆกับต้มสตรูเนื้อด้วยหม้อยักษ์ต่อไป

การกินของเด็กๆที่กินทุกๆอย่างที่มองเห็น และเจตจำนงของยูอิลฮานที่ต้องการจะทำให้เด็กๆต้องอิ่มจนจุกได้เกิดเป็นเหมือนการต่อสู้ขึ้นมา

[เด็กพวกนั้นดูเหมือนพวกอดอยากมาหลายวันเลยนะ]

[ถ้าเธอได้เห็นสภาพแวดล้อมภายในดันเจี้ยนนรกนั่นเธอก็คงจะไม่พูดแบบนี้หรอก]

"โอโรจิพูดถูก การที่พวกเขารอดมาได้จนถึงตอนนี้ก็น่าทึ่งแล้ว..."

หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงอาหารมื้อนี้ก็ได้ยุติลง เด็กๆที่ทั้งกินและดื่มอย่างเต็มที่ทุกคนได้แต่ล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นโดยที่ส่วนผสมทั้งหมดของคฤหาสน์นี้หายโล่งไปถึงครึ่ง

"มีความสุขจัง"

"ถ้าไม่ได้กินอะไรอร่อยๆ ฉันก็คงจะรู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไปในชีวิต"

"ชีวิตคืออะไรอะ?"

"การมีชีวิตอยู่ไงล่ะ"

"แล้วเราจะมีชีวิตอยู่กันได้นานแค่ไหน?"

"พ่อของฮีโร่เป็นคนดี"

"พ่อคืออะไรอะ?"

เสียงพูดคุยที่ดังออกมานี้ได้ทำให้ผู้คนสงสัยว่าเด็กๆพวกนี้ฉลาดหรือโง่กันแน่ แต่ไม่ว่ายังไงน้ำเสียงของทุกๆคนต่างก็ออกมาอย่างผ่อนคลาย

ยูอิลฮานได้ปล่อยให้เด็กได้พักและเข้าไปหายูมิล

"แล้วมิล ลูกอยากจะทำยังไงกับเด็กพวกนั้นล่ะ?"

"ผมจะปล่อยให้พวกเขาทำตามสิ่งที่พวกเขาต้องการ"

แต่ปัญหาก็คือเด็กๆทุกคนต่างก็อยากจะติดตามเขา มิลได้พูดเสริมเรื่องนี้ขึ้นมา

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ยูอิลฮานก็ได้มองหน้ามิลและยิ้มแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดออกมา

"ถ้างั้นก็ให้เด็กๆอยู่กับพวกเราซักพักเป็นไงล่ะ? จริงๆแล้วพ่อก็ได้คิดวิธีหนึ่งที่โลกจะกลับไปเป็นปกติอยู่..."

ยูอิลฮานได้อธิบายแผนออกมาและยูมิลได้หยักหน้ารับ แน่นอนว่าเด็กๆที่ได้ยินคำพูดเขาก็ยังเลือกติดตามเขาโดยไม่บ่นอะไร แน่นอนว่าในด้านความไว้ใจที่ยูอิลฮานได้มานี้ก็เพราะอาหารส่วนหนึ่ง

เพราะแบบนี้ป้อมปราการลอยฟ้ากับกองทัพเด็กก็ได้ผสานรวมเข้าด้วย

นี่คือการเกิดขึ้นขององค์กรที่แกร่งที่สุดและย่ำแย่ที่สุดในโลกใบนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด