ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0088 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0090 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0089 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ [เรื่องใหม่]

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 89 : วิถีหัวใจตะวันดารา

ฉินหยุนครอบครอบวิญญาณยุทธ์คู่ ดังนั้นเขาจึงสามารถฝึกฝนและก่อเกิดพลังธาตุได้สองแห่ง

ภายในพลังธาตุไฟสีทองม่วง ยังมีพลังธาตุสั่นไหวสีดำ ราวกับมันคือแก่นซึ่งเป็นหัวใจของพลังธาตุไฟ

ชั่วขณะนี้ หมอกสีขาวเริ่มลอยล่องที่พื้นผิวของพลังธาตุสีดำ

นี่คือสิ่งที่ฉินหยุนเพิ่งฝึกฝนได้

“สิ่งนี้คืออะไร? หรือจะเป็นพลังพิเศษ?”

เขาเพ่งจิตทำการตรวจสอบหมอกสีขาว

อย่างไม่คาดคิด หมอกสีขาวนั้นกลับพุ่งพรวดออกจากตันเถียนของเขาและเข้าสู่หัวใจทองคำ

จากนั้น ราวกับริบบิ้นสีขาวที่พลิ้วไหว หมอกสีขาวเริ่มทะยานขึ้นจากหน้าอกของเขา

คล้ายกับมันยืดยาวยิ่ง อย่างน้อยก็สิบเมตรเห็นจะได้

“การรับรู้ทางพลังจิตของเรายิ่งมายิ่งเด่นชัด กลุ่มก้อนแสงสีขาวนี้ทำให้การรับรู้ผ่านพลังจิตแข็งแกร่งขึ้น!”

ฉินหยุนลอบยินดีก่อนลองควบคุมลำแสงสีขาวนี้ทะลวงกำแพงหอคอยทัณฑ์สวรรค์ โดยทันที เขาสามารถหลบหนีออกมาได้!

ชั่วขณะที่ลำแสงหลุดลอยจากตัวเขา เขาคล้ายกับโผล่พ้นจากสถานที่สกปรกแห่งนั้น เขาได้รับรู้ทั้งอากาศสดชื่นของทั้งภูเขาและป่าไม้!

ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่ไม่ได้รู้สึกมานานหลายวันแล้ว!

กระทั่งฉินหยุนยังไม่เชื่อตัวเอง ว่านี่คือเคล็ดวิชาพลังภายใน หลังเข้าถึงขั้นสมบูรณ์แบบ มันกระทั่งเกิดขึ้นเป็นพลังปาฏิหาริย์

ขณะมองเส้นแสงสีขาว เขาตื่นเต้นยินดีรุนแรง “จำได้ว่า ในตำราบันทึกเอาไว้ ว่าเมื่อฝึกฝนมันจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ มันจะทำให้พลังภายในให้กำเนิดพลังจิตขึ้นใหม่... เป็นจิตวิญญาณต้นกำเนิด!”

“เมื่อฝึกฝนพลังภายในจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เมื่อนั้นจะสามารถก่อร่างวิญญาณขึ้น มันจะทำให้สามารถหลุดพ้นจากกายเนื้อ?”

กระทั่งว่าเป็นหยางฉีเย่ว์ที่เชี่ยวชาญการฝึกฝนเคล็ดวิชา นางก็ไม่เคยฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบมาก่อน ดังนั้นความรู้ความเข้าใจของนางจึงไม่ได้ลึกซึ้งถึงขั้นนั้น

จิตวิญญาณต้นกำเนิดสามารถทะลวงผ่านกำแพงหนาหนักยิ่ง มันสามารถดูดซับพลังเก้าตะวันจากภายนอกเข้ามาได้

ฉินหยุนครอบครองพลังธาตุถึงสอง ยิ่งมาลมหายใจของเขายิ่งหนักหน่วง ราวกับวัวชราที่ดื่มจนเมา เขายิ่งมายิ่งต้องการดูดซับและขัดเกลาพลังวิญญาณมากขึ้นและมากขึ้น

เขาไม่ได้ตื่นขึ้นจนกระทั่งถึงกลางดึก ตอนนี้ดวงตะวันทั้งเก้าไร้ซึ่งแสงแล้ว

“เมื่อใดที่เก้าตะวันพ้นขอบฟ้า พลังวิญญาณจะเบาบางลงทีละน้อย ต่อให้จิตวิญญาณต้นกำเนิดออกไปได้ มันก็ไม่สามารถดูดซับพลังวิญญาณจำนวนมากได้”

และขณะที่เขากำลังคิดพาจิตวิญญาณต้นกำเนิดถอย เขาพลันรู้สึกได้ถึงพลังประหลาด

“นี่มันอะไรกัน? เหมือนพลังนี้จะแตกต่างไปจากพลังวิญญาณของเก้าตะวัน! นี่ก็กลางดึกแล้ว หรือนี่จะเป็นพลังของดวงจันทร์? ไม่ถูกต้อง อาจารย์ก็มีวิญญาณยุทธ์จันทรา แต่พลังวิญญาณก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนี้!”

หลังส่ายศีรษะ เขาจึงค่อยมองหาความเป็นไปได้อื่น

พลังวิญญาณดวงดาว!

ยามค่ำคืนประกอบด้วยดวงดาวเต็มท้องฟ้า

แม้กลางวันก็มีดวงดาว แต่มันถูกแสงตะวันขวางกั้นเอาไว้ ดังนั้นจึงแทบไม่อาจมองเห็นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังวิญญาณจากดวงดาว

“วิชาที่ปรมาจารย์หลันเซียวสร้างขึ้น!” ฉินหยุนพลันนึกย้อนถึงคาถาประหลาดในเศษกระดาษ

มนต์ดวงดาว อารามตะวัน หัวใจเงียบสงบ ดวงดาววิญญาณควบแน่น!

“แสงดาว สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นห้วงสมาธิแห่งดวงดาว ขณะที่ดวงตะวันกำลังจ้องมอง มันกำลังจ้องมองอะไร? มองที่ดวงดาวหรือ? หรือจะเป็นดวงดาวที่มีอะไรเกี่ยวข้องกับดวงตะวัน? นี่สมควรเป็นพลังวิญญาณอีกประเภทหนึ่ง หัวใจเงียบสงบหมายถึงจิตที่หนักแน่น วิญญาณที่ควบแน่นเป็นหัวใจจะแปรเปลี่ยนเป็นดวงดาว วิญญาณที่ควบแน่นหัวใจจะกลายเป็นดวงดาว?”

เขารู้สึกราวกับกำลังทำความรู้และเข้าใจบางสิ่ง ทว่าคล้ายยังไม่อาจจับต้นชนปลาย

“ทำสมาธิ ดูดซับพลังของเก้าตะวันและดวงดาว คนผู้นั้นต้องมีจิตใจหนักแน่นเพื่อควบแน่นวิญญาณสู่ดวงดาว”

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาหลับลง และใช้จิตวิญญาณต้นกำเนิดเพื่อดูดซับพลังดวงดาว

“ขัดเกลาเก้าตะวัน ขัดเกลาดวงดาว! ในจักรวาลโกลาหลต้นกำเนิด เมื่อวิญญาณของดวงดาวสาดส่องโดยเก้าดวงตะวัน พวกมันจะเขาสู่ห้วงสมาธิและฝึกฝนวิญญาณของมันเอง มันจะควบแน่นวิญญาณดวงดาวเพื่อก่อเกิดเป็นดวงดาว!”

“แสงดาวสาดส่องออกจากดวงดาวเพื่อดูดซับพลังวิญญาณเก้าตะวัน และพลังวิญญาณบริสุทธิ์จะถูกขัดเกลาโดยตรงและดูดซับโดยพลังดวงดาวเพื่อขัดเกลาเป็นจิตวิญญาณ เมื่อนั้นพวกมันก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณของเก้าตะวันอีกต่อไป!”

ด้วยจิตวิญญาณต้นกำเนิด ฉินหยุนสามารถดูดซับพลังดวงดาว ยิ่งมาเขายิ่งเข้าใจและได้ยืนยันความคิด

“ขัดเกลากายตะวัน ขัดเกลาจิตวิญญาณดวงดาว และเปิดเผยซึ่งตะวันดวงดาว นี่คือวิถีหัวใจตะวันดารา! นี่เราตอนนี้กำลังฝึกฝนในส่วนของจิตวิญญาณดวงดาว และอีกส่วนก็คือ ขัดเกลากายตะวัน”

ฉินหยุนรู้สึกคล้ายจิตวิญญาณลุกโชนทั้งยังยินดี

ผู้คนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามถึงกับมอบวิชาพลังภายในเลิศล้ำเช่นนี้แก่เขา

ฉินหยุนยิ้มอยู่ภายในและกล่าว “บางทีอาจเป็นเพราะเวลาที่ผ่านไป ย้อนกลับไปตอนนั้น วิธีการที่ราชันยุทธ์หลันเซียวได้เขียนเคล็ดวิชายุทธ์ มันอาจแตกต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะแบบนั้นถึงได้ยากแก่การเข้าใจนัก”

“มันเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกฝนพลังภายในด้วยเคล็ดวิชานี้ เพราะต้องรู้และเข้าใจวิชาฝึกฝนพลังภายในจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ดังนั้นศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามจึงไม่อาจเข้าใจกระดาษสองแผ่นนี้ได้แม้เวลาผ่านมานานยิ่ง”

เขาไม่อาจเข้าใจเรื่องราวนอกเหนือจากนี้แล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่เขานึกออก

ด้วยถ้อยคำสั้นง่ายเช่นนี้ มันก็เข้าใจได้ง่ายเช่นนี้ ส่วนที่เหลือล้วนอยู่ที่ศักยภาพของผู้คน มีแต่ต้องพึ่งพาความรู้และเข้าใจของตนเองจึงสามารถเดินบนวิถียุทธ์แห่งเต๋าได้

ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงเดินไปในเส้นทางของวิถียุทธ์ที่แตกต่างกัน เพราะแบบนั้นถึงเกิดขึ้นเป็นวิชายุทธ์มากมายในช่วงหลายปีที่ผันผ่าน

หลังฝึกฝนช่วงกลางคืน พลังจิตของเขายิ่งมายิ่งเพิ่มขึ้นมหาศาล เขาเกือบสำเร็จวิถีวิญญาณแล้ว

ระหว่างช่วงกลางวัน เขาจะฝึกเคล็ดวิชาขัดเกลากายตะวัน มันใช้เวลานานยิ่งกว่าขัดเกลาจิตวิญญาณดวงดาว

“ดวงตะวันทั้งเก้าไม่เหมือนกัน มันคือความสามารถอันศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด เทพแห่งดวงตะวันจะเป็นวิญญาณลอยล่อง และความสามารถอันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะเข้าสู่ร่างกาย” เขาสับสนอย่างสมบูรณ์เมื่ออ่านและทำความเข้าใจ แม้จะไม่ใช่เรื่องยากฝึกฝนจิตวิญญาณดวงดาวในช่วงกลางคืน แต่มันก็ไม่มีทางให้เขาได้ไปต่อ

จนกระทั่งถึงตอนบ่าย เขาก็ยังไม่ได้รับอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงทำได้เพียงยอมปล่อยวางไปก่อน

“คงต้องปล่อยให้รู้และเข้าใจอย่างกะทันหันเองหลังผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็เหมือนอย่างเมื่อคืน เราต้องรอโอกาสนั้น” หลังฉินหยุนเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เขาจึงไม่คิดเบื่อหน่ายที่นี่อีก เขาวางเรื่องราวเอาไว้ก่อนและเริ่มฝึกฝนต่อ

ตอนนี้เขาสามารถเข้าใจขัดเกลาจิตวิญญาณดวงดาวแล้ว เพียงนั้นก็นับว่าเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่

เพียงพริบตา ฉินหยุนใช้เวลาถึงครึ่งเดือนในหอคอยทัณฑ์สวรรค์แห่งนี้ผ่านพ้นไป

ตั้งแต่ที่เข้าใจขัดเกลาจิตวิญญาณดวงดาว เขาก็ปล่อยจิตวิญญาณต้นกำเนิดออกไปทุกคืนเพื่อดูดซับพลังดวงดาวและใช้มันฝึกฝนพลังจิตมานานกว่าสิบวันแล้ว

ที่ท้องฟ้าเหนือหอคอยทัณฑ์สวรรค์ ดวงดาวได้ส่องประกายเป็นท้องทะเลบนฟ้า มันทั้งสงบและงดงาม

ภายในหอคอยทัณฑ์สวรรค์ ฉินหยุนไม่อาจเห็นทะเลดวงดาวกับตาตัวเอง ทว่า เขาก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความไร้สิ้นสุดและลึกลับของทะเลดวงดาวผ่านจิตวิญญาณต้นกำเนิด

ทุกครั้งที่เขารู้สึกถึงมัน จิตใจก็จะยิ่งเกิดความผันผวน

เป็นเพราะเขารู้สึกได้ว่าตนไร้ซึ่งความสำคัญ ราวกับฝุ่นควันยามเมื่ออยู่ต่อหน้าทะเลดวงดาว ราวกับหยดน้ำในมหาสมุทร มันเป็นความรู้สึกที่ไร้พลัง มันกำลังอัดแน่นภายในใจพร้อมให้กำเนิดความรู้สึกอ้างว้าง

เมื่อเกิดขึ้นเป็นอารมณ์ความรู้สึกนี้ เขาจะยิ่งมีจิตใจแกร่งดังเหล็กกล้า เขาสามารถยืนหยัดต่อการโจมตีที่มองไม่เห็น เขาจะยังดูดซับพลังวิญญาณจากดวงดาวต่อไป

ตั้งแต่ยังเด็ก เขาเคยมีประสบการณ์ความลำบากมากมาย เขาถูกปลูกฝังให้มีจิตใจที่มั่นคง และเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ว่าหากพยายามได้มากพอ เขาจะสามารถสะเทือนได้แม้แต่พระประสงค์แห่งสวรรค์!

ในกระดาษที่ยับ มันมีการกล่าวถึง “จิตอันสงบ”

นั่นเป็นเพราะเมื่อคนผู้หนึ่งฝึกฝน คนผู้นั้นจะสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงของทะเลดวงดาว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตั้งรับออร่าอันยิ่งใหญ่ที่มาจากทะเลดวงดาวโบราณ

“หัวใจก็เหมือนดวงดาว!” ฉินหยุนลืมตาขึ้น ดวงตานี้เป็นประกาย ราวกับมันคือดวงดาวที่สุกสว่างสองดวง!

ในที่สุดเขาก็ฝึกฝนวิถีวิญญาณได้สำเร็จ!

วิถีวิญญาณก็เปรียบดั่งธารน้ำดวงดาวที่เป็นประกายด้วยแสงดาว มันเชื่อมต่อกับหัวใจทองคำและดวงดาวเล็กจ้อยในสมอง

“จิตวิญญาณดวงดาว สำเร็จแล้ว!”

รอบด้านล้วนมืดสนิท แต่มันอยู่ภายใต้การครอบคลุมของพลังจิตอันกล้าแกร่งของเขา เขาสามารถสัมผัสได้แม้กระทั่งฝุ่นผงที่อยู่ทุกหัวมุม!

ไม่เพียงฉินหยุนฝึกฝนวิถีวิญญาณสำเร็จ เขายังสามารถใช้วิถีหัวใจตะวันดาราจากการตั้งจิตสู่ดวงดาว นี่หมายความถึงพลังจิตของเขาแข็งแกร่งเหนือล้ำยิ่งกว่าผู้อื่นอย่างมหาศาล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด