ตอนที่แล้วตอนที่ 332 การดำเนินการแอบแฝง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 334 หากเจ้าต้องการโลกใบนี้, ข้าจะเอามามอบให้เจ้า

ตอนที่ 333 ชีวิตและความตาย, ศัตรูอยู่ตรงหน้า


เฟิงหยูเฮงตกใจมากและหันไปคว้าแขนเจ้าของมือที่แตะไหล่นาง

แต่เมื่อนางยื่นแขนออกไป นางหยุดทันที จากนั้นนางก้จ้องมองคนตรงหน้าอย่างว่างเปล่าแล้วเอ่ยว่า “พี่เจ็ด” จากนั้นนางก็ถามว่า “ทำไมท่านถึงมาที่นี่เจ้าคะ ?”

คนที่มาจริงๆ แล้วก็คือองค์ชายเจ็ด, ซวนเทียนฮั่ว ในขณะที่เขายกนิ้วนิ้วชี้แล้วนำไปที่ริมฝีปากของเขาชี้ให้นางนิ่งเงียบ เขาดึงนางไปยังเส้นทางเล็ก ๆ ด้านข้าง หลังจากเลี้ยวซ้ายและขวานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาก็หยุด เขาชี้ไปข้างหน้าและพูดเบา ๆ “เข้าไปจากที่นี่ ตามเส้นทางเล็ก ๆ และเจ้าจะพบกับหิน หินประดับนั้นกลวง และห้องลับของพี่สามอยู่ข้างใน คนที่เจ้ากำลังตามหาอยู่ในนั้น”

เฟิงหยูเฮงยังคงสงสัย “พี่เจ็ด ทำไมท่านถึงมาที่นี่เจ้าคะ ?”

ซวนเทียนฮั่วกล่าว “ผู้คุ้มกันลับไม่สามารถติดตามเจ้าได้ เขาไม่กล้าไปพบหมิงเอ๋อ เขาจึงมาหาข้า”

เฟิงหยูเฮงขมวดคิ้วและนึกแช่งบานซูในใจ

“ถ้าเช่นนั้นท่านพี่… เห็นข้าเมื่อไหร่เจ้าค่ะ” เขาเห็นนางทันทีปรากฏตัวใช่หรือไม่ ?

“ช่วงเวลาที่ข้าเรียกเจ้าคือช่วงเวลาที่ข้าพบเจ้า” ซวนเทียนฮั่วยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขาพูดกับนาง “ข้าไม่แนะนำให้เข้าไปข้างใน หินมีกลไกมากมาย และมีทหารองครักษ์มากมายที่ดูแลอยู่ด้านนอก แม้ว่าเจ้าจะสามารถจัดการทหารองครักษ์ได้ทันที เมื่อเจ้ากดกลไกเพื่อเปิดประตู คนที่อยู่ข้างในจะค้นพบทันที นอกจากนั้นไม่มีทางเข้าอื่น”

เฟิงหยูเฮงขมวดคิ้วและไตร่ตรองมานานก่อนถาม “แล้วข้างในล่ะ? จะมีคนคอยดูแลอยู่ข้างในหรือไม่ ?”

ซวนเทียนฮั่วกล่าวว่า "ไม่มีคนอยู่ข้างใน พี่สามไม่เคยให้คนเข้าไปในห้องลับของเขา”

“ดี” นางพยักหน้าแล้วมองที่ซวนเทียนฮั่ว “พี่เจ็ด ท่านเชื่อในตัวข้าหรือไม่ ?”

เขาตกใจแล้วถามว่า “เจ้าต้องการที่จะเข้าไปด้วยตัวเองหรือ?”

“เจ้าค่ะ” เฟิงหยูเฮงมีความแน่วแน่อย่างยิ่ง “ถ้าพี่เจ็ดไม่สบายใจก็รอข้าที่นี่ เมื่อข้าทำธุระของข้าเสร็จแล้ว ข้าจะกลับมาที่นี่เพื่อพบท่าน”

ซวนเทียนฮั่วส่ายหัว “ไม่ได้”

เฟิงหยูเฮงกังวลเล็กน้อย เวลาผ่านไปนานมากแล้ว ถ้านางไม่ได้เข้าไปตอนนี้นางกลัวว่าพวกเขาจะออกมาหลังจากจบที่พูดคุยเสร็จ การที่นางมาที่นี่จะไร้ประโยชน์

ในขณะที่นางกำลังคิด นางก็คิดได้ และชี้ไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ดูนั่นสิเจ้าค่ะ”

ซวนเทียนฮั่วหันไปมองโดยไม่รู้ตัว แต่ทันทีที่เขาหันศีรษะ เขาก็รู้สึกเสียใจ เขาเอื้อมมือออกไปจับเฟิงหยูเฮง แต่นางก็ยังสามารถหลบหนีได้ เขาหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เด็กสาวตรงหน้าเขาก็หายตัวไป

เขารู้ว่าเฟิงหยูเฮงรู้จักศิลปะการต่อสู้ แม้กระนั้นเขาไม่รู้ว่าพลังภายในของนางจะดีพอที่จะทำให้นางหลงทางหรือไม่ เขามีนางอยู่ตรงหน้าเขา แต่มันก็ยังคงเป็นผลลัพธ์เดียวกัน

ซวนเทียนฮั่วเริ่มกังวล ในเวลาเดียวกันเขาเพิ่มความเร็วของเขาและวิ่งไปตามเส้นทางเล็ก ๆ

น่าเสียดายที่เขาพยายามอย่างที่สุดเพื่อตามหานาง แต่เขาก็ยังไม่พบร่องรอยของเฟิงหยูเฮง แต่ในเวลานี้เฟิงหยูเฮงใช้มิติของนางเพื่อเข้าไปในหิน นางจะเข้าไปในมิติของนางแทบทุกย่างก้าว ก้าวไปข้างหน้าทีละนิด นางไม่กล้าทำเสียงดังแม้แต่นิดเดียว ในความเป็นจริงนางไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ ในก้าวที่ 23 ของนาง ในที่สุดนางก็ได้ยินเสียงที่มาจากภายใน

“เขาเป็นเสนาบดีคนปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้ แต่เขาก็เป็นต้นแบบให้กับข้าราชสำนักทุกคน แม้ว่าบัณฑิตทุกคนจะเคารพสำนักศึกษาหยุนหลู่มากที่สุด แต่มีกี่คนที่สามารถเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหยุนหลู่ได้ อย่างไรก็ตามคนที่เหลือนั้นส่วนใหญ่นับถือเฟิงจินหยวน ในระหว่างการสอบจอหงวนในฤดูใบไม้ผลินี้ นักเรียนมากกว่าครึ่งจะกลายเป็นคนของเขา บอกข้าว่าเฟิงจินหยวนสำคัญกับองค์ชายผู้นี้หรือไม่?”

ในเวลานี้เสียงของซวนเทียนเย่ดูสงบ ทันทีที่ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ข้าแต่งเข้าตระกูลเฟิงแล้ว และจะทำให้แน่ใจได้ว่าเขาจะสนับสนุนพระองค์ต่อไป แต่ฝ่าบาทอย่าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับเฉียนโจว”

“องค์หญิงใหญ่ไม่ต้องกังวล เมื่อวันนั้นมาถึงข้าซวนเทียนเย่ขึ้นครองบัลลังก์ของฮ่องเต้ ข้าจะมอบสามมณฑลทางเหนือสุดให้กับเฉียนโจวอย่างแน่นอน”

“ดีมาก !” เสียงของคังอี้ชัดเจนขึ้นเล็กน้อย แต่นางก็เริ่มกล่าวเอะอะอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าราชวงศ์ต้าชุนของพระองค์จะมีคนที่ไม่มีเหตุผลอย่างองค์ชายหยู ! ในครั้งนี้เขารีดไถเงิน 5,000,000 เหรียญทองของข้า ถ้านี่คือเฉียนโจว เขาจะต้องถูกตัดศีรษะแน่นอน !”

“หืมม!” ซวนเทียนเย่พูดอย่างเฉยเมย “อารมณ์ของเขาไม่ได้เป็นผลมาจากการที่เสด็จพ่อทำลายเขา ! แต่การพูดก็เป็นเพราะเฉียนโจวของท่านไร้ความสามารถ ในเวลานั้นองค์ชายผู้นี้ใช้เวลาอย่างมากในการสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของกองทัพของเขา และข้าทุ่มเทอย่างมากเพื่อส่งเขาไปยังภาคตะวันตกเฉียงเหนือ แต่กลุ่มนักแม่นธนูของเฉียนโจวของท่านก็ทำได้แค่ทำลายขาและใบหน้าของเขาเท่านั้น เขายังไม่ตาย”

คังอี้รู้สึกผิดเล็กน้อย “ศัตรูเร็วมาก และที่นั่นเป็นดินแดนของราชวงศ์ต้าชุน กลุ่มนักแม่นธนูของเฉียนโจวที่ไปเป็นความลับ พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เช่นเดียวกับที่ทำได้ในเฉียนโจว ไม่ต้องพูดถึงการเข้าสู่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ หากไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือของเฟิงจินหยวนอย่างลับ ๆ และจัดเตรียมเอกสารให้ บางทีเราอาจไม่สามารถเข้าราชวงศ์ต้าชุนได้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องนี้มันช่างน่าเสียดายจริง ๆ หากองค์ชายหยูเสียชีวิตในภาคตะวันตกเฉียงเหนือจริง ๆ คงไม่มีปัญหามากมายขนาดนี้ หากองค์ชายหยูไร้อำนาจ องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันนั้นก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนเช่นกัน ในเมืองหลวงขนาดใหญ่เช่นนี้ องค์ชายเซียงจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุด”

เฟิงหยูเฮงไม่มีกะจิตกะใจที่จะฟังต่อไป เพียงไม่กี่คำก็เพียงพอที่จะทำให้เลือดของนางเดือด ความโกรธเกรี้ยวอยู่ในอกของนางขณะที่มันพุ่งทะยานราวกับทะเลที่มีพายุ และทำให้นางรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย

นางเคยสงสัยแล้วว่าซวนเทียนหมิงติดกับดักอยู่ในภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นผลมาจากการทรยศ และเฟิงจินหยวนไปทางเหนือเพื่อบรรเทาภัยพิบัตินั้นได้รับความช่วยเหลือจากศัตรูซึ่งก็พอจะเดาได้ แต่นางไม่เคยคิดว่านางจะได้ยินคำยืนยันอย่างชัดเจนในวันนี้

มือของนางเข้าไปในมิติของนางแล้วดึงเข็มยาชาออกมา อย่างไรก็ตามเมื่อนางคิดอีกครั้งนางใช้เหตุผลสุดท้ายของนาง

ถ้านางรีบฆ่าซวนเทียนเย่และคังอี้ นางเชื่อมั่นว่านางทำได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากการตายของพวกเขา ? หากองค์ชายสามและองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวเสียชีวิตโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ เฉียนโจวจะไม่ยอมนิ่งเฉยเป็นแน่

ในสี่อาณาจักรเล็ก ๆ เฉียนโจวและกูชูเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเพราะมีอากาศที่หนาวจัดและร้อนมาก แม่ทัพของราชวงศ์ต้าชุนขาดประสบการณ์ในการนำทัพภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากศัตรูไม่ยอมนิ่งเฉย สามมณฑลทางเหนือสุดของราชวงศ์ต้าชุนจะปกป้องได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพเจตจำนงค์ของสวรรค์ของนางยังไม่สำเร็จการฝึกอบรม ปัจจุบันกลุ่มนักแม่นธนูของเฉียนโจวเป็นภัยคุกคามที่ไม่น่าสนใจสำหรับราชวงศ์ต้าชุน

เมื่อคิดเช่นนี้เฟิงหยูเฮงวางเข็มที่นางถือไว้ในมือของนาง นางพยายามทำให้ตัวเองสงบลงมากที่สุดนางจึงเปลี่ยนใจในที่สุด เมื่อนางออกจากถ้ำที่ทำให้หายใจไม่ออก นางก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังซวนเทียนฮั่ว

ซวนเทียนฮั่วรู้สึกว่ามีใครบางคนเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังเขาในทันที หันกลับมาอย่างรวดเร็วเขาเห็นเฟิงหยูเฮงพร้อมใบหน้าซีดราวกับได้รับความหวาดกลัว เขาเอื้อมมือออกไปและช่วยประคองนางอย่างเงียบ ๆ แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมหน้าของเจ้าดูแย่มาก” ในขณะที่พูดสิ่งนี้เขามองไปทางด้านหลัง และไม่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ “อาเฮง !”

“พี่เจ็ด” ในที่สุดนางก็พูด แต่น้ำเสียงนางดูเหนื่อยมาก “ท่านไปส่งข้ากลับบ้านได้หรือไม่เจ้าคะ ?”

ซวนเทียนฮั่วขมวดคิ้วและต้องการพูดอีกครั้ง แต่เมื่อคำพูดที่มาถึงริมฝีปากของเขา เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ “ได้ ข้าจะไปส่งเจ้ากลับบ้าน”

เฟิงหยูเฮงไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะกลับคฤหาสน์อย่างไร นางรู้เพียงว่าซวนเทียนฮั่วจับตัวนางแน่นตลอดเวลา รีบวิ่งไปพร้อมกับการใช้พลังภายในข้ามกำแพง ในที่สุดเมื่อพวกเขาลงแตะพื้น พวกเขามาถึงกำแพงของเรือนภายในไม่ไกลจากทางเข้าหลักของตำหนักเซียง

ทันใดนั้นนางก็ได้สติกลับมา นางกระตุกแขนเสื้อของซวนเทียนฮั่วโดยกล่าวว่า“พี่เจ็ดรอสักครู่” หลังจากพูดแบบนี้นางเอื้อมมือไปที่แขนเสื้อของนาง และหยิบระเบิดเพลิงออกมา

ซวนเทียนหัวไม่เข้าใจว่าระเบิดเพลิงทำมาจากอะไร แต่เขาได้กลิ่นแปลก ๆ จากนั้นเขาเห็นเฟิงหยูเฮงเหวี่ยงพวกมันเข้าไปในตำหนักเซียง หลังจากโยนแล้ว นางก็กระตุกแขนเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะเจ้าค่ะ !”

ทั้งสองหนีกลับไปที่คฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลอย่างรวดเร็ว แม้ว่าซวนเทียนฮั่วจะรู้สึกว่าพฤติกรรมนี้กล้าเกินไป เมื่อเขาเห็นเฟิงหยูเฮงเปิดเผยรอยยิ้มหลังจากจุดไฟเผาตำหนักเซียง เขาก็รู้สึกว่าไฟนี้คุ้มค่ามาก

เขาไม่รู้ว่ามันเริ่มเมื่อไหร่ แต่ตราบใดที่เขาเห็นผู้หญิงคนนี้ยิ้มเขาก็รู้สึกพึงพอใจ

ซวนเทียนฮั่วออกไปหลังจากเห็นเฟิงหยูเฮงเข้าไปในคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล แม้กระนั้นเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่หญิงสาวคนนั้นเข้าไปในคฤหาสน์องค์หญิงแห่งมณฑล นางหันกลับทันทีและไปที่ทางเข้าเล็ก ๆ ที่เรือนศจี

ไม่มีใครรู้ว่าความเกลียดชังในหัวใจของเฟิงหยูเฮงนั้นถูกเผาไปพร้อมกับตำหนักเซียง !

ปรากฏว่ามีศัตรู 2 คนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เฟิง !

รูปร่างราวกับภูตผีที่ลอยอยู่ในเรือนหยูหลาน จากนั้นก็ลอยไปที่เตียงที่เฟิงจินหยวนและฮันชินอนอยู่ ผ้าม่านขยับ มีมือวางที่คอของเฟิงจินหยวน

อย่างไรก็ตามมือนี้หยุดห่างหนึ่งนิ้วจากเป้าหมาย

เสนาบดีเฟิงของราชสำนัก สำหรับขุนนางทุกคน ฮ่องเต้มีเหตุผลของตัวเองที่จะไม่ทำอะไรทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาร่วมมือกับซวนเทียนเย่ เฟิงจินหยวนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของราชสำนักมานาน 20 ปีแล้ว หากนางบีบคอเขาจนเสียชีวิตเพราะนางระงับอารมณ์ไม่ได้ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ยอมให้อภัยนาง

เฟิงหยูเฮงพูดซ้ำ ๆ กับตัวเองว่านางจะต้องใจเย็น หลังจากนั้นไม่นานนางก็ดึงมือนางกลับมา

เฟิงจินหยวนไม่สามารถฆ่าได้ คังอี้ไม่สามารถฆ่าได้ ซวนเทียนเย่นั้นไม่สามารถฆ่าได้ นางรู้ชัดเจนว่าใครเป็นศัตรู แต่นางไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ นางทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้อย่างไร

ปอดของเฟิงหยูเฮงกำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ !

เหมือนภูตผี นางออกจากเรือนหยูหลาน แต่นางไม่ได้กลับไปที่เรือนตงเซิง นางกลับออกจากคฤหาสน์แทน

บานซูปรากฏตัวต่อหน้านางทันทีคว้าแขนของนางถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณหนูจะไปไหนขอรับ ?” จากนั้นก่อนรอให้เฟิงหยูเฮงตอบเขา “ข้าจะจับแขนคุณหนูไว้เช่นนี้ อย่าคิดว่าจะวิ่งหนีไปได้”

เฟิงหยูเฮงมองไปที่เขา ขณะเดียวกันการจ้องมองนางทำให้บานซูสั่นและปล่อยมือไปโดยไม่รู้ตัว ตกใจเขาถามว่า “ข้า… ข้าจะไม่จับแขนคุณหนูแล้ว ทำไมจ้องมองข้าแบบนี้ด้วยขอรับ ?”

นางส่ายหัว และดึงบานซูว่า “ข้าไม่จ้องมองเจ้า และข้าก็ไม่อยากวิ่งหนีอีกครั้ง มีบางสิ่งที่ข้าสงสัยแต่ตอนนี้ข้าเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว อย่างไรก็ตามข้าพบว่าแม้ว่าข้าจะรู้เรื่องนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าเคยรู้สึกแบบนี้หรือไม่ มีคนเอาตัวเจ้าไปพร้อมมีดที่เกือบจะฆ่าเจ้า ตอนนี้เจ้าอยู่ตรงหน้าพวกเขา แต่เจ้าไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ บานซูไปตำหนักหยูกับข้า ไปหาซวนเทียนหมิงกันเถอะ ให้เขาต่อสู้กับข้า ไม่งั้นข้าจะอกแตกตายแล้ว”

เมื่อได้ยินว่านางต้องการไปที่ตำหนักหยู ในที่สุดบานซูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โดยไม่พูดอะไรอีก เขาคว้าแขนของเฟิงหยูเฮงและเริ่มเคลื่อนไหวด้วยพลังภายใน

ระหว่างทางพวกเขาผ่านสี่แยกที่นำไปสู่ตำหนักเซียง เห็นแสงสว่างจากเปลวไฟและผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนเปล่งเสียงดังว่า “เอาน้ำมา” ริมฝีปากของเขาขดเป็นรอยยิ้ม ขณะที่เขาก้มศีรษะลงถามนาง “คุณหนูเป็นคนทำใช่หรือไม่ขอรับ ?”

เฟิงหยูเฮงตะโกนอย่างเย็นชา “นี่มันแค่ส่วนหนึ่งของตำหนักเท่านั้น บานซูจำคำที่ข้าพูดวันนี้ให้ดี ไม่ช้าก็เร็วข้าจะเผาตำหนักเซียงทั้งหมด! ส่วนซวนเทียนเย่นั้น ข้าจะจับเขาบนภูเขาแล้วเปลี่ยนเขาให้เป็นเม่นด้วยลูกธนู !”

บานซูรู้สึกถึงความเย็นชาที่มาจากคำพูดของเฟิงหยูเฮง ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกว่าสองสิ่งที่นางพูดถึงอาจเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ราวกับว่าเขาได้เห็นฉากของซวนเทียนเย่ถูกแทงด้วยลูกธนูในภูเขา มันเป็นความสุขและบรรเทาความแค้นอย่างแท้จริง

ทั้งสองทะยานข้ามกำแพงและเข้าไปในตำหนักหยู บานซูไม่ได้หลีกเลี่ยงอะไรเลย เมื่อเข้าสู่ตำหนักหยูพวกเขาลงที่กลางลาน ในเวลาเดียวกันองครักษ์เงานับไม่ถ้วนก็ออกมา และล้อมรอบพวกเขาไว้

เฟิงหยูเฮงถอนหายใจ นี่คือการป้องกันที่เหมาะสม และเพียงแค่นี้อาจถือได้ว่าเป็นตำหนักที่แสดงพลังของมัน

“นี่พระชายาหยู” บานซูพูดเพียงไม่กี่คำ แต่ทุกคนเห็นเฟิงหยูเฮง ครู่หนึ่งพวกเขาตกใจก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไปในเงามืดพร้อมเสียงที่พูดว่า “พระชายาสามารถเข้าไปตำหนักหยูได้ตลอดเวลา !”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด