ตอนที่แล้วบทที่ 213 - ฉันก็ด้วย (5) [08-10-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 215 - ฉันก็ด้วย (7) [12-10-2019]

บทที่ 214 - ฉันก็ด้วย (6) [10-10-2019]


บทที่ 214 - ฉันก็ด้วย (6)”

หลังจากจัดการกับสถานการณ์ก่อนหน้าเรียบร้อยดีแล้ว ยูอิลฮานกับเลียร่าก็ได้กลับไปที่ป้อมปราการลอยฟ้า มิสทิคก็ยังคงน่ารำคาญเหมือนเดิมแต่เขาเลือกไม่สนใจเธอ

แต่ตอนที่เขากลับมาพร้อมกับเลียร่าที่เกาะแขนเขาอยู่ ยูอิลฮานก็ได้คิดเรื่องหนึ่งขึ้น นั่นคือเลียร่าไม่ใช่ 'เลียร่า' คนเดิมแล้ว

"งั้นตอนนี้ฉันควรจะเรียกเธอว่ายังไงดี?"

"ชื่อมันไม่สำคัญหรอกนะ จริงๆแล้วถ้าเป็นนายเรียกจะชื่ออะไรก็ได้"

ไม่ว่าเขาจะถามยังไง เขาก็จะได้คำตอบแบบนี้ออกมา ยูอิลฮานได้แต่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

"แล้วชื่อที่เธอเคยใช้ในตอนที่เป็นมนุษย์... เดี๋ยวนะ เธอเป็นมนุษย์ใช่ไหม?"

"ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีทูตสวรรค์บางคนที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่ แต่ฉันเป็นมนุษย์แน่นอน อืมมม"

เธอได้ตอบกลับมาตรงๆ

"ฉันจำชื่อของฉันในตอนฉันเป็นมนุษย์ไม่ได้อะ งั้นชื่อเดิมฉันก็ดีไหมล่ะ? หรือฉันควรใช้เป็นลิต้า"

"ไม่หรอก ฉันคิดว่าไม่ต้องใช้แบบนั้นหรอก ใช้เลียร่าเหมือนเดิมแล้วกัน"

"โอเค!"

ยูอิลฮานได้ดึงเธอกลับไปในเส้นทางเดิมราวกับว่าเขากลัวการพูดออกไปแม้แต่คำเดียวเพราะในตอนนี้เธอกำลังปล่อยออร่าที่ดูเหมือนจะเป็นพลังงานในการมองโลกในแง่ดีขั้นสุด

ตัวเธอได้ผ่านการรักษาครั้งใหญ่ขึ้นนับจากหัวใจไปจนผิวหนังของเธอ และยังมีการตกจากคลาส 6 ลงไปคลาส 4 ด้วยทำให้ไม่มีทางเลยที่จะไม่มีความเสียหายกับร่างกายของเธอ สิ่งที่เธอต้องการที่สุดในตอนนี้คือการพักผ่อน นี่คือความเห็นที่มาจากยูอิลฮานผู้เชี่ยวชาญในการพักผ่อนดังนั้นเรื่องนี้ต้องถูกต้องที่สุดแล้ว

"ไปด้วยกัน!"

"พวกเรายังมีเวลาอยู่กันกันอีกมาก อย่างแรกเธอควรจะค่อยๆคลายความเหนื่อยล้าด้วยตัวเธอเองก่อน"

"ไปด้วยกัน~"

เลียร่าได้ตะโกนออกมาและสาดน้ำใส่ยูอิลฮาน แต่เขาก็เมินเธอ จริงๆแล้วสิ่งที่เขากังวลที่สุุดเลยก็คืออะไรจะเกิดขึ้นบ้างหากเขาไปใกล้เธอ

"ฮึ"

เลียร่าได้เบะปากใส่ยูอิลฮานแต่ในที่สุดเธอก็ทิ้งตัวลงไปแช่น้ำพร้อมทั้งจ้องมองเขา ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเธอที่อยู่เหนือผิวน้ำได้พูดออกมา

"ใจแคบ ขี้ขลาด ไร้สมรรถภาพทางเพศ..."

"อันสุดท้ายนั่นไม่ใช่!"

ยูอิลฮานได้แยกตัวออกมาปล่อยเลียร่าเอาไว้ในห้องอาบน้ำ ในที่สุดแล้วเขาก็สงบใจลงได้

"ฟู่วววว"

ไม่ว่าสถานการณ์วุ่นวายมนัจะเปลื่ยนไปยังไงมันก็ควรมีขีดจำกัดมั้งสิ เขาปวดหัวจนเกือบจะเป็นลมไปแล้ว ความตกใจที่เขามีอยู่ก็ยังไม่หายไปเลย

[ฉันเขินแทนนายจนจะขายแล้วนะ นายไปเรียนเรื่อทั้งหมดนั่นมาจากหนังสือใช่ป่ะ? ใช่ป่ะล่ะ?]

[นายท่านทำดีแล้ว]

ระหว่างที่มิสทิคเอาแต่ล้อเลียนหยอกเขาก็มีแต่โอโรจิเท่านั้นที่ปลอบเขาด้วยเสียงที่ทื่อๆและสั้นห้วน บางทีที่โอโรจิเข้าใขเขาอาจจะเป็นเพราะโอโรจิเป็นผู้ชายเหมือนกันสินะ? ยูอิลฮานได้แตะไปที่เกราะร่างมังกรเพลิงนรกและหัวเราะขึ้นมา

ไม่ว่ายังไงในตอนนี้เขาใจเย็นลงแล้ว ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาที่เต้นแรงรัวเร็วในตอนที่เลียร่ากำลังต่อสู้ได้กลับมาเป็นปกติ

"เอาล่ะถ้างั้นก็"

มันถึงเวลาที่เขาจะได้ตรวจสอบในบันทึกที่เขาไม่มีโอกาสได้ดูเพราะการต่อสู้และเพราะเลียร่าแล้ว

เรื่องแรกและเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดที่เปลื่ยนไปก็คือสกิลภาษาได้วิวัฒนาการไปเป็นสกิลบันทึกแล้ว จริงๆแล้วมันก็ยังเป็นสกิลที่ต่างไปจากที่ยูอิลฮานคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง และจากคำอธิบายสั้นๆของสกิล สกิลนี้มันจะทำให้เขาสามารถเข้าใจในตัวเองและโลกได้ในมุมมองของบันทึกนภา

ถ้าเป็นคนอื่นการฆ่ามอนสเตอร์จะทำให้คนๆนั้นได้เข้าใจในตัวมอนสเตอร์และบันทึกส่วนหนึ่งมา แต่หากเป็นเขาเขาจะได้รับทุกๆอย่างมา หากเป็นคนอื่นคนๆนั้นจะต้องฝึกใช้ไอเทมเป็นร้อยๆวันเพื่อทำความเข้าใจไอเทมนั้น แต่หากเป็นเขาแค่ใช้ไอเทมแค่สองสามครั้งก็พอแล้ว

มันจึงไม่แปลกเลยที่เขาจะได้รับค่าประสบการณ์ทั้งหมดและสกิลทั้งหมดของเขาก็ได้ก้าวกระโดดขึ้นสองเท่า การโจมตีคริติคอลที่มีโอกาสสูงขึ้นเมื่อเจอหน้ากับศัตรูที่เคยเผชิญหน้ามาก่อนก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน

สกิลนี้เป็นสกิลประเภทนั้นแหละ นับตั้งแต่ที่เขาได้เรียนรู้ในภาษาทุกๆโลกมาแล้ว ในตอนนี้เขาก็ได้เริ่มที่จะเขาใจในภาษาของบันทึกนภาแล้ว

"หรืออีกอย่างก็คือมันโกงมาก"

[โกงชัดเลย] (โอโรจิ)

[โครตจะโกง] (มิสทิค)

ยูอิลฮานได้เริ่มพูดขึ้น โอโรจิกับมิสทิคก็ยังเห็นด้วยกับเขา

สกิลนี้โกงยิ่งกว่าสกิลใดๆที่เขาได้เรียนมาจนถึงตอนนี้ ที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดหลังจากเกิดมหาภัยพิบัติก็คือบันทึกนภาไม่ใช่หรอกหรอ แม้แต่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ไม่ได้เปลื่ยนเรื่องการพึงพิงบันทึกนภาเช่นกัน แต่แล้วในตอนนี้ยูอิลฮานกลับเข้าใจว่าบันทึกนภาทำงานยังไง!

ยังจะมีใครอีกไหมที่ได้เรียนสกิลนี้? บางทีก็อาจจะมี อาจจะเป็นพวกหัวหน้าของฝ่ายสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแต่ล่ะฝ่ายก็ได้

'และนั่นก็หมายความหมายที่พวกนั้นแข็งแกร่งก็เพราะสกิลนี้'

เขายังมีความรู้สึกใหม่ที่ว่าเส้นทางของเขายังอีกยาวไกล ไม่ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งยังไง แต่เขาก็ยังเป็นแค่คลาส 4 อยู่ดี ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถแค่ไหน เขาก็ยังคงไม่อาจจะเอาชนะพวกที่อยู่ในระดับที่ห่างไกลออกไปได้แน่

'ถึงฉันจะไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับพวกนั้นหากพวกนั้นไม่ต้องการฆ่าฉันก็เถอะ...'

แม้ว่าการพูดออกมามันจะน่ารำคาญนิดๆ แต่หากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาก็มีโอกาสสูงแน่ที่จะไปข้องเกี่ยวกับพวกนั้น

ยูอิลฮานได้ปรับความคิดของตัวเขาเองด้วยความคิดที่ว่าอย่างน้อยที่สุดเขาก็เริ่มต้นได้ดีแล้ว!

เขาจะต้องเดินหน้าต่อไป

นอกจากนี้จากการที่เขาได้รับสกิลบันทึกมา ความเข้าใจในสกิลต่างๆของเขาก็ก้าวกระโดดขึ้นทันที และผลลัพธ์ที่ได้มากก็คือเขาได้เชี่ยวชาญสกิลประกายเพลิงมันทีซึ่งทำให้เขาได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิงราวกับรอคอยเขามานานแล้ว

สกิลประกายเพลิงที่เขาเชี่ยวชาญแล้วได้ทำให้เขาใช้ไฟทั้งหมดได้อิสระมากยิ่งขึ้น และพรจากเทพธิดาแห่งเพลงิได้ทำให้เขามีความต้านทานธาตุไฟและพลังโจมตีธาตุไฟเพิ่มขึ้น 50% รวมไปถึงยกระดับของสกิลที่เกี่ยวข้องกับไฟขึ้นอีกระดับหนึ่งอีกด้วย

มันสมแล้วกับเป็นพรจากเทพธิดาแห่งเพลิง นอกจากนี้ในคราวนี้ดวงตาของเขายังถูกย้อมไปด้วยสีแดงเหมือนกับเพลิงซึ่งต่างจากในตอนที่ได้รับพรจากเทพแห่งช่างตีเหล็กที่ทำให้เขาได้รับผมสีเทาขึ้นมา แน่นอนว่าดวงตาที่เป็นสีแดงเพลิงนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขากำลังใช้ไฟเท่านั้น

ด้วยทั้งความเชี่ยวชาญสกิลประกายเพลิงกับการได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิงมาได้ทำให้เขาสามารถเลือนไปคลาส 4 ได้ในทันที ดังนั้นจึงทำให้ยูอิลฮานห้ามใจไม่เข้าไปช่วยเลียร่าในทันทีแต่เป็นการทำการเลื่อนคลาสก่อน

เขาเลื่อนเลื่อนคลาสจากยมทูตประกายเพลิงไปสู่ผู้ชักนำนรก เขาเคยคิดว่าคลาสผู้ชักนำนรกเป็นคลาสต่อของคลาสยมทูตประกายเพลิง แต่ความคิดนั้นเขาคิด หากว่ายมทูตประกายเพลิงเป็นคลาสสายนักฆ่าที่มีสกิลโจมตีแล้ว คลาสผู้ชักนำนรกก็คงจะเป็นคลาสสายทำลายล้างที่มีสกิลนักฆ่า

[คุณได้กลายเป็นผู้ชักนำนรก การซ่อนเร้นเพิ่มขึ้น 50% ความต้านทานธาตุไฟและพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 50% การลอบโจมตีจะไม่ส่งผลใดๆกับคุณ และคุณจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคำสาปและพิษร้ายทั้งมวล]

สถานะของคลาสยมทูตประกายเพลิงของเขาที่ได้ในวันนั้นคือการซ่อนเร้นเพิ่มขึ้น 20% ความต้านทานธาตุไฟและพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 20% พลังโจมตีของการลอบโจมตีเพิ่มขึ้น 40% รวมไปถึงเมื่อต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตพลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นอีก 30% บางทีนี่ก็อาจจะพูดได้ว่าการได้รับคลาสผู้ชักนำนรกมาทำให้ความสามารถของเขาลดลง

ยังไงก็ตามสำหรับเขาแล้วการเพิ่มขึ้นของการซ่อนเร้น 30% ที่เป็นความสามารถที่แกร่งที่สุดของเขาได้ให้ผลบวกกับเขามากกว่าพลังโจมตีของการลอบโจมตีซะอีก และในเวลาเดียวกันความต้านทานธาตุไฟและพลังโจมตีก็ยังเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน

หากดูไปแล้วนี่ก็นับได้ว่าเป็นการละทิ้งค่าสถานะที่สนับสนุนเล็กๆน้อยๆออกไปและเพิ่มจุดเด่นของเขาให้ถึงขีดสุด ยูอิลฮานพอใจในเรื่องนี้มาก การเป็นแบบนี้มันได้ทำให้เขาสามารถเลือกการต่อสู้ได้หลากหลายกว่าเดิมหลังจากที่ทำการลอบโจมตี

การไม่ได้รับผลจากการถูกลอบโจมตีก็น่าจะมาจากฉายา 'ไม่อาจเอื้อม' และการไม่ได้รับผลใดๆจากคำสาปและพิษร้ายทั้งหมดก็น่าจะมาจากสกิลต้านทานทั้งสองอย่าง เพราะแบบนี้ทำให้เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่อาจจะถูกเลือกว่าเป็น 'สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ' ได้อีกต่อไป

และจากการได้รับคลาส 4 มาทำให้ค่าประสบการณ์ทั้งหมดที่เขาได้รับมาจนถึงตอนนี้ได้ถูกนำมาคำนวณด้วย และบางทีอาจจะเพราะการได้รับค่าประสบการณ์ทั้งหมดจากคลาส 6 เมื่อไม่กี่นาทีก่อนทำให้เลเวลของเขาได้มาอยู่ที่ 270 แล้ว นี่มันต่างกันอย่างมากกับในตอนที่เขาเพิ่งจะเลื่อนคลาส 3 เสร็จ

ยังไงก็ตามนี่ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้เนื่องจากว่าในคราวนั้นเขาได้ฆ่ามังกรคลาส 4 ไปไม่น่ามากกว่า 1,000 ตัว และมังกรคลาส 3 ไปไม่กี่หมื่นตัวเท่านั้น แต่ในคราวนี้ไม่เพียวแค่เขากวาดล้างมอนสเตอร์ที่ปรากฏขึ้นบนโลกมาทั้งหหมดตลอด 3 ปีเท่านั้น เขายังได้ฆ่ามอนสเตอร์คลาส 5 และมีแม้กระทั่งคลาส 6 อีกด้วย! นอกไปจากนี้ในตอนเขาฆ่าเจตจำนงแห่งความโกลาหลไปก็คือตอนที่สกิลบันทึกของเขาทำงานแล้วด้วย ทำให้ค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล

เมื่อคิดดูแล้วการที่เขาไม่ได้ไปถึงเลเวล 299 ในทันทีมันก็แปลกมาก แต่หากเขาไปพูดเรื่องนี้กับเอิลต้า เธอก็คงด่าว่าเขายับเยินแน่นอน เพียงแค่นี้ยูอิลฮานก็พอใจมากแล้ว

มีการเปลื่ยนแปลงอยู่อีกสองอย่างที่มันเป็นเหมือนกับที่ทูตสวรรค์ได้คาดเอาไว้ นั่นก็คือสกิลที่เขาจำเป็นต้องเชี่ยวชาญเพื่อที่จะเลื่อนไปคลาส 4 ได้แก่สกิลประกายเพลิง ยมทูต สั่งสมความตาย เอนชานต์วิญญาณ การฟื้นฟูเหนือมนุษย์ ความต้านทานพิษระดับสูง และการต้านทานคำสาประดับสูง

สกิลทั้งหมดนั้นได้ผสมเข้าด้วยกันเป็นสกิล 'ล่วงหล่น'

[คุณได้รับสกิลล่วงหล่น สกิลนี้จะสร้างพื้นที่ขึ้นส่วนหนึ่งตามระดับเลเวลของสกิลประกายเพลิง ศัตรูทั้งหมดที่อยู่ภายในพื้นที่สกิลจะถูกเพลิงที่มีพลังวิญญาณ คำสาป และพิษ ผูกรัดกักขังและสร้างความเสีย ในพื้นที่สกิลพลังในการฟื้นตัวของผู้ใช้จะเพิ่มขึ้น 500% และพลังของพื้นที่สกิลจะเพิ่มขึ้น 5% เมื่อไหร่ก็ตามที่มีศัตรูถูกฆ่า สกิลนี้จะใช้ไม่ได้ผลกับศัตรูที่มีขอบเขตเหนือกว่าผู้ใช้ แต่ว่าเรื่องนี้จะถูกเปลื่ยนไปตามการพัฒนาของสกิล สกิลนี้จะใช้มานาของผู้ใช้ 70% เพื่อใช้งานและจะใช้เพิ่มขึ้นอีก 3% ทุกๆนาที]

สกิลนี้เหมาะสมกับผู้ชักนำนรกที่จะดึงเอาความพิโรธของนรกขึ้นมาบนดินอย่างแท้จริง! ยิ่งในจุดที่ทำให้การฟื้นตัวของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและการฆ่าศัตรูจะทำให้พลังของพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกยิ่งทำให้ยูอิลฮานชอบมาก

สกิลนี้ต่อให้เป็นในหมู่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงเองก็ยังหากันได้ยาก ยิ่งสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแล้วอย่าได้พูดถึงกันเลย ทุกๆอย่างที่ยูอิลฮานได้รับมาระหว่างทางจนถึงตอนนี้ได้มารวมกันเป็นสกิลนี้แล้ว

และสกิลสุดท้านที่ผสมรวมกันก็คือสกิลพลังเหนือมนุษย์และการโจมตีคริติคอล แม้ว่าเขาจะพอเดาถึงสกิลอื่นได้ลางๆ แต่กับสองสกิลนี้แล้วเขาไม่มีเบาะแสใดๆเลย

จริงๆแล้วยูอิลฮานก็แทบจะยอมแพ้กับการวิวัฒการผสมของทั้งสองสกิลนี้ไปแล้วเนื่องจากว่าทั้งๆที่เขาเชี่ยวชาญสองสกิลนี้แล้วเขาก็ไม่ได้รู้เงื่อนไรอะไรเลย แต่น่าแปลกที่ในตอนที่เขาได้มาถึงคลาส 4 เงื่อนไขการผสมก็ถูกเปิดใช้งาน ดังนั้นเขาจึงได้ตั้งสมมติฐานได้ว่าการวิวัฒนาการสกิลผสมอาจจะไม่ได้ต้องการแค่ความเข้าใจในสกิลและหินพลังเวทย์เท่านั้น แต่ก็ยังจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับระดับขอบเขตของผู้ใช้อีกด้วย

ยังไงก็ตามแต่ สกิลที่เขาได้มาจากการผสมสกิลทั้งสองเข้าด้วยกันนั้นเรียบง่ายเอามากๆ

[คุณได้รับสกิลกำลังเทวะ ที่เลเวล 1 ความแข็งแกร่งกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 300% การใช้สกิลนี้จะสร้างภาระให้กับร่างกาย ดังนั้นคุณจะต้องใช้เวลาพักฟื้นเป็นเดือนเมื่อใช้ครั้งหนึ่ง]

มันเรียบง่ายอย่างมากเมื่อเทียบกับสกิลที่เข้าใจได้ยากและใช้งานยาก! ยังไงก็ตามความเรียบง่ายของมันก็น่าสะพรึงกลัว และพลังที่มาจากกำลังเทวะก็ยังน่ากลัวมากๆอย่างแน่นอน

พลังของกล้ามเนื้อหมายถึงค่าสเตตัสพละกำลัง และการเพิ่มขึ้น 3 เท่าของพละกำลังนั่นก็หมายถึงการเพิ่มเลเวลขึ้นอย่างมากในช่วงเวลานี้ นี่ก็ยังเป็นสกิลที่ไม่เหมาะกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำด้วย

แน่นอนว่าจากคำเตือนของสกิล การลงโทษของสกิลก็น่ากลัวเช่นกัน ต่อให้เขาจะมีสกิลการฟื้นฟูเหนือมนุษย์แต่เขาก็คงจะต้องพักฟื้นอย่างน้อยก็สามวันหากใช้สกิลนี้สักครั้งหนึ่ง

แม้ว่าจากหนึ่งเดือนลดเหลือแค่สามวันมันจะสั้นมากๆแล้ว แต่ก็ยังพูดได้ว่ามันก็เป็นสกิลที่ใช้ในการสู้จริงได้ยากมากอยูด้วย

แต่นั่นมันก็คือหากว่าเขาไม่มีสกิลล่วงหล่นล่ะน่ะ

ใช่แล้วด้วยสกิลล่วงหล่นนจะทำให้ภายในพื้นที่การฟื้นตัวของเขาจะเพิ่มขึ้น 500^ แล้วการใช้การฟื้นฟูเหนือมนุษย์ในที่แห่งนั้นก็จะทำให้เขาใช้กำลังเทวะได้อย่างไร้ผลร่างเคียง นี่คือสกิลคอมโบของเขา

[โกงมาก]

"ก็โกงน่ะแหละ!"

[นายท่านกำลังจะพิชิตโลกด้วยตัวคนเดียวงั้นสินะ?]

"โอ้ ไม่ล่ะ นั่นมันดูจะน่ารำคาญสุดๆไปเลย"

ยูอิลฮานได้เรีกยหน้าต่างค่าสเตตัสของเขาขึ้นมาตรวจสอบดู

[Yu IlHan(Human)]

[Main Class – Hell Bringer Lv270]

[Sub Class – Angel’s Partner, Dragon Rider]

[Title – Pancosmic loner, Untouchable, One hit for him, one hit for you; creator of myths, thousand in one hit, dragon slayer, dragon’s ally, the quickest, hero of fire, the frog that leaped out of the well. blessing of the blacksmith god, blessing of the goddess of fire]

[Strength – 546 Agility – 475 Health – 387 Magic – 554]

[Active skills – Falling Down(Deathgod, Soul enchant, Blaze, Death collector, Transcendent regeneration, Extreme poison resistance, Higher curse resistance) Lv7, Mana crafting Lv96, God Force(Superhuman strength, Critical hit) Lv 2, Angel’s support Lv 89, Rule 98, Dragonic Blood Lv84, Warp(Leap) lv 7]

[Passive skills – Angel’s protection, Dragon-man resonance lv 87, Physical combat mastery lv max, Blunt weapon mastery lv max, Sword mastery lv max, Whip mastery lv max, Dismantling lv max, Blacksmithing lv max, Record(language) lv 2, Magic engineering lv 99, Excavation lv 99, Spear of Untraceable Trajectory(spear mastery) lv 94, Absolute accuracy(throwing, shooting) lv 96, cooking lv 97] (ส่วนนี้ขออนุญาติไม่แปลนะครับ)

"เยี่ยม"

ยูอิลฮานได้หยักหน้าอย่างพึงพอใจ

"สิ่งมีชีวิตชั้นสูงอยู่อีกไม่ไกลแล้ว"

[โลกทั้งหมดคงจะอุทานออกมาเพราะเรื่องนี้แน่]

"ฉันไม่อยากได้ยินคำนี้จากปากของคนที่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตั้งแต่เกิดหรอกนะ"

สำหรับเขาตอนนี้แล้วปัญหาเดียวที่มีอยู่ก็คงจะเป็นการใช้มานาที่มากเกินไปของสกิลล่วงหล่นต่อให้สกิลนี้จะเป็นแกนหลักของการต่อสู้ของเขาก็ตาม และในเรื่องนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามที่จะยืดระยะเวลาของสกิลขึ้นไปซักวิธีหนึ่ง การเพิ่มเลเวลสกิลก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่ว่า...

"นั่นมันต้องใช้เวลานานแล้วสำหรับในตอนนี้ฉัน..."

ทำเครื่องประดับที่เพิ่มประสิทธิภาพของมานาในระดับเดียวกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นมา นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดเลย หากว่าเป็นไปด้วยดีก็อาจจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้เลยด้วย

"ฉันจะต้องเริ่มทำมันในทันที"

[ไปทำงานโดยที่ทิ้งผู้หญิงที่แบบแล้วคนนั้นเอาไว้ ชู่วว เป็นผู้ชายแบบนี้นี่เอง แถมนายท่านก็เพิ่งจะพูดคำหวานๆออกไปด้วยนี่น้า?]

"อึก"

["ฉันดีใจนะที่นายไม่ยอมรับอาชญากรรมนั่น"]

"อ๊ากกก"

[ฉันก็รักเธอ]

"ว๊ากกกกกกกกกกกก!!!"

ยูอิลฮานได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว จากคำล้อเลียนที่ไม่สิ้นสุดของมิสทิคทำให้ในที่สุดยูอิลฮานได้แต่ลงไปดิ้นอยู่กับพื้นคฤหาสน์ด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน! มิสทิคได้พูดออกมาอย่างพอใจที่ในที่สุดก็ได้เห็นภาพที่เธอต้องการแล้ว

[นายท่าน ท่านตัวเลอะหมดแล้วนะ ท่านน่าจะไปอาบน้ำใหม่กับผู้หญิงคนนั้นนะ]

[เป็นสิ่งก่อสร้างที่น่ากลัวอะไรแบบนี้...] (โอโรจิ)

โอโรจิก็เห็นใจในนายท่านของเขา แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขารู้ถึงความข้องใจของมิสทิคเป็นอย่างดี

แต่แล้วระหว่างที่ยูอิลฮานกลิ้งอยู่นั้นเอง อยู่ๆเขาก็เด้งตัวขึ้นมา เขารู้สึกได้ถึงละลอกมานาขนาดใหญ่และรู้ถึงความหมายนี้ในทันที

"อิลฮาน!"

ดูเหมือนเลียร่าก็จะรู้สึกได้เหมือนกัน เธอได้วิ่งออกจากห้องน้ำมาด้านนอกในทันที

"ดันเจี้ยน! นั่นมันดันเจี้ยนล่ะ!"

"ฉันรู้แล้ว ดันเจี้ยนที่มิลกับเด็กคนอื่นๆติดอยู่..."

ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้น่ะหรอ? หัวหน้าของดันเจี้ยนหายไปดังนั้นก็เป็นปกติที่ดันเจี้ยนก็จะหายไปด้วย!

มิลกับเด็กคนอื่นๆก็คงจะถูกปล่อยออกมาเพราะแบบนี้ แล้วก็ยังไม่ใช่แค่นั้น พวกปีศาจประหลาดก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกันด้วย

ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเรื่องดีที่ไม่มีมนุษย์คนอื่นอีกอยู่บนโลก แต่ว่าเขาก็ต้องรีบเคลื่อนไหวในตอนนี้เพื่อป้องกันเรื่องน่ารำคาญที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้

"อิลฮานไปกันเถอะ! ไปกันเร็ว!"

"ใช่ เราต้องรีบแล้ว! แต่ก่อนหน้านั้นนะเลียร่า"

ยูอิลฮานได้พูดออกมาอย่างเข้มงวดจริงจะ

"ไปหาอะไรมาใส่ก่อน"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด